สวัสดีครับ ทริปนี้เราจะมารีวิว เที่ยว วังเวียง หรือกุ้ยหลินของประเทศลาว เราจะมาเเนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ,ที่พัก ,การเดินทางท่องเที่ยว เที่ยววังเวียง (สปป.ลาว) กับสถานที่ที่เพจเราได้ไปเที่ยวมา 3วัน3คืน เดินทางโดยรถไฟทั้งไปเเละกลับด้วยงบเพียง 6,990 บาท #โดยเดินทางเที่ยวในสไตล์บ้านๆ 

➡️ #หัวลำโพง ที่นี่อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆคน เเต่ที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆ คนเช่นกัน เราชอบเริ่มต้นเดินทางที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นส่วนใหญ่ เพราะหัวลำโพงมีห้องรับรองผู้โดยสารขนาดใหญ่ติดเเอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ มีร้านหนังสือ มีศูนย์อาหารให้กินฆ่าเวลาระหว่างรอรถไฟเข้าเทียบชานชลา ใกล้ๆก็ยังมีเซเว่นอีกด้วยน
โดยการเดินทางไป เที่ยวหนองคาย นั้นมีหลายทางเลือกไม่ว่าจะเป็น รถส่วนตัว รถทัวร์ เครื่องบิน เเละรถไฟ แต่รอบนี้เราจะแนะนำเดินทางโดยรถไฟกันครับ โดยรถไฟไปอุบลจะมีวิ่งไป-กลับวันละ 8 ขบวน โดยจะแบ่งเป็น รถเร็ว,รถด่วน,รถด่วนพิเศษ มีเวลาเดินทางจากกรุงเทพตามนี้เลย

➡️08.20น. ออกกรุงเทพ 17.45น.ถึงหนองคาย
🚩รถด่วน(ดีเซลราง) ขบวนที่ 75 เป็นรถนั่งชั้น3 เเละรถนั่งชั้น2ปรับอากาศเบาะปรับเอนได้ เน้นจอดเฉพาะสถานีอำเภอใหญ่ๆเเละสถานีจังหวัดเท่านั้น (วิ่ง 9ชั่วโมง25นาที )
☑️เหมาะสำหรับเน้นการเดินทางใช้เวลาไม่นานเเละเห็นวิวตลอดเส้นทาง
_____________________________________
➡️18.35น. ออกกรุงเทพ 04.15น.ถึงหนองคาย
🚩รถด่วน(ดีเซลราง) ขบวนที่ 77 เป็นรถนั่งชั้น3 เเละรถนั่งชั้น2ปรับอากาศเบาะปรับเอนได้ เน้นจอดเฉพาะสถานีอำเภอใหญ่ๆและสถานีจังหวัดเท่านั้น (วิ่ง 9ชั่วโมง40นาที )
☑️เหมาะสำหรับเน้นการเดินทางใช้เวลาไม่นาน
_____________________________________
➡️20.00น.ออกกรุงเทพ 06.45น.ถึงหนองคาย
🚩รถด่วนพิเศษอีสานมรรคา(CNR)ขบวนที่ 25 เป็นรถนั่งและนอนแอร์ชั้น2 -รถนอนแอร์ชั้น1เท่านั่น ในชุดรถจะมีตู้สำหรับสตรี,ตู้สำหรับคนพิการ,ตู้เสบียงปรับอากาศ เน้นจอดเฉพาะสถานีสำคัญๆ เท่านั้น (ใช้เวลา10ชั่วโมง45นาที)
☑️เหมาะสำหรับการเดินทางที่เน้นความหรูหราสะดวกสบาย
_____________________________________
➡️20.45น.ออกกรุงเทพ 08.35น. ถึงหนองคาย
🚩รถเร็วขบวนที่ 1.. เป็นรถนั่งพัดลมชั้น3 – รถนั่งพัดลมชั้น2(เบาะปรับเอน) เน้นจอดเกือบทุกสถานี (ใช้เวลา11ชั่วโมง 50 นาที)
☑️เหมาะสำหรับเน้นการเดินทางซึบซับบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบเเละประหยัด
**▶️ปัจจุบันสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้90วัน สอบถามเพิ่มเติมที่เบอร์สายด่วนการรถไฟ 1690

เอาละเข้าเรื่องกันดีกว่า ทริปนี้เราเดินทางกันด้วย รถด่วนพิเศษอีสานมรรคา(CNR) ขบวนที่ 25 ต้นทาง กรุงเทพ ปลายทางหนองคาย รอบ20.00น.
➡️รถไฟที่เราใช้เดินทางเป็นรถไฟขบวนใหม่ล่าสุดของไทยกันก่อนนะครับ บนรถไฟจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพราะเป็นชุดรถใหม่ CNR ไม่ว่าจะเป็น ปลักไฟ,ไฟอ่านหนังสือที่ปรับได้3ระดับ,จอมอนิเตอร์เเสดงผลการเดินทางของขบวนรถว่าขบวนรถถึงสถานีไหน เสียเวลาไหม ,ห้องน้ำมีคนเข้าไหม,ภูมิอากาศนอกขบวนรถเท่าไหร่ ในขบวนรถเท่าไหร่ พอถึงเวลา 21.00น.พนักงานประจำรถเริ่มปรับจากเบาะนั่งเป็นเตียงนอน อ่อ !! อยากบอกว่าแอร์เย็นมากเลยนะ เเต่ผ้าห่มก็เอาอยู่ ^^

🚩 Day 1 รถไฟถึงสถานีหนองคายในเวลา 07.15 ช้ากว่าเวลาเดิมนิดหน่อย เอาน่าถือซะว่าได้นั่งรถเเอร์หรูๆดูวิวสวยๆเป็นของเเถม ^^ เราก็รอเวลารถตู้ที่ติดต่อล่วงหน้าไว้มารับในเวลา 08.00น. เพื่อข้ามด่านไปฝั่งของประเทศลาวกันครับ

➡️รถตู้มารับเราจากสถานีรถไฟหนองคาย เพื่อข้ามไปยังฝั่งของประเทศลาว (เเนะนำให้ปิดโรมมิ่งเครื่องข่ายมือถือด้วยน๊าาา เดี๋ยวจะเสียค่ารายเดือนเยอะโดยใช่เหตุ) รถตู้จะขับพาเราข้ามสะพานมิตรภาพไืทย-ลาว บนสะพานเราจะเห็นทางรถไฟอยู่กึ่งกลางถนน รางรถไฟเส้นนี้คือทางรถไฟระหว่างประเทศ "หนองคาย-ท่านาเเล้ง (สปป.ลาว) เมื่อรถตู้ข้ามมายังฝั่งลาวเเล้ว เราต้องทำการลงขากรถเพื่อกรอบใบผ่านเเดน เเต่สำหรับคนที่มี Passport สามารถขอใบ ตม. กับเจ้าหน้าที่เสื้อสีฟ้าได้เลย แล้วกรอกข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนเข้าด่าน ตม. สำหรับคนที่ไม่มี Passport ให้ไปติดต่อที่ข้างตู้ ATM TMB มีคนรับทำใบผ่านแดน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เข้าด่าน ตม. ฝั่งไทย คนที่ข้ามแดนด้วย Passport กับคนที่ใช้ใบผ่านแดนจะเข้าคนละช่อง ให้สังเกตให้ดีก่อนต่อแถว ด้วยน๊าาาาา



➡️พอทำเรื่องข้ามเเดนเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทาเเลกเงินสกุลกีบ (ค่าเงินของประเทศลาว) ค่าเงิน ณ.วันเดินทาง 1 บาท = 267 กีบ เราเเลกไป 2000 บาทไทย ก็ได้เงินกีบมา 534,000 กีบ เห้ยยย พกเงินเเสนเที่ยวประเทศลาว ^^ เเลกเงินเสร็จเราก็ได้รับเเจกซิมประเทศลาวให้กับสมาชิกคนละ1ซิม เป็น internet เเบบ 5GB ใข้ได้3วัน (ค่าเสียหายสมัครเเพ็คเก็ตเน็ต 10000กีบ คิดง่ายๆเอา 10000 กีบ หารด้วย 250 บาทไทย ) เสร็จเเล้วขึ้นรถตู้นำเที่ยวของฝั่งประเทศลาวที่ติดต่อไว้ล่วงหน้าไว้เเล้ว โดยรถตู้จะพาเที่ยวที่วังเวียงตลอดทริปครับ ณ.ตอนนี้เราเดินทางเข้าสู่วังเวียงเเบบเต็มตัวเเล้วครั


➡️15.30 น.เราถึงวังเวียง เราใช้เวลาเดินทางจากด่านตรวจคนเข้าเมืองจนถึงวังเวียงประมาณ4ชั่วโมง เนื่องจากทางกำลังปรับปรุงเเละถนนยังผ่านเส้นทางสร้างทางรถไฟความเร็มสูง ลาว-จีน ด้วย เลยทำให้ไม่สามารถใข้ความเร็วในการขับได้เต็มที่ เเต่อยากบอกว่าระหว่างทางของเส้นทางไปวังเวียงโค้งจะเยอะม๊ากกกก ใครเมารถกินยาเเก้เมารถไว้ก่อนเลย เราเตือนเเล้วนะ อิอิ เเต่ถึงโค้งจะเยอะวิวสองข้างทางก็สวยเยอะไม่เเพ้กันนะ





🚩จุดเที่ยวจุดเเรกของเราคือ สะพานส้มครับ สะพานส้มสะพานที่ทอดตัวยาวสู่ ถ้ำจัง ของวังเวียง เป็นสะพานสีส้ม สดใส แน่นอนว่า ตรงจุดนี้เอง กลายเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปมาเช็คอินเมื่อมาถึงวังเวียงไปซะแล้วครับ เพราะวิวของเเม่น้ำซองเเละวิวด้านหลังที่สวยงาม ประกอบกับตัวสะพานที่เป็นสะพานแขวน ทำให้ได้บรรยากาศของการผจญภัยสุดๆเลยละ




🚩ถ้ำจัง เป็นจุดเที่ยวจุดที่2ของวันนี้ ถ้ำจังเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวังเวียง ตั้งอยู่ห่างจากเมืองวังเวียงประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ก่อนจะเดินทางขึ้นถ้ำจัง นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำซอง หรือ ที่เรียกกันว่าสะพานส้มที่เราเพิ่งข้ามมานั่นเองครับ
สำหรับการเดินทางขึ้นไปที่ถ้ำจังนั้น จะต้องเดินขึ้นบันได 147 ขั้น เป็นทางลาดชัน เพราะฉะนั้นจึงควรฟิตร่างกายมาสักหน่อยก่อนมาเที่ยว ภายในถ้ำจะได้สัมผัสกับหินงอกหินย้อยต่างๆ ที่สวยงาม และจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำซอง กับทุ่งนาสีเขียวของเมืองวังเวียงได้ ค่าเข้าชม ชาวต่างชาติคนละ 15,000 กีบ เงินไทยก็ตกราวๆ 60 บาทครับ


➡️ภายในถ้ำจัง สัมผัสเเรกคือ เฮ้ย !! เย็นวะ ใช่อากาศภายในถ้ำจะเย็นเเบบรู้สึกได้ ด้านในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยให้เราจินตนาการเป็นรูปต่างๆ เเละมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยูาภายใน เเละยังมีทางเดินออกไปยังจุดชมวิวของถ้ำด้วยนะ ส่วนทางเดินมีการประดับไฟเพื่อส่องสว่าง เเละมีการประดับไฟสีในบางจุดเพื่อความสวยงาม

➡️หลังจากเที่ยวเสร็จเเล้ว เราก็เช็คอินเพื่อเข้าพักที่โรงเเรม "มาลานี 1" โรงเเรมนี้อยู่ใจกลางของสถานที่เที่ยวของวังเวียงเลยครับ ๆม่ว่าจะเป็น ซากุระบาร์ ,ถนนคนเดิน ,หลวงพระบางเบอร์เกอร์รี่ , ร้านอาหาร ,ร้านนวด ต่างๆ เรียกว่ามาพักที่เดียวเดินเที่ยวได้ทั่งทั้งคืนเลยละ

➡️กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ในเมื่อเดินทางมาเหนื่อยๆ เที่ยวมาเหนื่อยๆ ก็ต้องกินอาหารเอาเเรงกันสักหน่อย เรากินอาหารเเบบตามสั่งในเเบบฉบับรสชาติของคนลาวครับ เราว่าอร่อยดีนะ รสชาติคล้ายๆของไทย เเต่ที่โดนเราสุดๆคือส้มตำ รสชาติที่นี่เค้าเด็ดจริงๆ


➡️กินเสร็จก็ต้องมาที่นี่ เเท้น เเท่น ถนนคนเดินวังเวียงไม่วังเวงนะจ๊ะ เพราะถนนคนเดินที่นี่้เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเลือกซื้อกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า ของฝาก โดยเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะคึกคักเป็นพิเศษ ดูๆไปก็คล้ายๆเปิดท้ายบ้านเรานี่เเหละ เเต่มันได้กินอายของตลาดเปิดท้ายต่างประเทศไง






➡️จุดรวมพลของนักท่องเที่ยวต้องที่นี่ หลวงพระบางเบเกอร์รี่ เป็นร้านนั่งกิน นั่งดื่มเเบบชิลๆ มีขนมปัง เบอร์เกอร์รี่รสชาติต่างๆให้เบือกซื้อเลือกกิน เเละยังมีน้ำผลไม้ปั่นต่างๆ ให้เราได้เลือกกินด้วยนะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมมานั่งคุย นั่งฟังเพลงเพลินๆ นั่งเล่นกันที่ร้านนี้เเหละ
..... @ Laung Prabang Bakery ร้านเบเกอรี่เจ้าดังจากหลวงพระบางที่มีสาขาในวังเวียง ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00 - 22.00 น. ตัวร้านตั้งอยู่บนถนน Kangmuong สังเกตหัวมุมถนนจะมีร้าน k-mart สามารถมานั่งพักชิลๆ ได้ ตัวร้านกว้างขวาง บรรยากาศน่านั่งทีเดียว
.......เบเกอรี่ของที่นี่ชิ้นใหญ่และรสชาติดี ราคาถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของประเทศลาว แต่ถ้าเราคำนวณกับร้านเบเกอรี่ดีๆ ในไทยราคาถือว่าพอกัน พนักงานบอกว่าบอกว่าขนมขายดีคือชินนามอนปัง ซึ่งพอได้ชิมก็อร่อยจริงๆ ชิ้นใหญ่มาก ราคาจ่ายด้วยเงินไทยอยู่ที่ 90 บาท (ราคา 22,000 กีบ) กินคู่กับกาแฟหรือน้ำปั่นผลไม้ก็นับว่าไม่เลวเลย

➡️ว่ากันว่าที่นี่คือจุดที่สนุกที่สุดในยามค่ำคืนของวังเวียง ว่ากันว่า... ที่นี่คือสถานที่ที่สนุกที่สุดในวังเวียง ที่ Sakura Bar คุณจะได้สนุกสนานไปกับไนท์ไลฟ์ในวังเวียงกับ ดนตรี EDM ไฟสลัว ฟลอร์เต้นรำ และเครื่องดื่มราคามิตรภาพ รวมไปถึงเพื่อนนักท่องเที่ยวจากชาติต่างๆ โดยที่นี่แบ่งเป็นโซนด้านนอกและด้านใน โดยด้านนอกจะมีโต๊ะยาวๆ 3 ตัวตั้งเรียงกัน เหมาะสำหรับคนที่มาเป็นแก๊งใหญ่ กำแพงด้านหลังมีไฟนีออนและกราฟฟิตี้เพ้นท์ทับไว้ ให้บรรยากาศสตรีทนิดๆ ส่วนด้านในไฮท์ไลท์คือโซนตรงกลางที่มีเวทียกระดับเหนือพื้น ให้คนมาเต้นจอยกันได้ ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก แถมยังได้ดีเจอิมพอร์ตมาจากเมืองนอก สีสันและความอึกทึกของ Sakura Bar จะทำให้คุณลืมไปชั่วขณะเลยว่ายังอยู่ในวังเวียงที่แสนเงียบสงบ หลายๆคนที่มาเที่ยววังเวียง สักครั้งหนึ่งก็ต้องมาลิ้มลอง เบียร์ ที่ซากุระบาร์ โดยจุดเด่นของที่นี่คือช่วงเวลา 20.00-21.00น.ของทุกวัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเเวะเข้ามาชิมมาลิ้มลองเหล้าฟรีได้ โดยสามารถสั่งให้ผสมกับเครื่องดื่มรถชาติต่างๆได้ เมืื่่่อกินเเล้วเราจะเดินออกมาก็ทำได้ หรือใครติดลมจะนั่งกินต่อก็ได้เเต่หลัง 21.00 น.จะต้องเสียค่าเหล้าเเล้วนะครับ ราคาตีเป็นเงินไทยถือว่าเเพงอยู่ ตกขวดละ 1200 บาท หากใครไม่กินเหล้าก็สามารถนั่งคุยชิลๆที่ด้านหลังของร้านได้ครับ แอดไปทั้งทีมีหรือที่จะพลาดของฟรี อิอิ

🚩Day 2
.....เราตื่นกันเเต่เช้า ตี 5 กันเลยเพื่อเดินทางไปปีนเขาเพื่อขึ้นไปจุดชมวิว "ผาเงิน" สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปีนเขา พลาดไม่ได้กับการขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบน ‘ผาเงิน’ จุดชมวิวผาเงินตั้งอยู่ระหว่างทางไปบลูลากูน 1 (ถ้ำปูคำ) ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินที่นักท่องเที่ยวสายลุยต้องมาแวะให้ได้ และด้วยระยะทางกว่า 650 เมตร บ่อยครั้งที่ยอดเขาของที่นี่อยู่เหนือระดับความสูงของเมฆ นอกจากตะวันยามเช้าแล้ว เราจึงเห็นทะเลหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณได้ด้วยเช่นกัน ถือเป็นโบนัสของคนตื่นเช้าที่ยอมลำบากปีนมาถึงข้างบนนี้ เพื่อให้ทันดูเเสงเเรกขอวันไปฟินกับทะเลหมอก การไปปีนผาเงินเราขอเเนะนำว่าให้สำรวจสุขภาพของตัวเองก่อนว่าไหวไหม ใครที่เป็นโรคหืบหอบ โรคหัวใจ หรือความดัน ไม่เเนะนำให้ขึ้นไปนะครับ การขึ้นผาเงินนั้นจะต้องใช้เเรงขาค่อนข้างมากเพราะทางขึ้นจะมีเเต่โขดหินเเละเป็นทางชันตลอดเส้นทาง ระหว่างทางจะมีที่พักให้ มีลวดสลิงให้จับ ให้เปรียบเทียบกับไทยก็น้องๆ เขาล้อมหมวก จใประจวบคีรีขันธ์เลยครับ ซึ่งเราต้องเสียค่าเข้า 10,000 กีบ (40 บาท)
......เราถึงผาเงินในเวลา 05.30 น.เราเดินขึ้นโดยใข้ไฟฉายจากมือถือในการนำทาง ใช้เวลาขึ้นประมาณ 30 นาที เมื่อขึ้นมาถึงก็เเทบหายเหนื่อยเมื่อเห็นวิวด้านบน เราสามารถมองเห็นตัววังเวียงได้ไกลสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว

➡️หลังจากกลับจากการปีนผาเงินเเล้ว เราก็เตรียมตัวไปผจญภัยกับ กิจกรรม one day trip กันครับ โดยเราต้องนั่งรถสองเเถว โดยช่วงที่เราไปกำลังมีการทำถนนเเละเส้นทางรถไฟ จีน-ลาวพอดีฝุ่นเลยเยอะสักนิดนึง การไป One Day Trip เราจะต้องมีเะสื้อสำหรับเปลี่ยนไป1ชุด เเละใส่เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเปียกโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เราจะเปียกกันทั้งวัน อิอิ

➡️เราเริ่ม one day trip กันที่ ถ้ำช้าง ถ้ำเเห่งนี้เป็นถ้ำเเห้งนะครับ โดยถ้ำช้าง เป็นอีกถ้ำที่มีธรรมชาติที่สวยงาม และมีความน่าอัศจรรย์ที่หินงอกหินย้อยในถ้ำ มีลักษณะเป็นรูปช้างอย่างชัดเจน ชาวบ้านจึงเรียกว่า ถ้ำช้าง นั่นเอง ถ้ำเเห่งนี้ตั้งอยู่ที่ บ้านนาดาว เป็นถ้ำเล็กๆ ภายในมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาท ที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวบ้านในวังเวีย

➡️จุดที่2 ของกิจกรรม One day trip คือถ้ำลอด (ถ้ำน้ำ) เป็นการนั่งห่วงยางเเล้วสาวเชือกเข้าไปในถ้ำ เเต่การที่เราจะไปถ้ำลอดนั้นเราจะต้องเดินผ่านหมู่บ้าน ผ่านทุงนาของขาวบ้านซึ่งบอกเลยว่าเเต่ละจุดที่ผ่านมันได้ฟิวบรรยากาศบ้านๆ เช่นผ่านหมู่บ้านก็จะเห็นวิถีชาวบ้านของคนที่วังเวียง เดินผ่านทุ่งนาก็ได้เสพวิวทิวทัศน์ที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง ถ้าได้ลองมาสัมผัสด้วยตังเองจะรู้ว่ามันฟินสุดๆไปเลยละ

➡️เดินจากถ้ำช้างผ่านทุ่งนามาประมาณ 2กิโล เราก็จะเจอไกด์ ไกด์จะคอยเเนะนำต่างๆเกี่ยวกับการเข้าถ้ำน้ำ เเละเเจกเสื้อชูชีพให้นักท่องเที่ยว


🚩ถ้ำน้ำ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองวังเวียงมาก และเป็นที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวมักจะไปเล่นห่วงยาง Tubing โดยการนั่งบนห่วงยาง แล้วจับเชือกค่อยๆสาวเชือกเพื่อดึงตัวเราไปในถ้ำ เป็นอะไรที่แอดเวนเจอร์อีกแบบ โดยการเข้าไปนั้นจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยอำนวยความสะดวก ให้ตลอดทาง

......ภายในถ้ำจะมืดมาก โดยไกด์จะมีไฟฉายเเบบคาดหัวให้นักท่องเที่ยวคนละ1อัน เมื่อเข้าไปในถ้ำก็จะมีหินงอกหินย้อยให้ได้ชม เหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวแนวๆ ธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการล่องเข้าไปในถ้ำ และต้องเกาะเชือกดึงไปเรื่อยๆ สำหรับด้านนอกก็สามารถเล่นน้ำได้ตามปกติ


➡️กิจกรรมที่3 ของ One day trip "พายเรือคะยัค" ล่องแม่น้ำซอง อีกหนึ่งกิจกรรมมันส์ๆ ที่ต้องไปทำเมื่อไปถึงวังเวียง เมื่อเรามาถึงจุดปล่อยตัว ไกด์จะคอยเเนะนำ สอนวิธีการพายเรือให้ ถ้าใครพายไม่เป็นจะมีไกด์คอยพายให้ครับ โดยเรือ1ลำจะนั่งได้นักท่องเที่ยว2 คน เเละไกด์1คน รวมเป็น3 คน หรือใครพายเรือเป็นอยากจะพายเองก็สามารถทำได้ครับ โดยระยะทางจากจุดปล่อยตัวเราจะต้องพายเรือกันประมาณ 7-8 กิโลเมตรครับ ตัวเเอดมินเองก็เพิ่งจะเคยพายเรือครั้งเเรกก็ที่วังเวียงนี่เเหละครับ


ระหว่างทางที่เราพายเรือมาก็จะมีโขดหินเราต้องคอยพายหลดก้อนหิน โหดหินตามไกด์ครับ เราอยากจะบอกว่าบรรยากาศสองข้างทางที่แม่น้ำซองสวยจริง ๆ ครับ เป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ มีป่า มีลำธารเล็ก ๆ น้อย บางจุดจะมีบาร์น้ำตั้งอยู่2 ข้างทาง เปิดเพลงมันส์ ให้นักท่องเที่ยวนั่งกินนั่งดื่มกันริมน้ำ ส่วนเเอดมินพายเรือไปดูสองข้างทางไปยัฝเป็นอะไรที่เพลินมากเลย ^^ ระหว่างที่เราพายเรืออยู่เราก็จะเจอนักท่องเที่ยวบางกลุ่มนั่งห่วงยางลอยไปมา หรือจะเป็นการพายเรือไป สาดน้ำกันไปก็สนุกไปอีกเเบบโดยน้ำที่เเม่น้ำซองไม่ได้ลึกมากครับ บางจุดจะตื้นเพียวเเค่ระดับเอวเท่านั้น เเอดมินใช้เวลาพายเรือประมาณ 1ชั่วโมงนิดๆครับ เนื่องจากบางจุดพายง่ายเรือไปตามกระเเสน้ำ

🚩กิจกรรม One day trip จุดที่4 เล่นน้ำที่บลูลากูน 1=ที่เที่ยวที่มาถึงวังเวียง แล้วพลาดไม่ได้ก็คือ ที่นี่เลย บลู ลากูน (Blue Lagoon) คือสระน้ำสวยใสสีฟ้าราวกับคริสตัน เป็นสระน้ำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปดำผุดดำว่าย เล่นน้ำได้อย่างสบายใจ มุมไฮไลท์คือ ชิงช้าเชือกที่อยู่ด้านข้างของ บลู ลากูน ที่เราสามารถปีนขึ้นไปนั่งสวยๆ เล่นน้ำได้อีกด้วย ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวทั่งคนลาว เเละชาวต่างชาติมากระโดดน้ำ มานั่งชิวกันที่นี่เยอะมากกก เราเเนะนำว่าให้ใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับ เพราะน้ำในบลูลากูนจะเย็นกว่าที่คิดไว้ม๊ากกกก !! เพราะเป็นน้ำที่ไหลมาจากถ้ำก็คือถ้ำปู่คำนั่นเอง บริเวณรอบๆจะมีร้านอาหาร สำหรับใครที่เล่นน้ำเหนื่อยๆมาก็หาซื้ออะไรกินเติมพลังได้

นอกจากการกระโดดน้ำเเล้ว ที่บลูลากูนยังมีกิจกรรมที่นักผจญภัยชอบมากๆคือ การเล่น Zip Line

Zip Line ที่บลูลากูน 1 โดยที่นี่จะมีสถานีทั้งสิ้น 12 สถานีด้วยกัน รวมระยะทาง 1 กิโลเมตร เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง เพราะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด รวมไปถึงสายสลิงที่เป็นแบบคู่ซึ่งให้ความปลอดภัยที่มากกว่า ผู้ที่จะเล่นต้องสวมอุปกรณ์เซฟตี้ให้เรียบร้อยก่อนขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นหมวก ถุงมือ ที่รัดสลิง ซึ่งทางผู้ให้บริการเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ราคาอยู่ที่ 150,000 กีบต่อคน (แต่ถ้าจ่ายด้วยเงินบาท จะสนนราคาอยู่ที่ 650 บาท ซึ่งเทียบแล้วจ่ายเป็นกีบถูกกว่าครับ)


หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน มื้อค่ำมันต้องซัด หมา กระทุ เอ้ย !! หมูกระทะเเบบเป็นเเก๊งค์ถึงจะอร่อย

🚩Day 3
......เราเดินทางออกจากวังเวียงช่วงสายๆเพื่อเดินทางเข้าสู่เวียงจันทน์เพื่อข้ามเเดนกลับประเทศไทยเเล้วเดินทางกลับกรุงเทพโดยรถไฟรอบ 19.00 น. นะหว่างทางเราได้เเวะ ตลาดปลาด้วยนะ สามารถซื้อเป็นของฝากได้เลย


หลังจากเเวะตลาดปลาเราก็เข้าสู่เวียงจันทน์เพื่อเเวะ"ประตูไซ" โดยประตูไซเป็นอนุสรณ์สถานที่เเสดงถึงคนลาว ได้ต่อสู้จากการเป็นเมืองขึ้นมานานหลายศตวรรษ หลุดพ้นจากฝรั่งเศส ก็ถูกสหรัฐฯ เข้ายึดครองช่วงสั้นๆ หลังจากสหรัฐฯถอนทัพกลับประเทศ ก็ได้ทิ้งปูนซีเมนต์ไว้มากมาย ซึ่งตั้งใจเอาไว้ทำลานบิน คน ลาว จึงนำปูนดังกล่าวมาสร้างไว้เป็นเป็นอนุสรณ์ชัยชนะหลุดพ้นจากฝรั่งเศส (และสหรัฐฯ) โดยทำ ประตูชัย (Patuxay) เป็นประตูโค้ง ประตูไซตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะ และถนนสายหลักที่มีลักษณะเป็นวงเวียนและถนนสายใหญ่ (คล้ายๆกับ ราชดำเนินบ้านเรา) ด้านหน้าของ ประตูชัย (Patuxay) มีน้ำพุที่สวยงาม และเป็นสวนสาธารณะให้นั่งพักผ่อน ใครมาเที่ยว เวียงจันทร์ ก็ต้องห้ามพลาดจุดนี้ เพราะถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความหมายดีนะครับ “ชัยชนะ” ใครมา เที่ยวลาว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง



🚩ก่อนข้ามกลับฝั่งไทย ต้องอย่าลืมเเวะที่นี่เลย ดิวตี้ฟรี หรือสินค้าปลอดภาษี ตั้งอยู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาว ที่นี่จะมีสิ้นค้าให้เลือกมากมาย ดูไปคล้ายๆตลาดโรงเกลือบ้านเรานี่เเหละ เเต่สินค้าราคาจะถูกกว่าพอสมควรเลยละ ลองมาเเวะกันดูนะเผื่อจะได้สินค้าของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน


➡️17.30 น.เรามาถึง สถานีรถไฟหนองคาย โดยเราจะกลับกรุงเทพโดยขบวนรถด่วนพิเศษขบวนที่ 26 อีสานมรรคา หนองคาย - กรุงเทพ ออกจากหนองคายในเวลา 19.00 น.เราจองรถไฟขากลับเป็นรถนอนชั้น 2 ค่าโดยสารเตียงล่าง 998 บาท ,เตียงบน 889 บาท โดยขา กลับจะมีรถไฟเข้ากรุงเทพถึง 4 ขบวนเลยละ

จบทริปเเล้วสิ่งที่เราอยากบอกคือ ที่ลาวโดยเฉพาะที่วังเวียง น้ำเเข็งเป็นของหายาก เเละน้ำเปล่าราคาสูงกว่าของไทยเรา ส่วนอาหารการกินราคาจะสูงกว่าของไทยนิดหน่อย เเต่สิ่งที่ได้พบเจอคือคนลาว นิสัยน่ารักพูดเพราะเจอนักท่องเที่ยวยิ้มให้ทักทายกันตลอด ประเทศลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยากให้หลายๆคนไปสัมผัสสักครั้ง
……….ขอบคุณที่อ่านจนจบ หวังว่ารีวิวไก่เขี่ยจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับนักเดินทาง เเล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าครับ ……ขอบคุณครับ ^^


Taeremix

 วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 02.11 น.

ความคิดเห็น