สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อาจไม่ค่อยได้เห็นหน้าเด็กจิ๋วมารีวิวนะคะ เพราะแม่ไม่ค่อยว่าง มัวยุ่งอยู่กับการทำฟาร์มค่ะ

วันนี้ได้ฤกษ์กลับมารีวิว ลองของ Pantip โฉมใหม่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ

ครั้งนี้ได้ไปเกาะเต่า เพราะเราอุตส่าห์ไปต่อแถวตั้งแต่ห้างเปิดเพื่อแลกที่พักจากงาน Redeem Travel Fair

เราได้ที่พักมา 2 แห่งเพราะป๊ากับแม่ใช้คนละสิทธิ์ เสียไปคนละ 100 บาท + 1,000 คะแนนจากบัตรเครดิตที่มาร่วมงาน

ที่พักที่ได้มาก็คือ จามจุรีวิลล่า เกาะเต่า 3 วัน 2 คืน และ Renaissance ภูเก็ต 1 คืน



เราดีใจมากที่เลือก Voucher จามจุรีวิลล่า เพราะทำให้เราได้ร็จักเกาะเต่าดีขึ้นมากๆ

เราพบว่าทะเลเกาะเต่าสวยมากๆ ได้แต่สงสัยว่าทำไมเราที่เป็นคนไทยถึงไม่รู้มาก่อนว่าทะเลเกาะเต่าสวยขนาดนี้ ขนาดฝรั่งยังมากันให้เต็มเกาะไปหมด

เราพบว่าเจ้าหน้าที่จามจุรีวิลล่าน่ารักมากๆ เริ่มตั้งแต่จองที่พัก จนการบริการที่ได้รับ ซึ่งเราคาดไม่ถึงว่าจะได้รับจาก Voucher ที่เรียกได้ว่าเกือบจะฟรีแบบนี้

เดี๋ยวเด็กจิ๋วจะพาไปดูนะคะว่าทะเล เกาะเต่า เมืองไทยของเราสวยขนาดไหน ตามมาเลยค่ะ
เด็กจิ๋วเริ่มออก Chill Out ตามสถานที่ต่างๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ

เพื่อนๆ สนใจ แวะไปชมได้นะคะ…

https://www.facebook.com/DekJewChillOut
http://www.dekjewstory.blogspot.com/
https://www.youtube.com/user/DekJewChillOut

เนื่องจากช่วงที่จะไป ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวของเกาะเต่า ทำให้กังวลกันมากว่าจะเจอคลื่นลม กลัวเมาเรือ สารพัด

ทำให้เราจองที่พักแล้ว ก็ย้ายวันไป ย้ายวันมา กลับไปมาหลายรอบอยู่ แถมยังเลือกบ้านหลังที่จะพักแล้ว ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายรอบ

จนเกรงใจน้อง Reservation ที่จามจุรีมากๆ แต่น้องเค้าก็บริการเราดีมาก ช่วยเลือกว่าบ้านหลังไหนเหมาะกับเรา หลังไหนวิวดี สารพัด น้องน่ารักมากค่ะ

การเดินทางของเราก็เริ่มจากขับรถออกจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ ไปลงเรือเร็วลมพระยารอบบ่ายโมง

เราซื้อตั๋วล่วงหน้าไปจากสำนักงานเรือเร็วลมพระยาที่ถนนข้าวสารค่ะ ส่วนรถเราจอดไว้ที่ท่าเรือ เสียค่าฝากรถคืนละ 50 บาท

พอขึ้นเรือ เด็กจิ๋วก็เจอเพื่อนใหม่เลยค่ะ สนุกเลยคราวนี้ ไปวิ่งเล่นกับเค้า แล้วไปเนียนไปนั่งรวมกับบ้านเค้า กินขนม กินกล้วยเค้าด้วย

ตอนลงเรือมาเราเจอฝนตกหนักในทะเล คิดว่าทริปนี้คงไม่สนุกแล้ว แต่ปรากฎว่าพอมาถึงเกาะ ฟ้าก็ใส แดดร้อนมากเลยทีเดียว

ทางจามจุรีส่งรถมารับเราที่ท่าเรือ นั่งรถแป๊บเดียวก็มาถึงรีสอร์ท มีน้ำส้ม และผ้าเย็นเอาไว้ต้อนรับค่ะ

บริเวณล้อบบี้


เช็คอินเรียบร้อย น้องเจ้าหน้าที่ก็เดินพามาส่งที่ห้อง


ทางเดินไปห้องก็ไกลพอควร แถมขึ้นๆลงๆอีกต่างหาก เพราะเหมือนว่ารีสอร์ทนี้อยู่บนโขดหิน ทางเดินจะทำลัดเลาะไปตามพื้นที่ กว่าจะเดินมาถึงห้องก็ประมาณ 15 นาทีได้ พอมาถึงแล้ว เราตั้งใจว่าจะอยู่กันแถวห้องพักนี้แหล่ะ คงไม่กลับออกไปล้อบบี้อีกแล้ว

รูปนี้เป็นทางเดินช่วงนึงค่ะ

มาถึงแล้วห้องพักของเรา ห้อง Deluxe Cottage เบอร์ 37


เป็นห้องที่น้อง Reservation แนะนำว่าวิวดี ซึ่งวิวก็งามจริงค่ะ

แต่ก่อนเข้าห้องต้องปีนบันไดกันเล็กน้อย

ห้องนี้วิวดีจริงๆ แต่มีข้อเสียที่เจ้าหน้าที่บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพลุกพล่านหน่อย


เพราะตรงหน้าระเบียงจะเป็นทางเดินหลักระหว่างอ่าวจันทร์สมกับห้องอาหาร

จะมีพนักงานและแขกที่พักเดินไปมาทั้งวัน ซึ่งข้อนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับบ้านเรา บ้านเราชอบพลุกพล่านดีกว่าเงียบๆ

เตียงผ้าใบ 2 ตัวที่ระเบียงใช้การได้ดีมาก เด็กจิ๋วมานั่งชมวิวบ่อยมาก ตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้า ชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น แล้วก็นอนดูดาวตอนกลางคืน


วิวจากระเบียงห้อง มองเห็นอ่าวจันทร์สมได้ดีพอควร แต่จะติดหลังคาบ้าน 35A (ทางซ้าย) และบ้าน 44 (ทางขวา)


หลังคาบ้าน 44 ซึ่งเป็น Pool Villa ที่หรูสุดของจามจุรี เดี๋ยว คคห ล่างๆจะลงรูปข้างในห้องนี้ให้ดูอีกทีค่ะ


ทีแรกตั้งใจว่าจะขอ upgrade เป็นห้อง 35A ซึ่งเป็นแบบ Sunset Cottage ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีกคืนละ 4,000 บาท จะได้ห้องกว้างขึ้น วิวสวยขึ้น ไม่มีหลังคาห้องอื่นมาบัง และใกล้ชิดอ่าวจันทร์สมมากๆ


แต่สิ่งสำคัญที่เราตัดสินใจไม่พักห้อง 35A เพราะไม่ชอบงาช้างในห้องอ่ะค่ะ แถมยังมีรูปปั้นแบบพวกของ antique แนวพม่าๆ มาเรียงๆอีก คาดว่าจะนอนกันไม่ได้แน่ๆ ฉะนั้นจึงไม่ upgrade ไม่เสียเงินเพิ่มด้วย

มองข้ามไปด้านโน้นของอ่าว เป็นห้องสุดฮิตอีกห้อง คือห้อง 32 อันนี้ต้องเดินไกลกว่าห้องเรามาก คือต้องเดินอ้อมอ่าวจันทร์สมไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วทางขึ้นก็ต้องปีนนิดหน่อย อาจจะไม่เหมาะกับเด็กจิ๋ว


เก็บของที่ห้องเรียบร้อย ก็พาเด็กจิ๋วไปเล่นทรายกันเลย


แต่ค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย เพราะทรายที่นี่เม็ดใหญ่เป้งมาก หยาบไปหน่อย เด็กจิ๋วบ่นใหญ่ว่ามันแข็ง ไม่นุ่ม

เล่นทรายกันพักนึง ก็กลับห้องไปอาบน้ำแล้วไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกกันที่ร้านอาหาร Starlight


เดินมาไม่ไกลจากห้องเรา

ห้องอาหารนี้ชมพระอาทิตย์ตกสวยมาก วันนี้เรามาดูพระอาทิตย์ตกตรงจุดนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะย้ายไปที่ตรงอ่าวจันทร์สมบ้าง

ตอนแรกกะจะนั่งกินข้าวกันตรงนี้ แต่ลมแรงเกิน แรงมากๆ คาดว่าอาหารคงปลิวแน่ๆ เลยย้ายเข้ามานั่งในตัวอาคารดีกว่า


มองไปมองมาวันนี้มีแขกอยู่ประมาณ 5 โต๊ะเอง

รออาหารค่อนข้างนานเลยทีเดียว เด็กจิ๋วหิวมาก บ่นใหญ่ว่าหิวๆ


บอกว่าถ้าข้าวหนูยังไม่มา จะกินก้อนหินพวกนี้ให้หมดเลย โชคดีข้าวมาซะก่อน เลยไม่ได้กินก้อนหิน

ห้องอาหาร Starlight มองลงมาจากตัวอาคารด้านบน


อาคารห้องอาหารที่นี่จะมี 3 ชั้น ตอนเดินเข้ามาจะเข้ามาชั้นบนสุดก่อน แล้วค่อยเดินลงบันได้มาชั้นล่าง


ถึงตอนนี้ก็ยังงงๆอยู่ว่าส่วนไหนเป็นชบา ส่วนไหนเป็น Starlight

ที่แน่ๆคือส่วน outdoor เป็น Starlight ในอาคารไม่แน่ใจค่ะ

ตรงนี้เป็นบริเวณชั้น 2 เป็นที่สำหรับทานอาหารเช้า (เดาว่าเป็นส่วนของห้องอาหารชบา)


ชั้นล่างสุด ห้องอาหาร Starlight


อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง เด็กจิ๋วกินเข้าไปหลายขนาน พอท้องอิ่มก็เริ่มง่วง หลับไปแต่หัววัน


รูปนี้เป็นระเบียงตรงทางเข้าห้องเรา

ปะป๊าออกมาถ่ายรูปแถวอ่าวจันทร์สมต่อ ตั้งแต่มานี่ยังไม่มีเวลาถ่ายรูปซักเท่าไหร่ เวลาหมดไปเร็วมาก เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงเกาะ นั่งรถมารีสอร์ท เดินมาห้องพัก พาเด็กจิ๋วไปเล่นทราย รีบอาบน้ำกว่าจะเสร็จก็เกือบดูพระอาทิตย์ตกไม่ทัน


ไม่ค่อยได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าแบบนี้มานานแล้ว


ตรงบ้านที่เปิดไฟอยู่คือห้องเบอร์ 32 น่าอยู่ไม่ใช่น้อย


กลับมาเจาะลึกตัวห้องพักของเราต่อ ส่วนนี้เป็นห้องนั่งเล่น จากระเบียงบ้านเปิดเข้ามาจะเป็นบริเวณนี้ก่อน ไม่มีแอร์ มีตู้เย็น จาน แก้วน้ำ และเครื่องเสียง


ห้องพักที่จามจุรีแต่ละห้องจะมี layout ที่แตกต่างกัน เข้าใจว่าคนสร้างห้องพัก ตั้งใจสร้างโดยอิงพื้นที่เดิม บางที่เป็นก้อนหิน บางที่เป็นต้นไม้ ก็จะพยายามสร้างบ้านโดยไม่ทำลายธรรมชาติเดิมๆ

ถัดเข้ามาจะเป็นห้องนอน ซึ่งรู้สึกว่าแคบเกินไป เตียงวางเต็มห้อง มีทางเดินเหลือนิดเดียว


ส่วนของห้องน้ำรู้สึกว่ากว้างเกินไป จากรูปนี้ ประตูห้องนอนอยู่ขวา ซ้ายมือเป็นห้องอาบน้ำและห้องส้วม ส่วนบริเวณพื้นไม้สีแดงเป็นอ่างล้างหน้า


ส่วนห้องอาบน้ำ น้ำที่นี่จะไหลเอื่อยหน่อย ทางรีสอร์ทแจ้งว่าต้องช่วยกันประหยัดน้ำ หากฝนไม่ตกต่อเนื่องกัน 15 วัน บนเกาะจะไม่มีน้ำใช้ ต้องซื้อมาจากฝั่งโดยขนมาทางเรือ


ส่วนของห้องส้วมก็รู้สึกว่ากว้างเกินไปเหมือนกัน มีโถชำระให้เลือกใช้ถึง 3 แบบ


สังเกตุว่าหลังคาบ้านจะเป็นวัสดุธรรมชาติอาจมีรูมีช่องบ้าง ซึ่งอันนี้วันที่สองเราโดนธรรมชาติทำร้าย มีตุ๊กแกบุกเข้ามาในห้องส้วม ประจันหน้าจังๆกับแม่เลย รีบวิ่งกรี๊ดหนีออกมาแทบไม่ทัน ต้องตามเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมาช่วยจับออกไป แต่ออกไปได้ไม่นาน มันก็กลับเข้ามาอีก เพราะบริเวณห้องน้ำเป็นระบบเปิด พนักงานบอกว่าจะเจออยู่เรื่อยๆ บางทีก็เจอหนูเข้ามาด้วย

เช้าวันที่สองตื่นกันมาตั้งแต่เช้ามืด เมื่อคืนนอนกันไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ แถมเด็กจิ๋วยังละเมอร้องไห้ถีบปะป๊ากับคุณแม่ทั้งคืน คงฝันว่าเล่นน้ำทะเลอยู่มั้ง


ชมวิวทะเลยามเช้าผ่านหน้าต่างห้องได้เลย


เด็กจิ๋วตื่นแล้ว เราก็มาทานอาหารเช้ากันที่เดิม คือห้องอาหารชบา


ส่วนของห้อง Starlight เก็บโต๊ะเรียบหมดแล้ว


ตอนแรกเราต้องเดินเข้ามาที่ชั้นบนสุดของห้องอาหาร


ลงมาชั้น 2 เราทานกันที่ชั้นนี้ แขกส่วนใหญ่จะเลือกนั่งที่บาร์ตรงนี้ เพราะสามารถกินอาหารเช้าไปด้วยชมวิวสวยๆไปด้วย


อาหารเช้าที่นี่รสชาตอร่อย ถึงแม้ไม่ได้มีมากมายเหมือนโรงแรมใหญ่ๆ แต่ก็อร่อย


จากห้องอาหาร มองซ้ายจะเห็นวิวอ่าวจันทร์สม


หลังอาหารเช้า เราเดินกลับห้องพัก ผ่านบ้าน 44 เจอพนักงานกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เลยขอเข้าไปสำรวจหน่อยค่ะ


รูปนี้เป็นบริเวณหน้าห้อง 44

บ้านใหญ่โตมาก บริเวณห้องนอนไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะพนักงานไม่มีกุญแจ เลยถ่ายได้แค่บริเวณ pool


มองเห็นอ่าวจันทร์สมชัดเจน


อยากนอนบ้านหลังนี้


บ้าน 44 จะมีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกับบ้าน 26A 26B และ 26C เป็นศาลานั่งเล่นและทางเดินลงทะเลส่วนตัว


ศาลาริมทะเลส่วนตัวของบ้าน 44 และ 26


วันนี้เรามีโปรแกรมนั่งรถเที่ยวรอบเกาะ


ให้น้องที่ front ติดต่อเช่ารถให้ เตรียมข้าวของเสร็จก็เดินไปขึ้นรถที่ล้อบบี้

รถที่มารับเป็นรถกระบะ 4x4 เพราะถนนหนทางบนเกาะเต่าบางช่วง ต้องเป็นรถ 4x4 ถึงจะไปได้ค่ะ

จุดแรกที่ไปแวะคือ อ่าวโตนด เป็นชายหาดด้านตะวันออกของเกาะซึ่งค่อนข้างเงียบมากๆ มีฝรั่งมาเล่นน้ำบ้างเล็กน้อย

น้ำทะเลสีสวยมาก แต่ทรายก็เม็ดใหญ่ๆ เหมือนแถวๆรีสอร์ทเราเลย

เพิงนี้น่าจะเคยเป็นร้านขายของหรือเครื่องดื่มอะไรซักอย่าง แต่ตอนนี้ร้างอยู่


แม่กับเด็กจิ๋วเลยขออาศัยร่มเงาของร้านนี้หลบแดดอันแรงกล้าค่ะ ไม่งั้นมีหวังหน้ามืดแน่นอน ร้อนดีจริงๆ

เราแม่ลูกนั่งเล่นกันอยู่ตรงนี้พักใหญ่ ปล่อยให้ปะป๊าไปเผชิญแดดถ่ายรูปให้สบายใจ


นั่งลุ้นดูฝรั่งโดดน้ำอยู่นานมาก ตั้งท่าจะโดดเป็นสิบรอบอ่ะ แล้วก็ไม่โดดซักที


ถึงแม้แดดจะแรงกล้าซักแค่ไหน แต่พอเข้าร่ม ลมก็พัดเย็นสบายดี


ออกจากอ่าวเทียนออกมา จะเป็นทางขึ้นเขา พี่คนขับแวะร้านอาหารที่เป็นจุดชมวิวให้เราถ่ายรูปกัน


จุดต่อมาที่แวะ เป็นอ่าวที่บ้านเราชอบกันมากที่สุด ให้เป็นอันดับ 1 ในเกาะเต่าเลย


ที่นี่คือ อ่าวลึก เราตื่นเต้นกับสีของน้ำทะเลที่นี่มาก สีสวยมากจริงๆ

ไม่นึกว่าเกาะเต่าจะมีหาดมีน้ำทะเลที่สวยมากขนาดนี้ ประทับใจที่นี่มากมายค่ะ

เราแวะหาอะไรเย็นๆดื่มกันที่ร้านอาหารของอ่าวลึก 2 รีสอร์ท


เป็นร้านอาหารที่วิวดีเป็นเลิศจริงๆ เราสั่งน้ำปั่นไป 2-3 แก้ว แต่นั่งเค้านานมากๆ

นั่งมองวิวก็เพลินไปได้นานเลยค่ะ อยู่ในร่มไม่โดนแดด ลมเย็นนั่งสบายมากๆ ไม่อยากลุกออกไปเลย

นั่งกันนานจนพี่คนขับต้องมาตามให้ไปต่อได้แล้ว

ตอนนั่งเล่นที่ร้านเพิ่งมองไปเห็นว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทด้วย บ้านพักก็อิงแอบโขดหิน เห็นวิวสวยๆแบบนี้เหมือนกัน คราวหน้าน่าลองมาพักที่นี่บ้าง


น้ำทะเลไล่เฉดสีสวยมากๆ


ระหว่างที่แม่กับเด็กจิ๋วนั่งเล่นกันที่ร้านอาหาร ปะป๊าก็มาเก็บภาพมุมสวยๆของอ่าวลึก


น่าสงสัยว่าทำไมเราไม่เคยคิดจะเที่ยวเกาะเต่าก่อนหน้านี้เลย จริงๆเป็นเพราะเราไม่ได้รับรู้มาก่อนว่าทะเลเกาะเต่าจะสวยขนาดนี้


ฝรั่งอยู่ไกลคนละซีกโลกยังดั้นด้นมาเที่ยวกันให้เต็มเกาะไปหมดเลย

ขนาดปะป๊าเองเคยมาเที่ยวเกาะเต่าแล้วรอบนึง ยังไม่รู้เลยว่าเกาะเต่ามีทะเลสีสวยอย่างงี้


เพราะคราวที่แล้วปะป๊ามัวแต่ดำน้ำรอบเกาะ ไม่ได้เที่ยวหาด เลยไม่เห็นมุมมองจาหาดออกไปทะเลแบบนี้เลย

ออกจากอ่าวลึก เราบอกให้พี่คนขับพาไปทานมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหาร New Heaven


แม่เคยหาข้อมูลจากที่ไหนซักแห่งนานมาแล้วว่าร้านนี้วิวสวย

ร้านนี้อยู่บนเขา มองลงไปเห็นหาดเทียนออก สวยจริงๆด้วย

แต่ที่นั่ง outdoor ที่เห็นร้อนระอุไปหน่อยเราขอนั่งใต้หลังคาละกัน

เราไปเป็นโต๊ะแรก นั่งในร่ม อีกซักพักมีฝรั่งมาหลายโต๊ะ นั่งตากแดดกันหมดเลย

อาหารที่นี่อร่อยเลยทีเดียว ถูกปากบ้านเรามากๆ

อ่าวเทียนออกมองจากร้านอาหาร New Heaven


หลังอาหารกลางวัน เราไปต่อกันที่อ่าวโฉลกบ้านเก่า


ช่วงบ่ายน้ำเริ่มขึ้นแล้ว จุดนี้ก็แวะไม่นาน เพราะไม่มีที่นั่ง และไม่ค่อยมีจุดให้ถ่ายรูปมากนัก

จุดสุดท้ายที่มาแวะคือหาดทรายรี


ทีแรกพี่คนขับปล่อยเราลง แล้วบอกให้เดินเที่ยวเลาะๆชายหาดไป แล้วจะไปรับอีกจุดนึงของหาด

เอ่อ..พี่คะ น้ำขึ้นอ่ะค่ะ ไม่สามารถเดินไปได้ เพราะน้ำขึ้นมาเหลือหาดอยู่จิ๊ดเดียว

แถมหาดจิ๊ดๆนั่นยังมีฝรั่งนอนเรียงรายตลอดแนว ถ้าให้เดินเลาะหาดไป คงต้องข้ามๆหัวฝรั่งไปแน่

เราเลยรีบโทรเรียกพี่คนขับมารับจุดเดิม กลับรีสอร์ทดีกว่า

กลับมาถึงรีสอร์ท เด็กจิ๋วขอเล่นน้ำทะเล เล่นทราย เพราะวันนี้ที่ไปมาไม่ได้เล่นจริงๆจังๆเลย เนื่องจากแดดร้อนแรงมาก


เล่นทรายที่อ่าวจันทร์สมกันพักใหญ่ก็อาบน้ำ มานั่งกินขนมชมวิวกันที่ระเบียง


ส่วนปะป๊าแยกไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่หน้าหาดจันทร์สมคนเดียว


วันนี้เราไม่ได้ไปทานอาหารเย็นกันที่ห้องอาหาร แต่สั่งมาทานกันที่ห้องแทน เพราะเด็กจิ๋วเพลียและง่วงมาก หลับไปแต่วันเลย


ศาลานวดตัว


Elvis Beach Bar


เช้าวันสุดท้ายบนเกาะเต่า หลังอาหารเช้า เรามีโปรแกรมเดินไปเล่นน้ำเล่นทรายกันที่หาดทรายนวล


ข้อมูลที่ได้มาคือสามารถเดินไปได้จากที่พักเราสบายๆ เดี๋ยวไปดูกันว่าสบายจริงเปล่า

อ่าวจันทร์สมยามเช้า


เราโชคดีที่ตลอดสามวันที่อยู่ที่นี่ ฟ้าใสให้ถ่ายรูปสวยทุกๆวัน


จากจามจุรีวิลล่า เราจะเดินเท้าไปที่หาดทรายนวล


ก่อนถึงหาดทรายนวลจะต้องเดินผ่านอีกรีสอร์ทนึง คือ Bamboo Hut

ซึ่งเจ้าของก็เป็นเครือญาติกันกับเจ้าของจามจุรีวิลล่าที่เราพัก

ที่ Bamboo Hut นี่ไม่มีชายหาด แต่น้ำทะเลหน้ารีสอร์ทนี้สวยเวอร์ สวยมากจริงๆ

เรามานั่งพักเหนื่อยกันที่นี่ เจอเจ้าหน้าที่ของ Bamboo Hut เค้าชวนไปดูห้องที่เป็น Pool Villa ห้องริมสุดเบอร์ 18


เราเคยเห็นรีวิวห้องนี้มาจากใน BP แล้วจากคุณ MedicinePath จำได้แม่นว่าสวยมากๆ เลยไม่ลังเลที่จะเข้าไปดู เดี๋ยวพักหายเหนื่อยแล้วไปกัน

ห้อง 18 ของ Bamboo Hut สวยน่าอยู่อย่างมาก


เด็กจิ๋วอยากลงน้ำมากอ่ะ พยายามเอามือลงไปจุ่มใหญ่


ถ่ายมามากมาย สวย อยากนอนที่นี่ ท่าทางจะไม่มีตุ๊กแกด้วย


จุดที่เริ่มจะเดินไม่สบายคือจุดที่เริ่มจากออกจาก Bamboo Hut มาหาดทรายนวล


เพราะแดดที่ร้อนมากๆ ทำให้รู้สึกว่าไกลจัง เมื่อไหร่จะถึง แต่ยังไงก็หอบหิ้วกันจนมาถึงจนได้

ที่หาดทรายนวลมีฝรั่งอยู่เยอะ (ความจริงทุกหาดก็เจอฝรั่งทั้งนั้น) มีบ้านพักน่ารักๆ อยู่เยอะเหมือนกัน

ปะป๊าทิ้งเราแม่ลูกให้เล่นทรายกันใต้เงามะพร้าว แล้วตัวเองออกไปเดินตากแดดถ่ายรูปอีกแล้ว


หาดทรายนวลถึงแม้ชื่อไม่ดังและไม่สวยเท่าอ่าวลึก แต่ก็มีมุมถ่ายรูปงามๆหลายจุดทีเดียว


ขากลับเราเดินมาถึง Bamboo Hut ก็หมดแรงแล้ว


เจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถโทรให้รถมารับจากจุดนี้ไปจามจุรีได้

เราก็โทรสิคะ ไม่รอช้า รอรถค่ะ รอรถ

เรากลับมาอาบน้ำกันที่ห้องน้ำกลางใกล้ๆล้อบบี้ แล้วรอรถมารับไปท่าเรือ


เราประทับใจกับทริปนี้มากๆ อาจจะเป็นเพราะเป็นทริปค่อนข้างกะทันหัน ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก่อน

แต่กลับได้มาเจอวิวสวยๆของเกาะเต่า และการบริการที่ดีของน้องๆที่จามจุรี ทำให้ประทับใจทริปนี้มากๆ

เด็กจิ๋วต้องบ้าย บายไปก่อนนะคะ เอาไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน

มีในสต๊อคเยอะมาก จนไม่รู้จะรีวิวอันไหนก่อนดีค่ะ ตอนนี้จะพยายามทยอยมาลงเรื่อยๆนะคะ อย่าเพิ่งลืมเด็กจิ๋วกันนะคะ

Dek Jew Chill Out

 วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.38 น.

ความคิดเห็น