# คีรีวง อยู่ที่ไหน มีอะไรน่าสนใจ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เคยเห็นแต่เพื่อนไปมา ยัง งงๆ อยู่ว่ามีอะไร ไกลขนาดนั้นไปทำไม #
คือสงสัย กลับไปเปิดดูในอากู๋ เห็นปุ๊บ!! โอ้ววว..สุดยอด เราจะต้องไปให้ได้!! กลับไปปรึกษารูมเมทที่บ้าน เธอก็บิ๊วขึ้นนะ 555 อนุมัติพร้อมประทับตราด้วยแบงค์พัน 3 ใบ ไปจองตั๋วเลย ทริปนี้เราตัดสินใจกันเร็วมาก เพราะแค่เห็นรูป เราก็อยากจะไปสูดอากาศของที่นู้นให้เต็มปอดกันซะแล้ว อ้าว...ไปกันเลยยย
27 กุมภาฯ 59 14.30 น. เราเดินทางด้วยสายการบินน้องสิงโต ถึงสนามบินนครศรีธรรมราช ไปไงต่อล่ะทีนี้ เคยจำแต่ที่เพื่อนบอกมาว่ามีรถไปส่งถึงคีรีวงเลย 600 บาท เป็นรถลีมูซีนของที่นี่ แต่สำหรับเรา เรามองว่าแพงไปหน่อย เลยถามคนแถวนั้นว่าสามารถไปยังไงได้บ้าง จนมาเจอพี่ผู้ชายหนึ่ง ถามแก แกก็ไม่รู้ แต่บอกเราว่าไปกับผมไหม เรามองหน้ากัน เห้ย!! ไปครับๆๆ ตอนแรกก็คิดแค่ว่าจะติดรถแกมาลงที่ถนนใหญ่หน้าสนามบิน แล้วเราจะหาวิธีไปกันเอง แต่แกใจดีพาเรามาส่งถึงขนส่ง ระยะทางเกือบ 15 กิโลเห็นจะได้ ตลอดทางแกโทรถามเพื่อนตลอด เพราะแกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปยังไง พอลงจากรถที่หน้าขนส่ง เราก็ยกมือไหวขอบคุณพี่เค้า แกก็ยิ้มๆ ถามชื่อพี่เค้า แกชื่อพี่สุทัศน์ ขอบคุณมากๆนะครับพี่สุทัศน์ ถ้าไม่ได้พี่นี่ เราคงยังไปไม่ถึงไหน ถึงเมืองนี้ปุ๊บก็มีเรื่องให้ประทับใจปั๊บเลย รู้สึกดีอ่ะ เราเดินเข้าไปในขนส่ง ถามคนในนั้นว่าไปคีรีวงต้องขึ้นรถสายไหน พี่ชายคนหนึ่งบอกเราว่า ให้ไปขึ้นรถโดยสารที่เขียนว่า นคร-คีรีวง สุดสายเลยน้อง อ้าว...โบก โบก โบก แล้วก็ โบก โบก โบก #เพลงมาเต็ม
ระหว่างทางที่นั่งรถโดยสาร ฝนก็ตกเกือบตลอดทาง มองข้างทางไม่ค่อยเห็นอะไรเลย ปกติเวลาไปต่างจังหวัดจะชอบมองทัศนียภาพสองข้างทาง ชอบมองบ้านมองเมืองที่เราไม่เคยเห็น เก็บภาพที่เราเห็นกับตาตัวเองไปให้ได้มากที่สุด ในรถโดยสารมีน้องนักเรียนคนหนึ่ง เราทักทายน้องเค้าแล้วเช่นเคยครับ ถามทางน้องเค้าอีก 555 น้องก็ใจดีนะบอกหมดเลย ผู้คนที่ช่างน่ารักอะไรแบบนี้ รู้สึกประทับใจเข้าไปอีก และแล้วรถโดยสารก็พาเรามาส่งจนถึงหมู่บ้านคีรีวง แต่ด้วยสภาพตอนนั้นคือฝนตกหนักมาก เราจึงโทรหาที่พักเพื่อให้เขามารับ สักพักก็มีรถมารับเราเข้าที่พัก อ่อ ลืมบอก ที่พักของพวกเราชื่อ ซือวานโฮมสเตย์ น้องที่ดูแลที่นี่ ทั้ง 2 คนน่ารักมาก ตั้งแต่วันจองจนถึงวันที่เราต้องเดินทาง ติดต่อมาถามตลอด ถึงไหนยังไง น้องคอยเทคแคร์ตลอดเลย ขอบคุณนะครับ^^ นี่ครับ ที่พักของเรา ลืมถ่ายรูปด้านหน้ามา แฮร่ๆๆ
ถึงที่พักก็เวลาประมาณเกือบ 6 โมงเย็น ฝนก็ปรอยๆ เราอาบน้ำกันเสร็จก็ไปเดินงานวัด หาอะไรกิน โชคดีมากที่มาตรงกับวันที่คีรีวงจัดงานประจำปี ดนตรีนี่ มันส์มาก ฝนตกยังเล่นตลอด 5 โมงยัน 5 ทุ่ม!! แต่เราไม่ได้อยู่ในงานนาน เพราะเริ่มง่วงกันละ เลยกลับไปนอน แต่ก็ค่อนข้างหลับยากสักนิด เพราะดนตรียังอยู่ในหูตลอด ที่พักเราตรงข้ามกับวัดเลย เสียงมาเต็ม 555
28 กุมภาฯ 59 เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตี 5 ครึ่ง กะจะตื่นมาดูหมอกสวยๆ แต่ว่าอากาศที่นี่ดีเกิ๊นนน ปิดนาฬิกาปลุกครับ นอนต่อ 555 เลยมาจนถึง 7 โมงจะครึ่ง ผมรีบอาบน้ำแล้ววิ่งไปถ่ายรูปหมอกที่คลอง เย้ๆๆ เจอด้วย โชคดียังมีหมอกให้คนตื่นสายเห็น ที่ไหนได้หมอกของที่นี่วันนี้เห็นตลอดทั้งวัน 55555
เราเริ่มต้นวันนี้ด้วยการเช่าจักรยาน แนะนำร้านนี้อยู่หัวมุมสะพานซ้ายมือก่อนข้ามไปทางวัด จักรยานใหม่สีสดใสขับดีเวอร์ อ้าว..โฆษณากันไปเลยทีเดียว พี่เจ้าของร้านบอกคันละ 50 ค่ะ เราเช่า 2 คัน 100 บาท ระหว่างนั้นเราก็ถามที่เที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ รู้แล้วก็ไปกันเล้ยยย
ที่แรกของวันนี้ต้องนี่เลย สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี สถานที่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ดูเหมือนจะไกล ปั่นขึ้นมาจากร้านเช่าจักรยานสัก 5 เมตรได้ 555 เอาละครับและแล้ววิญญาณนางแบบ Hipster ก็เข้าสิงรูมเมทของผมอย่างเต็มตัว
จากนั้นเราก็ปั้นลงสะพานเลี้ยวขวาไปทางจุดชมวิว โอ้โห...สวยงามมาก!!!
สักพักเริ่มหิว แอบแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถามพี่คนขายก๋วยเตี๋ยว งานถามงานถนัด ไม่รู้ก็ถาม ถามว่ามีที่เที่ยวที่ไหนอีก ต้องไปที่ไหนยังไงต่อ แกบรรยายมายาวเลย เล่าประวัติของที่นี่ สถานที่ที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด แต่เราสองคนก็ไปไม่ครบนะครับ จะเลือกไปเฉพาะทีที่เราชอบเท่านั้น แฮร่ๆๆ อารมณ์อินดี้มาเต็ม พี่แกแนะนำให้เราปั่นไปตามถนนเส้นหน้าวัด สิ้นสุดเส้นทางนี้จะเป็นหนานหินท่าหา สองข้างทางของถนนเส้นนี้มีที่เล่นน้ำที่น่าเล่นเอามากๆ แต่เราไม่ได้เตรียมชุดไปเล่น กะว่าจะมาเล่นตอนเย็นเอา ที่ไหนได้ ตอนเย็นฝนตกค่อนข้างหนัก น้ำแรงมาก อดเลย T-T
ระหว่างทางฝนตก!! มีพี่ๆกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ที่พัก คล้ายๆศาลาให้นั่งเล่นหน้าที่พัก เห็นเราสองคนปั่นจักรยานผ่านมาแล้วฝนตก เสียงตะโกนออกมาจากที่นั่น "แวะก่อน...ฝนตก" เราก็แวะตามคำเชิญของพี่ๆ ถึงตอนนี้ยิ่งประทับใจไปกันใหญ่ คนไม่รู้จักกันช่วยเหลือกันเหมือนคนรู้จักกัน น่ารักอ่ะ^^ พี่ๆเป็นคนชุมพร มาเที่ยวที่นี่ แถมใจดีชวนเราไปเกาะพิทักษ์ที่ชุมพร พร้อมกับแนะนำที่พักให้ด้วย โอ้ววว สุดยอดดด
ฝนหยุดแล้วเราก็ลาพี่ๆ ปั่นไปต่อ ปลายทางเราของเราคือหนานหินท่าหา เราอยากรู้ว่าที่นั่นมีอะไร ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ก่อนถึงหนานหินท่าหา มีชุมชนอยู่ เราเจอคุณลุงคนหนึ่งถามเราไปไหนลูก เราบอกจะไปน้ำตก แกบอกเขาทำทางนะ แต่ไม่ไกลหรอก ใกล้ถึงละ พร้อมกับชี้ไปทางที่พักให้เราดู บอกอยู่หลังตรงนั้นแหละ ปั่นสิครับรออะไร ถนนที่กำลังทำก่อนถึงหนานหินท่าหา เราจะคิดว่าเราขับวิบากมาก็แล้วกัน 55555
ถึงแล้ววว...ถ่ายรูปๆๆ สักพักฝนลงเม็ดอีก วิ่งเข้าที่ร่มแทบไม่ทัน วันนี้ที่นี่ลักษณะอากาศจะเป็นประมาณฝนตกสลับกับแดดออกตลอดทั้งวัน แต่ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ เสมอและเสมอ เพราะเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด 55555
ขากลับเราปั่นตรงไปยังที่พักโดยไม่แวะที่ไหนอีกเลย ได้แต่ชมวิวข้างทาง พอถึงที่พัก อัพเฟสแป๊บ อยากอวดๆ มันสวยจริงๆคุณผู้ชม ก่อนจะไปอาบน้ำแล้วปั่นไปหาอะไรกินที่วัดเหมือนเดิม กินเสร็จก็แวะดูดนตรี วันนี้มันส์มากกก เล่นเพลงได้ถูกใจมากเลยลูกพี่... ปกติเราชอบเพลงเพื่อชีวิตกันอยู่แล้ว ได้เบียร์ไป 4 กระป๋อง ฟินกันเลยที่เดียว สักพักก็กลับมานอน Zzzzzzzzzz
29 กุมภาฯ 59 ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลาคีรีวง ในใจนี่ยังอยากอยู่ต่ออีกสักคืนสองคืน แต่ด้วยภาระหน้าที่อันใหญ่หลวง(เราคิดเองนะ 55) เลยต้องรีบกลับเข้ากรุงหาเลี้ยงปากท้อง นั่น!!งานดราม่าก็มา ก่อนกลับเราเอาจักรยานมาคืนที่ร้านก่อน จริงๆแล้วเช่า 1 วันจะต้องคืนตอนเย็นเลย แต่พี่เค้าให้เราเอากลับไปที่พัก ตื่นเช้าค่อยมาคืน อันนี้ก็ปลื้มปริ่มมาก สงสัยคุยกันถูกคอ แฮร่ๆๆ คืนจักรยานแล้วเราเดินมาขึ้นรถโดยสารเข้าตัวเมืองนครที่เดิมที่เราลงตอนมา อ่อ ลืมบอกค่ารถโดยสาร นคร-คีรีวง คนละ 25 บาท ถูกกว่าเหมารถมาตั้งเยอะ ก่อนกลับเราแวะกินกาแฟที่ร้านบ้านนายทั่ง คีรีวง ร้านนี้ติดคลองเลย บรรยากาศดีมากๆ ได้อารมณ์ Slow Life สุดๆ
นั่งรถไม่เกิน 1 ชม.ก็ถึงตัวเมืองนคร เป้าหมายเราจะไปวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ไปไงอีกล่ะทีนี้ ถาม!! งานถามอีกแล้ว คราวนี้ถามแม่ชีครับพี่น้อง 555 แม่ชีบอกว่าตามมา เดี๋ยวไปทางเดียวกับแม่ แม่จะกดกริ่งให้ กราบบบ ถึงแล้ววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ไหวพระเสร็จเราก็จะไปศาลหลักเมืองกัน แต่หิวอ่ะ เหลือบไปเห็นร้านป้าเล็ก ข้าวแกงเมืองคอน ฝากท้องไว้ที่นี่แหละ โอ้โห้..กับข้าวน่ากินมาก 2 คนสั่งมา 4 อย่าง ออกร้านมาตัวบวมเลย แล้วก็ข้ามฝั่งไปถามคนแถวนั้น เขาบอกนั่งรถโดยสารไปได้ สายสนามกีฬา-หัวถนน ใช้เวลาไม่นานก็ถึงศาลหลักเมือง
หลังจากนั้นก็โบกรถสายเดิมกลับเข้าไปในตลาด เพื่อที่จะหารถไปสนามบิน เราตัดสินใจโทรหาแท็กซี่ที่แม่ชีให้ไว้ตั้งแต่ตอนเจอกัน แม่ชีสุดยอดครับ จัดการเรื่องรถให้เราทุกอย่าง แล้วแท็กซี่ก็มารับเราไปสนามบิน ระหว่างทางเราคุยกันเหมือนรู้จักกันมาก่อน ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกัน แกบอกมีอะไรถามได้ ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่ก็โทรมาถามพี่ได้ มาถึงตรงนี้เราสองคนคิดว่าทริปนี้เราโชคดีมากๆ เจอแต่คนดีๆตลอดทั้งทริป ผู้คนที่นี่แท้จริงแล้วน่ารักมาก หากเคยได้ฟังจากคนอื่นมาว่าน่ากลัวอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้เปิดใจคิดใหม่ แล้วมาสัมผัสเองเหมือนที่พวกเราเจอมา ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือคนเดินผ่านไปผ่านมา ทุกคนให้การต้อนรับและช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี ต้องขอบอกว่าเราสองคนขอขอบคุณทุกคนจริงๆครับ ทั้งที่ได้กล่าวถึงและอาจจะไม่ได้กล่าวถึงในนี้ ขอบคุณอีกครั้งครับ ขอบคุณจริงๆ
สุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า ขอบคุณครับ สวัสดี
Panu Mongkonputtipak
วันพฤหัสที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.44 น.