ทริปนี้รู้สึกอยากปีนเขา คิดไปคิดมาสรุปขึ้นภูกระดึงแล้วกันเพราะยังไม่เคยไป อีกอย่างต้องรีบขึ้นก่อนที่จะไม่มีแรงปีน 55+ ทริปนี้เลยได้ไป “ภูลมโล" กับ “ภูกระดึง" ผมออกเดินทางวันที่ 21 – 24 ม.ค. 59

ฝากทริปวันว่างด้วยนะครับ
ทริปวันว่าง : ไหว้พระที่“สังขละ" วกไปเล่นน้ำที่“บ้านอีต่อง" นอนแพที่“เขื่อนศรีนครินทร์" ปิดท้ายทริปที่“บ้านกกกอด"
http://pantip.com/topic/34586179

ทริปวันว่าง : เที่ยวใต้ 10 วัน ดูหมอก นอนแพ เที่ยวทะเล เคาท์ดาวน์บนเกาะ
http://pantip.com/topic/34680810


Day 1

ผมออกเดินทางจากกทม.ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ใช้เส้นทางพิษณุโลก จุดหมายคือบ้านร่องกล้า ถนนถือว่าค่อนข้างดีขับง่ายครับ ประมาณตี5กว่าๆ ก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านร่องกล้า ผมทำการจอดรถแล้วก็ไปติดต่อรถ 4x4 เพื่อขึ้นภูลมโล ค่าบริการเหมาคันราคา 800 บาท./10 คน แต่ผมไปถึงเร็วและต้องการไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเลยเหมาขึ้นไปคนเดียว ประมาณเกือบ 6 โมงเช้าผมก็มาถึงจุดจอดรถที่ยอดภูลมโล จากนั้นต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปที่ยอดภูลมโล เดินไม่ไกลเท่าไหร่ครับได้เหงื่อนิดๆ

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านร่องกล้า

ลานจอดรถที่ยอดภูลมโล

จุดชมวิวยอดภูลมโล วันที่ผมไปหมอกลงจัดมาก เลยอดถ่ายแสงยามเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้น


จากนั้นคนขับรถก็พามาที่แปลงต้นพญาเสือโคร่ง แต่โชคร้ายฝนตกหนักมากเลยได้แต่นั่งรอในรถให้ฝนเบาลง ระหว่างรอก็ถ่ายรูปจากในรถเล่น55+

พอฝนเริ่มเบาลงผมก็ลงจากรถมาถ่ายรูปเล่น บรรยากาศหลังฝนตกทำให้มีหมอกบางๆ ดูไปก็สวยไปอีกแบบ

จากนั้นก็เดินทางกลับลงมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวข้างทางก่อนจะถึงศูนย์บริการจะมีทุ่งดอกกระดาษสามารถจอดรถลงไปถ่ายรูปเล่นได้ครับ

ระหว่างทางวันนั้นก็เจอหมอกบางๆตลอดทาง

เส้นทางบนภูลมโลในวันที่ฝนตก

จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านร่องกล้า ขับรถมานิดเดียวก็จะเจอโรงเรียนการเมืองการทหาร ผมเลยแวะลงไปถ่ายรูปเล่น ที่นี่มีใบเมเปิ้ลแดงด้วยนะแต่ตอนที่ผมไปใบเมเปิ้ลยังแดงไม่เต็มที่

ส่วนฝั่งตรงข้ามของถนนก็จะมีกังหันน้ำสวยๆให้ถ่ายรูปเล่น

ช่วงบ่ายแก่ๆแต่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่เพราะมีหมอกบางๆ ผมเลยไปเดินถ่ายรูปเล่นที่ลานหินปุ่มกับผาชูธงในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

จากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าผมขับรถยาวๆไปที่ อ.ภูกระดึง เพื่อเตรียมตัวเดินขึ้นภูกระดึงในวันรุ่งขึ้น ส่วนที่พักคืนนี้ผมนอนที่ ภูน้ำฟ้า รีสอร์ท https://www.facebook.com/phunumfha ราคา 800-1000 บาท./คืน และที่นี่มีจุดกางเต้นท์บริการด้วยนะครับ


Day 2

เช้านี้มีฝนตกปรอยๆ ที่นี่มองเห็นวิวภูกระดึงทั้งลูก ผมมองไปเห็นมีหมอกบางๆ คิดในใจถ้าฝนไม่หยุดตกงานนี้สนุกแน่ๆ 55+

ผมไปถึงอช.ภูกระดึงประมาณ 7 โมงนิดๆ เสียค่าเข้าอุทยาน 30 บาท. จากนั้นก็ทำการจอดรถไว้ที่ลานจอดแลกบัตรจอดรถและก็ไปติดต่อทำเรื่องขอขึ้นภูกระดึงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอช.ภูกระดึง เสียค่าขึ้นอุทยาน 40 บาท. และค่าขอใช้พื้นที่กางเต้นท์ 60 บาท. จากนั้นก็ไปที่จุดบริการลูกหาบ จุดนี้ต้องการชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ต้องการให้ลูกหาบนำขึ้นไป มีค่าใช้จ่าย 30 บาท./กิโลกรัม ทำการติดTag ป้ายชื่อ น้ำหนักที่กระเป๋าให้เรียบร้อย ส่วนเงินค่อยไปจ่ายตอนถึงบนยอดภูครับ

เอากระเป๋าฝากลูกหาบเสร็จผมก็เข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อย เพราะระยะทางอีกยาวไกล ตรงทางขึ้นก็แวะไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลกันสักหน่อย

ระยะทางเดินขึ้นเขาช่วงแรก 5.5 กม. พอถึงหลังแปแล้วต้องเดินไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีก 3.5 กม. ระหว่างทางเห็นพี่ๆลูกหาบแล้วบอกได้คำเดียวว่า สุดยอดมาก เราเดินตัวเปล่ายังหอบเป็นหมา

ระยะทาง 1 กม. ก็ถึงจุดแวะพัก ซำแฮก หมดสภาพครับ55+ ขอนั่งพักสักหน่อย

จากนั้นก็ออกลุยต่อยาวๆ ผ่านซำแล้วซำเล่า

ช่วงหลังๆทางชันมากและมีก้อนหินใหญ่ๆเยอะ ต้องใช้ทั้งมือทั้งเท้าในการปีน 55+

และแล้วก็มาถึงหลังแป ผมใช้เวลาเดินขึ้นมาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

แวะพักพอหายเหนื่อยก็เดินทางต่อ ระยะทางยังไม่จบแค่นั้นครับ ช่วงที่ 2 เราต้องเดินอีก 3.5 กม. จากหลังแปไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นทางราบเดินง่าย

เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยเพลินๆก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

จากนั้นผมก็ไปติดต่อพื้นที่กางเต้นท์ เช่าเครื่องนอน หมอนผ้าห่ม (หมอน 10 บาท/คืน , แผ่นรองนอน 20 บาท/คืน , ถุงนอน 30 บาท/คืน , ผ้าห่มเล็ก 30 บาท/คืน , ผ้าห่มใหญ่ 50 บาท/คืน)

ระหว่างรอลูกหาบผมก็ไปเดินหาจุดกางเต้นท์ ผมหาจุดใกล้ห้องน้ำหน่อยตอนดึกๆจะได้ไม่เดินไกล

ลูกหาบมาถึงช่วงประมาณ 4 โมงเย็น ผมตรวจรับสัมภาระและก็จ่ายเงินตามน้ำหนักที่ชั่งมาทีแรก แล้วก็รีบไปกางเต้นท์ เพราะช่วงเย็นจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก

จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปผาหมากดูกชมพระอาทิตย์ตก ระยะทางประมาณ 2.2 กม. ผมเช่าจักรยานปั่นไป ราคาเช่า 60 บาท ครับ

กลับไปศูนย์บริการผมก็หาข้าวกินซึ่งมีร้านค้าไว้บริการอยู่หลายร้าน จากนั้นก็ไปอาบน้ำเตรียมพักผ่อน กลางคืนที่นี่อากาศจะค่อนข้างเย็นๆครับ ดึกๆมีกวางออกมาเดินให้เราเห็นด้วยนะ


Day 3

เมื่อคืนหลับสบายมากคงเพลียจากการปีนเขา ผมตั้งปลุกตี 4 ครึ่ง เพราะจนท.อช.นัดรวมตัวที่ศูนย์บริการตอนตี 5 สำหรับคนที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น

กลับจากผานกแอ่นผมก็ทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ และก็เช่าจักรยานเพื่อปั่นไปเที่ยวจุดต่างๆ ค่าเช่าทั้งวัน ราคา 360 บาท. จุดแรกผมไปไหว้พระก่อนเพื่อเป็นศิริมงคล

ต่อไปผมเลือกเส้นทางน้ำตก จุดนี้ต้องจอดรถจักรยานไว้และเดินเท้าเข้าไป ช่วงผมไปใบเมเปิ้ลแดงเริ่มร่วงจะหมดแล้วแต่ยังพอมีให้ถ่ายรูปอยู่บ้าง


จากเส้นทางน้ำตกผมก็กลับออกมา แล้วก็ปั่นจักรยานตามทางไปที่สระอโนดาต

จุดหมายวันนี้ผมจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก แต่ยังพอมีเวลาเหลือผมเลยแวะไปถ่ายรูปตามผาต่างๆ

แวะถ่ายรูปเล่นตามหน้าผามาเรื่อยๆก็มาถึงผาหล่มสักประมาณ 4 โมงกว่า จุดนี้มีร้านค้าบริการ (ผาหล่มสักห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 9 กม.)


ช่วงเย็นผมก็นั่งชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก

หลังจากนั้นฝนที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะตกก็ตกลงมา ระยะทางขากลับอีก 9 กม. มีทั้งฝนทั้งหมอก ผมถึงศูนย์บริการประมาณทุ่มครึ่ง เห็นใจคนที่เดินเท้ากลับจากผาหล่มสักไม่รู้ถึงกันกี่โมง

คืนนั้นทั้งคืนความหนาวแบบสุดๆก็มาเยือน (ช่วงที่กทม.หนาวกันอยู่ 3-4วัน)


Day 4

7 โมงกว่ากับอากาศหนาวสุดๆ ผมนอนในเต้นท์รอจน 9 โมงกว่าอากาศก็ยังหนาวเหมือนเดิม ดูท่าทางจะไม่มีแดดแน่ๆเลยตัดสินใจเก็บเต้นท์เตรียมตัวลงเขาตามที่วางแผนไว้ว่าจะกลับวันนี้

หลังจากเอาของไปฝากลูกหาบเสร็จผมก็เดินลุยหมอกไปที่หลังแป เตรียมตัวลงเขา บรรยากาศระหว่างทางตอนหมอกลงก็สวยดีนะครับ

ระหว่างทางถ้าเก็บขยะลงมา ทางอุทยานจะมีใบประกาศเกียรติคุณให้ด้วยนะครับ (คนมักง่ายมีอยู่ทุกที่)

**ทริปนี้ได้สัมผัสครบทุกฤดูจริง มีทั้ง ร้อน หนาว ฝน หมอก เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจมากๆ

ความคิดเห็น