ร้อนจัดปลัดบอกแบบนี้ เห็นทีคงจะต้องหากิจกรรมทำเพื่อคลายร้อน หลายคนมีวิธีคลายร้อนที่แตกต่างกันไป แต่ผมเลือกที่จะไปนั่งฟังเสียงคลื่น เอาเท้าจุ่มน้ำทะเล เอาร่างกายไปรับวิตามิน Sea พร้อมกับถ่ายรูปมุมสวยๆ มาอวดเพื่อนๆ กัน แต่จะเป็นทะเลที่ไหนดีละ โจทย์คือไม่อยากไปไกลมากนัก และเป็นสถานที่ที่ผมยังไม่เคยไป สุดท้ายมาจบที่ เกาะหมาก จังหวัดตราด ครับ

เกาะหมาก มีลักษณะเหมือนดาว 4 แฉก เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มากนัก มีพื้นที่ราว 9,000 ไร่ อยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร บนเกาะมีสวนมะพร้าวรวมถึงสวนยางพาราและท้องทะเลที่สวยงาม บนเกาะไม่มีสถานบันเทิง ไม่มี 7-11 ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาะหมากยังคงเดิมเกือบ 100% บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน มาใช้ชีวิตแบบ Slow life เป็นอย่างมาก เกาะหมากมีฐานะเป็นตำบลเกาะหมาก ในอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราดครับ

ทีนี้เรามาดูกันว่าบนเกาะหมากมีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ผมจะมาแนะนำ 11 จุดที่ไม่ควรพลาด หากมาเที่ยวเกาะหมากครับ


1. ชายหาดทอดยาวที่อ่าวสวนใหญ่

อ่าวสวนใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตก (ตอนบน) ของเกาะหมาก หาดทรายค่อนข้างยาว ทอดยาวไปจนถึงอ่าวพระ ชายหาดสะอาด สีของทรายออกสีน้ำตาล รีสอร์ทโดยรอบที่อยู่ที่อ่าวสวนใหญ่ประกอบด้วย เกาะหมากรีสอร์ท, Seavana Resort ครับ

ชายหาดบริเวณนี้ถ่ายจาก Seavana Resort มองออกไปข้างหน้าจะเห็นเกาะขาม วันที่ผมไปฟ้าค่อนข้างปิด น้ำทะเลเลยไม่ค่อยใสและสีไม่สวยเท่าที่ควร ชายหาดบริเวณนี้สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่มีริ้นทะเลค่อนข้างเยอะ เพื่อนผมโดนริ้นทะเลกัด คันคะเยอไปหลายวันเลยครับ

เมื่อหันหลังให้รีสอร์ท แล้วเดินไปทางขวามือเรื่อยๆ จะเป็นพื้นที่ของเกาะหมากรีสอร์ท บริเวณเกาะหมากรีสอร์ทจะมีทิวของต้นมะพร้าวที่เอนลู่เข้าสู่ทะเล มีชิงช้าตัวน้อยๆ ให้โล้เล่นด้วย ถ่ายรูปออกมาสวยดีเหมือนกันครับ






แต่ถ้าหากมองไปทางซ้ายมือ จะมองเห็นอ่าวพระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท ที่มีพระเอกอย่างสะพานไม้ทอดยาวและมีบาร์กลางน้ำด้วย จุดนี้ผมว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้จุดไหนๆ บนเกาะหมากเลย พระอาทิตย์ตกหลังเกาะผี มีฉากหน้าเป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวสู่ทะเล เสียดายที่วันที่ผมไปฟ้าปิด แต่ก็ยังพอได้เห็นแสงสีทองอยู่บ้าง

พิกัดถ่ายภาพ : Seavana Resort


2. บาร์กลางน้ำที่อ่าวพระ

สะพานไม้ที่ทอดยาวลงสู่น้ำทะเลใสๆ บริเวณอ่าวพระ นับเป็นจุด Check in ที่นักท่องเที่ยวที่มาเกาะหมากไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกบริเวณบาร์กลางน้ำได้ บรรยากาศยามค่ำนี่คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ โรแมนติกมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นเกาะขามอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยครับ

พิกัดถ่ายภาพ : เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท


3. ผจญภัยที่แหลมตุ๊กตา

Cr. น้ำ ฟ้า ป่า เขา

ที่แหลมตุ๊กตามีประติมากรรมทางธรรมชาติ เป็นโขดหินที่มีลักษณะคล้ายตุ๊กตา แต่การที่จะเข้าไปยังโขดหินนั้นต้องสมบุกสมบันกันพอสมควร เริ่มตั้งแต่เดินขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ พอให้เหงื่อได้ซึมๆ จากนั้นค่อยๆ เกาะเชือกเดินลงเนินไปอีกนิดหน่อยจนถึงหาดหิน ซึ่งเต็มไปด้วยหินน้อยใหญ่มากมาย (รวมถึงขยะที่เกิดจากการพัดพาของกระแสน้ำ) จากนั้นต้องค่อยๆ ปีนป่ายไปตามหน้าผา ซึ่งถ้าไม่ชัวร์ก็อย่าเสี่ยงเลยครับ ผมเองก็ไม่เสี่ยงเพราะดูอันตรายเหมือนกัน แต่ได้แค่มานั่งฟังเสียงคลื่นกระทบกับหินก็ถือว่าโอเคแล้วครับ

พิกัดถ่ายภาพ : แหลมตุ๊กตา


4. ทิวมะพร้าวเอนที่อ่าวกระทิง


ชายหาดบริเวณอ่าวกระทิงทอดยาวพอๆ กับอ่าวสวนใหญ่ แต่ความสะอาดของชายหาดอาจจะเป็นรองอ่าวสวนใหญ่อยู่หลายขุมอยู่ มองออกไปสู่ทะเลจะเห็นเกาะระยั้งใน ระยั้งนอก และปลายแหลมตุ๊กตา เมื่อหันหลังให้ Holiday Beach Resort แล้วเดินไปทางขวาเรื่อยๆ จะเห็นทิวมะพร้าวเอน บางต้นเอียงท้าลมจนแทบขนานกับพื้นโลกเลยทีเดียว สวยงามแปลกตาดีครับ



แต่ถ้าหากมองไปทางซ้ายมือ จะมองเห็นท่าเรือมะกะธานี ชายหาดทางซ้ายมือนี้ดูสะอาดกว่าบริเวณทิวมะพร้าวอยู่มาก นับเป็นอีกหนึ่งจุด Check in ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน

พิกัดถ่ายภาพ : Holiday Beach Resort


5. อ่าวขาว

ถึงแม้อ่าวขาวจะมีหาดทรายเล็กๆ แต่ที่แตกต่างจากหากอื่นๆ เห็นจะเป็นหินก้อนใหญ่ๆ ที่มีรูพรุน คล้ายๆ กับหินศิลาแรง มองดูแล้วแปลกตาดีเหมือนกัน หาดแห่งนี้ค่อนข้างเงียบ เหมาะกับการมานั่งฟินฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งมากๆ ครับ

พิกัดถ่ายภาพ : Ao Kao White Sand Beach Resort


6. นอนเล่นรับลมที่อ่าวทองหลาง

ถึงแม้อ่าวทองหลางจะไม่ได้ขายชายหาด แต่อ่าวทองหลางก็นับเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจะมานอนเล่นสูดกลิ่นอายของทะเล จุดชมวิวของอ่าวทองหลางอยู่ภายใน Talay Time Resort ซึ่งมีร้านอาหารเล็กๆ ของรีสอร์ทไว้คอยบริการด้วยครับ

พิกัดถ่ายภาพ : Talay Time Resort


7. ของเก่าเล่าเรื่องที่พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก

พิพิธภัณฑ์เกาะหมากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเกาะหมากซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปหัตถกรรมอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บนเกาะหมาก ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 10.30-17.00 น. แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวประสงค์จะช่วยสานต่อลมหายใจให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็สามารถบริจาคเงินเพื่อช่วยซ่อมแซมอาคารพิพิธภัณฑ์ให้อยู่คู่เกาะหมากไปนานๆ ได้นะครับ พิพิธภัณฑ์เกาะหมากอยู่บริเวณเดียวกับเกาะหมากซีฟู๊ดครับ

พิกัดถ่ายภาพ : พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก


8. วัดแห่งแรกและแห่งเดียวบนเกาะหมาก

วัดเกาะหมาก เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2490 ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะหมากมาอย่างยาวนาน ภายในวัดมีต้นโพธิ์ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ความสงบร่มเย็นแก่วัดเป็นอย่างมาก

พิกัดถ่ายภาพ : วัดเกาะหมาก


9. สะพานสู่ฝันที่อ่าวตั๋น








สะพานไม้สู่ฝัน ที่ทอดตัวลงสู่น้ำทะเลใสๆ กว่า 460 เมตร ในวันที่แดดดีๆ นี่ มันสวยงามเกินบรรยายเลยครับ มองเห็นสีของน้ำทะเลหลายเฉดสี ความใสของน้ำทะเลไม่ต้องพูดถึง เพราะใสมาก


ความอุดมสมบูรณ์ของหญ้าทะเลที่อยู่บริเวณกึ่งกลางสะพานพลิ้วไหวไปตามกระแสคลื่น




ความใสของน้ำทะเล เรียกได้ว่าใสกิ๊กเลยทีเดียว





จะเรียกว่ามัลดีฟเมืองไทย ก็คงไม่ผิดนะครับ สะพานสู่ฝันอยู่ในพื้นที่ของ The Cinnamon Art Resort & Spa








ที่อ่าวตั๋นเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ไม่ควรพลาดครับ

พิกัดถ่ายภาพ : The Cinnamon Art Resort & Spa


10. สัมผัสหินภูเขาไฟที่เกาะขาม






เกาะขาม เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหมาก อยู่ห่างจากอ่าวสวนใหญ่ประมาณ 1 กิโลเมตร จากเกาะหมากเราสามารถซื้อทัวร์ข้ามไปเกาะขามได้ ในราคา 300 บาท (รวมค่าเรือไป-กลับและค่าขึ้นเกาะ) นั่งเรือยนต์เล็กๆ ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะขามแล้วครับ ติดต่อซื้อทัวร์ได้ที่ด้านหน้าเกาะหมากรีสอร์ท หรือถ้าใครมีกำลังวังชาดีๆ สามารถพายเรือคายัคข้ามไปที่เกาะขามก็ไม่ผิดกติกาครับ



ขอบอกเลยว่า ที่เกาะขาม หาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้ามากๆ แถมน้ำก็ใสมากๆ ครับ เมื่อขึ้นไปบนเกาะขามแล้วเราสามารถนำตั๋วเรือไปแลกน้ำอัดลมเย็นๆ ได้คนละ 1 กระป๋องด้วยนะครับ






นอกจากความขาวละเอียดของหาดทราย ความใสของน้ำทะเลแล้ว ที่เกาะขามยังมีกลุ่มหินภูเขาไฟสีดำทะมึน ตั้งตระหง่านกระจัดกระจายอยู่ตามชายหาดด้วยนะครับ สวยงามแปลกตาเชียว นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน บริเวณนี้เคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน แต่ในปัจจุบันได้หยุดประทุแล้ว จึงเหลือแต่เพียงร่องรอยหินสีดำให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน



ถ้าหากมาถูกช่วง ถูกเวลา จะเห็นสันทรายขาวทอดยาวลงสู่ทะเลเห็นว่าช่วงน้ำลงมากๆ สันทรายจะยาวออกไปไกลจนเกือบถึงเกาะหมากเลยครับ



ใกล้ๆ กับจุดลงเรือ มีสะพานไม้ทอดตัวยาวลงสู่ทะเล สามารถเดินไปชมวิวได้ครับ


เรือใบกำลังเล่นลมอยู่ใกล้ๆ กับเกาะขามครับ



บนเกาะขาม ยังมีกลุ่มอาคารที่คาดว่าน่าจะสร้างเป็นรีสอร์ท แต่เนื่องจากเหตุผลอันใดไม่ทราบ ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง เหลือเป็นอนุสรณ์เก๋ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพเล่นๆ กันครับ

เรือที่จะข้ามไปยังเกาะขาม มีบริการวันละ 3 รอบ คือรอบ 10.30 น., 13.30 น. และรอบ 15.00 น. โดยนักท่องเที่ยวที่ไปกับเรือรอบ 15.00 น. จะมีเวลาพักผ่อนบนเกาะขามจนถึงเวลา 17.00 น. ก็จะมีเรือมารับกลับเข้าฝั่ง มาเกาะหมากแล้ว แนะนำว่าไม่ควรพลาดข้ามไปเที่ยวที่เกาะขามด้วยนะครับ ถ้าไม่ไปถือว่าพลาดมากๆ ครับ

สถานที่ถ่ายภาพ : เกาะขาม


11. ท่องซาฟารีกลางทะเลที่เกาะกระดาด

เกาะกระดาด อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะหมาก เป็นอีกหนึ่งเกาะที่สามารถข้ามจากเกาะหมากไปเที่ยวได้สะดวกที่สุด เพราะอยู่ไม่ไกลกัน นั่งเรือยนต์เล็กๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ

ตามพระราชหัตถเลขาของ ร.5 ทรงเขียนชื่อ “เกาะกระดาด” น่าจะมาจากชื่อของต้นกระดาด ที่พบมากบนเกาะ ลักษณะของต้นกระดาดจะคล้ายๆ ต้นบอน ต้นเผือก ที่ชอบขึ้นอยู่ตามชายหาดชื้นแฉะ โดยหัวของต้นกระดาดมีสรรพคุณใช้ทำยาได้ ต่อมาพบในตราจองเขียนว่า “เกาะกระดาด” น่าจะมาจากลักษณะทางภูมิประเทศของเกาะที่มีลักษณะแบนราบทั้งเกาะ ไม่มีภูเขา เกาะกระดาดมีการออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่สมัย ร.5 สาเหตุมาจากในสมัยนั้นฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบเอเชียอาคเนย์ และพยายามจะยึดครองแผ่นดินของไทย ซึ่งเกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่งที่ฝรั่งเศสต้องการยึดครอง ดังนั้น ร.5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกโฉนดที่ดินของเกาะขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเกาะกระดาดคือผืนแผ่นดินไทย

ขึ้นมาบนเกาะกระดาดแล้ว แนะนำให้ไปนั่งรถอีกแต๊กกินลมชมวิวบนเกาะ ไปส่องกวางที่ออกหากินตามธรรมชาตินับร้อยๆ ตัวกันด้วยนะครับ คนเรือเล่าให้ผมฟังว่าเดิมทีเดียวมีกวางเพียงแค่ 2 ตัว ต่อมาภายหลังได้ออกลูกออกหลานจนมีจำนวนนับร้อยๆ ตัว ทำให้เกาะกระดาดแห่งนี้ได้รับฉายาว่าเป็น “ซาฟารีกลางทะเล” และทาง ททท. ได้เลือกให้เกาะกระดาดเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ด้วยครับ

เพียงแค่ได้ก้าวเท้าขึ้นสู่ฝั่ง เหล่ากวางน้อยใหญ่ต่างก็มาแทะเล็มหญ้าอวดสายตานักท่องเที่ยว จนทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ไหวเพราะไม่คิดว่าจะเห็นกวางได้ง่ายขนาดนี้ บางตัวก็คุ้นเคยกับคนจนสามารถเข้าไปลูบหัวได้ บางตัวก็ยังตื่นๆ คนอยู่บ้างครับ

ถ้ามีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวบนเกาะเยอะก็จะมีรถอีแต๊กไว้บริการพาชมวิวรอบเกาะ แต่ถ้านักท่องเที่ยวน้อยก็จะใช้รถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างเป็นยานพาหนะแทนครับ


โชเฟอร์เรือผมทำ 2 หน้าที่เป็นทั้งคนขับเรือและคนขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง พาขับรถฝ่าดงมะพร้าว ลูกทริปต่างหัวสั่นหัวคลอนกันเป็นแถว สักพักรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างก็พาผมไปโผล่ที่ด้านหลังของเกาะ และด้านหลังเกาะนี้เองก็จะพบกับอีกหนึ่งไฮไลท์ นั่นคือ ต้นมะพร้าวที่เอนลู่ไปตามแรงลม ทอดลำต้นเข้าหาชายทะเล นับเป็นต้นมะพร้าวหนึ่งเดียวที่โอนเอนบนเกาะกระดาดครับ


ขากลับโซเฟอร์พาขับไปอีกทาง ผ่านดงดอกแพงพวยที่ต่างพากันบานอวดโฉมอยู่เต็มทุ่ง มีฉากหลังเป็นทิวมะพร้าว สวยงามมาก หากมาจังหวะดีๆ จะเห็นฝูงกวางออกมาแทะเล็มหญ้าอยู่ในดงดอกแพงพวยด้วย เสียดายที่กวางตื่นเสียงมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง เลยกระโดดหนีไปก่อนที่ผมจะกดชัตเตอร์ได้ทัน



ภาพประวัติศาสตร์สมัยที่ ร.5 ทรงประพาสเกาะกระดาดครับ


เกาะกระดาดเป็นเกาะส่วนตัว ด้านบนเกาะมีรีสอร์ทเพียง 1 แห่งเท่านั้น มีทั้งแบบเรือนแถวและเป็นหลัง ผมว่าถ้าใครอยากจะมาพักผ่อนแบบตัดขาดจากโลกภายนอก ที่เกาะกระดาดนี่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดแล้วครับ

สำหรับใครที่สนใจจะข้ามไปเที่ยวที่เกาะกระดาด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ The Cinnamon Art Resort & Spa ที่เบอร์ 099-2869714 (เป็นท่าเรือที่ใกล้เกาะกระดาดที่สุด) ค่าบริการ 400 บาท (ค่าเรือไป-กลับ, ค่าขึ้นเกาะ, ค่านั่งรถอีแต๊ก)


ดูชายหาดสวยๆ กันไปหลายจุดแล้ว ไปดูที่พักที่ผมเลือกจองตลอด 2 คืนกันบ้างดีกว่า สาเหตุที่ผมเลือกเข้าพักที่นี่ เพราะต้องการซึมซับกับสะพานสู่ฝันให้ได้มากที่สุดครับ และที่แห่งนั้นก็คือ The Cinnamon Art Resort & Spa ครับ

The Cinnamon Art Resort & Spa ตั้งอยู่ที่อ่าวตั๋น น่าจะเป็นรีสอร์ทเดียวที่อยู่ในบริเวณนั้น ทำให้ที่นี่เงียบและสงบมาก ชายหาดไม่ค่อยเหมาะกับการลงเล่นน้ำครับ




บริเวณ Lobby ออกแบบสูงโปร่ง พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว บรรยากาศแบบ Open Air จัดเตรียมที่นั่งเพื่อรับรองแขกให้ได้นั่งพักระหว่างรอ Check in และ Check out ครับ


ตรงข้ามกับ Lobby ทางรีสอร์ททำคล้ายๆ กับลานเอนกประสงค์ ให้แขกได้มานั่งเล่น ชมวิวทะเลด้วยครับ


ห้องพักของ The Cinnamon Art Resort & Spa มี 6 Type คือ Eco Room, Garden view, Autumn Leaf, Pool Side Villa, Beach Front และ Pool Hut Villa สำหรับการเข้าพักครั้งนี้ ผมเลือกจองห้องพักแบบ Garden View ลักษณะจะเป็นตัวอาคาร 2 ชั้น ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดของรีสอร์ท ครับ



ห้องพักตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่อาจจะดูเก่าบ้างไปสักนิด เตียงนอนขนาด 5 ฟุต มีให้ 2 เตียง หมอนหนุนมีให้เตียงละ 2 ใบ (แต่หมอนนอนแล้วไม่ค่อยสบายเพราะค่อนข้างแบน พอนำมาซ้อนกันก็กลับสูงไปเสียอีก) พื้นที่ภายในห้องพักค่อนข้างกว้างขวาง แถมยังมีหยากไย่กองใหญ่ให้เห็นด้วย


มีระเบียงให้ออกมาชมวิวด้านนอกด้วยครับ



ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยผ้าม่านพลาสติก บริเวณโถสุขภัณฑ์มีสายฉีดชำระให้ครับ


สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ ประกอบด้วยน้ำดื่มฟรีวันละ 2 ขวด เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ทีวี กาน้ำร้อน เครื่องทำน้ำอุ่น ปลั๊กไฟมีให้หลายจุด มีมุมทำงานและชุดโซฟาสำหรับนั่งเล่น ห้องที่ผมเข้าพักค่อนข้างจะเจอแจ๊คพอต เพราะลูกบิดประตูทั้ง 3 จุด (ประตูทางเข้า, ประตูห้องน้ำ, ประตูระเบียง) ค่อนข้างชำรุด (ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะห้องผมหรือเป็นทุกห้อง) ซ้ำร้ายที่สุดที่ลูกบิดประตูทางเข้า หลังจากที่กลับมาจากมื้อค่ำก็ปิดประตูเตรียมเข้านอนและไม่คิดว่าจะออกไปไหนแล้ว ก็เลยกดล๊อคกลอนและใช้โซ่คล้องเพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างนอกเปิดประตูเข้ามาได้ ตื่นเช้ามาถึงกับตกใจ เพราะประตูถูกแง้มออกมา ดีที่ผมคล้องโซ่ไว้ ไม่เช่นนั้นประตูคงเปิดอ้าซ่าทั้งคืนแน่ๆ สาเหตุที่ประตูเปิดอ้าซ่า เพราะตัวสลักกลอนมีปัญหา ทำให้ลูกบิดประตูมันไม่มีการล๊อคใดๆ เลย เพียงแค่เอานิ้วดันประตูจากภายนอก ประตูก็สามารถเปิดได้แล้ว ผมพยายามปิดอยู่หลายรอบกว่าตัวสลักกลอนมันจะลงล๊อคของมัน





ไปสำรวจบรรยากาศโดยรอบกันบ้าง ทางรีสอร์ทใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง เช่น ป้ายบอกทาง ทางเดินที่เป็นไม้ระแนง ซึ่งมันทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ผนังห้องบางห้องก็เห็นถึงความทรุดโทรมอยู่พอสมควร



ห้องอาหารอยู่ติดกับสะพานสู่ฝันครับ



มีบาร์เครื่องดื่มริมชายหาดด้วย


อาหารตามสั่งราคาค่อนข้างแรงตามสไตล์อาหารในรีสอร์ทครับ อย่างผัดขี้เมาทะเลจานละ 140 บาท น้ำดื่มขวดเล็ก 20 บาท ขวดใหญ่ 50 บาท

เนื่องจากรีสอร์ทอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนพอสมควร ในวันแรกผมไม่ได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ เลยต้องไปใช้บริการมื้อค่ำของทางรีสอร์ท ราคาก็แรงอย่างที่บอกไปตอนต้น แต่ด้วยความสะดวกเลยต้องยอมใช้บริการครับ มื้อค่ำสั่งอาหารมา 2 เมนู คือ ปลาหมึกทอดกระเทียม (180 บาท) , ยำทะเล (180 บาท) ข้าวเปล่า 2 จาน (จานละ 30 บาท) น้ำส้ม (แก้วละ 100 บาท) ชามะนาว (แก้วละ 80 บาท) น้ำแข็ง (กระเป๋งละ 30 บาท) และน้ำขวดเล็กอีก 1 ขวด เบ็ดเสร็จมื้อค่ำโดนไป 650 บาทครับ

มาดูอาหารเช้ากันบ้าง มื้อเช้าเป็นแบบ Buffet หลักๆ จะมี ข้าวผัด ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ข้าวต้มกุ้ง สลัดผัก ขนมปัง ผลไม้ (สับปะรดและแตงโม) กาแฟ โอวันติน น้ำส้ม (เจือจางมาก มากซะจนแทบไม่ได้กลิ่นของน้ำส้มเลย) ส่วนอีกหนึ่งวัน จากข้าวผัดเปลี่ยนเป็นไข่ดาว, ข้าวต้มกุ้งเปลี่ยนเป็นข้าวต้มหมูเห็ดหอม โดยรวมแล้ว ผมให้คะแนนของอาหารเช้า 6/10 ครับ

ราคาห้องพักทุกประเภทจะรวมอาหารเช้าแล้ว ยกเว้นห้องพักแบบ Eco Room ซึ่งหากต้องการใช้บริการอาหารเช้า จะต้องจ่ายเพิ่ม 200 บาทครับ

ในรีสอร์ทมีบริการรถมอเตอร์ไซด์เช่าคันละ 300 บาท/วัน และมีบริการเรือนำเที่ยวเกาะกระดาด (ราคา 400 บาท/คน)นอกจากนี้ยังมีบริการรถรับ-ส่งที่ท่าเรือฟรีครับ

การเข้าพักที่ The Cinnamon Art Resort & Spa โดยรวมแล้วห้องพักค่อนข้างเก่า แอบผิดหวังนิดๆ เพราะคิดว่าห้องพักน่าจะสภาพดีกว่านี้ แต่เรื่องบรรยากาศต้องยกให้เขาจริงๆ จะบอกว่าที่นี่เหมาะกับผู้ที่ต้องการการพักผ่อนแบบเงียบๆ ซึมซับกับบรรยากาศสวยๆ และไม่ยึดติดกับสิ่งอำนวยความสะดวกสักเท่าไร

ไปดูเรื่องอาหารการกินกันบ้าง หากไม่ซีเรียสว่ามาทะเลแล้วต้องกินอาหารทะเล อยากแนะนำร้านอาหารครัวอีสาน ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรืออ่าวนิดครับ

ก็ตามชื่อของร้านนะครับ ครัวอีสาน ก็ขายอาหารอีสาน ประเภทส้มตำต่างๆ ลาบ น้ำตก รสชาติอาหารนับว่าแซ๊บได้ใจ ราคาไม่แพงด้วย อย่างส้มตำปูปลาร้า 60 บาท ลาบหมู 80 บาท กุ้งทอด 50 บาท ข้าวเหนียวห่อละ 20 บาท ที่สำคัญน้ำดื่มและน้ำแข็งมีให้บริการฟรี เบ็ดเสร็จมื้อนี้จ่ายเพียง 230 บาทครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 11 จุดถ่ายภาพที่แนะนำไป เกาะหมากเป็นเกาะต้นแบบของการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon เที่ยวไปด้วย รักษ์โลกไปด้วย เหมาะกับการไปใช้ชีวิตแบบ Slow Life มากๆ ครับ

"มัลดีฟสอง ต้องเกาะหมาก มากเสน่ห์

มนต์ทะเล เก๋สงบ พบน้ำใส

ความพอเพียง เคียงธรรมะ สบายใจ

Slow life ในเกาะนี้ ดีจังเลย"

ความคิดเห็น