สวัสดี...

และแล้วก็ถึงเวลาตามแผนที่วางไว้ ทริปนี้จัดยาวยาว 4 วัน 3 คืน 22-25 ธันวาคม 2558 อยากหาที่สูดอากาศดีๆ บรรยากาศดีๆ สักที่ เคยเห็นที่แห่งหนึ่งตามกระทู้พันทิปนี่แหละ สวยใช้ได้ทีเดียว เห็นเขาว่าเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ หมู่บ้านคีรีวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช นั่นเอง ! เลยนั่งคิดชื่อทริป คิดไปคิดมาเอานั่นเลยละกัน "ใจหนึ่งดวง เป้สองใบขึ้นรถไฟไป "คีรีวง" แต่..ตามที่คิดไว้อยากมีโมเม้น Slow life นั่งรถไฟไปเลยต้องหาจุดตั้งหลัก ที่ตกลงกันคือ "พัทลุง"

เริ่มออกเดินทางกันเลย...ครับผม

เช้าวันอังคาร 22 ธันวาคม 2558 ทริปนี้มีเพื่อนร่วมทางด้วย เราเริ่มจากจุดเริ่มต้นต่างกันแต่จุดหมายเดียวกัน เป้ใบแรกจากชุมพร ใบที่สองจากกระบี่ ผมเริ่มเดินทางจากกระบี่สู่พัทลุง ด้วยรถตู้ กระบี่-หาดใหญ่ เพราะรถตรงจากกระบี่ไม่มี ใช้เวลาเดินทางถึงพัทลุง ประมาณ 3 ชั่วโมง จุดนัดพบของเราคือสถานีขนส่งผู้โดยสารพัทลุง เราได้เจอกันก็ตอน 5 โมงเย็นแล้ว เลยหาที่นอนกันในตัวเมืองพัทลุง เพื่อรอขึ้นรถไฟไปนครศรีธรรมราชกัน...(ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย) 555

เช้าวันพุธ 23 ธันวาคม 2558 การเดินทางจริงๆก็เริ่มขึ้น ตื่นเต้นมากๆ เเละไม่รอช้าสิ่งแรกต้องเช็คตั๋วรถไฟไปนครศรีธรรมราช ขบวน 456 (ชั้น3 รถไฟฟรี) ได้ตั๋วมาแล้ววว ^^

ตามตารางเวลารถถึงจะเวลา 11.18 ถึงเวลาแล้วรถก็ยังไม่มาและแล้วสิ่งที่กลัวที่สุดก็เป็นจริง รถไฟเสียเวลา นี่แหละรถไฟไทย เลยหาที่ลั่นชัตเตอร์กัน

แล้วก็นั่งรอกันต่อไป..........ปู้นนนไปปู้นนนมา จนได้เวลา 12.40 เสียงดังมา ปู้นนนนนนนนี้คงใช่ขบวนที่เราไปก็เริ่มออกเดินทางเลยครับ...

นี่คือสิ่งที่ผมได้มาระหว่างทางมันคือประสบการณ์ใหม่

และแล้วรถไฟขบวนนี้ก็เทียบชานชลา สถานีนครศรีธรรมราช รถไฟจอดสนิท เวลา 16.40 เราต้องนั่งรถต่อไปยังบ้านคีรีวง

ด้วยรถสองแถว นครศรีฯ-คีรีวง เดินไม่ได้ละ วิ่งสิ คิวรถคีรีวงอยู่หน๊ายยย ท่ามกลางสายฝนโปรปราย ชุ่มฉ่ำ โชคดีเห็นรถผ่านมาพอดี โบกอย่างเร็ว (หัวใจเริ่มมีหวังตื่นเต้นตลอดเวลา)

ในสุดเราก็ถึงที่หมาย โอ้ววววว "คีรีวง" เราใช้เวลานั่งรถประมาณ 30 นาที ค่ารถ คนละ 30 บาท ส่งถึงหน้าบ้านเลย แค่บอกว่าพักบ้านใครคนขับเขาก็รู้จักหมด คือดีงะ 555

ถึงที่พัก เก็บกระเป๋า โฮมสเตย์ที่เราพัก เป็นของผู้ใหญ่นุ หมู่ 8 คล้ายกับห้องแถวซึ่งผิดจากที่คาดหวังมานิดหน่อย และตอนนี้ฝนตกยังไม่หยุดตก เศร้าเลย ไม่รอช้าลุยกันเลย สอบถามหาบ้านนายทั่ง (ตามพันทิปมา) เพื่อเช่าจักรยาน เราเดินจากที่พักมาประมาณ 600 เมตร ยอมลุยฝนตามหาบ้านนายทั่ง และเราก็หากันจนเจอ พร้อมแล้วยานพาหนะสองล้อคู่ใจตลอดทริปนี้ จักรยานค่าเช่าวันละ 50 บาทนะ สามารถเลือกได้ตามชอบเลย

อาหารมื้อแรกที่คีรีวงก็ถูกวางอยู่ตรงหน้า ถูกจัดวางอยู่ในถาด เป็นอาหารพื้นบ้าน 6 อย่าง ผักวุ้นเส้น แกงส้ม ไข่เจียว ปลาทูทอด(คอหักด้วย55) น้ำพริกและผัก รสชาติใช้ได้เลย รสชาติคนใต้แท้ๆเลย สงสัยด้วยความหิวมาทั้งวัน จัดไปซะอิ่มจนเกือบล้นคอ 5555

อิ่มแล้วหนังตามันเริ่มจะปิด ขอพักผ่อนก่อนตื่นมาพรุ่งนี้เราไปลุยทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านนี้ที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย "คีรีวง"

เช้าวันแรกที่บ้านคีรีวง 23 ธันวาคม 2558 เมื่อวานเดินทางกันมาหนักมาก วันนี้เลยตื่นซะสายเลย อดดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไม่เป็นไรเราอยู่กันอีกหลายวัน เราเริ่มออกสำรวจที่นี่กันตั้งเเต่เช้าไปกับจักรยานคู่ใจจากบ้านนายทั่ง ระหว่างทางไปสะดุดตากับลำธารสายใหญ่ที่ทอดผ่านกลางระหว่างหมู่บ้าน ไหลมาจากภูเขา ซึ่งถือว่าเป็นสายน้ำสำคัญของหมู่บ้านเลยละ บางคนก็นั่งซักผ้า บางคนก็อาบน้ำ น่าอิจฉาคนที่นี่เนอะได้อาบน้ำท่ามกลางบรรยาศที่สุดจะบรรยายจริงๆ

ก่อนที่จะมาที่นี่ผมก็ได้ศึกษามาพอคร่าวๆว่าจะเที่ยวไหนได้บ้าง ที่แรกที่น่าสนใจคือ "หนานหินท่าหา" ซึ่งจะมีสะพานแขวนอยู่ เลยสอบถามทางจากป้าที่กำลังซักผ้าริมน้ำในหมู่บ้าน "สะพานแขวนไปทางไหนครับ" ป้าก็ทำหน้างง ผมเลยให้ดูรูป ป้าเลยอ่อ! "สะพานเว" ผมเลยนึกได้ว่า คำว่า "เว" ภาษาใต้ คือ การแกว่งไปแกว่งมา นั่นก็คือสะพานแขวนนั่นแหละครับ เฮ้อออ ขอบคุญครับป้า 5555

เราปั่นจักรยานกันไปเรื่อยๆเลียบลำธารไป ซักประมาณ 2 กิโลเมตรนิดๆนะครับ ก็ถึง "หนานหินท่าหา" บรรยากาศใช้ได้เลย มองออกไปด้านหน้าเป็นภูขาต่ำลงมาเจอสะพานแขวนและด้านล่างเป็นสายน้ำไหลช้าๆ น้ำใสจนเห็นตัวปลาจริงๆ (บรรยายซะเห็นภาพเลย)


ก่อนกลับหันไปเห็นร้านขายน้ำร้านเล็กๆตั้งอยู่ริมน้ำ และผมคงไม่พลาดที่จะนั่งดื่มด่ำท่ามกลางบรรยาศแบบนี้ ฟินยาวววเลย

มีอาหารปลาไว้จำหน่ายด้วย เผื่อใครต้องการดูปลา...

ก่อนที่จะไปที่ต่อไปเราผ่านหน้าวัดคีรีวง ผมขอนั่งพักขาครู่ อากาศดีลมเย็นสบาย...ได้หลับสักงีบตรงนี้คงจะดีนะ ^^

เสียงท้องร้องแล้ว สนุกจนลืมหิว ว่าแล้วก็หาอะไรลงท้องกันดีกว่า ปั่นจักรยานเลือกอยู่หลายร้านเพราะอยากได้บรรยากาศด้วย

จนเจอร้านนี้ "ร้านกาแฟ Check-IN" บรรยากาศจะเป็นอย่างไร ตามภาพเลยครับ หิวมาก ขอตัวก่อนนะครับ

นี่คือ...พี่ปัด ผู้เสกสรรอาหารสุดอร่อยให้เรา 5555 (ชมไปเผื่อได้กินฟรี)

มื้อนี้เสียหายให้พี่ปัดไป 85 บาท ^^

อิ่มแล้ว หายเหนื่อยแล้ว หายเมื่อยแล้วลุยกันต่อเลย ที่หมู่บ้านคีรีวงนี้มีน้ำตกอยู่ด้วยนะครับ ตามที่มีข้อมูลคือ น้ำตกวังไม้ปัก และน้ำตกสอยดาว แต่เลือกเอาที่ใกล้ละกันนะ ไกลเกินปั่นไม่ไหวจริงๆ จากต้วหมู่บ้านปั่นจักรยานไปทางน้ำตกสอยดาว ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร (ถ้าผิดขออภัยด้วยนะประมาณเอาเอง) จะเจอ "น้ำตกวังไม้ปัก" มีน้ำตกไหลลงมาเป็นชั้นๆ เสียงน้ำกระทบกับหิน ลั่นชัตเตอร์รัวๆ..

ใครที่ตามคีรีวงมาจากพันทิปอย่างเช่นเราสองคนต้องรู้จักร้านนี้ "บ้านนายทั่ง" ร้านจะมี 2 ที่ ที่แรกอยู่ก่อนถึงวัดคีรีวง เป็นร้านที่เช่าจักรยานและขายกาแฟของที่ระลึก ร้านตกแต่งด้วยของเก่า เท่ไปอีกแบบ ส่วนร้านที่สอง อยู่ติดริมลำธาร เป็นร้านไม่ใหญ่มากขายกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ

อันนี้ชื่อไอติมขบวนรัก หวานซะ


เย็นมากแล้ววันนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เราขอตัวอาบน้ำทานข้าวพักผ่อนก่อนนะครับ อาหารค่ำมื้อพิเศษวันนี้ "ต้มกะทิผักกูด" คับ

เดี๋ยวผมจะมาต่อนะครับเช้าวันสุดท้ายที่คีรีวง เวลาของความสุขมันช่างผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อสัมผัสบรรยากาศของวิถีของคนในชุมชน เช้านี้มีตลาดเล็กๆในหมู่บ้านตลาดนี้จะมีเฉพาะวันจันทร์และวันศุกร์ ผมขอเรียกว่า ตลาดนัดวินเทจละกันนะ เพราะดูจากวิถีต่างๆรวมถึงอายุคนขายก็เก่าพอละครับ 555 บรรยายยาวไปละไปดูภาพเลยละกันนะ

อันนนี้คือ "หมี่ยางวง" ดูจากลักษณะแล้วคือใช่เลย เห็นหน้าตาแบบนี้แต่รสชาติสุดยอดเลยขอบอก ห่อละ 10 บาทเองนะ

ก่อนจบทริปนี้ ผมขอทิ้งภาพบรรยากาศไว้อีกสักชุด

อันนี้ผมเพิ่งเคยเห็นที่นี่แหละ คนขายเขาบอกว่าเป็น "บักบก" หรือ แอลมอนเมืองไทย

ทริปของเราครั้งนี้ก็จบแค่นี้ครับ "คีรีวง" หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย พวกเราได้มาสัมผัสแล้ว เย้......... ทริปหน้าของพวกเราจะไปที่ไหนฝากติดตามด้วยนะครับ


ฝากติดตามเพจภาพถ่ายด้วยนะครับ https://m.facebook.com/PKimage/

ออกเดินทาง Step out journey

 วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.26 น.

ความคิดเห็น