เคยได้ยินคนพูดถึง "เกาะพยาม" จังหวัดระนอง กันอยู่บ่อยๆ จนเกิดความอยากไปเที่ยว เขาบอกว่าสวย เขาบอกว่าดี เขาบอกว่าสนุก ลองค้นหาข้อมูลรีวิวจากผู้คนที่เคยไป พอดูมากๆ ก็รู้สึกว่ามันไปเที่ยวยากจัง ด้วยความอยากไปเที่ยวที่นี่ ก็เลยลองจองตั๋วเดินทางไปเอง คิดว่า ที่นี่เมืองไทย เราไปได้ทุกที่อยู่แล้ว อินเทรนด์แบบโครงการ #Amazingไทยเท่ โดย กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว จองตั๋วเครื่องบินเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปจังหวัดระนอง เที่ยวเช้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ พอผ่านประตูสนามบินเข้าเมืองระนอง ก็พบกับเคาน์เตอร์ สารพัดบริการ ไม่ว่าจะเป็น รถตู้ เดินทางไปท่าเรือเกาะพยาม เรือสปีดโบ๊ท ข้ามไปเกาะพยาม ก็เลยใช้บริการตรงจุดนี้ สะดวกดี ค่ารถตู้ไปเกาะพยาม คนละ 150 บาท ส่วนค่าเรือสปีดโบ๊ท คนละ 350 บาท รวมเบ็ดเสร็จ คนละ 500 บาท
ใช้เวลานั่งรถตู้จากสนามบินจังหวัดระนอง ไปท่าเรือเกาะพยาม ใช้เวลาเพียง 25 นาที ตรงท่าเรือ เป็นศาลาเทียบเรือและพื้นที่ให้นั่งคอย รอบๆ มีร้านอาหารให้บริการ พนักงานให้บริการบอกว่า นอกจากสปีดโบ๊ทแล้ว ยังมีเรือโดยสารแบบธรรมดา ค่าเรือคนละ 200 บาท ใช้เวลาเดินทางชิลล์ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ในช่วงโลว์ซีซั่น เรือธรรมดาจะมีให้บริการน้อย นักท่องเที่ยวจึงนิยมใช้บริการเรือสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาที ออกเป็นรอบๆ ละ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ 07.30 - 17.30 น. ใครมาถึงตอนไหน ก็ไปกันตอนนั้น สะดวกสบายไร้กังวล แต่บอกไว้ก่อนว่า ใครชอบเก็บภาพสวยๆ นั่งชิลล์ๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แนะนำให้ใช้บริการเรือโดยสารแบบธรรมดา เพราะเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ท ใช้ระดับเร็วสูง มีอาการกระแทก กระเทือน จะแชะเก็บภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ มันจะยากสักหน่อย
ก่อนเดินทางไป เกาะพยาม แนะนำให้จองที่พักกันให้เรียบร้อยซะก่อน เพื่อให้ชัวร์ว่ามีที่พักกันแน่ๆ ที่พักบนเกาะพยามมีให้เลือกเยอะมาก แต่ช่วงโลซีซั่น อาจเปิดให้บริการแค่ไม่กี่แห่ง มีทั้ง ริมหาด กระจายอยู่ตามหาดชื่อต่างๆ แบบเดียวกับเกาะเสม็ด และ ช่วงบริเวณกลางเกาะ สนนราคาก็แตกต่างกันออกไป แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักกันก็คือ Blue Sky Resort เพราะอยู่ในโลเคชั่นที่ดี ขึ้นเรือข้ามฟากมาก็ถืงเลย บรรยากาศก็สวยงาม ที่พักทำเป็นบ้านเล็กๆ อยู่กลางน้ำ ตอนช่วงเช้าๆ ที่น้ำขึ้น ก็เหมือนตื่นมาเจอ มัลดีฟ ย่อมๆ
กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ไม่ได้พักที่นี่หรอกนะ แต่ไปพักที่ นาวารีสอร์ท อยู่ที่บริเวณ อ่าวใหญ่ ราคาคืนละ 1,500 บาท อ่าวใหญ่ เป็นอ่าวที่อยู่ไกลที่สุดของเกาะ มีหลายๆ รีสอร์ท อยู่บริเวณนี้ ในช่วงโลซีซั่น จะเปิดไม่กี่แห่ง แต่ช่วงไฮซีซั่น น่าจะดูคึกคัก โดยช่วงไฮซีซั่นของที่นี่ คือฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกปี น้ำทะเลก็จะเป็นสีฟ้าสดใส มากถึงมากที่สุด สำหรับ การเดินทางบนเกาะพยาม นักท่องเที่ยวจะต้องเช่า "รถมอเตอร์ไซค์" เป็นพาหนะในการเดินทาง ค่าเช่า วันละ 150 บาท ไม่รวมน้ำมัน (จะมีน้ำมันติดรถแค่พอให้วิ่งไปหาที่เติมน้ำมันได้) แต่ร้านจะเสนอ ค่าเช่าวันละ 200 บาท รวมน้ำมัน ซึ่งคิดว่าสะดวกดี พอเอาเข้าจริงๆ ได้น้ำมันมาแค่ขวดเดียว ขับไปแปล๊บนึงก็หมดล่ะ พอไปหาที่เติม หาง่ายมาก มีน้ำมันขายเป็นขวดแทบทั้งเกาะ ราคาขายขวดละ 35-40 บาท แหะๆ ใครไปเที่ยวก็สาระตะ กันเอาว่า แบบไหนคุ้มสุด
เส้นทางบนเกาะพยาม เดินทางไปยังหาดและจุดท่องเที่ยวต่างๆ ก็ไม่ยาก เพราะเป็นถนน เส้นเดียว วิ่งหัวเกาะไปท้ายเกาะ ขับยังไงก็ไม่มีหลงทาง จุดท่องเที่ยว ที่ควรไปแวะก็คือ วัดเกาะพยาม โบสถ์กลางน้ำ และอ่าวเขาควาย ที่ตรงนี้จะมี หินทะลุ กับบรรยากาศทะเลที่สวยงาม
จุดท่องเที่ยวแนะนำ ว่าต้องไปก็คือ หินทะลุ หาดเขาควาย จุดนี้ มีความสวยงามมากๆ ขับรถมอเตอร์ไซค์ ไปทางอ่าวใหญ่ ระหว่างทางจะเป็นเสาส่งสัญญานโทรศัพท์ ให้เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางเป็นระยะ พอไปถึงริมหาดจะเห็น หินก้อนใหญ่มากกกกก ตรงช่วงกลางมีช่องทะลุ มองลอดไปเห็นวิวทะเล สังเกตุดีๆ ช่องตรงนี้ จะมีความโค้งมน คล้ายรูปหัวใจกลับหัว ต้องส่องหามุมดีๆ แล้วจะพบ ที่เก๋มากๆ ก็คือ บริเวณหาดทรายรอบๆ จะมี เปลือกหอยเล็กๆ เกลื่อนๆ อยู่ พอรวมๆ กันแล้ว มองเห็นเป็นสีชมพู ช่างเป็น จุดท่องเที่ยวที่โรแมนติก คู่รัก ไปเที่ยว ก็ได้สตอรี่ บันทึกความทรงจำดีๆ
อาหารการกินบนเกาะ สนนราคาก็ไม่สูงมากนัก เป็นราคาที่นักท่องเที่ยวน่าจะรับกันได้ มีร้านอาหารทะเลอยู่ที่บริเวณท่าเรือ ชื่อว่า "ชาวเกาะซีฟู้ด" ที่น่าสนใจ ดูเมนู ก็อยู่ประมาณ 250 - 500 บาท ในย่านที่พัก ก็จะมีร้านอาหารน้อยใหญ่ เปิดให้บริการแบบตามสั่ง ก็มากมาย แต่มีร้านหนึ่ง กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ไปกินแล้ว อร่อยมากๆ นั่นก็คือ ร้านส้มตำแม่ไก่ อยู่ช่วงกลางๆ เกาะหน่อย เมนู อาหารอีสาน เด็ดมาก เหมือนกันอยู่อีสานเลย โดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ไก่ย่าง คอหมูย่าง แกงอ่อม เช็คบิลมา ราคาก็ไม่แรง
พักอยู่บนเกาะพยาม 1 คืน มีความสุขมากๆ ได้ดื่มด่ำกับความเป็นธรรมชาติ รีสอร์ทที่ไปพัก ไม่มีทีวีบริการ คงตั้งใจให้อยู่กับธรรมชาติอย่างเต็มที่ ลมบนเกาะค่อนข้างแรง ถ้าใครชอบลมๆ ก็พักห้องแบบธรรมดา ใครชอบแบบสบายๆ หน่อย แนะนำให้พักห้องแอร์จะดีกว่า แต่จะมีห้องจำนวนไม่มากนัก
ในวันถัดมา กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง แล้วนั่งเรือสปีดโบ๊ทข้ามกลับเข้ามาในตัวจังหวัดระนอง คิดว่า จะพักในตัวเมืองต่ออีกสักคืน เพื่อไปชมแหล่งท่องเที่ยวและชิมอาหารเด็ดของจังหวัดระนอง ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก โดยจังหวัดระนอง เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีภูเขาล้อมรอบ ตัวเมืองก็ยังเห็นภูเขา ทำให้ปัจจุบันมีโรงแรมบูติกโฮเต็ล เกิดขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ได้เลือกพักที่ แร่นอง บูติก โอเต็ล อยู่ตรงข้ามกับ บ้านนายอำเภอ ซึ่งนำอาคารพาณิชย์มารีโนเวท ตกแต่งให้มีความกิ๊บเก๋ แบ่งเป็น 3 ชั้น บนชั้นดาดฟ้า สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ภูเขา และแม่น้ำ ที่ไหลผ่านหน้าโรงแรมได้อีกด้วย
ห้องพักของ แร่นอง บูติก โฮเต็ล โดดเด่นที่ความสะอาด เปิดห้องมาที กลิ่นห้อมฟุ้งกระจาย ที่นี่ มีห้องพัก จำนวน 15 ห้อง เท่านั้น แบ่งเป็น 3 ราคา คือ ราคา 800 บาท, ราคา 1,100 บาท และ ราคา 1,400 บาท มีทั้ง "เตียงเดี่ยว" และ "เตียงคู่" สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทีวี ไวไฟ น้ำอุ่น ชุดผ้าขนหนู สบู่ แชมพู ในราคานี้ รวมอาหารเช้าอาทิ โจ๊ก ไข่ลวก กาแฟ ชา ขนมปัง และขนมพื้นถิ่น อย่างขนมสอดไส้ และ ข้าวเหนียวปิ้ง ไว้เรียบร้อยแล้ว ใครสนใจ จองผ่าน Agoda หรือช่องทาง Booking ต่างๆ หรือ เข้าไปจองที่ Raenong Boutique Hotel โทรศัพท์ 077880456
การเดินทางในตัวจังหวัดระนอง รถสองแถว หน้าตาคลาสสิคแบบนี้ คือ ซิกเนเจอร์ ของที่นี่ เฉกเช่นเดียวกับลำปาง ที่มีรถม้า ค่าบริการรถสองแถว อยู่ที่ 15 บาท ตลอดสาย ต้นสายจะอยู่ตรงหน้าตลาด ใครจะไปเที่ยวเส้นทางไหน สอบถามกันให้ดีว่าต้องนั่งคันไหน แต่ในการเที่ยวครั้งนี้ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เลือกใช้บริการรถเช่า เพื่อความสะดวกในการไปเก็บบรรยากาศหลายๆ ที่ นั่นก็คือ กราบศาลหลักเมือง, พุน้ำร้อน บ่อน้ำแร่, บ้านไร่ ไออรุณ, วัดบ้านหงาว, ภูเขาหญ้า, ไร่ก้องวัลเลย์, น้ำตกบกกราย และ ไปกินซาลาเปาทับหลี ที่ขึ้นชื่อว่านุ่มอร่อยยิ่งนัก
ศาลหลักเมืองระนอง จังหวัดระนองเป็นเมืองน้ำแร่ มีน้ำแร่เป็นทรัพยากรหลัก มีสายฝนชุกชุม จนได้รับการเรียกขานว่าเป็นเมือง ฝนแปด แดดสี่ ศาลหลักเมืองมีลักษณะเป็นศาลาจัตุรมุขทรงไทย มียอดศาลาตามลักษณะภูมิสถาปัตย์พระธาตุไชยาจำนวนห้ายอด..มีนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นถิ่น ให้ความนับถือ ไปเยือนเมืองระนอง ก่อนเที่ยวที่ใดๆ ก็ควรมาสักการะศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นศิริมงคล ศาลหลักเมืองระนอง ตั้งอยู่บนถนนเพิ่มผล ตรงข้ามกับสำนักงานเทศบาลเมืองระนอง
พุน้ำร้อน บ่อน้ำแร่ จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดที่อยู่เคียงคู่ธรรมชาติจริงๆ ไปที่นี่ เหมือนได้ไปญี่ปุ่น เพราะโอบล้อมด้วยภูเขา กลางเมืองมี พุน้ำร้อน บ่อน้ำแร่ เปิดเป็นสวนสาธารณะ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าไปชม และใช้บริการแช่น้ำแร่ ความร้อนทำให้มีไอขาวๆ ลอยออกมากตลอดเวลา โรแมนติกดี ถ่ายรูปแบบก็ดูสวยๆ ซึ่งตรงจุดนี้ จะมีด้วยกัน 3 บ่อคือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และ บ่อลูก ภาพที่เก็บมาฝากนี้ จะเป็นบ่อพ่อ ความร้อนสูงสุดอยู่ที่ 65 องศา แต่ด้านในจะมีบ่อให้เลือกลงไปแช่ ในระดับความร้อนต่างๆ ใครทนได้ที่ระดับไหนก็เลือกระดับนั้น และรอบย่านนี้ ยังมีบริการสปาให้อาบน้ำแร่ ใครที่ต้องการใช้บริการในระดับคุณภาพหน่อย ก็ไปสามารถใช้บริการกันได้ กันอีกด้วย
บัานไร่ ไออรุณ เป็นจุดเช็คอินใหม่ ที่กำลังมาแรงของจังหวัดระยอง โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ในอำเภอกะเปอร์ บรรยากาศของที่นี่ เป็นแนวธรรมชาติ มีต้นไม้ร่มรื่น การออกแบบดูเป็นสัดส่วนสวยงาม แบ่งออกเป็น 2 โซนคือ โซนร้านขายสินค้าการเกษตร, พืชผักสวนครัว อีกทั้ง ยังมีสวนอาหาร ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่นักท่องเที่ยว ดูรายละเอียดกันเพิ่มเติมได้ที่ FB บ้านไร่ ไออรุณ
วัดบ้านหงาว อยู่ใกล้ๆ กับภูเขาหญ้า โดยวัดแห่งนี้ มีพระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปหลอมจากแร่ดีบุกบริสุทธิ์ มีความงดงามอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานเหนือผนังด้านในตรงข้ามองค์พระประธาน สร้างด้วยแร่ดีบุกดิบ องค์พระเป็นสีดำเข้ม ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อดำ ส่วนบริเวณหน้าโบสถ์จะมี พระอุปคุต จากหินอ่อนหยก เชื่อว่า เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี อีกด้วย ฝั่งตรงข้ามกับวัด จะเป็นวิวภูเขา ที่มีน้ำตกมองเห็นได้ชัดเจน จิตนาการว่าเป็นภาพผู้หญิงผมยาว มองไปข้างหน้าสวยๆ
ภูเขาหญ้า แหล่งท่องเที่ยว ที่อยู่ในคำขวัญของจังหวัดระนอง ที่บอกว่า คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง ดังนั้น เมื่อไปเยือนจังหวัดระนอง ต้องแวะ ภูเขาหญ้าให้ได้ อยู่ในอำเภอเมืองระนอง เป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น มีแต่ต้นหญ้าปกคลุม ทำให้เนินเขาดูงดงามแปลกตา ลมพัดเย็นสบายๆ แบบทุ่งกว้างๆ ถ่ายรูปเช็คอิน กันตรงจุดนี้ รับรองว่าได้ภาพสวยๆ เยอะเลย
ก้องวัลเลย์ คือสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจมากๆ อยู่ที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ไปทางเดียวกับ อำเภอทับหลี ที่นี่เป็นศูนย์กลางของชุมชน ในการแปรรูปเมล็ดกาแฟ ให้กลายเป็นกาแฟคั่วมือ และถ่ายทอดความรู้เรื่องกาแฟแก่ผู้มาเยือน ด้านในมีโต๊ะบรรยายและสาธิตการคั่วเมล็ดกาแฟ โดยมีค่าความรู้ 100 บาท ที่นี่ ยังรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร และให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง ทำให้ได้กาแฟคุณภาพสูง นำมาคัดเมล็ด คั่ว บด และบรรจุลงถุงที่มีมาตรฐาน กาแฟคัวของก้องวัลเลย์จะใช้วิธีการคั่วด้วยมือทุกเมล็ด เพื่อให้คงรักษากลิ่นหอมและรสชาติของเมล็ดกาแฟไว้ได้ บริเวณด้านหน้าของ ก้องวัลเลย์ จะเป็น Coffee Shop จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีอาหารว่างขึ้นชื่อคือ หมั่นโถวทอด จิ้มนม นั่งกินเพลินท่ามกลางบรรยากาศดี เพราะมีน้ำน้ำตกบกกรายไหลผ่าน
น้ำตกบกกราย เลยจากก้องวัลเลย์ เข้าไปอีกประมาณ 5-7 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุืสัตว์ป่า ทุ่งระยะ-นาสัก มีน้ำตกไหลสวยงามมาก นักท่องเที่ยวที่เป็นคนในพื้นที่ นิยมเข้าไปปิกนิคเป็นครอบครัว บรรยากาศดีมากๆ อีกทั้ง ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เพื่อให้ผู้สนใจได้เดินชมป่าไม้รอบๆ ถ้าไปย่านนั้น อยากแนะนำให้เข้าไปเที่ยว ไปเล่นน้ำกันให้เพลินใจ
ซาลาเปาทับหลี กับ ข้าวมันไก่ ต้นตำรับ เมื่อเดินทางไปถึงทับหลี จะเห็นร้านขายซาลาเปาเรียงเป็นแถวยาว เต็มถนน นักท่องเที่ยวที่เดินทางไป เห็นร้านเยอะขนาดนี้ก็เลือกซื้อกันไม่ถูก คนในพื้นถิ่นแนะนำว่า ให้ตรงดิ่งไปซื้อที่ร้านขายข้าวมันไก่ เพราะจะเป็นเจ้าดั้งเดิม กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ได้แวะไปกิน ยืนยันว่า ร้านนี้อร่อยมาก แป้งซาลาเปานุ่มเหนียว ขนมจีบก็ดีงาม ถ้าไปเดินทางไปถึงหลังเที่ยง ก็อาจจะอด เพราะขายหมดเร็วมาก ไม่เพียงซาลาเปาที่ขึ้นชื่อเท่านั้น ข้าวมันไก่ของร้านนี้ ก็อร่อยไม่เบา เนื้อไก่ ต้มกันสดใหม่ เนื้อเด้งดี ตัวข้าวมัน ไม่มันมาก มีความนุ่มและร่วน เมล็ดข้าวสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีอาหารให้บริการเสริม อาทิ เครื่องในไก่ผัดกระเพรา รสเด็ดมากๆ และ แกงจืดผักกาดขาวใส่หมูสับ
จังหวัดระนอง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่ง ด้วยระยะเวลา 2 คืน 3 วัน ไม่สามารถเที่ยวได้ครบกินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ถือว่าการไปเยือนจังหวัดระนองครั้งนี้ คุ้มค่าอยากมาก เป็นเมืองรอง ที่มีความโดดเด่น มีความครบครัน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวและอาหาร สำหรับ ใครที่ไประนอง แนะนำให้กินอาหาร ร้านถอดรองเท้า หรือ ร้านสมบูรณ์โภชนา เพราะเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิม ถ้าเป็นอาหารเช้า หรืออาหารว่างแนะนำ โรตี นิสรา อยู่ที่อำเภอหงาว แต่ต้องไปกินก่อนก่อนเที่ยง หลังเที่ยงร้านจะปิด เพราะของหมด นั่นเอง อยากบอกว่า โรตี แป้งหนานุ่ม กรอบนอก ไก่ทอดก็อร่อย ส่วนเครื่องดื่มแนะนำ ชาไทยเย็น มีความหอม รสกลมกล่อม จัดได้ว่าเป็นร้านขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของระนอง
ก่อนอำลา จังหวัดระยอง เหิรฟ้ากลับกรุงเทพฯ ในไฟล์เวลาประมาณ 19.00 น. กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ได้ไปแวะที่ ประภาคาร เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ริมทะเล มองเห็นฝั่งพม่า อยู่ใกล้ๆ โดยประภาคารแห่งนี้ เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ ขึ้นลิฟท์ไปที่ ประมาณชั้น 9 เพื่อชมวิวทิวทัศน์ รอบด้าน ข้างบนมีร้านขายเครื่องดื่มและอาหารว่างให้นั่งกินไป ชมวิวไปอีกด้วย ใช้เวลาที่นี่อยู่พักย่อมๆ ก่อนออกเดินทางไปสบามบิน เก็บความประทับใจกลับมาฝากเพื่อนๆ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ทุกๆ คน หากใครกำลังวางแพลนจะไปเที่ยวเกาะ ไปเที่ยวทะเล ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ มีความหลากหลายครบรส ให้แว๊บ คิดถึง ระนอง ขึ้นมาอีกสักแห่ง รับรองว่า จะรัก จังหวัดระนองไป นานๆ ขอปิดท้ายทริปนี้ ด้วยภาพประภาคาร แล้วพบกันใหม่ ทริปหน้า
กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 11.24 น.