"ผาหินกูบ" สุดยอดเส้นทางเดินป่าที่ต้องไปลอง ของเมืองจันทร์
สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนเดินทาง
1.ความพร้อมของร่างกาย
2.เต็นท์ หรือ เปล (เปลจะสะดวกกว่าเพราะมีพื้นที่น้อย)
3.ถุงเท้ากันทาก(ช่วงหน้าฝนทากเยอะ)
4.ถุงมือ,เสื้อกันฝน
5.ทิชชูแห้ง, ทิชชูเปียก, ช้อน, กล่องพลาสติกใส่อาหาร, ไฟแช็ก
6.ถุงนอน,เสื้อผ้าที่ใส่สบายแห้งง่าย,หมวก,ปลอกแขน
7.ไฟฉาย, มีดพกเล่มเล็ก, ถุงดำ, โลชั่นกันยุง
7.ยาสามัญประจำบ้าน
เบอร์โทรจอง 093-9897273 พี่ชัยวัฒน์ (เจ้าหน้าที่) จองก่อนเดินทาง 1 เดือน
ระยะทางจากจุดเริ่มต้น-ผาหินกูบ 9.7 กิโลเมตร
การเดินทางไปจังหวัดจันทบุรีครั้งนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผ่านๆมาครั้งนี้เราและเพื่อนๆร่วมทริป 8 คน ออกเดินทางกันตอนกลางคืน โดยต่างคนต่างไป เราเดินทางด้วยรถยนต์ออกจากชลบุรีเวลา 21.30 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ต.ฉมัน อ.มะขาม จ.จันทบุรี แต่ด้วยที่เราไม่ชินทางเลยทำให้หลงทางเกือบชั่วโมง (แนะนำถ้าไม่ชินทางให้เดินทางตอนกลางวันเพราะบางครั้งมีช้างป่าลงมาหากินตอนกลางคืน)
ขณะนี้เวลา 01.20 น. หลงทางพึ่งเข้ามาได้เห็นป้ายแล้วดีใจมากๆ ทางเข้า หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เป็นหินคลุกแกรนิตระยะทางประมาณ 400-500 เมตร ขับให้ระวังกันด้วยนะคะ พอมาถึงมีรถจอดอยู่เย้มีเพื่อนนอนละคืนนี้ ถึงจะเดินทางไปถึงดึกขนาดไหนก็มีที่นอนเนื่องจากมีบ้านพัก 2 หลังสามารถนอนได้แต่มี 1 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ อาจจะลำบากนิดหน่อย ส่วนอีกหลังมีไฟฟ้าสามารถชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้
เช้าวันที่ 2 05.30 น. ตื่นมาสดชื่นได้ยินเสียงสัตว์ร้องคือธรรมชาติสุดๆมีหมอกลงนิดๆอากาศเย็นสบาย
เดินเล่นรอบบ้านพักบรรยากาศดี และรอบๆมีป้ายต่างๆให้อ่านก่อนเดินขึ้นไปบนยอดผาหินกูบ
พร้อมสุดๆที่จะเดินทางไปพิชิตผาหินกูบ แต่ก่อนออกเดินทางเราต้องเติมพลังกันหน่อยนะ ก่อนที่จะเดินทาง 2 วัน ได้โทรจองข้าวกับลุงจ่าไว้เช้า 10 ห่อ เที่ยง 10 ห่อ เบอร์โทร 082-205-0079
นี้คือจุดเริ่มต้นแค่คิดที่จะเดินก็เหนื่อยแล้วบอกเพื่อนขอกินทุเรียนรออยู่ข้างล่างได้ไหม55+++
เริ่มเดิน 09.00 น. มีพี่แหลมนำทุกๆคนขึ้นไปประมาณ 30-35 คน กลุ่มเราจองลูกหาบไว้ 1 คน ลูกหาบคิดกิโลละ 50 บาท ช่วงแรกๆเดินชิวๆฟังเสียงนก เสียงลิง และสัตว์ต่างๆร้องประสานกันเสียงกึกก้องมากแถม 2 ข้างทางที่เดินมีสละให้ชิมด้วยนะแต่ขอบอกเลยเปรี้ยวมากๆ เดินเข้าไปครั้งแรกสัมผัสได้ว่าป่าที่นี้อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้เขียวมาก
เดินได้สักพักใหญ่ๆกลุ่มเราก็มาถึงลำธาร ระยะจุดเริ่มต้น-ลำธาร ประมาณ 3 กิโลเมตร ขอพักหน่อยเหนื่อยจังอยากกลับบ้านแล้วเป็นความรู้สึกแบบนี้ทุกๆครั้งที่เดินป่า5+++
นั่งพักไม่ถึง 10 นาที เลยต้องรีบเดินต่อเพราะเดียวจะขี้เกียจเดิน วันที่กลุ่มเราไปขึ้นมีพระและแม่ชีไปธุดงค์ด้วย
เดินไปเรื่อย ๆ ทางก็เริ่มลาดชันขึ้นเรื่อย สัมภาระที่พกมาก็เริ่มรู้สึกทำไมมันหนักขึ้น น้ำที่กินก็จะหมด คิดว่าอากาศไม่ร้อนเลยพกน้ำน้อย ระหว่างทางจะมีจุดเติมน้ำ เราต้องรีบเดินเพื่อที่จะไปถึงจุดนั้นและจะได้พัก
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดพักที่เติมน้ำได้เขาเรียกตรงนี้คือหินแปดเหลียม มีก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่ ต่างคนต่างวางกระเป๋าและเอาขวดน้ำมาเติมน้ำ บางคนหิวข้าวก็กินกันที่จุดนี้เลย แต่มีอะไรตื่นเต้นกว่านั้นคือพี่ร่วมทริปเจอตัวทาก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆกลัวมากๆ
ทากเยอะมากๆพี่บางคนโดนกัดตรงหลังต้องใช้สเปรย์สมุนไพรฉีดให้หลุดออก เคยอ่านเจอเขาบอกว่าที่ไหนมีทากที่นั้นเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากๆ แต่สำหรับเราไม่มีได้ไหมกลัวมากๆๆๆ55+++++
ไหนใครพร้อมยกมือขึ้นเดินต่อไม่รอแล้วนะเพราะอยากพักแล้ว55+++
ยิ่งเดินยิ่งชันโอ้ยตอนไหนจะถึงหินแหลมหิวข้าวแล้วนะอิอิ
เย้ถึงหินแหลมแล้วกินข้าวก่อนเนอะเดียวไม่มีแรง เรากินข้าวแต่พี่เราอีกคนดูซิเล่นอะไร
รู้ว่ามันน่ากลัวยังเอามาจับยืดเล่นอีกโอ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ55++++++++
กินข้าวแล้วกลุ่มเราออกเดินทางต่อเพื่อที่จะไปถึงทางลงถ้ำยิ่งเดินทำไมยิ่งชันไม่มีทางราบเลยดีตรงที่ 2 ข้างทางที่เดินมีอะไรให้ดูหลายๆอย่างเช่น ใบไม้ขึ้นตามหินที่เรียงกันอยู่ นกบินไปมา ผีเสื้อ และป่าที่เขียวขจีสุดๆ
พักแปปจะถึงทางลงถ้ำแล้ว(ปลอบใจกัน) 555+++++++++
เย้ๆในที่สุดเราก็ถึงทางลงถ้ำแล้ว เตรียมดีใจเลยเพราะเดินอีกสักพักก็ถึงที่เราจะนอนคืนนี้แล้วทางลงถ้ำมีแต่หินนะคะ เดินระวัง ๆ กันหน่อย ภายในถ้ำเย็นมากค่ะ แสงแทบไม่มีเพราะกว่าจะถึงที่ทางลงถ้ำใช้เวลานานแสงก็ไม่ค่อยมีแล้ว ก็ขอแวะพักถ่ายรูปในถ้ำกันหน่อยค่ะ
พอเดินออกจากถ้ำมาเราต้องเหยียบเถาวัลย์แล้วปีนขึ้นไปบนหินเพื่อไปถึงจุดหมาย (ต้องเดินระวัง ๆ หน่อยนะคะ เส้นทางนี้ถ้าพลาดก็ตกไปเลย)
เห็นหินสวยขอแวะถ่ายรูปหน่อย ใกล้จะถึงแล้วไม่รีบ55++++++++
เดินออกจากถ้ำมาสักพักหนึ่งก็จะถึงจุดเติมน้ำแห่งสุดท้าย (จะถึงแล้วอีกนิดนึงมีคนตะโกนบอก55+++)
พอถึงกลุ่มเราก็หาที่กางเปล และที่นั่งกินข้าวชิวๆตอนเย็น ภาวนาอย่าให้ฝนตกนะเพราะอากาศน่าตกมากๆ
ทำธุระจัดการหาที่พักได้ ถึงเวลาเปลี่ยนชุดไปถ่ายรูปกันแล้วนะถึงฟ้าไม่เปิดแต่ก็สวยในอีกมุมของนักเดินทางศึกษาธรรมชาติหน้าฝนอย่างเรา(ปลอบใจตัวเอง)ทำใจไว้แล้วเดินป่าหน้าฝนชิวๆๆๆๆ
เติมพลังก่อนแล้วกันนะหิวขนมอยากกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
ทุกคนพร้อมจับกล้องได้ไปเลยจ้าถ่ายรูปรัวๆๆวันนี้คงได้ไปถ่ายแค่ตรงกูบช้าง(นูนบนสันหลังของช้าง)เพราะกว่าจะถึงกันก็ 15.00 น. แล้ว ใช้เวลาเดินทางนานมากๆเพราะแวะพักบ่อย
ช่วงที่ขึ้นไปสันหลังช้างระวังกันหน่อยนะคะ
ถ่ายรูปเพลินเลย อยากบอกภาพที่เห็นข้างบนเป็นสิ่งที่สวยงามมากๆคุ้มค่าที่เราและพี่ๆในกลุ่มขึ้นมาดูสิ่ง
มหัศจรรย์ของผาแห่งนี้เต็มไปด้วยความเขียวของใบไม้ มีหมอกลอยปกคลุมเขาลูกต่างๆ ถึงจะไม่ได้แสงแต่เราได้บรรยากาศที่สุดคำบรรยายจริงๆ แสงเริ่มจะหมดแต่เราก็ยังไม่ลงจากหลังช้างเพราะเรายังมีท่าเด็ดยังไม่ได้ทำมีพี่ร่วมทริปสอนให้คือฝึกจนเอวเคล็ด5+++
ท่าอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าโคดมันเลย ว่างกันเลยไม่ไปไหนแล้วรอดูแสงสุดท้ายที่หลังช้างนี้แหละ
สนุกสนานกันแล้วเตรียมลงไปทำอาหารกินกันดีกว่าวันนี้เรามี เมนูสุกี้กินร้อนๆ และข้าวสวยร้อนๆจร๊า
อิ่มแล้วแยกย้ายกันนอนได้ อากาศฟินมาก นอนเย็นสบาย นอนกันตั้งแต่ 20.00 น. นอนหลับได้สักพัก ตี 1 เสียงฟ้าร้อง ฝนตกลุกมาโอ้ยดีใจเปลไม่เปียก แต่เพื่อนร่วมกลุ่มนอนเปียกน่าสงสารมาก ฝนตกแรงขึ้นเรื่อยๆจนตื่นอีกรอบเปลเปียกแล้ว แนะนำใครที่จะเดินป่าช่วงหน้าฝนเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
เช้าวันที่ 3 เวลา 05.45 น. ฝนยังตกปรอยๆ มาพร้อมกับสายหมอกที่ปกคลุมไปทั่วภูเขา อากาศฟินสุดๆ
ได้เวลาทำอาหารเช้ากันแล้วเพราะกินข้าวแล้วเราก็จะไปผาหมี เมื่อวานไม่ได้ไปกัน ต่างคนต่างช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ ต้มน้ำชงกาแฟ หุงข้าว ผัดปลากระป๋อง
กินเสร็จเตรียมเก็บของเพื่อจะลงจากผาหินกูบก่อนลงเราก็จะไปแวะตรงผาหมีก่อนแล้วค่อยลงทีเดียว
พร้อมไปผาหมีบรรยากาศก็เหมือนฝนจะตกเราเช็คแล้ววันที่เดินลง ฝนตก 60% ทำใจจ้า
ชิวๆถ่ายรูปก่อนนะเดียวหาว่ามาไม่ถึง
เตรียมไปผาหมีต่อใกล้ๆกันฟ้าเปิดบ้างปิดบ้าง
วิวบนผาหมีสวยมากๆ ใกล้จะเที่ยงแต่ไม่มีแดดเลย ฟ้าก็ร้อง ยังดีที่ยังให้เห็นวิวบ้าง
มืดมาขนาดนี้เราก็กลับกันดีกว่าสรุปกลุ่มเราสุดท้ายที่ลงจากผาหินกูบ ออกเดินลง 11.50 น. แค่ออกเดินเท่านั้นแหละฝนตกลงมาแรงมากๆทุกคนเตรียมพร้อมเสื้อกันฝนทางเดินลื่นนิดนึงเพราะฝนตกและมีน้ำไหล
ใช้เวลาเดินทางลงแค่ 3 ชั่วโมง ฝนตกเกือบตลอดทางแต่ก็สบายๆเพราะตอนใกล้จะถึงที่พักฝนหยุดแดดเริ่มออก ป่าชุ่มชื่นมากๆ เห็นปูด้วยนะ มีนก ผีเสื้อ เสียงลิงโหนต้นไม้กระโดดไปมา สื่อถึงป่าผืนนี้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่แถมตอนลงมาเราเจอทากกัดด้วยร้องเสียงหลงน้ำตาไหลกลัวจริงๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมาย การเดินป่าครั้งนี้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเดินป่าหน้าฝนก็สนุกไปอีกแบบใครที่ยังไม่มีที่ไปเที่ยวไหนหน้าฝนให้คิดถึงที่ "ผาหินกูบ" ด้วย เพราะที่นี้เปิดตลอดทั้งปี แต่ต้องโทรจองก่อน 1 เดือน และพยายามโทรถามเจ้าหน้าที่ด้วยบางอาทิตย์ช้างป่าลง เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้ขึ้น
"ขอบคุณมิตรภาพระหว่างการเดินทางและเพื่อนร่วมทริป"
การเดินทาง ตั้งแผนที่ในโทรศัพท์ พิกัดหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล เดินทางด้วยรถยนต์สะดวกกว่า
ค่าใช้จ่าย
1.ค่าน้ำมัน 950/4 คน =คนละ 238 บาท2.ค่าเข้าเขตป่าคนละ 300 บาท
4.ค่าอาหาร เช้า-เที่ยง 800/8 คน = คนละ 100 บาท (ข้าวห่อละ 40 บาท)
5.ค่าลูกหาบไป-กลับ 1000/ คน = คนละ 125 บาท (ลูกหาบคิดกิโลละ 50 บาท)
6.ค่าอาหารตอนเย็น 676/8 คน = คนละ 85 บาท
รวมทั้งหมด 848 บาท
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปและภาพสวยๆ
1.พี่สไปรย์ ครูสอน B Boy เราเอง
2.พี่พลอยสุดสวย
3.น้องแฟง เด็กสยาม
4.N'Smile #SmileonTourเที่ยวมั่วๆทัวกับสไมล์
5.N'Peetz #ShutSoul
6.น้อวนิว
7.Pai #คู่เที่ยวIndy
คู่เที่ยวIndy
วันพฤหัสที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.29 น.