สวัสดีครับเป็นอีกทริปที่เก็บมาฝากกันนะครับเป็นทริปสั้นๆขับรถเที่ยวไม่ได้วางแผ่นการเดินทาง
มีเป้าหมายแค่ว่าอยากไปทะเล เอาที่ไม่ไกลมากนักแล้วก็ที่สำคัญคือเที่ยวแบบประหยัดตามแบบฉบับคนงบน้อย...^_^
^_^...ไปเที่ยวกันคร๊าฟ.....^_^
แวะพบป่ะพูดคุยทักท้ายกันได้คับ
https://www.facebook.com/yuttana.pichanchai
เริ่มออกเดินทางจากโคราชบ้านกระผมเองประมาณตีสามกว่าๆครับ ขับรถเรื่อยๆไม่เร่งรีบกับเป้าหมายแรกคือ จันทบุรี เป้าหมายแรกของผมคือ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ (เดิมเป็นโรงเรียนสอน ศาสนา)เป็น โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิก มีลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก เดิมมีหลังคาเป็นยอดแหลมแต่ได้มี การรื้อส่วนแหลมออกในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ มีการตกแต่ง โบสถ์ไม้ฉลุลายประดับกระจกสี เป็นรูปนักบุญ ในศาสนาคริสต์รูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบ เปี่ยมประกายเมตตา ยืนอยู่หน้าวิหารทรงโกธิกซึ่งดูยิ่งใหญ่ หากภายในกลับมีแต่ ความสงบเย็น และงดงามด้วยศิลปะตกแต่ง แบบยุโรป อาคารอันงดงามนี้ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ โบสถ์แม่พระปฏิสนธิ จึงมิเพียงเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดเท่านั้น หากยัง เป็นศูนย์รวมศรัทธาของผองชาวคริสต์ทั้งปวง มิเพียงเฉพาะเมืองจันทบูรแต่ครอบคลุม ไปทั่วฝั่งทะเลตะวันออกทีเดียว (ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.paiduaykan.com) และก็เป็นเรื่องปกติครับที่ แผนที่กูเกิ้ลจะพาผมหลงทาง 555 วนไปวนมา แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่กูเกิ้ลทำให้ผิดหวังครับเพราะหลงทุกครั้ง 555 สุดท้ายก็เจอจนได้ครับเพราะจอดรถถามทางคนพื้นที่ครับ
ในวันที่ผมไปท้องฟ้าไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ครับฟ้าขาวบวกกับแดดที่จัดมาให้แบบเต็มๆ บอกได้เลยครับร้อนม๊วกกก
เดินวนถ่ายภาพรอบๆโบสถ์ครับถึงอากาศจะร้อนแต่ผมกับรู้สึกสงบใจอย่างประหลาด
มาดูภาพมุมกวัางๆกันบ้างครับ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลในมุมมองแบบพาโนรามา
หลบแดดร้อนๆเข้ามาภายในกันบ้างนะครับ
ผู้ที่จะเข้ามาภายในโบสถ์ ความอยู่ในอาการสงบและแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะครับ
ภายในเย็นสบายและเงียบสงบมากๆครับ.../\_/\
หลังจากชมโบสถ์เสร็จแล้วเป้าหมายต่อไปของผมคือ ชุมชนริมน้ำจันทบูร ชุมชนเก่าแก่กว่า 300 ปี ตั้งอยู่ในตัวเมืองจันทบุรี ริมน้ำจันทบูร (แม่น้ำจันทบุรี) ที่นี่มีบ้านเรือนเก่าแก่ หลายแบบทั้งบ้านริมน้ำแบบไทย ตึกสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ผสมกับจีน โดยเดินข้ามสะพานนิรมลครับผม
สองฝั่งแม่น้ำก็จะมีบ้านเรือนทั้งเก่าและใหม่สลับๆกันไปครับ
กำแพงนี้เป็นอีกแลน์ดมาร์คหนึ่งที่ต้องถ่ายครับ
เนื่องจากวันที่ผมไปเป็นวันธรรมดาครับนักท่องเที่ยงจึงค่อนข้างน้อยร้านต่างๆก็ปิดซะส่วนใหญ่แต่ก็เดินถ่ายภาพดูวิถีชีวิตของคนที่นี้ก็เพลินดีครับ แต่อยากบอกว่า ร้อนสุดๆ 555
ร้านนี้เด็ดสุดครับน่าจะเป็นแหล่งประลองความรู้และเป็นที่รวมตัวของวัยรุ่น(รุ่นใหญ่)ของที่นี้ครับ บอกได้เลยคึกคักมากๆ
อีกหนึ่งเปัาหมายของผมครับแต่......ปิดซะงั้น...น้ำตาจิไหล
เดินเพลินเที่ยงซะแล้วครับขอเติมพลังสักหน่อย...ร้านเจ๊จิ้ม-ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง...เข้าร้านก๋วยเตี๋ยวแต่ผมกินสุกี้แห้งครับ อร่อยประหยัดราคาไม่แพง แม่ค้าใจดี...ผมเลยได้โอกาสสอบถามข้อมูลที่เที่ยวซะเลย...อิอิ
และแล้วก็ได้เป้าหมายต่อไปครับ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เริ่มก่อตั้งตามพระราชดำริ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิด
พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2524
โดยมีพระราชดำริแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี มีสาระสำคัญดังนี้....
"ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตร
ในเขตที่ดินชายฝั่งทะเล จังหวัดจันทบุรี"
และได้พระราชทานเงินที่ราษฎรจังหวัดจันทบุรีร่วมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
ในโอกาสดังกล่าวเป็นทุนริเริ่มดำเนินการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริเพิ่มเติม
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สาระโดยสรุปว่า...
" ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนา
เช่นเดียวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ให้เป็นศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล "
จังหวัดจันทบุรีได้ร่วมหารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องและพิจารณาความเหมาะสมจึงกำหนดพื้นที่
ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ตั้งแต่
ปี พ.ศ.2525 ศูนย์ศึกษาดังกล่าว เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการศึกษาสาธิต และการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล
โดยวิธีการผสมผสานความรู้อันหลากหลายของแต่ละหน่วยงานเพื่อวางแผนพัฒนาการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่
ให้เหมาะสมและยั่งยืนตลอดไป
ผมชอบที่นี้มากๆนะครับทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในป่าชายเลน เดินเพลินๆครับ
ในวันที่ผมไปที่นี้ค่อนข้างเงียบเหงาครับคงเพราะเหตุผมเดิมคือเที่ยวในวันธรรมดาวันที่ใครๆเข้าไม่เที่ยว แต่เสน่ห์ของการมาเที่ยววันธรรมดาก็คือ ไม่ต้องแย่งกันกันแย่งกันเที่ยว นี้แหละครับผมถึงชอบเที่ยววันธรรมดา...^_^
เดินเรื่อยๆออกมาที่ปากอ่าว สวยๆมากครับเสียดายที่วันนั้นฟ้าปิดฟ้าไม่สวยเลยได้มาเท่านี้...Y_Y
ที่นี้มีเรือให้พายด้วยนะครับแต่สำหรับผมวันนี้คงไม่ไหว แด่วจะคว้ำ จมทั้งคนทั้งกล้อง 555 ปิดท้ายที่นี้ก่อนเดินทางต่อครับ
ขับรถออกมาแวะถ่ายภาพมุมนี้อีกหน่อยครับสวยและสงบดีเหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ เลยถ่ายลูกชายเอาไว้ดูเป็นความทรงจำสักหน่อย
เดินทางกันต่อครับเป้าหมายต่อไป จุดชมวิว เนินนางพญา ซึ้งจะมองเห็นถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมาน หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ ถนนบูรพาชลฑิต ซึ้งได้ชื่อว่าเป็นถนนเส้นที่สวยที่สุดในภาคตะวันออก เสียดายวันที่ผมไป ฟ้าไม่เป็นใจเลยได้แค่ฟ้าหม่นๆมาแทน...Y-Y
จุดชมวิวเนินนางพญา สามารถมองเห็นวิวได้กว้างมากๆครับ ใครไปเมืองจันพลาดที่นี้ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ
ก่อนอาทิตจะสิ้นแสงใกล้ๆกันผมเห็นมุมๆนึงเลยไปรอเก็บแสงเย็นที่นั่นไม่แน่ใจว่ามุมนี้เค้าเรียกว่าอะไรแต่ผมว่ามันเป็นอีกมุมที่สวยไม่แพ้กันครับ
ส่งท้ายด้วยแสงสุดท้ายภาพนี้นะครับก็จะกลับไปที่หาดเจ้าหลาวเพื่อหาที่ซุกหัวนอนเพราะคืนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะนอนที่ไหน...555
หลังจากเมื่อคืนได้ที่พักที่หาดเจ้าหลาวในราคาคืนล่ะ 400 ห้องแอร์พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นก็ทำให้ผมได้พักผ่อนคล้ายหลังจากลุยมาทั้งวันทำให้ผมมีแรงลุยต่อในวันนี้ครับ กับเป้าหมายต่อไป เกาะแสมสาร เกาะที่ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อเมื่อคืนนี้เอง เพราะตอนแรกตั้งใจจะไปเกาะขามแต่ว่า....เกาะขามไม่เปิดทำการวันธรรมดาเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายแบบกะทันหัน
เกาะแสมสาร อยู่ในเขต อ. สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ......การซื้อตั๋วข้ามเกาะแสมสารไม่มีการจองล่วงหน้า นักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามเกาะแสมสาร ต้องเดินทางมาจองคิวและซื้อตั๋วแบบวันต่อวัน.......ราคาตั๋ว เกาะแสมสาร -ผู้ใหญ่ 300 บาท ค่าตั๋วรวมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เรือไป-กลับเกาะแสมสาร บริการรถบนเกาะแสมสาร สุขา ห้องอาบน้ำ.... ยังไงลองเช็ครายละเอียดดูอีกทีนะครับ เหมือนเคยครับผมไปแบบชิลๆจองตั๋วได้รอบ 11.00 โดยส่วนใหญ่ผมสังเกตจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าแล้วจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์คุยกันขโมงโฉงเฉงเลย ไอ้เราก็ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่แอบมองสาวๆขาวๆ 555 ระหว่างรอขึ้นเรือก็เดินถ่ายอะไรเล่นๆไปเรื่อยๆครับ
ในที่สุดก็ได้ข้ามเกาะมาครับ สำหรับผมยังไม่เคยลงไปเที่ยวทะเลทางภาคใต้มากก่อนเลยไม่รู้ว่าที่นั้นสวยขนาดไหน แต่สำหรับที่นี้วันที่ผมได้ไปเยือนฟ้าหม่นไม่สวยแต่....น้ำทะเลที่นี้ถือว่าใสและหาดทรายขาวมากๆ...^_^
จริงอยากแอบถ่ายสาวต่างชาติเล่นน้ำนะครับ แต่ไกด์เค้าจ้องผมซะจนผมป๊อดเลยเดินๆก้มหน้าก้มตาถ่ายวิวดีก่า 555
ชมภาพเพลินๆนะครับ กิจกรรมมากมาย เล่นน้ำ ดำน้ำ ลงเรือกระจก เล่นบอลเล่ย์ชายหาด หรือจะนอนพักริมหาดก็แล้วแต่ความสุขของแต่ล่ะคนครับส่วนผมเดินๆถ่ายภาพอย่างเดียว 555
ปิดท้ายกันด้วยภาพนี้นะครับก่อนหลบมุมไปนั่งซดมาม่าคัฟเงียบๆคนเดียวแล้วแอบงีบสักนิดรอเรือกลับเข้าฝั่ง....^_^ จะได้มีแรงขับรถ คืนนี้เป้าหมายที่พักคือระยองครับ
วันสุดท้ายของทริปไปปิดทริปกันที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าครับผม
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ได้รับการประกาศ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่ 3 ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่ง และในทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ เช่น หาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า และหมู่เกาะเสม็ด ประกอบด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร เกาะกุฎิ เกาะขาม เกาะกรวย เกาะปลายตีน เกาะทะลุ และเกาะท้ายค้างคาว สถานที่ที่เป็นจุดเด่น คือ เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิศดาร
อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ เกาะเสม็ด เกาะกุฎี และเขาแหลมหญ้า ในแต่ละเส้นทางจะพบพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น พันธุ์มะนาวป่า ต้นไข่เต่า ต้นขันทองพยาบาท ต้นเสม็ดแดง และสัตว์ป่า เช่น อีเห็นเครือ พังพอนเล็ก ลิงแสม กระรอกหลากสี นกนางแอ่นบ้าน และนกฮูก เป็นต้น นอกจากนั้นทั้ง 3 เส้นทางยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย
ค่าเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200บาท เด็ก 100 บาท
อย่าเสียเวลาครับไปเที่ยวกันดีกว่า
ที่นี้ไม่มีหาดสำหรับเล่นน้ำนะครับเหมาะสำหรับเดินเล่นถ่ายภาพและชมวิวครับผม
ลมแรงมากๆครับเดินเล่นๆเนี๊ยฟินเลย
เห็นคุณลุงนอนแล้วอิจฉาจริงๆแทบหยุดเวลาเลยครับ
ถ้ามีโอกาศก็อยากกลับมาที่นี้อีกแล้วมีใครสักคนมานั่งบนชิงช้านี้ด้วยกันคงจะดีไม่น้อย มโนแปบ 555
เดินไปเรื่อยๆคับเหนื่อยก็พัก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินแล้วก็เพลินดีครับ
วิวมุมสูงสักใบ
หินนี้เค้าเรียงไว้เพื่ออะไรครับวอนผู้รู้ช่วยตอบที่
ส่งท้ายกันด้วยสองภาพนี้นะครับแสงสุดท้ายที่เขาแหลมหญ้า ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาติชมและพูดคุยครับ
ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกครับผม.../\_/\
ขอบคุณมากครับผม...^_^
Yuttana Pichanchai
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.44 น.