จันทบุรี 2 วัน 1 คืน ไปไหนมาบ้าง
การเดินทางมาจันทบุรีของพวกเราครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อเก็บทุกรายละเอียดของจังหวัดแห่งอัญมณีแห่งนี้ แต่พวกเราจะแวะ จะเดิน จะกิน จะนอน จะเช็คอิน ตามสถานที่ๆพวกเราคิดว่า "ที่สุด" ของจังหวัดนี้ (แต่อาจจะไม่ครบทุกทีเพราะเวลามีจำกัด แค่ 2วัน 1 คืน) ก่อนที่พวกเราจะเดินทางต่อไปยังเกาะหมาก แต่ข้อมูลบางอย่างพวกเราได้ฟังมาจากคนในพื้นที่จริงๆ
จุดแรกที่พวกเราเช็คอินคือโบสถ์แม่ประปฏิสนธินิรมล โบสถน์ที่ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งจำลองแบบมาจาก Notre dame ในประเทศฝรั่งเศส โชคดีเป็นของเราที่ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ประจำโบสถ์ที่ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากๆ ให้พวกเราฟัง อย่างเช่น เพดานโบสถ์มีลักษณะโค้งคล้ายกับท้องเรือเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นแนวคิดที่จะบอกเล่าว่าชาวเวียตนามได้เดินทางเข้ามาที่จังหวัดจันทบุรีนี้โดยทางเรือ และโบสถ์คริสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์หลังที่ 5 ก่อนหน้า หลังที่ 1,2 นั้นตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำจันทบูร จากนั้นได้มีการสร้างโบสถ์ใหม่เป็นแห่งที่ 3 ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันกับหลังปัจจุบัน แต่จะตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ ส่วนหลังที่ 4 นั้นตั้งอยู่ที่เดียวกันกับหลังปัจจุบัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ได้มีการสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันแทนที่หลังที่ 4 และจุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือ องค์พระแม่มารีอาจำลองซึ่งสร้างขึ้นใหม่เพื่อแสดงถึงพลังศรัทธาของชาวคริสตจักรในละแวกแม่น้ำจันทบูรคือ วัตถุดิบที่ใช้สร้างองค์พระแม่ฯ นั้นเป็นอัญชมณีหลากหลายชนิด ซึ่งทำให้องค์พระแม่ฯมีความสวยงามจริงๆ
หลังจากพวกเรานั่งฟังประหวัดความเป็นมาและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับโบสถ์แห่งนี้เป็นที่พอใจแล้ว พวกเราก็ทยอยกันออกจากมาจากโบสถ์เพื่อมุ่งหน้าไปยังชุมชนริมน้ำจันทบูร แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเก็บภาพเป็นที่ระลึก บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ซึ่งมีองค์พระแม่ฯ ตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม
ชุมชนริมน้ำจันทบูร อยู่ไม่ฝั่งตรงกันข้ามกับโบสถ์ฯ แค่เดินข้ามสะพานปูไป และจุดแรกที่หลายๆคน รวมทั้งพวกเราจะต้องแวะเก็บภาพเพื่อเช็คอินก็คือ บ้านหลังนี้ ซึ่งเจ้าของบ้านต้องการเก็บไว้เป็นอนุสรณ์หลังจากที่บ้านถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหายไปบางส่วนเมื่อคราวที่เขื่อนคิชกูฎแตก และน้ำในแม่น้ำจันทบูรไหลเข้าท่วมบ้านเรือนริมน้ำหลายหลัง
พอเดินผ่านจุดเช็คอินจุดแรกมาแล้ว ก็ถึงทางแยกให้เราตัดสินใจ ซ้ายไปกินก๋วยเตี๋ยวทะเลเจ้าดัง หรือขวาเดินยาวตลอดทางที่มีร้านขนม ก๋วยจั๊บ ร้านกาแฟ ร้านไอศรีม และอื่นๆ อีกมากมาย ก็เลยไม่แปลกที่พวกเราเลือกที่จะเลี้ยวขวา
ไม่รู้คิดยังไงใส่เสื้อตัวนี้มาวันนี้ ก็เลยได้ภาพนี้จากหน้าร้านอาหารสำรับจันท์มาเป็นที่ระลึก และพอพวกเราดินผ่านร้านสำรับจันท์มาอีกไม่ไกลก็มาถึงบ้านเก่าแก่หลังนึง มีป้ายเขียนไว้น่าสนใจ "ย้อนวิถีจันท์ สร้างสรรค์วิถีไทย" พวกเราแวะเข้าไปทักทายเจ้าของบ้านใจดีชื่ออาจารย์ประภาพรรณ ซึ่งทักทายพวกเราด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แถมยังเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ให้พวกเราฟังอย่างออกรสอีกด้วย
แต่สุดท้ายเราก็เสียเงินให้กับกระเป๋าสานด้วยกระจูดใบเก๋ 1 ใบ ราคา แค่ 250 บาท แต่ดูแล้วการใช้การคุ้มค่าแน่นอน
แดดค่อนข้างร้อน แต่พวกเราก็ยังคงเดินมองซ้ายมองขวา เข้าร้านโน้น ออกร้านี้ตลอดเส้นทาง แต่ก็สะดุดตากับแผงขายพลอยต่างๆ ที่ยังเป็นก้อนๆ ดูแล้วไม่น่าเชื่อเวลาเราเดินผ่านร้านขายอัญมณีที่ราคาแต่ละชิ้นแสนแพ
เดินได้อีกไม่นานพวกเราก็เริ่มหิว ถึงเวลาต้องหามื้อกลางวันกินกันซะที จันทรโภชนา คือเป้าหมายของเรา แต่น่าเสียดายตรงที่ ไม่มีใครถ่ายรูปอาหารที่ร้านนี้เลยซักคน พออาหารถูกเสิร์ฟทุกคนต่างก็อยากชิมอาหารทุกจานจนลืมเรื่องการถ่ายรูปไปเลย น่าเสียดาย
หลังจากอิ่มอร่อยราคาไม่แพงที่ร้านจันทรโภชนา (ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุมชนริมน้ำจันทบูร) ซึ่งเมนูที่พวกเราสั่งมาชิมครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น เส้นจันท์ผัดปู ยำผักกูด ต้มยำปลาคังสละกระวาน หรือถั่วฝักยาวผัดกระปิ (อร่อยทุกอย่าง) พวกเราก็ต้องหาที่ย่อย หรืออาจจะเรียกว่าหาของหวานกินกันดีกว่า เราก็เลยเคลื่อนพลไปยังบ้านบ่อพลอยเหล็กเพชร
ไปดูเค้าร่อนขุดพลอย ร่อนพลอยด้วยวิธีดั้งเดิม แต่ที่จริงแล้วเป็นข้ออ้างไปชิมผลไม้ปลอดสารพิษมากกว่า คุณกุ๊กเจ้าของ บ่อพลอยเหล็กเพชร และสวนผลไม้ปลอดสารพิษก็ใจดี เอาผลไม้มาเสิร์ฟพวกเราซะอิ่มแปล้ไปตามๆกัน (ตอนกินข้าวกลางวันทุกคนบ่นว่าอิ่มมาก แต่นั่่งรถมาที่สวนนี้ทุ กคนก็กินผลไม้กันอีกเป็นกิโล)
อิ่มจนไม่รู้จะอิ่มยังไงแล้ว ผลไม้ปลอกสารพิษ อร่อย สด หวานชื่นใจ ถ้าเรามีสวนผลไม้ปลอดสารพิษเยอะๆก็น่าจะดี ราคาจะได้ไม่แพง แต่พอได้ฟังคุณกุ๊กเล่าให้ฟังว่าการทำสวผลไม้ปลอดสารพิษไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใจแข็งมากๆ ในช่วงเริ่มต้น กว่าจะเอาชนะแมลง และโรคพืช โดยไม่ใช้สารเคมีนั้นต้องใช้เวลานานพอสมีควร เอาเป็นว่าเราเข้าใจแล้วละกันว่าทำไมผลไม้ปลอดสารพิษถึงมีราคาแพงว่าผลไม้ทั่วไป....
เวลาผ่านไปเร็วมาก เกือบจะหกโมงเย็นซะแล้ว เรามีนัดดูพระอาทิตย์ตกที่บ้านริมอ่าวรีสอร์ท ต้องรีบหน่อยแล้ว
มาถึงช้าไปหน่อย พระอาทิตย์ตกไปซะแล้ว เลยไม่ได้เห็นเลยว่าพระอาทิตย์ตกที่เค้าล่ำลือกันที่นี่สวยแค่ไหน แต่ยอมรับเลยว่าห้องพักที่นี่สวย ห้องใหญ่มาก ใหญ่กว่า รร 5 ดาวบางแห่งด้วยซ้ำไป ตกแต่งน่ารัก เจ้าของใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
ร้านอาหารของ รร ชื่อร้านบางมะนาว ก็บรรยากาศดีมากๆ วิวริมน้ำ อาหารก็รสชาติดี เอาเป็นว่าวันนี้พวกเราจบทริปด้วยการเช็คอินทุกที่ตามรายการ (ที่ถกเถียงกันอยู่นาน) หลังจากอาหารเย็นก็แยกย้ายกันพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราจะเช็คเอาท์จาก รร ตั้งแต่เช้า เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะหมาก............
TipOnTheRoad
วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.13 น.