One Day Trip Bangkok : เที่ยวกรุงเทพคนเดียวใน 1 วัน

ช่วงหลัง ๆ เป็นคนชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมาก แต่ก็เฉพาะในกรุงเทพนะคะ เพราะต่างจังหวัดไม่กล้าพอ 55555 ชอบ moment ที่ถือกล้องออกไปถ่ายรูปคนเดียว เหนื่อยก็พัก ไหวก็เดินต่อ ไม่ต้องมากังวลกับอะไร วันนี้ก็เลยจะมาแชร์ทริปสั้น ๆ เพื่อใครสนใจ


เราเริ่มต้นทริปที่ชุมชนสะพานหัน เป็นสะพานข้ามคลองโอ่งอ่างปลายถนนสำเพ็งนั้นเอง ถือว่าเป็นชุมชนที่มีความเก่าแก่ ช่วงที่ไปบางบ้านก็มีการปรับปรุงแต่ก็ยังคงให้เข้ากับบรรยากาศของชุมชนที่นี่อยู่ ช่วงวันหยุดของสะพานหันจะคึกคักเพราะว่าแถวนี้เป็นแหล่งขายของราคาถูกมาก มีร้านค้าเยอะ ทั้งของกินของใช้ และก็สายถ่ายรูปก็จะมาถ่ายรูปบรรยากาศย่านนี้

ช่วงที่ไปเดินยากนิดนึงเพราะว่าเค้ามีการซ่อมแซมบ้านและก็ทำทางอยู่

นอกจากจะมีบ้าน มีร้านค้าแล้ว ย่านนี้ก็ยังมีโฮสเทลและก็คาเฟ่เก๋ ๆ แฝงอยู่ด้วย เราก็เลยตามรอยรีวิวไป ร้านคาเฟ่นี้มีชื่อว่า AMA Cafe

AMA Cafe ตั้งอยู่ใน AMA Hostel ด้านบนของที่นี่ก็จะเป็นโฮสเทลให้นักท่องเที่ยวได้มานอน ส่วนด้านล่างก็จะเป็นคาเฟ่ ใครที่ไม่ได้มาพักก็มาได้ ทางเข้าจะอยู่ในซอยเล็กมาก มีป้ายข้างหน้าว่าห้ามเข้า งง เลย น่าจะรถมอไซต์ห้ามเข้า 55555555

การตกแต่งของร้านก็จะเป็นสไตส์จีน เป็นร้านเล็ก ๆ ก่อนทางเข้าโฮสเทล ด้านในที่เป็นประตูกระจกก็คือโฮสเทล เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้นะคะ มีคุณลุงใจดี ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของรึเปล่า บอกถ่ายได้เลยตามสบาย ใจดีมาก คุณลุงก็ตกใจนิด ๆ ว่าทำไมเรามาคนเดียว 555

เมนูที่นี่ก็ไม่ได้มีเยอะนะคะ นํ้าที่เราสั่งวันนี้คือ Matcha 100 ฿ สั่งหวานน้อยแต่สิ่งที่ได้คือไม่หวานเลย สงสัยต้องสั่งปกติ ยังไงถ้าคนไม่ได้ชอบชาเขียวแบบเข้มอาจจะต้องสั่งหวานปกติ แต่ถือว่าชาเขียวเค้าคุณภาพดีเลย รู้สึกถึงความเป็นชาเขียวแท้ ๆ

อันนี้ก็เป็นรูปลูกค้าหรือแขกที่มาพักติดแบบนี้น่ารักดี : )

เสร็จแล้วก็ไปกันต่อค่ะ เราเดินจากสะพานหัน ปัก google map ไปที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งทางเดินประมาณ 1.3 กิโล วันที่ไปแดดร้อนมาก แต่เราก็ยังยืนยัดที่จะเดิน เผื่อจะได้ถ่ายรูประหว่างทาง แลเดินไปสักพักระหว่างทางก็ไปเจอกับ ศาลาเฉลิมกรุง สมัยก่อนถือว่าที่นี่คือทันสมัยมาก ๆ นะ มองจากมุมนี้สวยจริง ๆ เสียดายตรงที่เสาไฟเยอะแยะไปหมด T^T

ก่อนจะถึงทางเข้าวัดราชบพิธ ฯ ก็จะเจอสองข้างทางเป็นตึกเก่าสวยมาก ชอบมุมนี้มาก มีร้านคาเฟ่อยู่ด้วย ก่อนเข้าวัดก็แวะหน่อย เพราะชอบร้านมาก จะได้นั่งพักด้วย ร้านนี้มีชื่อว่า Simiao Kafei (ซึเมี่ยว คาเฟย) ชื่อร้านเป็นภาษาจีนแมนดารินแปลว่า กาแฟข้างวัด นั้นก็สอดคล้องกับที่ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดราชบพิธฯ นั้นเอง

ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่เป็นสไตส์จีน ร้านนี้น่ารักมากด้วยบรรยากาศมันมีความอบอุ่น แสงไฟส้ม ๆ ตัดกับสีร้าน และคือเจ้าของร้าน พนักงาน ไนซ์มาก ดูแลเทคแคร์ดี

เมนูที่สั่งก็คือ ก๊กเฟย 180 ฿ เป็น Signature ซึ่งทางร้านบอกว่าเหมาะสำหรับคลายร้อน และทางเราก็ร้อนมาก ๆ เลยจัดเลย ส่วนขนม ตอนแรกก็ไม่หิวแต่เห็นแล้วน่ากินเลยต้องจัด Blueberry Tart 140 ฿ บอกเลยว่าเข้ากันได้ดีทั้งสองเมนู มีแรงถ่ายรูปได้อีกยาว

เสร็จจากคาเฟ่แน่นอนก็ต้องข้ามไปวัดราชบพิธ ฯ ตั้งใจจะมาเลยเพราะว่าตอนที่ดูในหลวง ร.10 เสด็จฯ วัดราชบพิธ ถวายราชสักการะ พระบรมราชสรีรางคารฯ ที่วัดนี้ทำให้เราอยากมามาก ๆ มีโอกาสมาแถวนี้บ่อยแต่ไม่ได้เข้าไปสักที แต่มาแล้วก็เศร้าใจเมื่อวันนี้ปิดจ้า

เข้ามานิดนึงเหมือนจะมีการเตรียมพิธี น่าจะเป็นพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา ทางเราก็เลยไม่ได้เข้าไปได้ถ่ายอยู่แค่ข้างหน้า ไว้มีโอกาสจะมาใหม่แน่นอน เพราะเห็นแค่นี้ก็คือสวยมาก

จากนั้นเราก็เดินต่อ ไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วนั้นเอง แดดแรงมากแต่เราก็ไม่ท้อ เดินต่ออีก ระยะทางไม่ถึงโลนะคะแต่ก็เกือบแล้ว ระยะทางก็สวยงาม ถ่ายรูปได้ตลอดทาง แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีสายไฟอย่างที่บอก

เดินมาก็จะเจออนุสาวรีย์หมู อยู่ตรงสะพานปีกุน เป็นสะพานสำหรับคนเดินข้ามคลองคูเมือง จากนั้นก็เดินไปต่อลัดเลาะตามทางก็จะเจอตึกกระทรวงกลาโหม และตึกกรมแผนที่ทหาร

ตรงนี้ถือเป็นมุมไฮไลท์ที่คนชอบถ่ายรูปต้องมาถ่ายเลย ไม่ว่าจะมาถ่ายลง IG เล่น ๆ หรือถ่าย Pre Wedding ถ่ายนอกรอบปริญญา มีหมดเลยในมุมนี้ ใครสายถ่ายรูปแต่ไม่เคยมากรุงเทพมุมนี้ไม่ได้แล้ว แต่ทางเรามาคนเดียวไม่มีใครถ่ายรูปให้ก็ถ่ายวิวไปก่อนแล้วกัน

เดินมาจนถึงแยกให้เลี้ยวซ้ายก่อน เพื่อไปจุด พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ปราสาท จุดนี้เป็นจุดที่ในหลวง ร.9 และก็ ร.10 ให้เราได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ ถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญมาก ๆ นะคะ

จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมทางกระทรวงกลาโหม ฝั่งตรงข้ามกระทรวงก็คือวัดพระแก้ว แต่ถ้าเดินตรงไปก็จะเป็นศาลหลักเมือง

แต่ทั้งหมดทั้งมวลในวันนี้ ปิดหมด อย่างที่บอก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู ถ้าพูดถึงก็มาแถวนี้บ่อยแต่ก็ไม่ค่อยได้เข้าไปข้างในได้แต่ไหว้อยู่ข้างนอก ไว้จะมาอีกและก็เข้าไปข้างใน ถ่ายรูปมาให้ทุกคนได้ดูด้วย เพื่อใครที่ยังไม่เคยมา

เดินถ่ายรูปรอบ ๆ วัดพระแก้ว ก็เหลือบหันไปเห็นคุณลุงคนนี้ คุณลุงนั่งอยู่นานมาก ทั้ง ๆ ที่แดดร้อน ความรู้สึกเราตอนนั้นคือตื้นตันไปหมด เชื่อว่าคนไทยทุกคนคงคิดถึงพระองค์ และก็พระองค์จะอยู่ในหัวใจเราไปตลอดแน่นอน

จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมทางกระทรวงกลาโหม ก็จะผ่านศาลหลักเมือง ตอนนี้เป็นช่วงเกือบจะ 4 โมงเย็นแล้วมีความฝนจะตกด้วย พอเดินย้อนกลับไปเราจะไปเจอแยกตรงกระทรวงมหาดไทย ก็จะเจอตึกนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นตึกอะไร แต่มุมนี้คือสวยมาก

เรายืนอยู่ตรงนี้นานมาก เป็นตึกที่สวยมาก ๆ ยิ่งมีรูปพระองค์ติดอยู่ยิ่งสวยสง่า เมื่อเดินต่อไปอีกก็จะไปเจอเสาร์ชิงช้า วันนี้คนมาถ่ายรูปเยอะมากมุมนี้ มาถึงตอนนี้ระยะทางรวมจะ 3 กิโลเกือบ 4 เดินท่ามกลางแดด แต่ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ

จากนั้นเราก็กะจะไปหาอะไรกินเย็น ๆ อีก ก็จะกลับแล้วเพราะเย็นแล้วและก็ค่อนข้างจะหมดแรงแล้วก็ไปกันต่อที่ ถนนตะนาว ไปคาเฟ่ร้าน PARADAi (ภราดัย) Crafted Chcolate & Cafe

เป็นร้านที่ Chocolate อร่อยมาก แบบมากกกก ใครชอบกินต้องมาร้านนี้ นี้คือหนึ่งในร้านที่ถ้าผ่านมาแถวนี้ต้องแวะ Chocolate เข้มข้นอร่อยมาก

เมนูที่สั่งคือ Iced Chocolate 100 ฿ อร่อยหายเหนื่อย และที่เด็ดคือที่นี่มีการโรยหน้าด้วยดาร์กช็อกโกแลตอีก

นอกจากนํ้าที่นี่ก็ยังมี Bon Bon เป็นขนมช็อกโกแลตลูกกลม ๆ สอดไส้ ซึ่ง Bon Bon มีให้เลือกหลายไส้หลายรสชาติ ราคาจะอยู่ที่ลูกละ 35-60 ฿ เราสั่งมา 3 ลูก กำลังพอดีไม่มากไม่น้อย อร่อยมาก ถูกใจ พูดแล้วอยากกินอีก


และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราว One Day Trip Bangkok : เที่ยวกรุงเทพคนเดียวใน 1 วัน นะคะ

เดินถ่ายรูปแม้จะไม่ได้ชิลล์มากเพราะอากาศร้อนมาก แต่ก็มีความสุข ส่วนร้านอาหารไม่ได้นั่งกินเลยเพราะแวะคาเฟ่ก็อิ่มนํ้าอิ่มขนมไปหมดแล้ว ไว้โอกาสหน้าจะมาหาร้านอร่อย ๆ กิน เพราะย่านนี้ของกินก็เด็ดเหมือนกัน วันนี้ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวคนเดียวที่ดีมาก เหนื่อยก็พัก ไหวก็ไปต่อ นี้ไม่รู้ว่าถ้าชวนคนอื่นมาเดินร้อน ๆ หลายกิโลแบบนี้ จะโดนด่ารึเปล่า555 เพราะฉะนั้นการเที่ยวคนเดียวคือคำตอบ และมันก็สนุกได้ ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้ทำ ได้กิน ได้ไปในสิ่งที่เราชอบจริง ๆ โดยที่เราไม่ต้องนั่งกังวลกับใคร ยังไงใครที่กลัวการออกไปคนเดียว ก็อยากให้ลองดูนะคะ : )

ยังไงฝากเป็นกำลังกด link page ให้ฝ้ายด้วยนะคะ : https://www.facebook.com/puifaikamonblog

Puifaikamon

 วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.23 น.

ความคิดเห็น