สวัสดีครับเพื่อนๆ..การเดินทางครั้งใหม่ของพวกเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เหตุเกิดเพราะการบินไทยที่เพิ่งรับมอบเครื่องบินลำใหม่ล่าสุด B787-9 Dreamliner
ทริปนี้พวกเราเลยเลือกไปเที่ยวในเส้นทางที่ B789 เครื่องบินลำใหม่บินไป
นั่นก็คือประเทศไต้หวันนั่นเอง..
อีกเหตุผลที่เลือกไปไต้หวันเพราะมีค่าครองชีพที่ไม่สูงมากด้วยครับ
ออกเดินทางกันเลยครับ ฟิ้วววววววววว



การเดินทางไปที่ไต้หวันก็มีสายการบินที่บินตรงทั้ง Full service และ Low Cost เพื่อนๆ เลือกได้ตามสบายเลยนะครับ สำหรับทริปนี้พวกเราแลกไมล์ไปกับการบินไทย เก็บไมล์กันมาก็เพราะสิ่งนี้ครับ ครั้นจะซื้อบินเองคงจะซื้อไม่ลงเก็บตังไปช็อปปิ้งดีกว่า


ที่นั่งวันนี้เลือกริมหน้าต่าง 17K


อาหารเช้าวันนี้ผมเลือกเป็นข้าวต้มปลาครับ


มีปาท่องโก๋กับโกโก้ร้อนด้วย ปาท่องโก๋อร่อยมากครับให้มีตัวเดียวอยากจะขอเพิ่ม ฮ่าๆ


ส่วนคนข้างๆเลือกเป็นอาหารจีน เป็นติ่มซำ ผลไม้และโยเกิร์ตบลูเบอรี่


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.ครึ่ง ก็ถึงสนามบินไต้หวันเถาหยวน (Taoyuan International Airport)


การเดินทางระหว่าง Taoyuan Airport กับ Taipei



ทริปนี้พวกเราเลือกใช้ Taoyuan Airport MRT ครับ ซึ่งจะมีรถไฟอยู่ 2 แบบ คือ

1. Express Train (สายสีม่วง) : เป็นรถด่วนที่จอดแค่ 5 สถานี ใช้เวลาเดินทางไปยังสถานี Taipei Main Station เพียง 36 นาที ต้องซื้อตั๋วที่ตู้สีม่วงก่อนขึ้นนะครับ ค่ารถขาเดียว 160 NT

2. Commuter Train (สายสีน้ำเงิน) : เป็นรถธรรมดาที่จอดทุกสถานี สามารถใช้บัตร Easy Card ขึ้นได้เลยนะครับ

พอถึงสถานี Taipei Main Station พวกเราเกิดอาการช็อคครับ!!! ไม่รู้จะออกทางออกไหนดี ก็เลยกลับมาดูใบจองโรงแรม ซึ่งทางโรงแรมมีรายละเอียดอธิบายไว้ด้วยว่าให้ออกทางออกไหน โชคดีกันไปที่ไม่ต้องเดินหา ที่พักของพวกเราในทริปนี้คือ Smile Inn - Taipei Main Station โรงแรมเล็กๆ ห้องเล็กมาก แต่ห้องใหม่ ถือว่าสมราคาครับ โรงแรมตั้งอยู่บนชั้น 6 ของ McDonald ครับ เดินทางสะดวกมาก รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าเว็ปได้เลย http://www.smileinn.com.tw/en/about.html



หลังจากที่พวกเราเช็คอินเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเดินทางตะลุยไต้หวันกันแล้วครับ ทริปนี้พวกเราไม่ได้วางแผนการเที่ยวแบบละเอียดแบบทริปก่อนๆ แค่คิดว่าอยากไปไหนบ้าง กินอะไรบ้าง แพลนแบบหลวมๆครับ การเดินทางในไทเปพวกเราใช้บริการรถเมล์ซะส่วนใหญ่ เพราะสะดวกสบายแถมยังขึ้นลงง่ายด้วย ไม่ต้องลงใต้ดินให้เสียเวลา



วันที่ 1 : ชาบู Mala Ximending - วัดหลงซาน (Longshan Temple) - Shilin Night Market

สถานที่แรกที่พวกเราไป คือ ชาบู Mala ที่ Ximending เพราะตั้งแต่ลงเครื่องมายังไม่ได้กินอะไรกันเลย แนะนำให้ไปกินช่วงบ่ายๆเหมือนที่พวกเราไปนะครับ พวกเราไม่ได้จองคิวไปถึงก็นั่งกินได้เลย


เนื้อ New Zealand Sirlion กับ Angus Beef คือเดอะเบสครับ


หลังจากกองทัพอิ่มท้องแล้วก็ช่วงเย็นพอดี ผู้คนเริ่มเลิกงานกัน เดินชิวๆริมถนน Zhonghua ดูวิถีชีวีตชาวไทเปกันครับ


เดินไปซักพักพวกเราตัดสินใจไปไหว้พระกันก่อนเอาฤกษ์เอาชัยกันที่วัดหลงซาน (Longshan Temple) กันต่อ ก่อนที่จะไปเดินเล่นที่ Shilin Night Market ครับ


จบวันแรกแล้วแล้วเดี่ยวมาต่อกันนะครับ...



วันที่ 2 : CKS memorial hall - Xiangshan Elephant Trail - Fujin street

เช้าวันที่ 2 เอาจริงๆก็ไม่เช้าแล้วครับ ออกจะสายซะมากกว่า พวกเราวางแผนกันจะชิวๆอยู่ในไทเป หากมาไต้หวันแล้วไม่ไปเยี่ยมท่านผู้นำก็คงมาไม่ถึง ไปเข้าคารวะท่านผุ้นำกันครับ นั่ง MRT สายสีแดงลงที่ MRT Chiang kai shek Memorial Hall Exit 3


อนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกและเทิดทูนอดีตท่านประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก



หลังจากคารวะท่านเจียง พวกเราไป Xiangshan Elephant Trail จุดชมวิวตึก Taipei 101 ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน นั่งใต้ดินสายสีแดงสายเดิมสุดสายลงที่สถานี MRT Xiangshan Exit 2

แต่...กรุณาเตรียมร่างกายมาให้พร้อมนะครับ เส้นทางการเดินขึ้นทำเอาหอบเลย ใครใส่ส้นสูงมาถอดหิ้วได้เลย ฮ่าๆๆ


เดินเล่นเพลินจนเลยมื้อเที่ยง พวกเราไม่รอช้ากดเรียก Uber ไปยังถนนสายชิลล์ Fujin Street ถนนเส้นนี้เป็นย่านเงียบๆ ชิลๆ แต่เต็มไปด้วยคาเฟ่สุดเก๋


ร้านแรกที่พวกเราแวะก็คือ Kyushu pancake cafe ร้านแพนเค้กที่ขายทั้งอาหารคาวหวานส่งตรงจากญี่ปุ่น


จากนั้นพวกเราตั้งใจจะไปนั่งจิบกาแฟอร่อยๆ ชิลๆ ก็เลยปักหมุดไปที่ร้าน Fujin tree 353 cafe ร้านนี้ถือว่าเป็นเดอะเบสในด้านอาหารหวานที่ยกให้ในทริปนี้เลย กาแฟนุ่มมาก ขนมก็อร่อย ร้านน่ารัก นั่งได้ชิลๆทั้งวัน แถมฟรี wifi อะไรจะสบายเบอร์นั้น



Fujin Tree 353 Cafe, Taipei

พิกัด : No. 353, Fujin Street, Songshan District, Taipei City, Taiwan 105

เปิดทุกวัน 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม

Fujin Tree 353 Cafe คาเฟ่น่ารักๆ บนถนน Fujin เป็นร้านที่ตกแต่งดูอบอุ่น พนักงานน่ารักเป็นกันเอง แถมกาแฟอร่อยด้วย เมนูแนะนำคงหนีไม่พ้น

* Dark Brown Sugar Latte ราคา 170 NT แบบร้อน รสนุ่มๆหวานกำลังดี หรือถ้าใครไม่ชอบทานกาแฟลอง

* Dark Brown Sugar Milk แบบร้อน ราคา 160 NT แทนก็ได้นะครับ

จบวันที่ 2 แต่เพียงเท่านี้ หลังจากนี้พวกเราจะออกสู่ธรรมชาติกันแล้วนะครับ

มาต่อวันที่ 3 แล้วนะครับบบบ



วันที่ 3 : Yangmingshan National Park - Xiaoyoukeng - Qingtiangang - Beitou Hot Spring - Taipei fish market - Taipei 101

วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราจะออกไปเที่ยวดูธรรมชาติที่แสนงดงามและอุดมสมบูรณ์ของไต้หวัน แทบไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เดินทางออกจากไทเปไม่ถึง 1 ชม. ก็เจอกับธรรมชาติที่แสนงดงามแล้ว ฟินสิครับ จะรออะไร ตามพวกเราไปกันเลย


พวกเราออกเดินทางจากโรงแรมแถวๆสถานี Taipei Main Station มาขึ้นรถบัสสาย 260 เดินทางไปอุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน นั่งจนสุดสายเลยครับ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที (ป้ายรถบัสอยู่ตรงทางออก Y6 สถานี Taipei Main Station ครับ)

บรรยากาศภายในรถบัสก็จะประมาณนี้ การขึ้นที่ต้นสายมีข้อดีคือได้นั่งครับ นั่งยาวเลย


บัตร Easy Card ใบเดียว จะขึ้นรถ ลงเรือ ซื้อของ นั่งแท็กซี่ จบในใบนี้ใบเดียว


นั่งสุดสายคือสุดสายจริงๆนะครับ เอาจนกว่าคนขับรถจะจอดรถดับเครื่อง จะเห็นลานจอดรถบัสแบบนี้เลย


พอถึงสถานีปลายทาง Yangmingshan ก็ลงไปยืนรอที่ป้ายรถบัสสาย 108 เป็นรถเมล์ที่วิ่งเฉพาะในอุทยานเท่านั้น จะคันเล็กๆหน่อย คล้ายๆมินิบัส ต่อแถวรอขึ้นแล้วเตรียมบัตร Easy Card ใบเดิมให้พร้อม ขึ้นก่อนมีสิทธินั่งก่อนครับ


จากนั้นรถมินิบัสจะวิ่งตามเส้นทางไปเรื่อยๆ ทางมันจะแคบและคดเคี้ยวหน่อยนะครับ


ป้ายแรกที่พวกเราเลือกลงไปสัมผัสคือ ป้ายหมายเลข 7 Xiaoyoukeng เป็นอดีตภูเขาไฟที่ยังปล่อยไอน้ำและกำมะถันออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา กลิ่นกำมะถันจะแรงหน่อยแต่สวยดีครับ


วันนี้อากาศหนาวมากๆ อุณหภูมิบนยอดดอยประมาณ 10 องศา ลมแรงจนหูชากันไปเลย
จากนั้นเราก็ขึ้นรถมินิบัสไปต่อกันที่ป้ายหมายเลข 10 Qingtiangang


ที่นี่เป็นจุดไฮไลท์เลยครับ เป็นเนินเขาสูงๆ มองเห็นวิว 360 องศา ถ่ายรูปสวย เหมือนวิ่งอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ใครชอบถ่ายรูปแบบฮิสเตอร์แนะนำทุ่งหญ้าที่นี่เลย


พวกเราใช้เวลาอยู่ในอุทยานกันประมาณครึ่งวัน แล้วขึ้นรถกลับมาที่สถานีรถบัสจุดเดิมที่ขึ้นสาย 108 ไปครับ เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง หน้าสถานีรถบัสจะมี 7-11 กับ Starbucks เลือกได้ตามอัธยาศัยเลย


หลังจากอิ่มท้องพวกเราก็ลงจากเขาไปเมืองเป่ยโถว เมืองที่มีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำร้อน ใครอยากจะมาพักผ่อน แช่น้ำร้อนแนะนำให้มาค้างซัก 1 คืน แต่เมืองนี้ก็ไม่มีอะไรเลยครับ หรือมีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พวกเราเดินชิวๆ ย่อยอาหาร ไม่ได้ลงไปแช่น้ำอะไรกันครับ


ลืมบอกไปว่าการเดินทางที่พวกเราเลือกมานั้นคือแท็กซี่ครับ เพราะมึนงงกับสายรถบัสมากไม่รู้จะไปขึ้นตรงไหน ค่าแท็กซี่ประมาณ 300 NT บวกลบนิดหน่อย


พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. ความพีคก็เกิดขึ้นครับ เพราะไม่มีแพลนต่อจากนี้ เลยตัดสินใจไปหาของกิน (อีกแล้ว) เราไปต่อกันที่ตลาดปลาไทเป โดยนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงมาจากสถานี Xinbeitou เลย แล้วไปต่อรถบัส


พอไปถึงตลาดปลาพวกเรายังไม่หิวกันเลย แต่ไหนๆก็มาแล้วเลยเลือกชิมซูชิ 1 set จำค่าเสียหายไม่ได้


ใช้เวลาอยู่ที่ตลาดปลาจนมืด พวกเรายังมีอีกเป้าหมายหนึ่งที่มาเยือนไทเปในช่วง Christmas คือการไปดูไฟแถวตึกไทเป 101 จะรออะไรล่ะครับ ไปกันเล๊ยยยย..


คนเยอะมากครับ ผู้คนพาลูกพาหลานออกมาชมแสงสียามค่ำคืนกันเยอะมาก
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน พรุ่งนี้พวกเราจะไปที่ไหนรอติดตามกันนะครับ



วันที่ 4 : Yeiliu Geopark - Yinyang Sea - Old gold factory - Golden waterfall - Jiufen - Shifen - Shifen waterfall

ก่อนเดินทางมาเที่ยวไต้หวันคิดว่าอยากจะลองใช้ไกด์ท้องถิ่นดูบ้างแต่เราก็ไม่ชอบให้ไกด์พาเที่ยวหรอกครับ แค่ขับรถพาไปส่ง แนะนำบ้างก็พอแล้ว เลยตกลงปลงใจเลือกใช้บริการ Taipei Taxi ของคุณลุง Lin และแล้วก็ได้รับการบริการที่ยอดเยี่ยมแบบคุ้มค่าเงินที่จ่ายตั้งแต่ถึงที่หมายแรกกันเลย
พอขึ้นรถคุณลุงเสิร์ฟเราด้วยชานมไข่มุกชื่อดังของไต้หวัน น่าจะเป็นบุพเพสันนิวาสที่ทำให้ได้เจอกันคุณลุง Lin


ค่าบริการนำเที่ยวของลุง Lin ใช้เวลา 8 ชม. ราคา 3,500 NT หากเกินคิดเป็น OT ชม. ละ 300 NT บวกลบนิดหน่อยได้ครับ คุณลุงใจดี และจัดเต็มมาก คุณลุงใช้รถ Toyota Wish นั่งได้ประมาณ 4-5 คน


WELCOME TO TAIWAN!

We are looking forward to meeting you.

Thanks again!



Good morning, The weather forecast: December 23 will become 12°c in Taiwan. So, please bring more warmer clothes Avoid having cold. Thanks for your noted


นี่คือคำทักทายที่คุณลุง Lin ส่งมาหาก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปไต้หวัน 2 วัน คุณลุงใส่ใจลูกค้าทุกคนมาก

เกริ่นเรื่องบริการของคุณลุง Lin มาซะยาวเลย ไปเริ่มเที่ยวกันดีกว่าครับ

พวกเราเริ่มต้นทริปกันที่ Yeiliu Geopark เป็นกลุ่มหินริมทะเลที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นรูปร่างต่างๆ มีค่าเข้าชมคนละ 80 NT นะครับ


จุดนี้มีอนุสาวรีย์ The Statue of Lin Tianzhen ที่สร้างไว้สรรเสริญชายชาวประมงผู้หนึ่งที่ลงช่วยชีวิตเด็กตกน้ำ ย้อนกลับไปในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1964 ในตอนนั้นอุทยานเย่หลิวยังไม่ได้เปิดให้เที่ยวชมอย่างเป็นทางการ การดูแลความปลอดภัยจึงยังไม่มี วันนั้นมีเด็กกลุ่มหนึ่งมาท่องเที่ยวทัศนศึกษาที่บริเวณนี้ และเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด คือมีเด็กคนหนึ่งได้พลัดตกลงในทะเล ซึ่งตอนนั้นมีชาวประมงคนหนึ่งชื่อว่า Lin Tianzhen อยู่ตรงจุดเกิดเหตุ ได้โดดลงไปช่วยเด็กคนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยเด็กคนนั้นได้ ซ้ำร้ายชาวประมงคนนั้นก็ได้เสียชีวิตไปด้วย จากเหตุการณ์นี้ประธานาธิบดี เจียง ไคเช็ก จึงให้สร้างอนุสาวรีย์นี้ขึ้นเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของ Lin Tianzhen


จากนั้นคุณลุง Lin พาเราไปแวะซื้อเค้กกันที่ร้านเค้กที่ดัง Yannick cake shop ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานเย่หลิว


ของขึ้นชื่อยอดนิยมของร้านคือ พายมันหวาน มีให้ชิมก่อนตัดสินใจซื้อครับ


จากร้านเค้กนั่งรถไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึง Yinyang Sea เป็นบริเวณปากแม่น้ำทองคำที่ไหลลงมาจากเขา คุณลุง Lin บอกว่าทะเลตรงนี้มี 3 สี คือสีฟ้า เขียว และทอง


ทะเลไต้หวันก็สวยไปอีกแบบนะครับ สีสวยเหมือนกับในภาพวาดเลย พวกเราไปกันต่อที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำสีทอง นั่นคือน้ำตกทองหรือ Golden waterfall ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโรงงานผลิตทองคำเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นยึดครองที่นี่ มองลงไปจากหน้าโรงงานจะเจอวิวนี้เลย


จากนั้นพวกเราไปต่อกันที่จุดหมายหลักของวันนี้ Jiufen หรือ หมู่บ้านจิ่วเฟิ่นนั่นเอง การเดินทางจากน้ำตกทองคำไปจิ่วเฟิ่นคือการข้ามเขาจากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่งของภูเขา


เดินถ่ายรูปเล่น ชิมอาหารตามรายทางไปซักพัก พวกเราลงมารอจุดนัดพบนั่นก็คือป้ายรถบัสเยื้องๆกับสถานีตำรวจ ใครที่จะเดินทางเข้าไทเปก็มารอที่ป้ายนี้เหมือนกันนะครับ


มองจากป้ายรถบัสกลับไปจะเห็นสถานีตำรวจอยู่ที่มุมซ้ายสุดของรูปตรงต้นไม้นั่นแหละครับ


จากจิ่วเฟิ่นคุณลุง Lin พาเราไปต่อที่ Shifen หมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมการปล่อยโคมลอยเพื่อลอยเคราะห์ลอยโศก เพื่อโชคลาภที่ดี ใครอยากขออะไรก้เขียนลงไปที่โคมได้เลยครับ


แต่ใครที่ไม่ชอบการปล่อยโคม สามารถเขียนใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเอาไปแขวนแทนก็ได้ครับ


หลังจากเดินเล่นดูชาวบ้านปล่อยโคมลอยกันซักพัก พวกเรายังเหลือเวลาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง คุณลุง Lin บอกเราว่าต้องกลับเข้าไทเปตอน 4 โมงเย็น เพื่อให้ถึงไทเป 5 โมงพอดี ไม่ต้องมี OT คุณลุง Lin เลยพาเราไปน้ำตก Shifen หรือ Shifen waterfall อยู่ใกล้ๆกันครับ


ประมาณ 4 โมงเย็น พวกเราก็กลับไทเปกันครับ โดยให้คุณลุง Lin มาส่งที่ Taipei 101 ครับ แต่นั่นก็ยังไม่จบที่หมายสุดท้ายของการมาไทเปครั้งนี้คือ เสี่ยวหลงเปา ที่ร้าน Din Tai Fong




วันที่ 5 : กลับกรุงเทพฯ พร้อมของฝา

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราอยู่กันที่ไต้หวัน วันนี้ไม่มีอะไรมากครับเก็บกระเป๋าแล้วไปสนามบิน แต่จะไม่พูดถึงเรื่องของฝากก็ไม่ใช่ใช่มั้ยครับ ไปดูกันเลยว่าเราขนอะไรกลับเมืองไทยบ้าง


มาไต้หวันคงหนีไม่พ้นชานมแน่นอน เราขนชานมกุหลาบ Christmas Collection สนนราคา 25-30 NT หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป เป็นชานมที่มีกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ หอมชื่นใจ ไปสอยกันมา 20 ขวด ที่ 7-11 ช่วงที่เราไปจัดโปรอยู่ ซื้อ 2 ชิ้นราคาขวดละ 23 NT


อีกหนึ่งของฝากยอดฮิตนั่นก็คือ "พายสับปะรด" เราไปสอยพายสับปะรดไส้ไข่เค็มกันที่ร้านขายของฝากหน้าร้าน Din Tai Fong Taipei 101 นั่นเอง พายสับปะรดไส้ไข่เค็ม ยี่ห้อ Yu Jan Shin ตอนแรกมีน้องฝากซื้อ แต่พอได้ชิมแล้วอร่อยมาก สนนราคากล่องละ 220 NT มี 10 ชิ้น (มีกล่องเล็กขายด้วยนะ น่าจะประมาณ 4 ชิ้น)



ขอลาทริปไต้หวันครั้งแรกของพวกเราไปแต่เพียงเท่านี้นะครับ



ปิดท้ายด้วยสำรับไทยบนเครื่องบินของการบินไทย...ไว้พบกันใหม่ทริปหน้านะครับ





ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และยินดีรับทุกคำแนะนำติชมครับ

ฝากติดตามแฟนเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/painaipaigan

ความคิดเห็น