สวัสดีค่ะทุกคน...ในห้องบลูแพลนเน็ต

กระทู้แรกของเราในปี 2019


ก่อนอื่นต้องขอกล่าวถึงการเขียนกระทู้นี้ก่อนเลย คือว่า พันทิปได้จัดกิจกรรมให้สมาชิกได้ร่วมเล่นเกมส์ในกิจกรรมที่ชื่อว่า...

" ม่วนคักวันธรรมดา หรรษาอีสานบ้านเฮา "

จัดขึ้นโดย พันทิป ร่วมกับ ททท. และแอร์เอเชีย

https://pantip.com/topic/38958814



และเราก็ได้เป็นผู้โชคดีของกิจกรรมนี้นั่นเอง (แบบฟลุ๊คมาก)

เส้นทางของเราคือ เส้นทางที่ 3 "อุดร - บึงกาฬ"

ระหว่างวันที่ 30 May - 1 June 2019



ไปเริ่มกันเลยค่ะ


Day 1 : 30 May 2019


ทีมงานนัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง เวลา 06.00 น. เพื่อลงทะเบียนและรับของที่ระลึกกันค่ะ

ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้จะมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกันมากกว่า 30 ชีวิต

แบ่งเป็น 3 เส้นทางนะคะ


เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย

เพื่อไปยังสนามบินอุดรธานี

เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงยังจุดหมายกันแล้วค่ะ


Cr. รูปจากพี่ๆทีมงานนะคะ


" สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม "

มาอุดรทั้งทีก็ต้องมาถ่ายกับเจ้าเป็ดสีเหลืองเด่นเป็นสง่ากลางหนองประจักษ์นั่นเอง

แต่วันที่เรามาเจ้าเป็ดนั้นไม่ได้อยู่กลางสระเพราะก่อนหน้านี้มีพายุ 555


เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อากาศอบอ้าวมากๆเลยวันนี้

ก็ไปต่อกันเลยค่ะ


" พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี "

‘พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี’ ซึ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่ปิดซ่อมบูรณะครั้งใหญ่กว่า 4 ปี

ตัวอาคารแบบโคโลเนียล 2 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาประยุกต์เข้ากับแบบไทย

ก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยา หน้าต่างโค้ง มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าซุ้มประตู


เจ้าหน้าที่ให้ความรู้ก่อนเดินเข้าไปชมด้านในของพิพิธภัณฑ์

ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนสตรีอุดรธานี

แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดอุดรธานี


เมื่อเราเดินชมกันจนทั่วแล้วนะคะ

ก็เป็นเเวลาเที่ยงแล้ว...เริ่มหิวแล้วใช่ไหมล่ะ



พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี
สถานที่ตั้ง : ถนนโพศรี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ช่วงเวลาทำการ : 08.30 – 16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์



แต่ก่อนไปทานอาหารเที่ยง แวะเข้าวัดก่อนสักนิด



" พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ "

เป็นสถานที่เคารพสักการะพระบรมธาตุประจำจังหวัดอุดรธานี

และให้ผู้ที่ได้ไปสักการะได้ขอพร สถานที่แห่งนี้เล่าขานกันมาว่าสามารถขอพรแล้วจะสมหวังได้หนึ่งอย่าง

(ต้องลองนะคะว่าจะสมหวังหรือไม่)


เมื่อไหว้พระขอพรกันเรียบร้อยแล้ว

ไปทานอาหารเที่ยงกันเลยค่ะ


" ณ ร้านพรแหนมเนือง "

หิวเลยไม่ได้เก็บภาพมาเยอะ เสียใจ TT_TT


อิ่มท้องกันแล้ว...


ก็ได้เวลา Check in เข้าที่พักกันเลยค่ะ


" De Princess Hotel Udon Thani "

ทางทีมงานได้จัดที่พักให้ห้องละ 2 ท่านคือผู้ติดตามเราเอง

โรงแรมสวย ห้องกว้างมาก ตกแต่งสวยงาม

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุดรเลย สะดวกสบายมากๆเลยค่ะ

เราเข้าที่พัก เก็บของ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย

ก็มีเวลาได้พักผ่อนก่อนออกไปทานอาหารเย็น


แต่....


ฝนตกหนักเลยจ้า (คิดในใจเอาแล้วไง จะได้ไปมั้ย)



เมื่อถึงเวลาฝนเริ่มซาลง เราก็ออกเดินทางด้วยรถตู้

ไปยังร้านอาหารเย็นของวันนี้กันเลยค่ะ


" ณ บ้านนาคาเฟ่ "


ร้านตั้งอยู่กลางทุ่งนา บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ

แต่วันที่เรามาเจอฝน อากาศเย็นสบายมากๆเลย


เป็นคาเฟ่และร้านอาหารรวมอยู่ที่เดียวกัน มีทั้งอาหารคาว เครื่องดื่ม เบเกอรี่ (ของชอบเราเลยแหละ )

ร้านตกแต่งสวยงามตั้งอยู่กลางทุ่งนา บรรยากาศดี

แต่วันที่เราไปฝนตกหนักเกือบจะไม่ได้ไปแล้วล่ะ 555


Note : ทริปนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าใครน้ำหนักไม่ขึ้นไม่ได้แล้วล่ะ เพราะทีมงานเลี้ยงดีมว๊ากกกกกเว่อร์เด้อ


จะบอกว่าเค้กอร่อยมากๆเลยแหละ

มีเค้ก และเครื่องดื่มหลากหลายให้เราเลือกเลยนะ

ทางทีมงานให้เราสั่งเค้กได้คนละหนึ่งชิ้น

เราและเพื่อนๆก็สั่งกันคนละอย่าง และแบ่งกันชิม เอ้ออคือดีอ่ะ

ต้องบอกเลยว่าใครผ่านไปอุดรต้องไปลองเด้ออออออ


Mix Berry อร่อยเว่อร์เลยจ้า


เค้กมะพร้าวที่ใครๆก็บอกว่าคือ Signature ของร้านไปแล้ว


โอ้ยยยย !!! จะไม่ให้ฟินได้ยังไง มีแต่ของชอบทั้งน้านนนนเลย


ต่อด้วยน้ำตะไคร้อัญชัน (ไม่เคยทานมาก่อนะจ้ะ)

แต่พอได้ชิมเท่านั้น เอ้อ!! อร่อยดีนะ


เราจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าทานได้ด้วยนะ รสชาติก็ฟาดๆ แปลกๆดี


เมื่อสั่งของหวานเสร็จ

เราก็ได้เริ่มการแลกเปลี่ยนเทคนิคและความรู้เกี่ยวกับการเขียนกระทู้

ทางทีมงานมีการจัดเล่นเกมส์เล็กๆน้อย มีของรางวัลให้ทุกคน

มีการกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยเจ้าหน้าที่ ททท.


เอ๊ะๆๆ เห็นแต่ของหวานใชไหมล่ะ

ยังไม่หมดค่ะ ยังมีของหวานอีก


เราขอใช้รูปรวมเลยแล้วกัน เกรงว่ารูปจะเยอะเกินไป (เยอะจริงๆ) 555

อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารอีสานนะคะ

อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ


หลังจากทานอาหารอิ่ม

เราก็ได้ร่วมทำกิจกรรมเล่นเกมส์ เสร็จเรียบร้อย


ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนกันแล้วละคะ


ฝันดีนะคะ zzz







มาต่อกันเลยค่ะ



Day 2 : 31 May 2019



วันที่ทีมงานนัดกันเวลา 09.00 น.


เพื่อออกเดินทางไปยัง " บึงกาฬ " กันค่ะ


อาหารเช้าของเราที่โรงแรมนั่นเอง


มีให้เลือกหลากหลายเลยน๊า รสชาติอร่อยทีเดียวเลยค่ะ



เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ


ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว



เราใช้เวลาเดินทางจากจังหวัดอุดรธานี - จังหวัดบึงกาฬ


ประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ



มาถึงแล้วจ้า จ.บึงกาฬ


" ณ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต "


ปั่นจักรยานออกกำลังกายก่อนหน่อย


ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการสำหรับทริปนี้นะคะ


มุมเผลอก็มาจ้า555


ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับเจ้าของบ้านกันก่อนจ้า


หมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในธรรมชาติอันแสนจะเงียบสงบเต็มไปด้วยธรรมชาติ
ซึ่งบึงกาฬเป็นจังหวัดเล็กๆ สุดเขตแดนสยามฝั่งอีสาน ที่น้อยคนนักจะเดินทางไปที่แห่งนี้


มาถึงร้อนๆดับกระหายด้วยน้ำอัญชัน และตะไคร้ ที่ชุมชนได้เตรียมไว้ให้


คุณตาวัย 92 ปี แต่ยังแข็งแรงเอามากๆเลยนะ


แนวคิดของการจัดทำชุมชนนี้ขึ้นมาโดยมี concept ว่า ธรรมะ-ธนรมชาติ-ธรรมดา นั่นเอง
และในชุมชนจะมีการ paint พญานาคไว้ประจำแต่ละบ้านหรือสถานที่ต่างๆ เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากๆเลย


เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวอีสาน เดินเยี่ยมชมรอบๆหมู่บ้าน และยังมีการสาธิตการทำขนม ลอดช่อง อีกด้วย


ก่อนเดินรอบๆ ก็ได้รู้ที่มาคร่าวๆกันก่อน


ไปเลยค่ะ


ที่หมู่บ้านแห่งนี้โดดเด่นเรื่อง " พญานาค "


โดยบ้านแต่ละหลังก็จะมีการวาดรูปพญานาคไว้ตามผนัง


เป็นการบ่งบอกถึงการทำอาชีพของแต่ละครัวเรือน


ลวดลายสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยทีเดียว


เราเดินไปรอบๆ ก็วนกลับมายังพิพิธภัณฑ์กันก่อนค่ะ


ที่นี่จะมีชาวบ้านมาทำขนมพื้นบ้าน จักรสานพื้นบ้าน ให้ชมด้วยนะคะ


การทำลอดช่อง อร่อยด้วยนะคะ 555



เมื่อชมการทำลอดช่องเสร็จแล้วก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ


จะเห็นได้ว่าเป็นเมนูง่ายๆใช่ไหมคะ


แต่ว่ารสชาตินั่นใช้ได้เลยทีเดียว มี signature ด้วยนะคะ " สปาเกตตี้อีสาน"


อิ่มท้องทั้งคาวและหวานแล้วใช่ไหมล่ะ



ลูกสาวเจ้าของบ้านก็ได้พาขึ้นไปชมด้านบนตัวบ้าน


เล่าประวัติความเป็นมาให้พวกเราได้ทราบกันค่ะ


เมื่อเดินชมด้านบนของบ้านเสร็จเรียบร้อย


เราก็ออกไปเดินรอบหมู่บ้านอีกครั้ง ในส่วนที่เรายังไม่ได้เดินไปนะคะ


นั่งพักเอาแรงสักหน่อย 555



เราต้องช่วยกันทำงานค่ะ ถือป้ายถ่ายรูป 555



เมื่อเดินจนรอบแล้ว


เราจะเห็นได้ว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีการทำอาชีพต่างๆ


แต่เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ น่าอยู่เอามากๆเลยนะคะ


Presenter ก็มาจ้า 555



Cr. รูปถ่ายจากพี่ๆในกลุ่มนะคะ


มีคนแอบถ่ายเรา



เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจากกันไปแล้วล่ะ


Cr. รูปถ่ายจากพี่ๆในกลุ่มนะคะ



ออกเดินทางไปยังสถานที่สุดท้ายของวันที่สองแล้วจ้า



" วัดภูทอก "


พิชิตบันไดไม้แห่งศรัธา



ใช้เวลาเดินทางมาประมาณเกือบๆ 1 ชั่วโมง ก็ถึงวัดภูทอกกันแล้วจ้า


ขาพร้อมมั้ยสำหรับการเดินขึ้นบันได้ทั้งหมด 6 ชั้น


ไปกันเลยค่ะ


ถ้าเข้าเพื่อขึ้นไปด้านบนภูทอกนะคะ



ที่นี่สงบมาก ห้ามส่งเสียงดัง และแต่งกายให้สุภาพนะคะ



เราเดินขึ้นมาสักพักนึงก็จะเห็นวิวด้านล่างประมาณนี้นะคะ


เหนื่อนแล้วพักหน่อยนะ


วันที่เรามามีฝนตก ท้องฟ้าไม่สวยเท่าไหร่นะคะ


วิวระหว่างทางเดินก็จะประมาณนี้นะคะ


ทางเดินง่าย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เดินขึ้นไปแล้วก็จะเพลินๆ มองวิวด้านล่าง


และวิวรอบๆสวยงามเลยทีเดียวค่ะ


ฉันรักประเทศไทย



เดินไปร้อนบ้าง เย็นบ้าง สลับกันไปนะคะ



โห!!! หันหลังกลับมา วิวสวยเลยทีเดียวค่ะ


แต่ละจุดก็จะมีคำคมบ้าง ป้ายบอกทางบ้างเป็นจุดๆไปค่ะ


Note : ถ้ามีเด็กๆไป ควรอยู่ในสายตาผู้ใหญ่นะคะ
เพราะภูเขามีซอกหลืบมากมายอาจพลัดหลงกันได้นะคะ


อีกหนึ่งจุดชมวิวของเรา


พักหน่อยเดินทางไกลแล้ว


มาถึงภูกทอกก็ต้องถ่ายรูปรวมกันหน่อยจ้า



เดี๋ยวมาต่อนะคะ

หลังจากแวะถายรูปกันเรียบร้อย
ก็ถึงเวลาเดินกลับลงมายังด้านล่างแล้วจ้า


Cr. พี่ในทีแอบถ่ายมาค่ะ


ด้านบนมีมุมให้เราได้ถ่ายภาพหลากหลายเลยน๊า


Note : ถ้ามีเด็กๆขึ้นไปด้วย ต้องอยู่ในสายตาผู้ปกครองนะคะ
เนื่องจากบนภูทอกมีซอกของเขามากมาย อาจทำให้พลัดหลงกันได้ค่ะ



เราก็ค่อยๆเดินลงมากันเพื่อเตรียมตัวกลับ


ด้านล่างมีพระธาตุไว้ให้เราสักการะด้วยนะคะ


ตรงนี้จะปิดห้าโมงเย็นนะคะ


Cr. ข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.paiduaykan.com/province/Northeast/bungkan/watphutok.html



หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจที่วัดภูทอกแล้ว


ก็ได้เวลาเดินทางต่อ...เพื่อไปทานอาหารเย็นกันค่ะ


แต่เอ๊ะๆๆๆ เหมือนเพิ่งทานมาใช่ไหมล่ะ 5555



ณ ร้านอาหารแม่ลมูล


ขออุญาติใช้ภาพรวมเลยละกันน๊า


อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ


และก็อิ่มท้อง กางเกงนี่แน่นไปหมดเลยจ้าา



ได้เวลาเดินทางกลับที่พักแล้ว


คืนนี้เราพักกันที่
" The one บึงกาฬ "


แต่เราไม่ได้เก็บภาพมาฝากน๊า เนื่องจากเหนื่อยเลยพักผ่อนก่อน


พรุ่งนี้เช้ามีภาระกิจต้องตื่นเช้ามากกกกกกกกก 5555


ขอตัวไปพักผ่อนก่อนน๊า


Cr.ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.theonehotel-bk.com/


รอบๆโรงแรมคืนวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีถนนคนเดินด้วยน๊า
แต่เราไม่ได้ไปเดินน๊า


ฝันดีน๊าาาาาา zzZZ

ฮัลโลลลลลลลลลล เช้าวันสุดท้ายแล้วน๊า


Day 3 : 1 June 2019



ขณะนี้เวลา 04.30 น.


และก็มีฝนตกลงมาตลอดเวลา


ภาระกิจของเช้าวันนี้ก็คือเราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันจ้า



" ณ หินสามวาฬ "


เขตอนุรักษ์ป่าภูสิงห์



แต่...



จากที่พักใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้ว


แต่ฝนยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเอาเสียเลย


การเดินทางขึ้นไปนั้นต้องใช้รถของทางเจ้าหน้าที่และชุมชนนะคะ


เที่ยวละ 500 บาท (ไป-กลับ) นั่งได้ 10-12 คน



ทางขึ้นมาค่อนข้างยาก ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ


เรามาถึงด้านบนแล้ว จะมีศาลาให้พักหนึ่งจุด มีห้องน้ำด้วยนะคะ


ถ้าเรามาเวลาที่ฝนไม่ตก เราจะได้แวะที่จุดชมวิวแต่ละจุดนะคะ
แต่วันนี้ฝนตกไม่ยอมหยุดเลยเราได้ไปแค่ 2 จุดเท่านั้นนะคะ



จุดแรกจะอยู่ใกล้ๆกับศาลา


ฝนตกเราก็ไม่ลดละความพยายามในการไปถ่ายรูปกันค่ะ 555



แฟชั่นของเช้านี้ พร้อมมาก



ตรงนี้คือ " หินสามวาฬ "


ไฮไลท์ของที่นี่เลยนะคะ


รูปอาจจะไม่ชัดเพราะใช้กล้องมือถือถ่ายตอนฝนตกตลอดเวลาเลยค่ะ
ท้องฟ้าไม่เปิด บรรยากาศเลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่


ที่เรียกว่า หินสามวาฬ เพราะภูเขาสามลูกมีรูปร่างคล้ายวาฬนั่นเอง


Cr.ข้อมูลเพิ่มเติม : https://mgronline.com/travel/detail/9610000116086



มิตรภาพสวยงามเสมอ



ยินดีที่ได้พบเจอเพื่อนใหม่ทุกคน



ท้องฟ้าปิด บรรยากาศก็ประมาณนี้เลยค่ะ



แต่สวยไปอีกแบบนะคะ


ด้านบนทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ค้างนะคะ


ที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ



ฉันรักประเทศไทย



จริงๆแล้วที่นี่ถ้าถ่ายรูปมุมสูงจะสวยมากๆเลยนะคะ


วันนี้เรายอมเปียกฝนขึ้นมาก็สนุกและได้บรรยากาศไปอีกแบบ


ใครอยากลองเที่ยวหน้าฝน ลองดูได้นะคะ สนุกจริงๆๆ มีอะไรให้เราลุ้นได้ตลอดเวลา



การเที่ยวหน้าฝนนั้นมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
คือเราไม่สามารถคาดเดากับสิ่งที่จะเจอได้เลย เป็นการฝึกความอดทนเราไปอีกแบบ



การเดินทางไม่ใช่แค่ปลายทางที่เราคาดหวัง
แต่เรื่องราวระหว่างทางนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเราเลยแหละ



เราอยู่ข้างบนจนได้เวลาพอสมควรก็ถึงเวลากลับโรงแรมเพื่อทานอาหารเช้า
และเตรียมตัวเดินทางกลับอุดรธานีกันค่ะ

มาต่อ Part สุดท้ายของทริปนี้แล้วจ้า


หลังจากที่เราทานอาหารเช้า และเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางกลับมาอุดรกันเลยจ้า


จุดหมายต่อไปคือ กินนนนนน!!!!อีกแล้วเด้อออ



ณ ร้านเฮือนหาดคำ


ร้านอาหารตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำโขง เราสามารถมองเห็นประเทศเพื่อนบ้านได้เลยเด้อ


ร้านอยู่ จ.หนองคาย ที่นี่จะมีบริการที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่


บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ


บรรยากาศบริเวณด้านหน้าที่พัก ก่อนเดินเข้าร้านอาหารนะคะ


วันที่เราไปท้องฟ้าสวยมากๆเลยค่ะ


เราเดินเข้ามายังด้านในของร้านกันค่ะ


การจัดตกแต่งร้านได้ลงตัวมากเลยค่ะ มีทั้งโซนในห้องแอร์และด้านนอก ริมน้ำโขง


นั่งสูดอากาศเย็นสบาย ด้านนอกก็โอเคนะคะ


ขอใช้รูปรวมของอาหารมื้อนี้เลยละกันนะ


อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ เป็นอาหารรสชาติอีสาน


ทานของคาวเสร็จ ก็ต่อด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจกันจ้า


จริงๆแล้วเมนูมีเยอะมากเลย แต่เราถ่ายมาได้แค่นี้เนอะ


รสชาติเครื่องดื่มดีมากๆเลยค่ะ


ทานอาหารอิ่มแล้ว ก็ออกไปเดินเล่นรอบๆร้านกัน


มุมที่นั่งบริเวณริมแม่น้ำโขง



มีมุมไว้สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ



นั่งชิวๆ ก็มุมนี้เลย


ถ่ายโดยน้องผึ้งคนสวยเองจ้า



โน้นไง ฝั่งโน้นไง ประเทศเพื่อนบ้านเราเองเด้อ


Cr.ข้อมูลเพิ่มเติม :http://huenhatkham.com/


เมื่อเราอิ่มท้อง ถ่ายรูปกันจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทาง
ไปยังสถานที่ต่อไปกันเลยจ้า



เราเดินทางผ่านจังหวัดหนองคายเลยขอแวะไหว้พระกันสักหน่อยนะ



ณ วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง


วัดโพธิ์ชัย เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญแห่งจังหวัดหนองคาย


เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใสอันศักดิ์สิทธิ์


ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีตำนานผูกพันกับทั้งชาวไทย และชาวลาวในประวัติศาสตร์


เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของชาวหนองคาย


Cr.ข้อมูลจาก : https://www.thetrippacker.com


สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยกันแล้ว


เราก็ได้ออกเดินทางไปต่อแล้วจ้า



ณ ตลาดผ้านาข่า


ตลาดแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่องการขายผ้าไหม ผ้าพื้นเมืองของอีสานค่ะ


ศูนย์รวมสินค้าของฝาก ของที่ระลึก จากผ้าหลากชนิด เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าขิด ผลิตและย้อมสีจากธรรมชาติ
ออกแบบตัดเย็บโดยฝีมือชาวบ้านรวดลายที่เป็นเอกลักษญณ์มีสินค้าจาผ้าให้เลือกมากมาย



Cr.ข้อมูลเพิ่มเติม : http://nawatwithi.com/สุดยอดตลาดผ้า-บ้านนาข่า


เดินช้อป ชิม ชิว ซื้อของฝากนิดหน่อย ก็ได้เวลาไปต่อแล้วจ้า



ก่อนกลับเวลาเรายังเหลือเลยขอแวะอีกหน่อยนะ


ณ ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี


ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี บริเวณเดียวกันกับศาลเจ้าปู่ย่า
สถานที่ตกแต่งโดยจำลองบรรยากาศแบบจีน เหมือนยกเมืองจีนมาไว้ใจกลางอุดร
โดยสร้างขึ้นเพื่อเชิดชูองค์เจ้าปู่เจ้าย่า ที่เป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง
อีกทั้งเป็นแหล่งในการสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของชาวจีนที่อพยพจากประเทศจีน


Cr.ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.museumthailand.com/th/museum/Thai-Chinese-Cultural-Centre-and-Pu-Ya-foundation


ไปกันค่ะ ด้านในมีอะไรบ้างนะ


บริเวณด้านในค่ะ


บริเวณรอบๆของศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน


เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 45 นาที นะคะ



และฝนก็ทำท่าว่าจะตกอีกจ้าาาา


ไปค่ะได้เวลาทานอาหารเย็นก่อนกลับกรุงเทพแล้วจ้า


ณ ร้านตำแซ่บอุดร


บรรยากาศในร้านนะคะ


อาหารอร่อยทุกอย่างเลยเด้ออ ใครผ่านไปก็แวะไปชิมกันเด้อ


Cr. ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/byballudon



อิ่มแล้วก็ได้เวลาไปซื้อของฝากก่อนไปสนามบินกันจ้า


3 วัน 2 คืน หมดเวลาสนุกแล้วสิ



เที่ยวหน้าฝนกับเมืองรองก็สนุกไปอีกแบบ


ขอบคุณมิตรภาพและเพื่อนใหม่ รวมไปถึงทีมงานทุกคนเลยนะคะ
ที่ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น และขอบคุณความโชคดีที่ได้รางวัลนี้



เมืองรองก็มีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะเลย
ทีมเที่ยวเมืองไทย #วันธรรมดาน่าเที่ยว #TATPANTIP



เพราะการเดินทางคือความสุขของฉัน
เพราะการเดินทางคือการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
เพราะการเดินทางทำให้เราพบเจอมิตรภาพระหว่างเสมอ



"จุดหมายของการเดินทางไม่ใช่แค่ปลายทางที่เราจะพบเจอ
แต่เรื่องราวระหว่างทางที่ทำให้เรามีเรื่องราวที่น่าจดจำ"



ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ


ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเด้ออออออออ


เด็กหญิงพัชมน


https://www.facebook.com/OnTheWaySayhi

เด็กหญิงพัชมน

 วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 17.40 น.

ความคิดเห็น