ระนอง....เมืองรองที่ต้องลองไป
.............................................................................................................
หากจะพูดถึงจังหวัดระนอง หลายๆคนคงจะนึกถึงเมืองท่าสำหรับข้ามไปเที่ยวทะเลพม่ากันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะมองเห็นความสวยงามของจังหวัดระนองนี้ที่ตัวของระนองเอง ไม่ใช่เพียงแค่เมืองท่า ทริปนี้เราจึงเลือกที่จะไปค้นหาความเป็นเมืองระนอง กับการเดินทาง 4 วัน 3 คืน.....เมืองระนอง
วันที่ 1.....ทักทายเมืองระนอง ลองนอนบ้านในหมง
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราเดินทางมาถึงสนามบินระนองในช่วงบ่าย ก่อนที่จะเช็คอินเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนก่อนจะเริ่มตะลุยเมืองระนอง เราก็นึกอยากทานอาหารรสจัด แซ่บๆ ทำให้นึกถึงไก่ย่าง ส้มตำ และอาหารอีสานรสแซ่บ หาข้อมูลอยู่นานก็มาจบที่ “ร้านส้มตำหน้าจวน” ร้านอาหารอีสานเล็กๆ ในตัวเมือง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังรัตนรังสรรค์ แม้ว่าจะเป็นร้านเล็กๆแต่ในเรื่องรสชาติอาหารต้องบอกเลยว่าอร่อยเด็ดไม่แพ้ร้านใหญ่ๆ จนสามารถมัดใจชาวระนองไว้ได้อยู่หมัดเลยทีเดียว
พอหนังท้องตึง หนังตาพวกเราก็เริ่มหย่อน เราจึงเดินทางเข้าที่พักกัน ต้องขอเกริ่นก่อนว่าที่พักของเราในทริปนี้บอกเลยว่าเป็นสุดยอดโฮมสเตย์แห่งเมืองระนองเลยจริงๆ
และสำหรับในคืนแรกนี้เราพักที่ “บ้านในหมง โฮมสเตย์” ที่พักเล็กๆที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้และลำธาร บ้านพักแต่ละหลังจะถูกออกแบบให้ดูทันสมัยแต่ก็กลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างลงตัว
ในส่วนของห้องที่เราพักเป็น "ห้องกระท่อมไม้สน" ห้องพักหลังน้อยริมลำธาร แต่แม้จะเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ แต่ด้านหน้าเขาตกแต่งด้วยกระจกใสจึงทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง ไม่อึดอัด ห้องนี้มีห้องน้ำส่วนตัวแต่แยกออกมาอยู่ด้านนอกไม่ได้อยู่ในตัวห้อง (แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณของตัวบ้านนะ) ซึ่งอาจจะไม่สะดวกเมื่อต้องใช้ห้องน้ำในเวลาที่มีฝนตก
** Welcome drink แช่เย็นๆ ไว้รออยู่ในตู้เย็น**
นอกจากนี้ในช่วงเวลา 17:00 - 20:00 น. ที่นี่ยังมีบริการ Wood-fired Outdoor Bath อ่างฟืนแช่น้ำร้อนริมลำธาร ให้ได้นอนแช่น้ำอุ่นๆอย่างผ่อนคลายริมลำธารในราคาเพียง 500 บาท/หนึ่งครอบครัว ซึ่งให้บริการได้วันละ 1 ครอบครัวเท่านั่น เพราะฉนั้นต้องจองล่วงหน้าเข้ามาอย่างเดียวนะจ๊ะ
และในช่วงเย็นที่นี่ก็มีให้บริการอาหารเย็นด้วย แต่ต้องสั่งแยกต่างหากไม่รวมอยู่ในค่าห้องพัก
ส่วนมื้ออาหารที่รวมอยู่ในราคาห้องพักจะมีเพียง มื้อเช้าซึ่งจะเป็นปิ่นโตน่ารักๆ เสริฟให้ถึงห้องพักเลย ในเวลา 08.00 น. อาหารก็เป็นอาหารเบาๆ อย่างข้าวต้ม ซาลาเปา ผลไม้ ชา กาแฟ และโอวัลติน
ราคา.........
สำหรับราคาห้องพักที่เราพัก (กระท่อมไม้สน) ราคาสำหรับ 2 คน คืนละ 2,650 บาท เสริมได้สูงสุด 1 คน
-เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ผู้ปกครองเตรียมผ้าขนหนูและเครื่องนอนมาเอง
-เด็กอายุ2-6 ขวบ มีค่าใช้จ่าย 300 บาท/คนพร้อมมื้อเช้า
-อายุ 7 ขวบขึ้นไปมีค่าใช้จ่าย 500 บาท/คนพร้อมมื้อเช้า
แต่เราเข้าพักในช่วง Green Season เค้ามีส่วนลดค่าห้องให้ด้วย 30% (หน้าแฟนเพจแจ้งไว้แค่ 20%เอง) เหลือห้องละ 1,850 บาท
สอบถามทั่วไป โทร. 093-497-4999 (เวลา 8:00-17:00 น.)
วันที่ 2 ตะลุยทัวร์เมืองระนองงงง ลองนอนเต้นท์ที่โตนเพชร กรีนเนอร์รี่ การ์เด้น
หลังจากทานมื้อเช้า เล่นน้ำ ให้อาหารปลาในลำธารจนจุใจ และที่สำคัญฝนหยุดตกแล้ว เราก็ออกจากบ้านในหมงเพื่อไปชมวิวที่จุดชมวิวเขาฝาชี เพราะคาดหวังไว้ว่าบรรยากาศหลังฝนตกแบบนี้เราจะต้องเจอกับทะเลหมอกแน่นอน
สำหรับ "จุดชมวิวเขาฝาชี" อยู่ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 30 กิโลเมตร สาเหตุที่มีชื่อว่าเขาฝาชีนั่น เนื่องจากภูเขาตรงจุดนี้มีลักษณะคล้ายกับฝาชี บนยอดเขาเป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นลำน้ำกระบุรีไหลมาบรรจบกับลำน้ำละอุ่นออกสู่ทะเลอันดา และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง โดยเฉพาะในฤดูหนาว ในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม แสงสุดท้ายของท้องฟ้าจะสวยงามที่สุด แต่!!!!!! เรามาเที่ยวในฤดูฝนก็จะเจอกับบรรยายกาศฟุ้งๆ ของไอหมอก ซึ่งจะสวยงามออกไปอีกแบบ
ระหว่างทางจากจุดชมวิวเขาฝาชีกลับเข้าตัวเมือง เราก็จะเจอกับ "น้ำตกปุญญบาล" เราเลยแวะทักทายเสียหน่อย
สำหรับ "น้ำตกปุญญบาล" เป็นน้ำตกที่มีความสูงราว 15 เมตรและสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากริมถนนเลย ไม่ต้องเดินไกล แต่น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไปเที่ยวน้ำยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ถ้าเป็นช่วงที่น้ำเยอะกว่านี้คงจะสวยขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยหล่ะ
ขับรถเลยน้ำตกปุญญบาลมาประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะเจอกับร้านกาแฟที่ชื่อ "ห้วยค้างคาวกาแฟสด หรือ กาแฟสดห้วยค้างคาว หรือ คุ้นลิ้นกาแฟสด" แล้วแต่ว่าจะเรียกชื่อไหนกัน ซึ่งเป็นร้านกาแฟสุดชิว บรรยากาศริมธาร สุดอินดี้ ที่ "เปิดให้บริการป็นบางวัน" เพราะฉนั้น ใครที่จะนั่งชิวจิบกาแฟซึมซับบรรยากาศธรรมชาติริมน้ำก็ต้องวัดดวงเอานะจ๊ะ แต่บังเอิญว่าเราดวงดี จึงมาเจอวันที่ร้านเปิดให้บริการ แต่ก็มีความโชคร้ายแฝงอยู่คือน้ำในลำธารขุ่นมัวมาก
รองท้องกับเค้กอร่อยๆกันแล้วเราก็ไปนั่งแช่น้ำร้อนกันต่อที่ "บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน" เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งยังเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยและไม่กี่แห่งในโลก ที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย จึงทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน ที่สำคัญมีความบริสุทธิ์มาก มากจน สามารถดื่มได้จากแหล่งกำเนิดโดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองเลยด้วย
เวลาล่วงเลยไปบ่ายแก่ๆ ท้องเราก็เริ่มร้องอีกรอบ จึงพากันไปฝากท้องที่ร้านดังเมืองระนองอย่าง "ร้านคุ้นลิ้น" ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ่อน้ำร้อนรักษะวารินนี่เอง
"ร้านอาหารคุ้นลิ้น" ร้านอาหารใต้พื้นบ้านสูตรระนองแท้ๆ ที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 20 ปี ที่ใครมาระนองแล้วไม่ได้มาทานอาหารที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงระนองนะจ๊ะ
เมื่อได้เติมพลังจากอาหารพื้นบ้านรสเลิศกันแล้ว เราก็ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังที่พักของเราในคืนนี้กันเลย นั่นคือ "โตนเพชร กรีนเนอร์รี่ การ์เด้น" ที่พักในสวนบรรยากาศร่มรื่นติดลำธาร กับ concept สุดโดดเด่นที่ว่า "ไม่ติดหรู อยู่กับธรรมชาติ หลีกหนีความวุ่นวาย ทำตัวสบายๆ ชิลล์ๆ"
สำหรับห้องพักที่นี่มีให้เลือกหลายแบบ หลากสไตย์ ทั้งสไตย์แคมป์ปิ้งแบบเต้นท์กระโจมและแบบบ้านพักเป็นหลัง ซึ่งห้องพักทุกหลังจะอยู่ติดลำธาร
สำหรับห้องพักของเรา เราเลือกพักแบบเต้นท์กระโจมที่ชื่อ "ลักซ์ชัวรี่ เต็นท์ เฮ้าส์" เป็นเต้นท์ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน (ไม่มีแอร์ แต่มีพัดลม และไม่มีโทรทัศน์) มีห้องน้ำในตัวที่เชื่อมต่อกับตัวเต้นท์ไม่ต้องออกมาด้านนอก ด้านหน้ามีระเบียงนั่งชิวเล็กๆ ตัวเต้นท์ติดลำธาร หน้าเต้นท์มีพื้นที่สำหรับปาตี้ สามารถเข้าพักได้สูงสุด 4 ท่าน
ในส่วนของอาหารมื้อเย็นเราเข้าพักในช่วง เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่นี่มีโปโมชั่นฟรีมื้อเย็น เป็นอาหารซีฟู๊ดพร้อมทาน จัดให้แบบเป็นเซ็ต เซ็ตละ1คน บอกเลยว่าอาหารแน่นมากกกกกกก แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำอาหารมาทานที่หน้าห้องพักได้ ต้องไปทานในจุดทานอาหารที่ทางโฮมสเตย์จัดไว้ให้ แต่ก็บรรยากาศดีเช่นกัน
(แม้ว่าโปรโมชั่นฟรีอาหารมื้อเย็นจะหมดไปแล้ว แต่ก็ที่พักก็ยังอนุญาตให้ลูกค้าเตรียมอาหารสำหรับกิจกรรมปิ้งย่างมาทำทานเองได้ โดยมีค่าเช่าเตาปิ้งย่างและอุปกรณ์สำหรับทานอาหาร ชุดละ 500 บาท หรือเช่าเฉพาะเตา 200 บาท สามารถติดตามโปโมชั่นต่างๆในแต่ละช่วงได้ที่นี่ www.tonphetgreenery.com)
ทางด้านอาหารมื้อเช้าเสริฟที่ห้องอาหารเช่นเดิม ก็จะเน้นเป็นเมนูง่ายๆ อย่างก๋วยจั๊บไก่ ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ โอวัลตินปิดท้ายด้วยผลไม้ ซึ่งเมนูในแต่ละวันก็จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
ราคา.......
สำหรับราคาห้องพักที่เราพัก (ลักซ์ชัวรี่ เต็นท์ เฮ้าส์) พร้อมอาหารเช้า
-สำหรับผู้ใหญ่ 2 คน 1,500 บาท/คืน เสริมเด็กอายุ 2-12 ปีได้ 2 คนๆละ 300 บาท ต่ำกว่า2ขวบฟรี
-สำหรับผู้ใหญ่ 3 คน 2,250 บาท/คืน เสริมเด็กอายุ 2-12 ปีได้ 1 คนๆละ 300 บาท ต่ำกว่า2ขวบฟรี
-สำหรับผู้ใหญ่ 4 คน 3,000 บาท/คืน ต่ำกว่า2ขวบฟรี
วันที่ 3 เที่ยวระนอง กิน นอนโฮมสเตย์ในฝัน
ก่อนเที่ยงเราออกจากที่พักแล้วไปไหว้พระกันที่ "วัดหงาว" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดระนอง จุดเด่นอยู่ที่พระอุโบสถ 2 ชั้น หลังใหม่ที่ใหญ่โตและสวยงามมาก
ทำบุญไหว้พระกันเรียบร้อยแล้วเราก็ไปหามุมชิคๆถ่ายรูปกันที่ "ภูเขาหญ้า" ซึ่งอยู่ห่างจากวัดหงาวไม่มากนัก เป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นมีแต่ต้นหญ้าปกคลุมแนวเขาทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งความสวยงามในแต่ละฤดูจะแตกต่างกันออกไปอย่างในช่วงฤดูแล้งภูเขาหญ้าจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนถูเขาทั้งลูกก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่ม
แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างเราเท่าไหร่ ถ่ายรูปไปได้นิดเดียวก็ได้รู้ซึ่งถึงคำว่า ฝน 8 แดด 4 (ฝน 8 ชั่วโมง แดด 4 ชั่วโมง) เราเลยหลบฝนไปหาของอร่อยๆแห่งเมื่องระนองกินกันที่ "ร้านโรตีนิสรา" เพราะเราเชื่อว่า มาระนองไม่กินโรตี เหมือนไปชลบุรีไม่กินข้าวหลามหนองมน
หลังจากกินอิ่มเราตั้งใจว่าจะไปเล่นน้ำกันต่อที่ น้ำตกหงาว แต่เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ จึงตัดสินใจเข้าที่พักกันเลย กับ โฮมสเตย์ในฝันอย่าง "บ้านไร่ไออรุณ" ที่ อ.กะเปอร์ ซึ่งห่างจากสนามบินระนองประมาณ 32 กิโลเมตร
สำหรับบ้านไร่ไออรุณ เป็นโฮมสเตย์ที่ได้รับการออกแบบสุดน่ารักในสไตย์บ้านไร่ในสวน ที่จับเอาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว (แม้แต่ดอกหญ้าข้างทาง) เข้ามาตกแต่งให้ดูมีมูลค่า มีความน่ารัก น่าสนใจ ซึ่งเป็นที่พักที่เหมาะกับสายเซลฟี่สุดๆ
หรือแม้แต่แนวคิดที่สร้างสิ่งที่ไม่มี ให้มีอย่างพอเพียงและลงตัว อย่างลำธารและน้ำตก
**Welcome drink** เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ สำหรับเครื่องดื่นต้อนรับ แม้จะเป็นเพียงน้ำอัญชันมะนาวธรรมดาๆ แต่ก็เพิ่มความเป็นบ้านไร่ไออรุณด้วยหลอดไม้ไผ่และใช้ภาชนะเป็นขันแทนแก้ว
มาดูทางด้านห้องพักกันบ้าง ห้องพักที่นี่ออกแบบเป็นบ้านหลังเล็กๆ น่ารักๆ บ้านแต่ละหลังจะค่อนข้างห่างกันพอสมควร จึงเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง เราพัก "บ้านในสวนฉัน1" เป็นบ้านไม้ หลังเล็กขนาดชั้นครึ่ง สามารถเข้าพักได้ 2 คน มีพื้นที่นั่งเล่นด้านหน้า มีห้องน้ำในตัวแต่แยกออกจากตัวบ้าน และมีสวนเล็กๆให้ได้นั่งถ่ายรูปเล่นกันด้วย
ภายในห้องพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างจะครบทั้ง เครื่องปรับอากาศ ไดร์เป่าผม น้ำดื่ม กระเป๋าลำลอง ร่มกันฝน (สองอันหลังนี้เป็นพร็อปถ่ายรูปได้ด้วย) ในส่วนของที่นอนด้านล่างมีเตียงขนาด 3.5 ฟุต 1เตียง และที่ชั้นบนมีฟูกขนาด 3ฟุต อีก 1 หลัง
ส่วนห้องน้ำ จะแยกออกจากตัวบ้านแต่ก็อยู่ติดกัน ที่นี่จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นบางหลังเท่านั่น เพราะกำลังไฟไม่พอ แต่สำหรับบ้านที่เราพักนั่นมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย
ในช่วงเย็นเราทานมื้อเย็นกันในที่พักนี้เลย ซึ่งต้องบอกเลยว่าใครที่มาพักแล้วไม่ทานอาหารเย็นที่นี่ถือว่าพลาดมาก พลาดทั้งบรรยากาศดีๆ พลาดทั้งอาหารอร่อยๆ และพลาดความน่ารักๆของความเป็นบ้านไร่ไออรุณด้วย
ในส่วนของมื้อเช้า ก็จะเป็นเมนูอาหารท้องถิ่น อย่างขนมจีนแกงไตปลา น้ำยาปลากระทิ เคียงคู่มากับผักสดๆ ชา กาแฟ ขนมพื้นบ้าน เป็นเมนูง่ายๆที่อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจเลย
เป็นไงกันบ้างคะ กับการเดินทาง 4 วัน 3 คืน ที่ ระนองเมืองรองเล็กทางภาคใต้ของไทย สำหรับเรา เราว่าที่นี่มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าที่จะเป็นแค่เมื่องท่าในการเดินทางไปเที่ยวทะเลพม่านะ
ระนอง...เมื่องรองที่ต้องรองมาเยือน
.
.
อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel
อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.02 น.