จังหวัดสุราษฎร์ธานี มักจะเรียกกันด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า สุราษฎร์ฯ เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และเป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย จังหวัดสุราษฎร์มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก ป่าไม้ รวมทั้งเขื่อนรัชชประภาอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์จะแยกเป็นโซนๆ แต่ละที่ก็จะห่างไกลกันไปตามแต่ละอำเภอ ส่วนอาหารในสุราษฎร์เป็นอาหารพื้นเมืองทางภาคใต้ รสชาติเด็ดถูกปากแน่นอน รับรองเลยว่าร้านอาหาร ของกินและผลไม้เยอะมากๆ แถมอร่อยถูกปากแน่นอน
เราเป็นสาวใต้ที่มาเรียนอยู่ จ.สุราษฎร์ธานี 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนเยอะ ส่วนมากก็ตระเวณหาของกินอยู่แต่ในเมือง และเคยไปเที่ยวเกาะสมุยอยู่ครั้งนึง แต่ครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งป็นโอกาสดีเลยแหละเพราะพี่ชายและพี่สาวมาจาก กทม. ชวนไปด้วยกัน ฟรีก็ต้องไปใช่ม่ะ อิอิ ไปกันค่ะ ไปเที่ยว "เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง" กันเล้ยยยยย
Day1 เราเริ่มเดินทางจาก ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี โดยเช่ารถส้ม(รถสองแถว) ราคา 1700 บาทค่ะ ราคานี้รวมน้ำมันแล้วนะคะ
สถานที่แรกสำหรับวันนี้คือหาร้านอาหารก่อนเลยค่ะ หิวมากกกกกกกกกก ก.ไก่ ล้านตัว
ร้านที่เราจะไปฝากท้องกันวันนี้ก็คือ ร้านอาหารภูณิศา สุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ที่ ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปร้านอาหารประมาณ 1 ชม. เป็นร้านอาหารพื้นเมืองทางภาคใต้ แนะนำก่อนเลยนะคะว่าต้องจองก่อน เพราะลูกค้าเยอะมาก เราเกือบไม่ได้ทานแล้วว โชคดีที่ยังมีโต๊ะว่างให้พวกเราทานกัน วิวดีมาก อาหารอร่อย แถมยังมีมุมถ่ายรูปด้วยน๊าาา ลูกค้าที่นี่มีทั้งไทย จีน เกาหลี ต่างชาติเยอะมาก
วิวอลังการล้านแปดมากค่ะ มองเห็นวิวแม่น้ำตาปีอีกด้วย วิวดีสุดๆ
อาหารก็ประมาณนี้นะคะ ราคาไม่แพงมาก อาหารสะอาดและอร่อยมากๆๆ
จานแรกบนซ้าย คือ ทอดมันภูณิศา ล่างลงมาก คือ ใบเหลียงผัดไข่ ถัดลงมา คือ ยำภูณิศา บนขวาจะเป็น น้ำพริกกะปิและผักสด ถัดลงมาคือ แกงส้ม หรือที่ภาคกลางจะเรียกว่า แกงเหลือง นั่นเองค่ะ ยังมีอีกหนึ่งเมนูน๊าา แต่ไม่ถ่ายไว้ คือ ต้มจืดภูณิศา ทั้งหมดนี้ราคา 900 บาทจ้า
ร้านอาหารภูณิศา ตั้งอยู่ เลขที่11/1 หมู่ที่ 1 ถนนโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สราษฎร์ธานี เปิดเวลา 11:00-20:00 น.
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ออกเดินทางไปต่อกันที่ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เขาบอกว่าที่นี่น้ำใสมากกก คนลงเล่นน้ำกันเยอะก็ไม่ขุ่นเลย ซึ่งน่าสนใจจริงๆ เราต้องไปให้เห็นกับตาแล้วล่ะว่าน้ำใส สมคำร่ำลือกันจริงรึเปล่า ไปดูกันจ้า
อู้วหูววววว น้ำใสจริงๆจ้าา ทุกคน แนะนำถ้าอยากไปเล่นน้ำอย่าไปวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์นะคะ เพราะคนเยอะมากๆๆๆ น้ำใสกิ๊งเลยย
จากร้านอาหารภูณิศา เราใช้เวลาเดินทางจากประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดแล้ว ทางสะดวกไม่ลำบากจ้า
มีค่าเข้าคนละ 10 บาท ห้ามนำกระเป๋าเข้าไป ใครเผลอพกกระเป๋าไป เขาจะมีตู้ล็อกเกอร์ให้ฝากของด้วยนะ จ่ายคน 10บาท หรือ20บาท อันนี้จำไม่ได้ แต่ไม่เกิน 20 บาทแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาด ไม่นำอาหารหรือของทานเล่นเข้าไปยังบริเวณนี้ด้วยน๊าา ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้อยู่กับเราไปนานๆนะคะ
หลังจากถ่ายรูป เล่นน้ำกันเป็นอันพอใจแล้วนั้น ก็ได้เวลาไปยังที่พักของเราแล้วล่ะ สำหรับคืนนี้เราเลือกพักที่ เขาสกบูติกแคมป์ Khaosok Boutique Camps บอกเลยถูกใจมากกก
เข้าไปถึงมีพนักงานต้อนรับอย่างดีเป็นกันเอง ไปถึงห้องพักคือ ว๊าววว มาก วิวดีมากเวอร์ จินตนาการเหมือนอยู่เชียงใหม่ แต่อากาศตอนกลางวันนั้น ก็จะร้อนหน่อยๆ ฮ่าๆๆ ที่ตั้งของรีสอร์ตจะตั้งอยู่บนเนินย่อมๆ มองไปด้านหน้าจะเห็นทิวเขาทอดยาว ซึ่งแน่ล่ะว่าห้องพักทุกห้องคงมองเห็นวิวแบบนี้เหมือนกัน ทีนี่จะโอบล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ บรรยากาศคือดีมากจริงๆ
บ้านหลังนึงจะมี 2 ห้องนอน หรือ 2เต้นท์นั่นเองจ้า ทางเราจองไปในช่วงโปรโมชั่นราคา 2800 บาท พักได้ 4 คน คือห้องละ 1400 บาท/2คน นั่นเองจ้า รวมอาหารเช้าด้วยน๊าา ราคานี้คือคุ้มมากๆกับวิวและบรรยากาศดีๆแบบนี้
ส่วนนี่คือเต้นท์ของเรา ภายในเต้นท์หลังใหญ่นี้ จะมีเตียงใหญ่ 1 เตียง โต๊ะกระจก โต๊ะวางของ โต๊ะวางแก้วพร้อมน้ำดื่ม กระติกน้ำร้อน และชา กาแฟสำเร็จรูป มีตู้เย็นมินิ และเครื่องปรับอากาศด้วยจ้า
ในส่วนของห้องน้ำนั้น จะแยกห้องอาบน้ำกับห้องส้วมคนละฝั่ง ห้องส้วมจะอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนห้องอาบน้ำจะอยู่ฝั่งขวามือ ตรงกลางจะเป็นอ่างล้างหน้า มีสบู่ ยาสระผมให้เรียบร้อย และที่สำคัญมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยนะ เพราะอากาศตอนกลางคืนและตอนเช้าจะหนาวมาก
นอกจากนี้ยังมุมถ่ายรูปชิคๆ แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนกลางให้เล่นด้วยน๊าา
หลังจากเก็บของ พักผ่อน ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ถึงเวลาอาหารเย็นของเรา
แล้วล่ะ รีบเลยจ้าไม่รอช้าาา หิววววว ^^"
เมนูวันนี้มี ต้มยำกุ้ง ยำกุ้งสด ต้มกะทิใบเหลียงกุ้งสด หมูคั่วเกลือ น้ำพริกกะปิผักลวกผักสด และปลานึ่งแจ่ว อันนี้ไม่ได้ถ่ายอีกแล้วจ้า เพราะมาทีหลัง มีข้าวเปล่าหนึ่งโถ รวมน้ำดื่มและเบียร์
ราคาทั้งหมด 1440 บาทจ้ะ อิ่มแปร้กันเลยทีเดียวเชียว หลังจากนี้ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเนอะ
...เช้าวันต่อมา ตื่นเช้าเก็บของเสร็จก็ลงมารับประทานอาหารกันเลย เราต้องรีบทำเวลาเพื่อจะขึ้นเรือให้ทันไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สำหรับอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มเวลา 7 โมงเช้า อาหารจะเป็นบุฟเฟต์ อเมริกันเบรคฟาส
ทานอาหารเช้า พร้อมกับบรรยากาศดีๆแบบนี้หาได้ไม่บ่อยเลยน๊าา ชิลๆ วิวดีมาก อากาศตอนเช้าหนาวกำลังดี ทุกอย่างคือดีไปหมดดดด ไม่อยากกลับเลย อิอิ หลงรัก (ภู)เขา แล้วแหละ
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บของไปรอรถตู้ที่พวกเราเช่ากันในวันนี้ โดยให้ทางที่พักจัดการจองรถให้ เป็นรถส่วนตัว ราคา 1500 บาท เพื่อไปเขื่อนเชี่ยวหลานหรือเขื่อนรัชชประภานั่นเองจ้า แต่ระหว่างทางกว่าจะถึงเวลานัดขึ้นเรือ เราขอแวะไปถ่ายรูปกันที่ สะพานแขวนภูเขารูปหัวใจ ตั้งอยู่อำเภอบ้านตาขุน ใกล้ๆทางเข้าเขื่อนรัชชประภา เป็นสะพานที่ใช้เพื่อข้ามคลองแสงช่วยอำนวยความสะดวกของชาวบ้านทั้งสองฝั่งคลองในการขนย้ายพืชผลทางการเกษตร
สะพานมีระยะทางยาว 120 เมตร ทอดตัวข้ามลำคลองกับป่าไม้เขียวขจี บรรยากาศทิวทัศน์อันงดงาม และความสวยแปลกตาของเขาเทพพิทักษ์ ภูเขาสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่ด้านหลังสะพาน มีรูปร่างคล้ายหัวใจ เป็นอีกมุมถ่ายรูปยอดฮิตของชาวจังหวัดสุราษฎร์เลยทีเดียว
หากข้ามไปสุดสะพานจะมีสวนผลไม้ตั้งขายกันสดๆ มีให้นักท่องเที่ยงแวะซื้อแวะชิมกันสดๆเลยจ้า
หลังจากถ่ายรูป เช็คอิน กินกันอิ่มหนำสำราญแล้วนั้น สถานที่ต่อไปที่เราจะไปนั้น เป็นสถานที่ที่มาสุราษฎร์แล้วไม่ควรพลาดนั่นก็คือ เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน นั่นเองจ้า เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากสะพานแขวน ก็มาถึงยังสันเขื่อน แวะถ่ายรูปนิดหน่อย ก็ไปท่าเรือกันเลยจ้า
“เขื่อนรัชชประภา” หรืออีกชื่อที่คนในพื้นที่เรียกว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ติดต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะมาเที่ยวแบบ One Day Trip นั่งเรือชมความสวยงาม หรือค้างสักคืนสองคืนพักผ่อนกันยาว ๆ ก็ดีต่อใจ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งล่องเรือ, ปีนเขา, แวะจุดชมวิว, ชมน้ำตก, ชมถ้ำ, หรือจะส่องสัตว์ก็ได้
วันนี้เรานัดลงเรือกับทางรีสอร์ต ช่วงเวลา 10 โมง เมื่อมาถึงท่าเรือ ก็แอบตื่นเต้นเบาๆ น้ำสีสวยจัง สีเหมือนน้ำทะเลเลย แต่ไม่ใช่น้ำทะเลนะเป็นน้ำจืดจ้า น้ำลึกมากบวกกับแสงสะท้อนจากท้องฟ้าสีเลยเหมือนกับน้ำทะเล ท้องฟ้าวันนี้ก็สวยมาก ทุกอย่างคือดียกเว้นแดด ฮ่าาา แดดก็แรงจัง ร้อนได้อีกชีวิต
ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ก็มาถึงที่พักของเราแล้ววว สำหรับวันนี้เราเลือกพักกันที่ พันวารี รีสอร์ต
ห้องพักที่เราจองเป็นห้องเดียวค่ะ มีห้องน้ำส่วนตัว เครื่องปรับอากาศใช้ได้เฉพาะตอน 17:00-09:00น. กลางวันจะมีพัดลมให้นะ พัดลมใช้ได้ 24 ชม. มีไดร์เป่าผมให้ มีไฟฟ้าใช้ทั้งวันค่ะ จะมีปลั๊กแยกไฟกลางวันและไฟกลางคืน กลางวันจะมีแค่ปลั๊กตรงพัดลมที่เดียวค่ะ สัญญาณอินเตอร์เน็ตมีเฉพาะ AIS เนอะ สัญญาณเต็มเลย ส่วนถ้าใครใช้เครือข่ายอื่นก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ทางรีสอร์ตมี Wi-Fi ไว้คอยบริการค่ะ สบายใจหายห่วง
ละก็มีชั้นบนให้นอนได้ด้วยนะ ชั้นบนจัดให้นอนสองคนเหมือนกันค่ะ กลางวันจะร้อนหน่อยแต่กลางคืนอากาศกำลังดีเลยค่ะ
เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทานอาหารกันจ้า หิวแล้ววววว หิวสุดดด เพิ่มพลังก่อนลงเล่นน้ำ สำหรับที่นี่เราจองในโปรโมชั่น 3500 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ รวมนั่งเรือชมวิวเขาสามเกลอ และชมหมอกตอนเช้าด้วยนะ
เราไม่ได้ถ่ายอาหารไว้นะ อิอิ อาหารที่นี่สด สะอาด อร่อย และที่สำคัญเลยคือ เติมกับข้าวได้ตลอดทุกมื้อเลย คือดีมากกกกกกกก อิ่มทุกมื้อจริงๆ
หลังจากนั้นว่างกันก็ลงไปเล่นน้ำ พายเรือเล่น ทุกอย่างฟรีหมด ต้องใส่เสื้อชูชีพก่อนลงน้ำด้วยนะจ้ะ เพื่อความปลอดภัย และเล่นน้ำได้เฉพาะบริเวณที่ทางรีสอร์ตกำหนดเท่านั้นนะ
แพหนึ่งหลังจะมีสองห้องนอนน๊าา หลังนึงก็พักได้ประมาณ 7-8 คนเลย
หลังจากนั้น ประมาณ 5 เย็น ทางรีสอร์ตก็พาล่องเรือชมวิวเขื่อนเชี่ยวหลาน และไปถ่ายรูปกันที่เขาสามเกลอ
ภาพนี้เป็นแพอุทยานของเขื่อนเชี่ยวหลานนะคะ
หลังจากนั้นก็กลับที่พัก ไปทานอาหารเย็นกันและพักผ่อนตามอัธยาศัยจ้า
เช้าวันต่อมา.... รีบตื่นลงเรือไปชมหมอกกันตอน 6 โมงเช้า อากาศดีมากเวอร์ ชิลๆดีจัง
พี่คนขับเรือของเรา ^^
หลังจากนี้เราก็กลับไปทานอาหารเช้ากัน อาหารเช้าที่นี่ก็จะมีเป็นอเมริกันเบรคฟาสบริการตัวเอง แต่จะมีไข่กะทะ และผลไม้แยกให้อีกคนละหนึ่งชุดด้วยนะ ดีไปอีก
หลังจากนี้ก็เก็บของกลับกัน เรือออกจากรีสอร์ตตอน 9 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ไปถึงยังฝั่งจ้าา ต้องลาเขื่อนเชี่ยวหลานกันแล้วแหละ ^^"
ยังมีเวลาเหลือกว่าพี่ๆจะถึงเวลาขึ้นเครื่องกลับกัน เราเลยแวะไปเที่ยว วัดวชิรมงคล หรือวัดบางโทง จ.กระบี่ ใช้เวลาเดินทางจากเขื่อนประมาณ 1 ชม. จากฝั่งจะมีรถตู้ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ราคาต่อหัวคนละ 250 บาท ถ้าเหมาส่วนตัว 1500 บาทต่อคัน
หลังจากนี้ก็ไปส่งพี่ๆที่สนามบินแล้วแยกย้ายกลับจ้าา ^^"
สรุปค่าใช้จ่ายและรายละเอียดต่างๆ
ค่าเช่ารถส้ม สองแถว 1700 บาท
ค่าอาหารร้านภูณิศา สุราษฎร์ธานี 900 บาท
ค่าที่พักเขาสกบูติก 2800 บาท รวมอาหารเช้า **โปรโมชั่น**
ค่าเช่ารถตู้ส่วนตัว 1500 บาท
ค่าที่พักพันวารี รีสอร์ต 3500 บาท รวมอาหาร 3 มื้อและล่องเรือชมวิว นั่งเรือไปกลับฝั่ง **โปรโมชั่น**
เบอร์ติดต่อรถส้มสองแถว
0878823317 ลุงดำ
0810907430 ลุงต้อย
ที่พักเขาสกบูติก
077-902606 , 062-4283319
Line : ks_boutique , prim5
ที่พักพันวารี รีสอร์ต
099-9915995
เพจ : Panvaree Resort
หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติชมกันได้น๊า ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะจ้ะ บ๊ายยย ^^"
จะไปป่ะ | Ja Pai Pa
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.09 น.