Casa de La Flora เขาหลัก คำนิยามที่ผมจะให้สำหรับที่นี่ คือ อาร์ทแกลลอรี่ ที่เข้าพักได้ จะมีสักกี่โรงแรมที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นงานศิลปะจริงๆ เรียกว่าตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบโรงแรมนี้ ทุกย่างก้าวที่เดินในโรงแรมทำให้ผมรู้สึก สงบ สบาย และอารมณ์ดี เหมือนผมกำลังเดินชมงานศิลปะอยู่ในหอศิลป์สักที่ ที่นี่คือความงดงามแห่งงานศิลปะอย่างแท้จริง หาใช่ความงดงามฉาบฉวยหรือความอลังการแบบโรงแรมไหนๆ



เริ่มจากทำเลที่ตั้งกันก่อนเช่นเดิม คราวนี้ขอแบบกว้างๆข้ามจังหวัดกันเลยดีกว่า การเดินทางที่สะดวกที่สุดคงไม่พ้นเรือเหาะเรือบิน มาลงที่สนามบินภูเก็ตแล้วก็นั่งรถแท๊กซี่มาต่อที่เขาหลัก(แต่ทางนี้ไม่ใช่ทางที่ถูกี่สุดครับ) ส่วนการเดินทางที่ประหยัดที่สุดคือนั่งรถทัวร์มาลงที่เขาหลักเลย จะประหยัดที่สุด ทำเลที่ตั้งของโรงแรม เรียกว่าอยู่บริเวณบางเหนียง ซึ่งเป็นโซนที่มีรีสอร์ทสวยๆอยู่เยอะเลยครับ





ก้าวแรกที่สัมผัสกับโรงแรมแห่งนี้ ความรู้สึกแรกที่ผมรับรู้ได้ทันทีเลยคือ ที่นี่แตกต่างจากที่อื่นๆ





ที่นี่มีความเป็นความเป็นอาร์ทแกลอรี่ ในตัวสูงมากกกกกกก





ดูอย่างลอบบี้สิครับ ไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ว่า ลอบบี้ที่นี่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว ทุกอย่างดู สวยงาม เรียบง่าย ลงตัว ทุกอย่างเหมือนอยู่ในที่ๆมันควรอยู่





โดยเฉพาะเครื่องจักรสานฝีมือคุณกรกต งดงามมากครับ ( เห็นแค่นี้ราคาเป็นแสน เป็นล้านนะคร้าบบบบ)









ถัดจากลอบบี้มานิดเดียวเราจะเจอห้องดรีมรูม ใครอยากเนรมิตอะไรในโรงแรมก็มาที่ห้องนี้ งานเวดดิ้ง โรแมนติกดิเนอร์ ออกเรือยอร์ช ฯลฯ





ส่วนที่อยู่ในแอเรียเดียวกันก็คือห้องสมุดครับ ที่นี่มีเคื่องแมคอยู่ 2 เครื่อง เอาจริงๆไม่ค่อยมีคนใช่หรอกครับ เพราะในห้องก็มีให้ฟรีเหมือนกัน จะออกมาใช้ข้างนอกทำมั้ยกันล่ะเนอะ





ส่วนสุดท้ายในแอเรียนี้คือฟิตเนสเซนเตอร์ครับ จะสังเกตได้เลยว่าการตกแต่งถูกคุมอยู่ในโทนเดียวกันหมด อาร์ท เรียบ หรู และไม้เป็นหลัก





เอาล่ะครับเราเข้าไปสำรวจในโรงแรมกันต่อดีกว่า คอนเซ็บของ Casa de La Flora เปรียบสเมือน สวนดอกไม้ริมทะเล





ตึกวิลล่าทุกหลังคือตัวแทนของดอกไม้มงคลต่างๆ





ทางเดินภายในรีสอร์ทเปรียบเสมือนรากของดอกไม้เหล่านั้น





โดยหลักๆที่นี่ถือเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก เพราะพื้นที่ส่วนกลางถือว่ามีไม่มากเลยล่ะ









ในส่วนของชายหาด ขึ้นอยู่กับข้างขึ้นข้างแรมนะครับ ถ้าวันไหนมาโชคดีน้ำลงตอนกลางวัน ในวันที่ฟ้าเปิดๆ ทะเลจะสีเขียวครามสวยแซ่บมากเลย







ในพื้นที่ส่วนกลาางหลักๆที่จะพูดถึง ก็คงหนีไม่พ้น Mian Pool สระว่ายน้ำส่วนกลางนั้นถือว่ามีขนาดไม่ใหญ่อะไรนัก คงเพราะว่า ทุกห้องพักของที่นี่จะมีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเองอยู่แล้ว















ส่วนกลางอีกที่ๆน่าสนใจ คงหนีไม่พ้น spalacasa สปาของที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่เลย ห้องทรี้ดเม้นท์ก็มีเพียง 3 ห้องเท่านั้น แต่ล่ะห้องทรีดเม้นทร์กลับกว้างขวางตกแต่งไม่หลุดคอนเซ็ปจากที่ลอบบี้ ของเด็ดของที่นี่คือซาวน่าระบบอินฟาเรด ครับ ความพิเศษของมันคือมันสามารถเบิร์นได้ 1000 กิโลแคลอรี่ได้โดยใช้เวลาไม่นานเลยครับ แซ่บมากกกก













ในส่วนกลางจะเหลือห้องอาหารเพียงห้องเดียวเท่านั้น งั้นเรามาพูดถึงห้องพักกันก่อนดีกว่า โดยรวมๆห้องพักที่จะไม่ค่อยต่างกันมาก การตกแต่งเรียกได้ว่าแทบเหมือนกันหมดทุกห้อง ต่างกันแค่ทำเลและวิวเท่านั้นครับ แต่ผมขอพูดสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดสำหรับห้องพักของที่นี่ก่อนเลยดีกว่า ห้องน้ำครับ ไม่ใช่ชอบตรงที่มันโป๊ได้ใจนะครับ แต่ชอบที่มันจัดสัดสวนได้ลงตัว กว้างใหญ่ โยกโซนเปียกโซนแห้ง แยกห้องสุขาพร้อมสายชำระ ยิ่งโดยเฉพาะอ่างอาบน้ำ ใหญ่มว้ากกกกกกกกก 4 คนแช่ได้เลยครับ เป็นอ่างอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอที่โรงแรมไหนมาก่อนเลย



Beachfront Pool Villa ( มี 1 ห้องนอน )

BeachFront Suite Pool Villa ( มี 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก )

Beachfront Grand Pool Villa ( มี 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก )

คือวิลล่าที่อยู่ใกล้หาดที่สุด การตกแต่งไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ต่างกันที่พื้นที่การใช้งานและสระว่ายน้ำเท่านั้น ส่วนข้อเสียของห้องนี้มีมั้ย มีครับ ห้องนี้ราคาค่อนข้างสูงสักหน่อย และ วันที่คลื่นลมแรงจะได้ยินเสียงคลื่นกระทบกับเขื่อนของโรงแรม ดังไปซะหน่อย

























ในทุกห้อง อินเตอร์เน็ต wifi หนัง เพลง ฟรี คร้าบบบบ เลือกเอาจากทีวี โดยคีย์บอร์ดและรีโมทมหัศจรรย์เลย ครับ ขอบอกอีกอย่าง เครื่องเสียงที่นี่แซ่บและเทพมว้ากกกกกกกก เปิดเพลงที กระหึ่มทีเดียว



และที่แซ่บไม่แพ้เครื่องเสียง amenities ของที่นี่ใช้ของ Thann ทั้งหมดเลยครับ แถมให้มาแบบไม่ห่วงของกันเลย ( Thann เป็นผลิตภัณฑ์สปาไทยเกรดโครตพรีเมี่ยมมากๆๆครับ )







Studio Pool Villa


ห้องเริ่มต้นของที่นี่ ผมบอกเลยครับ นอนห้องไทพ์นี้ก็โอเคแล้วครับ ห้องเหมือนกับBeachfront Pool Villa เลยครับ แค่ไม่มีวิว นอกนั้นเหมือนกันหมดทุกอย่าง









Duplex Pool Suite

ถึงจะมีพื้นที่ 2 ชั้นแต่ขนาดไม่ได้ใหญ่โตมากมายอะไร ที่แบ่งเป็น 2 ชั้นคงเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้แขกที่พักเพิ่มขึ้น แต่สำหรับผมแล้วผมไม่ค่อยชอบห้องโซนนี้ครับ มันดูอึดอัดไปสักนิด










Duplex Grand Pool Villa


ถ้าถามผม นอกจากห้องบีชฟร้อนแล้ว นี่คือห้องที่จะตอบโจทย์ความเป็นคาซ่าได้ดีที่สุด ออกแบบดีไซด์ได้ลงตัวที่สุด ห้องแบ่งเป็น 3 ชั้น แต่ทุกชั้นสามารถเห็นถึงกันได้หมด ทำให้ห้องโล่งโปร่งสบาย ปลื้ม...จบนะ













Casa Pool Suite & Casa Presidential Suite


เป็นห้องที่มีแค่อย่างล่ะห้องอยู่บลอบบี้ ที่ต่างกันกว่าห้องอื่นคงจะเป็นเรื่องวิวครับ เพราะอยู่สูงกว่าห้องระดับอื่น นอกนั้นก็ไม่ต่างกันนะ













มาปิดท้ายในส่วนของห้องอาหารกันดีกว่า ห้องอาหารหลักของที่นี่ชื่อ ลา อรัญญา เช้าสายบ่ายเย็นหาทานอาหารได้ที่ห้องอาหารนี้ครับ บรรยากาศห้องอาหารจะเป็นโอเพ่นแอร์ เน้นชมวิวทะเลงามๆซะมากกว่า











ในส่วนอาหารเช้าที่นี่มีมินิไลน์ให้หนึ่งไลน์ เป็นไลน์เรียบๆง่าย พวก ขนมปัง ซีเรียล ผลไม้ น้ำผลไม้ และ แชมเปญ นะจ๊ะ







เราไปดูจานหลักที่น่าสนใจกันดีกว่า จานหลักที่นี่จะต้องสั่งเป็นจานๆครับ สั่งได้ไม่มีอั้น ไม้ตายของที่อาหารเช้าสำหรับผมแล้วคือ กระเพราเนื้อไข่เจียว กระเพรากุ้งไข่ดาว ที่นี่ทำกระเพราได้แซ่บมว้ากกกก ส่วนเมนูที่ไม่ควรพลาดที่จะชิม เส้นหมี่แกงปูครับ



ป.ล. ชอบน้ำผลไม้ที่นี่มากกกก เพราะใช้น้ำผลไม้คั้นสด ไม่ใช่น้ำผลไม้กล่องครับ







ในช่วงบ่าย3-4 โมง ของทุกวัน ถ้าไม่มีอีเว้นท์พิเศษอะไร จะมี ฟรี คานาเป้ & แซนวิชให้แขกด้วยนะครับ





ส่วนในช่วงเย็นวันศุกร์จะมีฟรี คอกเทล & คานาเป้ สำหรับแขกที่พักที่นี่ คุ้มมากกกกกก





นอกจากพื้นที่ในห้องอาหารแล้ว ถ้าเราอยากจัดไพรเวทดินเนอร์ ในบริเวณส่วนตัวก็มีบริการให้ครับ





อาหารในเมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่ง รสชาติกลางๆ เมนูที่แนะนำคือสเต็กปลาแซลม่อน อย่างในภาพครับ แซ่บลืม





ส่วนบุฟเฟ่ต์ก็จะมีจัดพิเศษให้ในโอกาสพิเศษ ธรรมดาไม่ได้จัดนะคร้าบบบบบบ ได้โปรดอย่าถามว่าอาหารมีอะไรมั้ง ตอบเลยไม่ฮู้ ยังไม่ได้ชิม 55555







ปิดท้ายที่งานแต่งงานสวยๆ ในงบ 30000 บาท บอกเลยที่นี่ตามใจแขกมากกกกก มีงบเท่านี้แต่อยากได้ บรรยากาศงานแต่ง ริมทะเล พระอาทิตย์ตกสวยๆ ทางโรงแรมก็จัดให้จ้าาาาาา












Chakhrit Paksabuy Chart

 วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 20.28 น.

ความคิดเห็น