หากฉันฝันถึงเธออย่างเขา หรือถ้าเขาแสนดีอย่างเธอ สิ่งที่ถามฉันคงไม่ลำบากใจ

อย่าเลยอย่าบอกให้ฉันเลือกเลย เพราะฉันไม่เคยรู้เลย ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร

ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน

.

.

.

ต้องยอมรับกันตามตรงครับว่าประเทศไทยของเรานั้นมีเกาะสวยๆ งามๆ มากมายหลายเกาะจริงๆ โดยเฉพาะเกาะในทะเลอันดามัน ย่านภูเก็ต กระบี่ พังงา ซึ่งหลายๆ คนก็ได้มีโอกาสไปตระเวน ไปถ่ายรูป Check in กันมากมายแทบจะทุกเกาะแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ทรัพยากรด้านวันลา และกระเป๋าสตางค์ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องเกิดการเลือก และการตัดบางอย่างออกไป


และทุกๆ การเลือก ทุกๆ การตัดสินใจนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ผมมั่นใจว่ามันจะต้องสร้างความลำบากใจหรืออึดอัดใจให้คุณเสมอ ซ้ำร้ายกว่านั้นหลังจากที่เราได้ตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เราไม่ได้เลือกมันมักจะตามมาหลอกหลอนทำให้เราค้างคาใจอยู่เสมอๆ ครับ


กระทู้นี้ก็เลยเป็นกระทู้ศิราณีไขปัญหาในการเลือกเที่ยวเกาะในภาวะที่จำเป็นครับ โดย 2 เกาะที่ผมจะมาพูดถึงในวันนี้ก็ได้แก่

- หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำใส ทรายสวย ละเอียด สุดนุ่ม และมีสัญลักษณ์ท้องทะเลอย่างหินเรือใบที่ใครๆ ก็อยากจะไปถ่ายรูปด้วยซักครั้งในชีวิต

- เกาะไม้ท่อน เกาะส่วนตัวของเอกชน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่ และมีฉายาในอดีตว่า Honeymoon Private Island และกำลังมาแรงสุดๆ ในช่วงนี้


ทั้งนี้รีวิวนี้จะไม่ได้ฟันธงนะครับว่าเกาะไหนดีกว่าเกาะไหน แต่จะมาเล่าให้ฟังว่าทัวร์แต่ละเกาะนั้นเป็นอย่างไร และน่าจะเหมาะกับใครครับ โดยทั้ง 2 เกาะนี้ผมเดินทางไปกับ Love Andaman ทั้งคู่นะครับ ดังนั้นตัดปัญหาเรื่องการบริการหรือความแตกต่างระหว่างทัวร์ออกไปได้เลยครับ


เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มเดินทางไปค้นหาคำตอบของหัวใจกันดีว่า เราจะเลือกใครในวันที่ไม่อาจเก็บเธอไว้ทั้งสองคนกันได้เลยครับ



เรามาเริ่มกันที่เกาะแรกกับหมู่เกาะสิมิลันครับ


วันที่เดินทาง : วันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 59


สำหรับทริปนี้ผมเริ่มออกจากโรงแรมในเขตเขาหลักในช่วงเวลาประมาณ 7.15 น. นะครับ โดยทางรถตู้ของ Love Andaman มารับที่ lobby ของโรงแรม จากนั้นก็ใช้เวลาในการตระเวนรับคนจนเต็มรถตู้ และเดินทางไปสู่ท่าเรือทับละมุครับ


การเดินทางจากที่ผมขึ้นรถตู้มาถึงท่าเรือก็ใช้เวลาไม่นานครับ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าใช้เวลาน้อยกว่าการนั่งรถมาจากภูเก็ตมากๆ เพราะจากโรงแรมในภูเก็ตมาถึงท่าเรือทับละมุนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1.30-1.45 ชั่วโมงเลยครับ


เมื่อมาถึงท่าเรือทับละมุ ก็จะเห็นอาคารที่มีโลโก้ของ Love Andaman ใหญ่ๆ แบบนี้ครับ เราก็เดินเข้าไปข้างในอาคารนี้กันเลยครับ



ที่ท่าเรือทับละมุแห่งนี้จะมีทัวร์ที่พาไปเกาะ 2 เกาะหลักๆ ได้แก่ เกาะตาชัยกับเกาะสิมิลันครับ ส่วนหมู่เกาะสุรินทร์ก็มีบริการบ้างแต่การขึ้นเรือจากจุดนี้จะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน หลายๆ คนจึงเลือกที่จะนั่งรถไปขึ้นเรือที่อีกท่าซึ่งใช้เวลาในการนั่งเรือน้อยกว่าแทนครับ


เมื่อเราเข้าไปในอาหารแห่งนี้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำอันดับแรกก็คือ มองหาชื่อเกาะที่เราต้องการจะไปและเข้าไปทำการเช็คชื่อในแถวนั้นครับ โดยป้ายชื่อนอกจากจะมีชื่อเกาะบอกแล้วยังมีภาพสัญลักษณ์ให้เห็นชัดเจนด้วยครับ


ตาชัยก็คือปูไก่ ส่วนสิมิลันก็คือเต่าครับ



เมื่อเราเดินถึงหัวแถว พนักงานที่เคาเตอร์ก็จะสอบถามชื่อหรือขอ voucher การจองจากเราครับ จากนั้นก็จะทำการแจก Wrist band หรือสายรัดข้อมือให้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าวันนี้เราจะต้องไปกับกลุ่มไหนครับ


สำหรับวันนี้ผมได้สายสีดำเส้นเล็กครับ


หมายเหตุ : สาย wrist band นี้ จะมีการขอคืนเมื่อจบทริปในแต่ละวันนะครับ ไม่ได้แจกเป็นของที่ระลึกครับ ><



หลังจากที่ผมลงทะเบียนเสร็จก็เหลือบไปดูนาฬิกา ก็พบว่าพึ่งจะ 8 โมงเท่านั้น มีเวลาอีกชั่วโมงนิดๆ ก่อนที่เรือจะออกจากท่า ดังนั้นผมจึงเริ่มมองหากิจกรรมที่จะทำครับ ซึ่งกิจกรรมแรกที่ผมตัดสินใจที่จะทำก็คือ

.

.

.

.

.

.

กินครับ!!

เพราะที่ท่าเรือของ Love Andaman แห่งนี้ มีไลน์อาหารเช้าไว้บริการแบบค่อนข้างครบและเยอะพอดูเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้ม, แซนวิช, ขนมปัง, คุกกี้, กาแฟ, น้ำหวาน, ขนมหวาน และผลไม้ครับ


หมายเหตุ : ผมไม่ค่อยได้ถ่ายภาพไลน์อาหารมานะครับ เพราะว่าคนใช้บริการค่อนข้างมากไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเกะกะครับ และก็อยากจะชี้แจงนิดนึงนะครับว่าไลน์อาหารเช้านี้จะมีทางเข้าและทางออกนะครับ ถ้ายังไงสังเกตการต่อแถวให้ดีๆ เพราะหลายคนไม่ทราบแล้วเดินสวนจากทางออกเข้าไปตัดแทรกตรงกลางแถวแล้วก็ทำการตักอาหารจากไลน์ซะงั้นครับ - -“



หลังจากที่ผมตักอาหารเสร็จแล้ว ผมก็เริ่มหาที่นั่งเพื่อรับประทานครับ ซึ่งจากการเดินหาที่รับประทานนี้ทำให้ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วท่าเรือของ Love Andaman แห่งนี้นั้นค่อนข้างใหญ่มากเลยครับ นอกจากอาคารที่เราเห็นด้านหน้าแล้ว ด้านหลังยังมีศาลาเล็กๆ และจุดให้นั่งได้อีกค่อนข้างเยอะเลยครับ และที่สำคัญคือ บริเวณด้านหลังซึ่งใกล้กับจุดที่ขึ้นเรือที่สุดนั้นยังมีไลน์อาหารอีกไลน์รวมไปถึงห้องน้ำอีกแห่งด้วยครับ ดังนั้นใครที่มาแล้วเห็นอาคารข้างหน้ามีคนเยอะๆ ก็ลองเดินทะลุมาดูที่ด้านหลังก่อนก็ได้ครับ บ้างครั้งคนอาจจะน้อยกว่าครับ



มาดูส่วนหนึ่งของอาหารที่ผมตักมาดีกว่าครับ เรื่องรสชาติถือว่าดีครับ และก็มีอาหารที่หลากหลายดี ดังนั้นใครที่ต้องตื่นแต่เช้าไม่ได้ทานอาหารมาสามารถฝากท้องกับที่นี่ได้สบายๆ เลยครับ



อ้อ......ในไลน์อาหารจะมียาแก้เมาเรือไว้ให้หยิบด้วยนะครับ ใครที่เมาเรือง่ายหยิบติดไม้ติดมือไว้ก่อนได้เลยครับ หรือถ้าใครลืมหยิบบนเรือก็มีเตรียมไว้ให้เช่นกันครับ



หลังจากที่ผมทานอาหารเสร็จและเข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้วก็เลยลองเดินดูรอบๆ ก็พบว่าที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปอยู่ 2-3 จุดและก็มีร้านขายของที่ระลึกด้วยนะครับ ถ้าใครมีเวลาก็ลองเดินดูนะครับ



เมื่อผมสำรวจสถานที่เสร็จก็ได้ยินไกด์ประกาศรวมพล “Wrist band สีดำเล็ก" พอดี ก็เลยเดินไปรวมพลกับคนอื่นๆ ครับ จากนั้นไกด์วันนี้ก็แนะนำตัวและเล่าให้ฟังถึงกำหนดการในวันนี้ครับ



ไกด์ในวันนี้ชื่อ “สไปรท์" นะครับ เป็นหนุ่มผิวเข้ม หน้าตาดี อารมณ์ดีเลยครับ หน้าตาก็ตามในรูปเลยครับ

.

.

.

.

.

.

เย้ยยยย.....ผมล้อเล่นนะครับ พอดีผมเขินเวลาเจอผู้ชายหน้าตาดีๆ ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ ><



สำหรับกำหนดการคร่าวๆ ก็มีดังนี้ครับ



9.15 น. : ออกจากท่าเรือทับละมุ

10.30 น. : เดินทางถึงเกาะสี่ พักผ่อนตามอัธยาศัย 1 ชั่วโมง

11.30 น. : ดำน้ำที่เกาะหก

12.00 น. : รับประทานอาหารกลางวันและชมหินเรือใบที่เกาะแปด

14.15 น. : ออกจากเกาะแปดเพื่อไปดำน้ำที่เกาะเก้า

15.00 น. : เดินทางกลับท่าเรือทับละมุ

16.15 น. : ถึงท่าเรือทับละมุ



เมื่อไกด์บรรยายจบก็จะพาขึ้นเรือครับ โดยก่อนขึ้นเรือจะมีกิจกรรม 2 อย่างที่ต้องทำก็คือ

1. ถอดรองเท้าใส่ถังครับ โดยรองเท้าพวกนี้จะไม่ได้ขึ้นเรือไปกับเรานะครับ จะถูกเก็บไว้ที่ท่าเรือโดยติดชื่อเรือไว้อย่างชัดเจน เพราะหาดทรายของสิมิลันค่อนข้างละเอียด สบายเท้า สามารถเดินเท้าเปล่าได้ รองเท้าจะได้ไม่เป็นภาระในการเที่ยว แต่หากใครอยากจะติดไปด้วยก็ทำได้ครับเพียงแต่ต้องใส่ถุงหรือกระเป๋าตัวเองให้เรียบร้อย อย่าใส่รองเท้าเดินไปมาบนเรือเด็ดขาดครับ

2. ถ่ายรูปสวยๆ กับป้าย ใครที่อยากจะได้รูปดีๆ เป็นที่ระลึกของทริปก็เตรียมทำหน้าใส คิดท่าเท่ห์ๆ ไว้รอถ่ายรูป ณ จุดนี้ได้เลยครับ

เอาล่ะครับ เมื่อเราขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว กัปตันก็ขับเรือพาเราผ่านคลื่นเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 15 นาที จนเรามาถึงเกาะสี่แห่งหมู่เกาะสิมิลันครับ



เกาะสี่นี้เป็นเกาะที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในหมู่เกาะสิมิลันครับ บนเกาะจะมีบ้านพักของอุทยานไว้บริการด้วยครับ


สำหรับเวลาบนเกาะนี้จะมีให้ประมาณ 1 ชั่วโมง ใครใคร่จะทำอะไรก็ทำได้เลยครับ ไม่ว่าจะเล่นน้ำ ดำน้ำ นอนอาบแดด นอนกลางวัน หรือนั่งชิวๆ เดินชิวๆ และเนื่องจากวันที่ผมไปนั้นอากาศค่อนข้างร้อนประกอบกับผมมีสัมภาระค่อนข้างเยอะผมก็เลยเลือกเดินเล่น ถ่ายรูปแทนครับ


ต้องบอกตรงๆ ว่า เกาะนี้เป็นเกาะที่น้ำทะเลยังใสอยู่มากครับๆ เรียกได้ว่าประทับใจเลยครับ



หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไปทางไกด์ก็เรียกเรารวมพลขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปดำน้ำที่บริเวณเกาะหกครับ โดยบนเรือจะมีบริการน้ำเปล่า น้ำอัดลมไว้ครบครันนะครับ เราสามารถหยิบทานเท่าไหร่ก็ได้และสามารถหยิบลงจากเรือก็ได้ครับ



การเดินทางจากเกาะสี่มาถึงจุดดำน้ำบริเวณเกาะหกใช้เวลาแค่แป้บเดียวเท่านั้นครับ แต่เนื่องจากผมดันลืมหยิบ GoPro ไปด้วยก็เลยไม่มีภาพใต้น้ำมาฝากกันเลยนะครับ T____T



ตามโปรแกรมแล้วในจุดนี้เราจะต้องอยู่ดำน้ำประมาณ 30 นาทีแต่จากกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรงและน้ำค่อนข้างขุ่นเราก็เลยอยู่กันแค่ 20 นาทีเท่านั้นครับ



เมื่อเราขึ้นเรือกันครบแล้วเราก็เดินทางต่อไปยังเกาะแปด เกาะที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะสิมิลัน และมีหินเรือใบตั้งอยู่ครับ



ที่เกาะนี้เราจะมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ โดยจะมีกิจกรรมหลักๆ ที่ต้องทำคือ กินข้าวเที่ยง…….ฮา



สำหรับการกินข้าวเที่ยงที่เกาะนี้นั้น ไม่ว่าคุณจะมากับทัวร์ไหนคุณก็จะได้รับเหมือนกันก็คือจานคนละ 1 ใบ เพื่อไปตักอาหารที่ให้บริการโดยอุทยานแห่งชาติสิมิลันครับ จานใบนี้จะใช้เวียนตักกี่รอบก็ได้ครับ ซึ่งอาหารที่ให้บริการก็เป็นอาหารธรรมดาๆ ครับ มีข้าว, สปาเกตตี้ แล้วก็กับข้าว 2-3 อย่างครับ เมื่อเราทานอิ่มแล้วก็ให้นำเศษอาหารไปทิ้ง เอาจานไปเก็บในจุดที่อุทยานกำหนดไว้ครับ โดยมาตรการนี้เป็นมาตรการที่ทางอุทยานแห่งขาติพึ่งกำหนดขึ้นมาใหม่ในปีนี้เพื่อเป็นการช่วยกันควบคุมปริมาณขยะและช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติให้ดีกว่าเดิมครับ



ส่วนกิจกรรมอื่นๆ บนเกาะแปดนี้ก็ได้แก่การเดินเล่น นอนอาบแดด เล่นน้ำ ดำน้ำ หรือการเดินขึ้นไปชมวิวที่หินเรือใบครับ โดยหากใครต้องการจะขึ้นหินเรือใบให้เผื่อเวลาขึ้นลงอย่างน้อย 30 นาทีนะครับเป็นเวลาเดินขึ้น 10 นาที, ถ่ายรูป 10 นาที และเดินลง 10 นาที ถ้าเห็นว่าเวลาเหลือน้อยกว่า 30 นาทีก่อนที่จะเรียกรวมพลแล้ว กรุณาอย่าขึ้นไปเลยครับ เพราะคนบนเรือท่านจะต้องมาคอยท่านกันครับ เหมือนอย่างที่เรือลำผมต้องมาคอยคนจีนสองคนทำให้กำหนดการล่าช้ากว่าแผนไปเกือบ 30 นาทีเลยครับ T______T



ที่เกาะนี้ตัวผมเองยังเลือกที่จะหามุมสงบๆ นั่งมองวิวสวยๆ เหมือนเดิมครับ เพราะแดดแรงเหลือเกิน ชายกลัวตัวละลายหายไปกับผืนทราย T____T



หลังจากเสร็จภารกิจที่เกาะแปดเราก็เดินทางไปดำน้ำต่อที่เกาะเก้า ซึ่งจุดนี้เป็นจุดดำน้ำที่ผมค่อนข้างประทับใจนะครับ น้ำใส และกระแสน้ำค่อนข้างนิ่ง ที่สำคัญพบเจอปลาแปลกๆ ใหม่ และขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะกว่าเกาะอื่นๆ ที่ผมเคยไปดำน้ำตื้นมาเลยครับ



ดำน้ำดูความสวยงามใต้ท้องทะเลได้ราวๆ 30 นาที ไกด์ของเราก็เรียกรวมพลขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับท่าเรือทับละมุ โดยเมื่อขึ้นเรือรอบนี้นอกจากจะมีน้ำอัดลมแล้ว ยังมีขนมปังชิ้นเล็กๆ กับผลไม้ให้ทานด้วยนะครับ เรียกได้ว่าใช้พลังงานไปหมดก็อก พอขึ้นเรือปั๊บมีถัง E รอเติมพลังงานให้ทันทีครับ



จากเกาะ 9 เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็กลับมาถึงท่าเรือทับละมุครับ โดยต้องบอกว่าบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือทั้งขาไปและกลับนั้นเป็นช่วงที่เรือจะปะทะคลื่นค่อนข้างแรงนะครับ มีการกระแทกกระทั้น กระโดดกระเด้งบ้าง แต่เมื่อออกไปกลางทะเลแล้วการกระแทกจะลดลงค่อนข้างมากครับ



เมื่อเรากลับมาถึงที่ท่าเรือ สิ่งที่เราเห็นก็คือฝูงปลาหมึกอันละลานตาบนพื้นไม้ครับ........เอ้ย ไม่ใช่ เราจะเห็นรองเท้าของเราที่ฝากใส่ถังไว้ก่อนขึ้นเรือครับ โดยจะถูกวางแผ่อย่างสวยงาม และแยกกองตามชื่อเรือครับ เรียกได้ว่าหาได้ง่ายไม่มีหายแน่นอนครับ



นอกจากรองเท้าแล้วก็มีรูปของเราที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือที่ปริ้นท์ใส่กรอบไว้เรียบร้อยวางเรียงไว้โชว์ไว้เช่นเดียวกันครับ



ถัดออกมาจากบริเวณที่วางรองเท้า สิ่งที่รอเราอยู่และทำให้ตาผมเป็นประกายก็คือ


.

.

.

.

.

ไลน์อาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ ครับ ....ฮา ไลน์นี้จะประกอบไปด้วยผัดหมี่ น้ำหวาน ขนมเล็กน้อยแล้วก็ไอศรีมครับ โดยไอศรีมกะทินี่ต้องบอกว่าทีเด็ดและอร่อยมากๆ ครับ อยากจะขอเบิ้ลอีกซัก 2-3 โคน แต่คุณลุงที่ตักให้บอกว่าให้ได้แค่คนละอันครับ เศร้าเลย สงสัยวันนี้คนคงจะเยอะ กลัวไม่พอมั้ง T____T



เอาล่ะครับ มาถึงตอนนี้ก็จบทริปของเกาะสิมิลันกันแล้ว เดี๋ยวเรื่องรายละเอียดย่อยๆ สรุปข้อดีข้อเสีย ผมจะไปสรุปตอนท้ายหลังจากที่จบทริปเกาะไม้ท่อนแล้วนะครับ จะได้เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ว่าแต่ละเกาะมีดียังไงครับ



มาต่อกันที่เกาะที่ 2 กับ เกาะไม้ท่อน ครับ



วันที่เดินทาง : วันจันทร์ที่ 22 ก.พ. 59



สำหรับวันนี้ผมได้ย้ายที่พักจากเขาพลัก จ.พังงา มาอยู่ที่ ภูเก็ต เพื่อความสะดวกในการเดินทางครับ โดยรถตู้ของ Love Andaman มารับผมที่หน้าที่พักในเวลาประมาณ 9.15 น. (ก่อนการเดินทางไปทัวร์ทั้ง 2 เกาะ 1 วัน ทาง Love Andaman ได้มีการโทรมา confirm เวลานัดหมายและสถานที่อีกครั้งด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ดังนั้นใครที่เห็นเบอร์แปลกๆ โทรมาในช่วงบ่ายๆ ก่อนวันเดินทางให้กดรับด้วยนะครับ)



ผมนั่งรถตู้ได้ประมาณ 20 นาที ก็มาถึงจุดหมาย ท่าเรือน้ำลึก แหลมพันวา ครับ โดยที่ท่าเรือแห่งนี้จะแตกต่างจากท่าเรือทับละมุเมื่อวันก่อนมาก เพราะเหมือนเป็นท่าเรือของกรมศุลกากร มีการเข้มงวดคนที่เข้าออกค่อนข้างมาก สำหรับวันที่ผมไปนั้น จำนวนคนที่ผมกะด้วยสายตานับๆ ดูแล้วน่าจะมีไม่ถึง 150 ชีวิตครับ ซึ่งเรียกได้ว่าน้อยมากครับ



สำหรับไลน์อาหารเช้าของที่นี่ก็น้อยกว่าที่ทับละมุเช่นเดียวกันครับ คงเป็นไปตามสัดส่วนของนักท่องเที่ยว โดยสิ่งที่มีบริการก็จะเป็น ชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำผลไม้ คุ้กกี้ อย่างละนิดอย่างละหน่อยครับ



สำหรับวันนี้ Wrist band ที่ผมได้คือสีดำใหญ่ นะครับ



หลังจากที่ผมนั่งรอที่ท่าเรือประมาณ 30 นาที ไกด์นีโอ ซึ่งเป็นไกด์ของเราในวันนี้ก็ประกาศรวมพลและชี้แจงกำหนดการครับ คร่าวๆ ก็ตามนี้ครับ



10.15 น. : ออกจากท่าเรือ

10.30 น. : ถึงเกาะไม้ท่อน

10.45 น. : ดำน้ำดูปะการังและฝูงปลา

11.30 น. : กลับมาที่เกาะไม้ท่อน เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

13.30 น. : เดินขึ้นจุดชมวิว

15.45 น. เดินทางกลับ

16.00 น. : ถึงท่าเรือน้ำลึก แหลมพันวา



จะเห็นว่าโปรแกรมวันนี้ค่อนข้างสบายๆ หลวมๆ มีจุดดำน้ำเพียงจุดเดียว และไม่ต้องขึ้นลงเรือหลายรอบเมื่อเทียบกับวันที่ไปสิมิลันครับ และนั่นทำให้เรามีเวลา relax อยู่บนเกาะนานมากครับ



เอาล่ะครับ มาเริ่มเดินทางไปเกาะไม้ท่อนพร้อมๆ กันเลยครับ



เกาะไม้ท่อน เป็นเกาะส่วนตัวของเอกชนนะครับ มีโฉนดอย่างชัดเจน โดยเมื่อหลายสิบปีเคยเปิดเป็นที่พักและมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นมาพักผ่อน ฮันนีมูนกันอย่างมาก ทำให้ได้รับการขนานนานว่า Honeymoon Private Island เลยทีเดียวครับ



ต่อมาเกาะไม้ท่อนได้ถูกเปลี่ยนเจ้าของและก็ถูกปิดเป็นเกาะส่วนตัว ไม่เปิดรับคนภายนอก ซึ่งหนึ่งในผู้เคยเป็นเจ้าของเกาะนี้ก็มีบ้านของคุณภูริ หิรัญพฤกษ์ ด้วยครับ จนมาถึงเจ้าของคนปัจจุบันที่ได้ตัดสินใจเปิดเกาะที่ถูกปิดมาหลายปีเกาะนี้ให้คนภายนอกได้เข้าไปชมความงามกันอีกรอบครับ ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่าตัวเกาะยังคงสดๆ ใหม่ๆ ซิงๆ และมีปริมาณนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างน้อยอยู่เลยครับ



เกาะไม้ท่อนนั้นอยู่ห่างจากภูเก็ตประมาณ 9 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ใช้เวลาในการนั่งเรือน้อยมากครับ โดยสาเหตุที่ได้ชื่อว่าไม้ท่อนนั้นก็เพราะว่าเวลามองเกาะนี้จากมุมสูงจะมีรูปร่างคล้ายๆ กับท่อนไม้นั่นเองครับ

หลังจากที่เราเดินทางมาถึงเกาะไม้ท่อนแล้ว สิ่งที่เรือทุกลำอาจจะต้องเจอคือ การต่อคิวเทียบท่าครับ เพราะท่าเรือของที่เกาะไม้ท่อนมีขนาดเล็ก ซึ่งจังหวะที่รอเนี่ยเรือเราต้องดับเครื่อง และกระแสคลื่นมันค่อนข้างแรง คนที่เมาเรือง่ายๆ เจอช็อตนี้เข้าไปอาจจะมีอาการออกได้ครับ



ดูภาพมุมนี้จะเห็นว่าคลื่นปะทะเข้าท่าเรือนั้นค่อนข้างแรงเลย ดังนั้นจึงต้องมีการสร้างแนวปะทะคลื่นไว้เพื่อให้เรือสามารถจอดเทียบท่าได้ง่ายๆ ครับ



เมื่อเราจอดเทียบท่ารอบแรกเสร็จ ไกด์จะแจ้งว่าใครที่ต้องการไปดำน้ำให้อยู่บนเรือ ส่วนใครที่ไม่ต้องการดำน้ำก็สามารถลงพักผ่อนบนเกาะได้เลยครับ



หลังจากที่เราจอดส่งสมาชิกที่ไม่ไปดำน้ำเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปยังจุดดำน้ำครับ ใช้เวลาเดินทางไม่นานประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งจุดดำน้ำตื้นของเกาะไม้ท่อนนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่มีความสวยงามครับ ถึงจะไม่เท่ากับที่สิมิลันเกาะเก้า แต่ก็คุ้มค่าแก่การได้ไปครับ



สาเหตุที่ท้องทะเลแห่งนี้ยังมีความสมบูรณ์อยู่ก็เพราะเป็นเกาะส่วนตัว ปิดมานาน และก่อนหน้านี้ยังเคยเป็นจุดอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำอย่างหอยมือเสือด้วยนะครับ ทำให้หลายๆ คน หลายโรงเรียนสอนการดำน้ำลึก (Scuba) เลือกพิกัดแถวนี้เป็นจุดในการดำน้ำลึกกันด้วยครับ



หลังจากที่เราดำน้ำกันเสร็จแล้ว เราก็กลับมาที่เกาะไม้ท่อนกันครับ โดยเราจะมีเวลาชิวยาวๆ อยู่บนเกาะนี้เกือบ 4 ชั่วโมงเต็มเลย เรียกได้ว่าสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัยได้แบบสบายสุดๆ ครับ



ภาพนี้คือทางเดินจากท่าเรือครับ จะเห็นว่ามีอาคารขนาดใหญ่อยู่ นี่คืออาคารสมัยที่เกาะแห่งนี้เปิดเป็นรีสอร์ทอยู่ครับ แต่ปัจจุบันทรุดโทรมไปมากแล้วอยู่ระหว่างการบูรณะครับ



สำหรับจุดที่คณะเราต้องไปรับประทานอาหารนั่นก็คือด้านซ้ายมือสุดเลยครับ เดินตามทางไปเรื่อยๆ ผ่านสระว่ายน้ำแล้วก็จะเจอครับมีโลโก้ของ Love Andaman ค่อนข้างชัดเจนครับ โดยไลน์อาหารตอนที่ผมไปถึงนั้น ยังไม่ได้เปิดไลน์อาหารเที่ยงนะครับ ผมจึงสั่งน้ำผลไม้ปั่นหวานๆ เย็นๆ มาเติมพลังก่อน รสชาติดีเลยนะครับ ที่สำคัญไกด์นีโอซึ่งเป็นไกด์ประจำเรือของผมเป็นคนทำเองเลยครับ เรียกได้ว่าทำแทบจะทุกอย่างในทริปเลย ยกเว้นขับเรือ 555555



นอกจากน้ำผลไม้ปั่นและน้ำอีกหลายชนิดที่ทางทัวร์มีให้บริการแล้ว ยังมีคุกกี้และขนมปังให้บริการอีกหลายชนิดเลยครับ โดยพวกขนมเหล่านี้เราไม่ต้องรีบแย่งรีบทานเพราะกลัวจะหมดนะครับ อย่างที่เห็นในภาพที่ผมถ่ายมานั้นไม่ใช่ผมเดินไปถึงคนแรกนะครับ แต่เป็นการเติมรอบสามรอบสี่แล้วครับ ดังนั้นสบายใจได้ครับ อยากทานเมื่อไหร่ก็ค่อยเดินไปหยิบครับ เค้ามีเติมให้อย่างต่อเนื่องเลย ^^



เอาล่ะครับ ระหว่างรอไลน์อาหารเที่ยงเปิด ผมจะพาทุกคนไปเดินชมความสวยงามของเกาะไม้ท่อนกันครับ



ในเรื่องของน้ำทะเล และหาดทรายนั้น ผมว่าน้ำทะเลยังใส หาดทรายยังขาว สะอาด และละเอียดอยู่ครับ ถึงจะไม่เท่าสิมิลัน กับตาชัย แต่ก็เรียกได้ว่าต่างกันไม่มากเท่าไหร่ครับ แถมการเดินทางยังใกล้มากๆ ด้วยครับ



จุดเด่นมากๆ ของเกาะไม้ท่อนก็คือมีขนาดเกาะที่กว้างมาก และมีปริมาณนักท่องเที่ยวที่ยังน้อยอยู่ ดังนั้นเราสามารถหาจุดที่ชิวๆ เป็นส่วนตัวได้ไม่ยากครับ



สำหรับมุมชิงช้านี้จะอยู่บริเวณด้านขวามือของเกาะ คนละฝั่งกับจุดทานข้าวของ love เลยนะครับ ลองเดินไปดูครับ ไม่ค่อยมีคนไป ผมว่ามันชิวดีนะครับ



บนเกาะไม้ท่อนนี้จะพยายามทำ concept ให้มีความเป็นเกาะส่วนตัว และอยากให้ทุกคนทิ้งเรื่องเครียดๆ ปัญหาไปให้พ้นเมื่อมาถึงจุดนี้ครับ โดยดูจากมุมถ่ายรูปและป้ายนี้ได้ครับ



และสำหรับคนที่อยากจะได้ภาพเก๋ๆ เท่ๆ ของตัวเอง ผมแนะนำมุมนี้เลยครับ อยู่ใกล้ๆ กับท่าเรือ จะเป็นโขดหินที่มีน้ำทะเลเข้ามาซัดเป็นระยะๆ Set ท่าดีๆ ผมว่าได้รูปที่แจ่มมากครับ เป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้เลยครับ แต่เสียดายตอนที่ผมไปถึงเกาะตอนแรกผมไม่ได้เดินไปถ่ายครับ พอกินข้าวเที่ยงเสร็จกลับมาอีกทีตอนบ่ายกระแสน้ำเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้ไม่มีคลื่นซัดครับ อดเลย - -“



อ้อ......ผมลืมบอกไปว่า บางทีเราอาจจะเจอคลื่นซัดแรงมากถึงระดับนี้ก็ได้ครับ ดังนั้นระวังเปียกไว้ด้วยนะครับ ฮา



นอกจากนี้บนเกาะยังมีกิจกรรมพิเศษของเจ้าของเกาะที่ไว้บริการด้วยนะครับ โดยส่วนนี้ทางคนที่ต้องการใช้บริการต้องจ่ายเงินเพิ่มเองนะครับ ซึ่งเท่าที่ผมเห็นก็มี สระว่ายน้ำ แล้วก็มุมนอนอาบแดด ดูทะเลชิวๆ แบบนี้ครับ ซึ่งเค้าจะมีป้ายเขียนไว้ว่าหากต้องการใช้บริการให้ติดต่อที่ไหนครับ



เอาล่ะครับ ตอนนี้อาหารกลางวันเราก็พร้อมแล้ว เราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง



ไลน์อาหารกลางวันนี่มีมาเติมเรื่อยๆ เช่นเดียวกันนะครับ ไม่ต้องกลัวหมดครับ โดยจะมีทั้งสลัด, ข้าว, อาหาร 3-4 อย่าง แล้วก็สปาเกตตี้ครับ



อาหารโดยรวมๆ รสชาติดีเลยครับ และก็มีทีเด็ดอีก 1 อย่างที่ทุกคนไม่ควรพลาดครับ นั่นก็คือ กุ้ง กับ ปลาหมึกย่างครับ!!


ย่างกันตรงนั้น ย่างกันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเลยครับ ตัวน้ำจิ้มรสชาติดี แซ่บมากครับ ผมนี่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจัดไป 3-4 จานได้ครับ



หลังจากทานของคาวเสร็จ ก็มีบริการของหวานเป็นไอศรีมกะทิผสมช้าวโพดด้วยนะครับ รสชาติอร่อยดีครับ และก็เหมือนเดิมนะครับภาชนะที่เราใช้ทานอาหารเสร็จแล้วนั้น เราต้องไปเก็บกันเองนะครับ ^^



หลังจากที่ผมซัดอาหารกลางวันไปเต็มท้อง ตบท้ายด้วยไอติมและน้ำปั่นอีกแก้ว หนังตาผมก็เริ่มหย่อน จนเผลองีบไป จนกระทั่งได้ยินเสียงไกด์รวมพลเรียกไปยังจุดชมวิวครับ



จุดชมวิวของเกาะไม้ท่อนแห่งนี้ ใช้เวลาเดินขึ้นไม่นานครับ ไม่เกิน 10 นาที ไม่เหนื่อยมากแค่หอบเล็กๆ โดยเราสามารถเดินขึ้นเองโดยที่ไม่มีไกด์ก็ได้เพราะทางขึ้นไม่ยาก เพียงแต่หากคุณไปกับไกด์จะมีคนคอยถ่ายรูปและอธิบายเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเกาะไม้ท่อนให้ฟังครับ



บนจุดชมวิวของเกาะไม้ท่อนนี้จะมีพระพุทธรูปให้เราสักการะ และก็สามารถมองเห็นวิว 3 จังหวัดได้เลย ซึ่งได้แก่ ภูเก็ต พังงา และเกาะพีพี จ.กระบี่ แต่วันที่ผมไปนั้นอากาศไม่ค่อยดี ไม่ใสเท่าที่ควรก็เลยมองไม่ค่อยเห็นครับ ผมก็เลยเอาภาพบรรยากาศอื่นๆ มาฝากกันแทนครับ



หลังจากที่เราลงมาจากจุดชมวิว เราจะมีเวลาเหลืออีกราวๆ 1.30 ชั่วโมง ใครที่อยากจะทำอะไรก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย สำหรับผมเลือกที่จะนอนเล่นๆ ฟังเสียงคลื่นและดูทะเลสวยๆ ครับ



และก็ระหว่างนี้ทำให้เห็นว่าไกด์ของ love นี่ทำหน้าที่ทุกอย่างจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ขมักเขม้นช่วยทุกคนถ่ายรูปครับ ต้องบอกว่าช่างสรรหาท่าได้เก่งมากและถ่ายให้ไม่มียั้งทั้งๆ ที่แดดและพื้นทรายร้อนมากครับ ที่สำคัญถ้าไม่ได้รูปดีๆ ไกด์แกไม่ยอมเลิกถ่ายนะครับ จุดนี้ทำให้ผมประทับใจในตัวไกด์จริงๆ ครับ @_@



และเมื่อเข็มนาฬิกาได้เดินมาถึงเวลาประมาณ 15.30 น. ไกด์ของเราก็เรียกรวมพลเพื่อกลับไปยังท่าเรือแหลมพันวากันครับ และนั่นก็เป็นการจบทริปเกาะไม้ท่อนของเราครับ



เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็เล่าเกี่ยวกับทริปเกาะสิมิลันและเกาะไม้ท่อนจบแล้ว คราวนี้ผมจะมาสรุปแบบสั้นๆ กระชับๆ ให้นะครับว่าแต่ละเกาะนั้นมีดียังไง และน่าจะเหมาะกับใครครับ



ทริปหมู่เกาะสิมิลัน

- เหมาะกับคนที่พักที่เขาหลัก จ.พังงา เพราะใช้เวลาเดินทางไปท่าเรือไม่นาน แต่หากใครที่พักที่ภูเก็ตก็สามารถมาได้เพียงแต่จะเหนื่อยกับการนั่งรถไปกลับหน่อยครับ

- ระยะเวลาการนั่งเรือ ประมาณ 3 ชั่วโมง แบ่งเป็นการนั่งเรือไป-กลับ 2.30 ชั่วโมง และนั่งเรือย้ายเกาะอีกราวๆ 30 นาที ดังนั้นใครที่ไม่ชอบนั่งเรือนานๆ อาจจะมีอาการได้ครับ

- น้ำทะเลใส ใสมาก ทรายนุ่ม ละเอียด และความสมบูรณ์ของใต้ทะเลยังมีเยอะอยู่ โดยเฉพาะบริเวณเกาะเก้า

- มีจุดดำน้ำหลัก 2 จุด และตามเกาะที่จอดอีก ดังนั้นคนที่รักการดำน้ำตื้นน่าจะชอบ

- ไลน์อาหารเช้าที่ท่าเรือ และของว่างหลังจากกลับมาจากทริป เยอะและดีงามครับ

- ไลน์อาหารกลางวัน ไม่ว่าจะไปกับทัวร์ไหนจะเหมือนกันคือเป็นของอุทยานห่งชาติ รสชาติและหน้าตาธรรมดาแต่สามารถทานได้ครับ

- ต้องขึ้นลงเรือหลายรอบ เพราะย้ายจุดไปมา ไม่มีเวลานอนพักชิวๆ เท่าไหร่ ทำให้เป็นทริปที่ค่อนข้างเหนื่อย และการขึ้นลงเรือตามเกาะจะไม่มีการเทียบเท่า ทำให้ต้องเดินลุยน้ำทะเลบ้างเล็กน้อยครับ

- ปริมาณนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก จะหามุมที่ถ่ายรูปโล่งๆ ไม่ติดคนค่อนข้างยาก

- ไม่ค่อยมีจุดให้นั่งพักแถวริมหาดมากนักในเกาะสี่กับเกาะแปด ต้องหาผ้าปูพื้นไปรองนั่งแถวชายหาดเอง โดยเลือกหลบบริเวณที่มีร่มเงาจากธรรมชาติ แต่สำหรับคนที่ต้องการไปเล่นน้ำทะเลคงไม่มีปัญหากับข้อนี้ครับ

- มีหินเรือใบซึ่งเป็น landmark ที่สำคัญ เหมาะแก่การไปถ่ายรูป check in เก๋ๆ



ทริปเกาะไม้ท่อน

- เหมาะกับคนที่พักภูเก็ต เดินทางไปท่าเรือใช้เวลาไม่นาน

- เป็นเกาะที่ใกล้ใช้เวลานั่งเรือเพียง 15-20 นาที แต่คนที่เมาเรือง่ายอาจจะมีอาการตอนที่เรือรอจอดเทียบท่าที่เกาะไม้ท่อน

- การขึ้นลงเรือที่เกาะทำได้ง่าย ไม่ต้องเดินลุยน้ำทะเล ตัวไม่เปียก

- น้ำทะเลยังใส ทรายยังละเอียด แต่ยังไม่เท่ากับสิมิลัน

- มีจุดดำน้ำเพียงจุดเดียว ความสวยงามยังสู้ที่สิมิลันไม่ได้ แต่หากคุณดวงดีคุณสามารถเจอปลาการ์ตูนและหอยมือเสือบริเวณจุดดำน้ำหน้าเกาะก็ได้ครับ และถ้าคุณดวงดีสุดๆ คุณอาจจะเจอฝูงโลมาระหว่างการนั่งเรือครับ

- เป็นเกาะขนาดใหญ่ ปริมาณนักท่องเที่ยวน้อย มีอาคารที่สร้างกันแดด กันฝนอย่างดี ทำให้มีที่นั่งพักผ่อนมากมาย

- ไลน์อาหารเช้าที่ท่าเรือน้อย ส่วนไลน์อาหารเที่ยงที่เกาะจัดเต็ม มีกุ้ง ปลาหมึกย่าง น้ำจิ้มอร่อยๆ ให้ทานแบบไม่อั้น

- เนื่องจากเป็นการมาเที่ยวเกาะเดียวก็เลยมีเวลาอยู่ที่เกาะนานมาก สามารถชิวได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่สายชิวอาจจะรู้สึกเบื่อได้



สรุป

ถ้าคุณรักการดำน้ำ อยากเห็นหินเรือใบซักครั้งในชีวิต อยากสัมผัสทรายขาวๆ ละเอียดๆ น้ำทะเลใสสุดๆ ไม่เกี่ยงเรื่องอาหารกลางวันว่าต้องเลิศหรูจัดเต็ม ไม่เกี่ยงกับปริมาณนั่งท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเยอะ สามารถขึ้นลงเรือได้หลายรอบ และสามารถนั่งเรือนานๆ ได้ ก็จัดไปครับ “สิมิลัน" ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะจะหาเกาะที่ยังมีน้ำทะใสและทรายขาวนุ่มแบบนี้ได้อีกแค่ไม่กี่เกาะเท่านั้นครับ



ถ้าหากคุณเป็นประเภทขี้เกียจขึ้นลงเรือ เมาเรือง่าย ไม่ชอบเคลื่อนย้ายไปมาบ่อยๆ ไม่ค่อยชอบการดำน้ำตื่น อยากจะใช้วันเวลาพักผ่อนไปกับการได้กินอาหารดีๆ น้ำปั่นอร่อยๆ นอนกลางวันชิวๆ ริมหาดสวยๆ สงบๆ คนไม่เยอะ ตื่นมาแล้วลงไปว่ายน้ำจากนั้นกลับมากินอาหารต่อ และไม่ชอบสุงสิงกับใคร ต้องการความเป็นส่วนตัว แนะนำครับไป “ไม้ท่อน"



แต่หากคุณเป็นคนรักทะเลไทย รักแสงแดด ทรายขาว น้ำทะเลใส ชอบถ่ายรูป ไม่ติดขัดเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย จัดไปทั้งคู่ครับ “สิมิลัน + ไม้ท่อน" แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ เพราะมันดีงามทั้งคู่ในแบบฉบับของมันครับ



ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้นะครับ หากขาดตกบกพร่องประการใดผมก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ และการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ และหากใครชอบการรีวิวของผมสามารถไปติดตามหรือแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/amazingcouples



ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ ผมขอทิ้งท้ายด้วยภาพนี้แล้วกันครับ เป็นภาพที่ถ้าให้ไกด์ถ่ายก็คงจะได้มาง่ายๆ และไม่เหนื่อยแล้ว แต่นี่ดันทะลึ่งอยากตั้งกล้อง Self portrait ถ่ายเอง แถมไม่มีรีโมทด้วยก็เลยต้องวิ่งไปมา และกระโดดกันหลายรอบจนหอบแฮ่กๆ เลยครับ

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ


ความคิดเห็น