หลายๆ คนได้เลือก “จอร์จทาวน์" เมืองหลวงของรัฐปีนังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในต่างแดน ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าและมีภาพวาดสวยๆ อาร์ตๆ อยู่เต็มไปหมด แต่ก็มีอีกหลายๆ คนเช่นกันที่ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ไปท่องเที่ยว ถ่ายรูปชิคๆ ในต่างแดนแบบนั้นครับ



แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าภาพวาดสวยๆ อาร์ตๆ หรือที่เรียกกันว่า Street Art แบบนั้นมาอยู่ในกรุงเทพฟ้าอมรของเรา และอยู่ในย่านเก่าๆ แต่สวยและโคตรคลาสสิคแถมของกินโคตรอร่อยอย่างย่านบางรัก เจริญกรุง ทรงวาด ครับ



แหม่…..แค่คิดก็ต้องร้องอุทาน “โอ้วววว ว้าว…..แม่เจ้า" อยู่ในใจชนิดดังทะลุ 300 เดซิเบลแล้วแหละครับ



และวันนี้มันก็ไม่ใช่แค่ความคิด แค่ความฝันอีกแล้ว เมื่อโครงการ BUKRUK II URBAN ARTS FESTIVAL 2016 ได้ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาครับ



สำหรับโครงการ BUKRUK II URBAN ARTS FESTIVAL 2016 นี้ เป็นเทศกาลงานศิลปะที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 31 มกราคม 2559 โดยตัวโครงการทั้งหมดนั้นน่าสนใจมากเพราะไม่ได้มีแค่การระบายสีกำแพงในที่สาธารณะเท่านั้น แต่ยังมีนิทรรศการศิลปะ งานเสวนาศิลปิน คืนกิจกรรมและอื่นๆ อีกมากมายเลยครับ



สำหรับงานในปี 2016 นี้ ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเอเชีย-ยุโรป จึงทำให้มีศิลปินจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมมากมายไม่ว่าจะเป็นไทย สเปน เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ กรีซ ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งผลงานการระบายสีหรือวาดภาพบนกำแพงทั้งหมดนั้นจะถูกเพ้นท์ ถูกวาด บนฝาผนัง ข้างตึก หลายๆ จุดในเขตบางรัก สี่พระยา สุรวงศ์ ตลาดน้อย และถนนทรงวาด ครับ



และภาพเหล่านั้นมันไม่ใช่แค่ภาพเล็กๆ ธรรมดาๆ นะครับ บางภาพแบบว่าใหญ่มาก เรียกว่าเต็มผนังตึกสูง 3-4 ชั้นเลยทีเดียว ที่สำคัญคนวาดยังทุ่มทุน ทุ่มเทในการวาดสุดๆ ด้วยการขึ้นเครนวาดกันเลยทีเดียวครับ



ปล.ขอเปิดด้วย 2 ภาพนี้นะครับ เป็นภาพประกอบจาก internet ทั้งคู่เลยนะครับ ภาพแรกคือโปสเตอร์ของงานและภาพที่สองคือภาพศิลปินที่กำลังวาดรูปจากบนเครนครับ เนื่องจากตัวผมเองไม่มีโอกาสได้ไปเก็บภาพบรรยากาศแบบนี้ครับ (สำหรับภาพที่สองเป็นภาพของคุณ Modgazine นะครับ โดยผมได้ทำการขออนุญาตเจ้าของภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)



สำหรับตัวผมกว่าจะทราบข่าวของงานนี้ ก็เป็นช่วงต้นเดือน ก.พ. ซึ่งการวาดภาพทั้งหมดได้เสร็จสิ้นจบลงไปแล้วครับ ดังนั้นผมจึงไม่รอช้า รีบวางแผน หาวันและจัดกระเป๋ากล้องออกไปเดินเที่ยวและยลโฉมทันที ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ประการ


1. เป็นช่วงที่อากาศใน กทม. กำลังดี เย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเที่ยวชิลๆ มาก

2. ทิ้งไว้นานกว่านี้มีโอกาสที่ภาพวาดเหล่านี้จะโดนบอมบ์จากศิลปินเถื่อนข้างทางมากๆ



ก่อนถึงวันที่ผมจะไป ผมก็ได้เตรียมหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน ซึ่งก็มีทั้งจากเพจของ Bukruk ( https://www.facebook.com/Bukrukfestival/) และก็รีวิวต่างๆ ที่เริ่มมีคนรีวิวบ้างแล้วครับ



ให้ตายสิ……อารมณ์ตอนที่ผมอ่านรีวิวตอนนั้นคือ พอยิ่งอ่านยิ่งอยากไปมากขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่อ่านไปก็มีจุดที่แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆเหมือนกัน เพราะว่าดูแล้วแต่ละจุดค่อนข้างจะไกลกัน และอาจจะมองหางานไม่เจอเพราะไม่ทราบพิกัดที่แน่นอน รวมทั้งหลายๆ คนก็แนะนำว่าควรปั่นจักรยานมากกว่าเดิน แต่เอาเถอะ……ผมคิดว่า ตัวผมเองก็เป็นนักเดินคนนึง ถึงตอนนี้จะแก่แล้วแต่คงยังพอเดินไหวอยู่บ้างน่า ถ้าไม่ไหว หมดพลังตอนไหนจริงๆ ก็ค่อยหารถเมล์ แท๊กซี่ ไม่ก็กลับบ้านนอน เก็บไม่ครบก็ช่างมัน…..ฮา



เมื่อถึงวันที่ผมวางแผนไว้ ผมก็ออกเดินทางและตั้งเป้าหมายจุดแรกไว้ที่ซอยเจริญกรุง 32 ซึ่งเป็นจุดที่ได้ข้อมูลมาว่ามีภาพเยอะสุดและมีภาพที่ผมประทับใจอยู่หลายภาพครับ



ซอยเจริญกรุง 32 นี่บอกชื่อซอยไปหลายๆ คนก็อาจจะนึกไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน มีอะไรสังเกตมั้ย? ถ้าเอาง่ายๆ ก็เป็นซอยข้างๆ ไปรษณีย์กลาง หรือไปรษณีย์บางรักนั่นเองครับ



เอาล่ะครับ เมื่อผมถึงจุดหมาย หน้าปากซอยเจิรญกรุง 32 ผมก็เห็นกลุ่มนักปั่นจักรยานกลุ่มนึงพอดี และเค้ากำลังพูดคุยและชี้ทางอยู่ว่า ปั่นตรงเข้าไปเลย ไม่ไกลเดี๋ยวจะเจอภาพวาดอยู่ทางขวามือ



ได้ยินแบบนี้ผมก็ใจชื้นขึ้นและก็เดินเท้าตามเข้าซอยไปครับ



เข้าซอยไปได้ไม่ไกล ระยะทางไม่น่าจะเกิน 150 เมตรก็เห็นภาพแรกครับ และภาพนี้ก็ถึงขั้นทำเอาผมน้ำตาไหลเลยครับ



ภาพสวยนะครับ แต่………แต่ทำไมต้องเอารถมาจอดขวางด้วย!!



และก็เป็นที่มาของคำบรรยายภาพนี้ครับ



“นี่แน่ะๆ ขับรถชนตูทำไม เค้าเจ็บนะ ยิงทิ้งเลยนี่ เปรี้ยงๆ"



ผมค่อนข้างชอบสีสันของภาพนี้นะครับ เพราะมีสีชมพูที่ผมชอบผสมปนอยู่ ก็เลยลองถ่ายมาอีก 2-3 มุม แบบพยายามตัดรถที่จอดขวางอยู่ออกไปครับ



เดินต่อมาอีกนิด หรือเรียกได้ว่าแทบจะอยู่ติดกันเลยก็ว่าได้ ก็มีอีกภาพนึง ซึ่งเป็นภาพที่หลายๆ คนคงคุ้นตาอยู่พอควร โชคดีหน่อยที่ตรงนี้ไม่มีรถจอดบัง ไม่งั้นผมคงน้ำตาไหลอีกรอบ



ต่อมาอีกไม่กี่ก้าวก็เจอภาพนี้ ภาพที่ผมน่าจะชอบที่สุดของวันนี้เลยครับ เพราะมันเป็นการวาดที่ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ล้อเลียนกับของที่ถูกวางกองอยู่ตรงนั้นเป็นประจำได้เป็นอย่างดีๆ มากๆ



“แผล่บๆ อร่อยจัง"



ถัดมาติดๆ กัน ก็เป็นภาพนี้ เห็นแล้วมันดูโล่งๆ ก็เลยเอาตัวเองเข้าไปใส่ในภาพให้มันดูมีชีวิตขึ้น ฮา



มาถึงจุดนี้ ต้องบอกว่าการที่ผมเลือกซอยนี้เป็นซอยเริ่มต้นในการเดินถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะ เป็นซอยที่ภาพเยอะมากๆ เรียกได้เกือบจะตลอดแนวผนังทางขวามือเลยทีเดียว ถึงจะเป็นซอยสั้นๆ แต่ซอยนี้มีภาพเกิน 10 ภาพอย่างแน่นอนครับ



แต่ที่ผมเสียใจ รู้สึกเสียดายมากๆ นั่นก็คือ มีรถที่จอดขวางภาพอยู่แทบจะตลอดเส้นทาง บางครั้งผมก็พยายามยืนรอ หรือเดินไปเดินมาแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่ารถเหล่านี้จะมีการขยับออกบ้างเลย T_T



ลองดูภาพนี้จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นครับว่าสถานการณ์วันนั้นเป็นยังไงครับ



หลายๆ ภาพผมค่อนข้างเสียดายมากเพราะมันไม่โล่ง ไม่งั้นจะสามารถเล่นอะไรได้พอควร โดยเฉพาะภาพของผู้หญิงเสื้อแดงที่ถือปืน เพราะเพื่อนผมที่ไปวันเดียวกันกับผม แต่คนละช่วงเวลา เค้าได้ภาพแบบนี้มาด้วยครับ T____T #สะเทือนไต



สำหรับภาพนี้ ก็เป็นอีกภาพนึงที่ผมชอบมากครับ ลายเส้น และสีสัน ดูสวยงาม สะดุดตา และดูสนุกสนานดีครับ ก็เลยพยายามถ่าย crop แบบเท่าที่ทำได้มา



“เสือขาวกับปลาฉลามหัวค้อน"



ส่วนภาพนี้โชคดีมาก ที่ไม่มีรถจอดขวาง เป็นภาพ background ที่เกี่ยวกับจักรยาน ดูสวยดีครับ



หลังจากที่ผมพยายามเดินเตร็ดเตร่ อยู่แถวนั้นซักพักเพื่อรอดูว่าตัวเองจะมีโชคมั้ย เผื่อมีใครมาขยับรถออกบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็อดไปครับ หลายๆ ภาพก็เลยไม่ได้ถ่ายมาเลย และหลังจากที่ผมตัดสินใจเดินกลับออกมาที่ปากซอยนั้น ภาพแรกสุดที่ตอนแรกมีรถจอดขวางอยู่ก็สามารถจะถ่ายแบบเต็มๆ ได้แล้ว ผมก็เลยกดมาเป็นที่ระลึกอีก 1 ใบครับ



พอออกมาจากเจริญกรุง 32 เป้าหมายถัดไปก็คือซอยเจริญกรุง 30 หรือซอยกัปตันบุชนั่นเอง ซอยนี้คือซอยเดียวกับโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กับ สถานฑูตโปรตุเกสนั่นเองครับ



สำหรับซอยนี้มีภาพเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ แบบใหญ่มาก เต็มฝาผนังของตึกสูงราวๆ 5 ชั้นได้ครับ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) โดยภาพจะอยู่ทางซ้ายมือ บริเวณที่เป็นพื้นที่โล่งๆ คล้ายๆ กับโกดังเก็บสินค้าครับ หากใครเดินถึงสถานฑูตโปรตุเกสซึ่งตั้งอยู่บริเวณโค้งหักศอกแสดงว่าเลยแล้วครับ ต้องยอมรับว่าผมนี่เดินเลยไปไกล วนไปวนมาหลายรอบ หาไม่เจอ เพราะไม่คิดว่าภาพจะอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่ตอนที่ผมเดินผ่านรอบแรก ก็มีคู่สามีภรรยาคู่นึงกำลังหยุดอยู่จุดนั้นและกำลังพูดถึงเริ่งการตาหาภาพวาดจุดต่อไปกันอยู่แท้ๆ เรียกได้ว่าเสียพลังงานก้อนใหญ่ไปฟรีๆ แบบน่าเขกกระโหลกตัวเองจริงๆ ครับ - -“



เอาล่ะครับ มาดูภาพนี้กันดีกว่าครับ ว่าใหญ่แค่ไหนครับ สำหรับภาพนี้เป็นภาพกราฟฟิค ลายเส้น สีดำ ไม่ใช่ภาพแนวตัวการ์ตูน สีสดๆ แบบซอยที่ผ่านมาครับ



เมื่อดูภาพนี้จบแล้ว ผมก็เดินสู่เป้าหมายถัดไป ซอยเจริญกรุง 28 ครับ มี 2 ภาพครับอยู่ต้นซอย ข้างๆ ผนังของตึกหัวมุมทั้ง 2 ด้านครับ



ภาพนกนี้ วาดอยู่ค่อนข้างสูง ก็เลยสบาย ไม่มีอะไรบัง แต่ก็ทำให้ถ่ายรูปค่อนข้างยากและไม่สามารถเล่นอะไรกับมันมากได้ครับ



และระหว่างที่ผมถ่ายรูปอยู่ ก็มีคนเข้ามาทักทาย และไถ่ถามว่าภาพต่อไปอยู่ที่ไหน เห็นภาพนั้น ภาพนี้ยัง ผมว่ามันดูสนุกสนาน ได้มิตรภาพ และทำให้รับรู้ถึงคำว่า น้ำใจ กับสยามเมืองยิ้ม ดีนะครับ



ปล. แอบถ่ายภาพคนที่บังเอิญเจอระหว่างทางครับ



ภาพต่อมาจะอยู่ตรงข้ามกับภาพนกเมื่อกี้เลยครับ แต่เป็นภาพที่วาดเตี้ยๆ ตรงผนังชั้น 1 และแน่นอนว่ามีรถจอดบังตามระเบียบ @_@



ผมก็พยายามหามุมถ่ายมาเท่าที่ทำได้ และระหว่างที่ถ่ายภาพอยู่นั้นก็มีกลุ่มนักปั่นอีกกลุ่มนึงตามมาถึงพอดี และก็พูดออกมาเหมือนกันว่า “น่าเสียดายจริงๆ ทำไมต้องจอดรถบังชิ้นงานแบบนี้กันด้วย"



แต่ลึกๆ ในใจผมก็เข้าใจนะ ว่าเดิมทีข้างทางเหล่านี้ ก็เป็นที่สำหรับจอดรถอยู่แล้ว แต่วันดีคืนดีก็มีคนมาวาดภาพที่ผนัง ที่กำแพง การที่เค้ามาจอดรถที่เดิม มันเป็นความผิดเค้าเหรอ?



มันก็เป็นเรื่องต่างมุม ต่างคนมองแหละครับ ตัวผมเองก็ทำได้แค่เสียดาย และคิดว่าตัวเองโชคไม่ดีเท่านั้น ที่ทำได้ตอนนั้นก็คือแค่เดินตามหาภาพถัดไปเท่านั้น และเมื่อผมมองข้ามถนนจากปากซอยเจริญกรุง 28 มา ผมก็บังเอิญเห็นซอกเล็กๆ ระหว่างตึก และมีภาพวาดสวยๆ แบบนี้อยู่ ก็เลยเดินข้ามถนนมาครับ



ภาพ set นี้ เป็นภาพที่เน้นเฉพาะแมวและหนูครับ โดยเฉพาะหนูนี่……โหดมาก 5555555



ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายภาพ Set นี้อยู่ ก็มีกลุ่มนักปั่นจักรยานอีกกลุ่มนึงมาพอดี และฟังจากที่เค้าพูดกันแล้ว น่าจะเคยปั่นตามหาภาพมาหลายรอบแล้ว ผมก็เลยสอบถามทางเส้นทางไปตลาดน้อย และเมื่อได้พิกัดคร่าวๆ แล้วผมก็เดินดุ่มๆ ตามทางไป พร้อมกับ google map ที่เป็นผู้ช่วยอีก 1 แรงครับ



และเมื่อถึงบริเวณตลาดน้อย ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือ ผมพอรู้ว่าหน้าตาแต่ละภาพเป็นยังไง แต่แต่ละภาพอยู่ตรงไหนนี่สิ - -“

ช่างมัน…….เดินดุ่มๆ หาเอาก็ได้ และในที่สุดก็เจอภาพนี้ครับ



เมื่อเดินต่อไปอีกซักพักก็เจอภาพนี้ครับ



สำหรับในตลาดน้อยนี้ ผมมั่นใจว่าจะต้องมีอีกอย่างน้อยหนึ่งภาพ ซึ่งเป็นภาพที่ผมค่อนข้างชอบมากและตั้งใจหาให้เจอให้ได้ นั่นคือภาพล้อรถเรียงๆ กันครับ ผมว่ามันดูเป็นมิติดี แต่หลังจากเดินวนไปวนมาหลายรอบก็ไม่เจอซักที ลองถามกลุ่มนักถ่ายภาพที่บังเอิญเจอแถวนั้นกลุ่มนึงเค้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน สุดท้ายเลยต้องตัดใจแล้วเดินต่อไปยังถนนทรงวาดซึ่งมีภาพไฮไลท์อีกภาพอยู่แทนครับ T___T



ผมเดินจากตลาดน้อยมาตามทางเรื่อยๆ ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงบริเวณถนนทรงวาดและเจอภาพนี้ครับ เด่นเป็นสง่าอยู่หัวมุมตึกเลยครับ



ภาพนี้มีคนมารอยืนถ่ายรูปค่อนข้างเยอะพอควรเลยครับ



ให้ดูอีกซัก 2 มุมนะครับ



จากตึกหัวมุมผนังสีชมพูสุดหวานอันนี้ ผมก็เดินหน้าต่อไปยังภาพสุดท้ายที่ต้องการค้นหา นั่นคือภาพช้างครับ โดยสอบถามจากกลุ่มที่เจอกันแถวตึกชมพูเมื่อกี้และได้ความว่าเดินตรงไปอีกไม่ไกล งานจะอยู่ทางซ้ายมือ



ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป ราวๆ 200 เมตรได้และก็เจอภาพนี้อยู่ต่อหน้าครับ



เมื่อเดินไปถึงก็พบว่ามันเป็นลานโล่งๆ ติดริมแม่น้ำ เดาว่าน่าจะเป็นลาดจอดรถครับ แต่วันนี้โล่งผิดปกติมาก และเมื่อผมหันหลังให้ภาพจักรยาน ผมก็พบภาพนี้ครับ



ให้ดูอีกซักมุมครับ



ภาพนี้เป็นภาพที่ผมว่าสวยมากภาพนึงเลยครับ และสามารถเล่นอะไรกับมันได้หลายอย่าง ทั้งการถ่าย crop



หรือหา object แล้วมาใส่ caption ตลกๆ แบบนี้



“ระวัง!! ช้างหล่นใส่รถ"



เมื่อมาถึงจุดนี้ ผมก็นั่งนึกๆ ดูว่าภาพที่ตัวเองต้องการเห็น ตอนนี้ก็สามารถเก็บได้เกือบครบแล้ว ขาดแค่ภาพล้อรถในตลาดน้อยเท่านั้น เหลือบมองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเวลาพึ่งจะ 15.30 น. เท่านั้นเอง นับจากเวลาที่ผมเริ่มเดินจากปากซอยเจริญกรุง 32 ถึงตอนนี้ก็แค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าใช้เวลาไม่นาน และเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด……อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งอากาศวันนี้ดี เย็นสบายด้วยครับ



หลังจากที่ผมดูนาฬิกาเสร็จ ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะเดินไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ เพื่อแก้ชงต่อที่วัดมังกรกมลาวาส

หรือวัดเล่งเน่ยยี่ต่อดีกว่า เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมอยู่เท่าไหร่ครับ



ผมเปิด google map และเดินไปตามทางได้ราวๆ 10 นาทีจนถึงเป้าหมาย และทำการไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ จากนั้นก็หาน้ำ หาขนมรองท้องนิดหน่อย เมื่อเสร็จภารกิจทั้งหมดแล้วก็เลยตัดสินใจย้อนกลับไปที่แถวๆ ถนนเจิรญกรุงอีกรอบ เผื่อไปเก็บภาพที่ตกหล่นผ่านตาไป หรืออาจจะมีภาพบางภาพที่ไม่มีรถจอดขวางแล้วก็ได้ แต่การเดินทางกลับครั้งนี้ผมเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไปนะครับ……ฮา



เมื่อผมนั่งรถเมล์กลับมาถึงถนนเจริญกรุงก็เป็นเวลาประมาณ 17.00 น. แล้ว และนึกได้ว่าแถวนี้มีสถานที่สวยๆ อย่าง สถานีดับเพลิงบางรักอยู่นี่นา เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็เลยทิ้งเป้าหมายการเก็บภาพวาดที่เหลืออยู่แล้วเดินไปยังสถานีดับเพลิงบางรักทันที เพราะนี่เป็นอีก 1 สถานที่ที่ผมอยากมามานานมากแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้มาซักทีครับ



และผมก็ตัดสินใจไม่ผิด เพราะเมื่อผมไปถึงสถานทีดับเพลิงบางรัก ก็พบว่าแสงกำลังสวยและมีช่างภาพมาถ่ายรูปหลายคนเลยทั้งถ่ายรูปตึก และถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ผมจึงเดินเตร็ดเตร่ไปมาเพื่อรอให้มุมที่ผมต้องการว่างอยู่ซักพัก และในที่สุดก็ได้ตามที่ต้องการครับ



หลังจากที่ถ่ายภาพ set นี้ที่สถานีดับเพลิงบางรักเสร็จ ท้องฟ้าก็ยังคงมีแสงสว่างอยู่ แต่ผมคิดว่ามันคงถึงแก่เวลาที่ผมจะจบ trip ในวันนี้แล้วก็เลยตัดสินใจเก็บของเดินทางกลับครับ



สำหรับทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ครึ่งวันที่ผมค่อนข้างสนุกและประทับใจกับมันมาก และอยากจะฝากบอกทุกคนที่สนใจจะไปร่วมเก็บภาพแบบนี้ ตามนี้ครับ

1. ถ้ามีโอกาสให้รีบไปครับ เพราะงานหลายๆ ชิ้นสวยมาก และโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ที่สำคัญมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีคนมาช่วยต่อเติมชิ้นงานจากผลงาน original ครับ บางงานอาจจะออกมาดี แต่บางงานมันอาจจะไม่ก็ได้ครับ……ฮา

2. ย่านบางรัก เจริญกรุง ทรงวาด เป็นสถานที่ที่สวยงามและมีสเน่ห์ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แม้จะไม่มีภาพวาดพวกนี้ก็เป็นที่ที่เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป หรือทานของอร่อยๆ ครับ

3. ภาพแต่ละจุดค่อนข้างไกลกัน บางจุดก็มีงานเยอะมาก เช่น ซอยเจริญกรุง 32 หากมีเวลาน้อยก็ไปแค่ละแวกซอยเจริญกรุง 28, 30 และ 32 ก็ได้ครับ แต่ถ้าใครมีเวลามากหน่อยก็เดินเก็บให้ครบครับ

4. ภาพแต่ละจุดที่ค่อนข้างไกลกันนั้น มันก็ยังพอที่จะสามารถเดินได้อยู่นะครับ แต่หากใครที่มีจักรยานก็สามารถทุ่นแรงได้พอควร ซึ่งการเดินทางด้วยทั้ง 2 วิธีนี้ต่างก็มีสเน่ห์ในตัวของมันที่ไม่เหมือนกันครับ ใครชอบแบบไหนก็จัดไปครับ

5. โดยส่วนตัวของผมยังเก็บงานไม่ครบและขาดอีกหลายจุดเลยครับ เพราะทำการบ้านไปยังไม่ดีพอ หลายๆ ภาพมารู้ทีหลังว่ามี เช่น ภาพนางเงือก, เป็ด ซึ่งเป็นภาพทีเด็ดทั้งคู่ แต่สำหรับคนที่ทำการบ้านดีๆ น่าจะสามารถเก็บได้ครบได้สบายๆ เพราะตอนนี้เริ่มมีรีวิวออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และวิธีที่จะสามารถช่วยให้เก็บภาพได้ครบง่ายๆ ก็ตามไปที่เพจ Bukruk เลยครับ นอกจากจะมีภาพพร้อมทั้งคำอธิบายและพิกัดคร่าวๆ บอกแล้ว ตอนนี้ยังมีพิกัดใน google map อีกด้วยครับ



เอาล่ะครับ สำหรับทริปนี้ของผมก็คงจบลงแค่นี้ครับ หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดก็คงต้องขออภัยด้วยนะครับ และทุกท่านสามารถชี้แนะสิ่งที่ถูกต้องให้ผมทราบได้เลยครับ และสำหรับคนที่ชอบการรีวิวในครั้งนี้ของผมสามารถไปติดตามผลงานอื่นๆ ที่ผ่านมาของผมได้ที่ https://www.facebook.com/amazingcouples/ นะครับ



แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สวัสดีครับ



ภรรยาหา สามีใช้

 วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.27 น.

ความคิดเห็น