ใคร ๆ ก็บอกว่า ตม. สิงคโปร์ผ่านไม่ยาก แต่บางคนก็บอกว่า ผ่านยาก เอาล่ะสิ วันแรกของการเดินทางเข้าสู่สิงคโปร์ เราจะทำไงดี ? ไม่ต้องกลัวบทความเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน 2019 ด้วยตัวเอง (ตอนที่ 1) มีคำตอบให้ค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ทริปไปสิงคโปร์ด้วยตัวเอง เราเดินทางกันสองคนด้วยสายการบิน Singapore Airlines ทั้งไป-กลับ (13-16 ก.ค. 62) ก็นะหยุดยาวทั้งที อยากให้ทริปสบายไม่เหนื่อยไม่หนักเดินไปไหวก็ลางานมาแล้วนิหน่า โดยเราทั้งสองต้องผ่านตม. สิงคโปร์ ต้องยอมรับว่า
กลัวไม่ผ่านตม. จึงเลือกที่จะเตรียมเอกสารทุกอย่างตั้งแต่อยู่กทม. เช่น
- เอกสารใบรับรองการทำงาน (ภาษาอังกฤษ)
- นามบัตรจากที่ทำงาน และนามบัตรส่วนตัว เพื่อแสดงตัวว่า ไม่ได้เป็นผีน้อยเน้อเจ้า
- ซื้อประกันเดินทางออนไลน์ เคยเขียนรีวิวไว้ที่ไปสิงคโปร์ ควรซื้อประกันเดินทางกับ Frank.co.th ไหม ?
- แพลนเที่ยวที่แปล 2 ภาษา ทั้งอังกฤษและภาษาไทย เพื่อใช้เช็กว่าเราต้องไปไหน และยื่นให้เผื่อตม. สิงคโปร์ถามไถ่
- ปริ้นเอกสารจองที่พัก จองตั๋วเดินทางกลับ และอื่น ๆ อีกเพียบ ราวกับไปสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน (555+)
- เตรียมพาสปอร์ตติดตัวไว้อย่างดี ! เผื่อใครเรียกดู ฉันต้องมี อิอิ
แต่ความกลัวก็หมดไป เพราะตม. ไม่ได้ใจร้าย หรือผ่านยากขนาดนั้น สำหรับคนที่มาท่องเที่ยวนะคะ
พร้อมกับกรอกเอกสารใบตม. ขอเข้าเมืองสิงคโปร์อย่างตั้งใจ !! ให้เป๊ะที่สุด ส่วนตัวเขียนตั้งแต่อยู่เมืองไทยเลยค่ะ “ตื่นเต้นจัด” และเข้า Terminal 3 ผลก็ผ่านฉลุย !!
ก้าวแรกของฉันในสิงคโปร์
คุณพระคุณเจ้า บ้านเมืองที่นี่เขาเรียบร้อยจริงค่ะ เราตื่นเต้นตั้งแต่เห็นรถแท็กซี่จอดรออย่างเป็นระเบียบ ไม่มีใครเบียดเลนใคร และถนนที่รถไม่ติดเท่าไหร่
อื้อหื้อ …
นี่มันสวรรค์ชัด ๆ ด้วยความที่เป็นทริปแรกของเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์เมืองแห่งเทคโนโลยี ความสะอาดสะอ้าน ความปลอดภัย และความทันสมัย
“ใครจะไปคิดว่าชีวิตจะมาหลงที่สิงคโปร์ ในเมืองไฮเทคที่ใครเขาบอกกันว่าเดินทางสะดวกราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก”
“เพราะการหลงทางคือเสน่ห์ของการท่องเที่ยว” พวกเราหลงตั้งแต่อยู่ในสนามบินเลยค่ะคุ๊ณ !! แต่ทริปทัวร์แบบไม่กลัวของพวกเราต้องไปต่อ !! ใจดีสู้เมอร์ไลออนไว้ ฮ่า
บุกห้างจิวเวล ชางงี แอร์พอร์ต (Jewel Changi Airport)
พยายามเดินวน ๆ หลง ๆ อยู่ใน Terminal 3 จนกระทั่งเจอทางเชื่อมเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าห้างจิวเวล ชางงี แอร์พอร์ต (Jewel Changi Airport) และได้เห็นน้ำตกในอาคารใหญ่ที่สุดในโลก !!!! เป็นการลงทุนเนรมิตป่าในห้างสรรพสินค้าไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์เชียวนะ
ต้องยอมค่ะว่า “น้ำตกในห้างจิวเวล ชางงี แอร์พอร์ต (Jewel Changi Airport) ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือ”
ลากกระเป๋าไป หามุมถ่ายภาพไป เพราะเราเดินทางมาถึงวันเสาร์พอดี๊ พอดี คนก็จะเยอะหน่อย ๆ ค่ะ ทั้งนักท่องเที่ยว คนสิงคโปร์ เอาเป็นว่า ต้องใช้วิทยายุทธหามุมถ่ายภาพกันพลาง ๆ แบบซ้อมรบกันก่อน อิอิ และก็ได้มุมที่พอไหวมาอวดให้ชมเล็กน้อย ขณะที่เราเดินวนดูน้ำพลุใกล้ ๆ สัมผัสละอองแบบใกล้ ๆ และทันใดนั้นเราก็ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นสนั่นฟลอร์ ฟังดูก็น่ารักดี
เราพยายามกวาดสายตาตามหาต้นเสียง
มองหาจนกระทั่งเจอเจอปิกาจูและอีวุยกำลังเต้นอยู่
ฉันเจอเหล่าโปเกมอนละเว้ย
มองเห็นอยู่ไกลลิบ ๆ ค่ะ และด้วยความที่ผู้เขียนเนี๊ยะไม่ชอบคนเยอะ และข้าวของเครื่องใช้กระเป๋าลากทั้งหลายยังคงอยู่ในมือ จึงส่งคุณแฟนสุดที่รักวิ่งไปดูเหล่าโปเกมอน+อีวุยขนอุย และพวกเราช้าไปหน่อย “Too last!!” เลยถ่ายภาพมุมชัดมาไม่ทัน มาดูอีกรอบแต่ก็คงไม่ทัน (การแสดงมีวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 น. 18.00 น.) ซึ่งการแสดง Pikachu and Friends Parade จัดแค่สิ้นเดือนนี้ (ก.ค.) เท่านั้น คงต้องรอคอยกันใหม่ว่าจะมีโชว์อะไรมาอีกอ่ะเนาะ
หลังจากพลาดชมพาเรด Pikachu and Friends Parade เหมือนพระเจ้ายังคงเห็นใจอ่ะแหละที่เดินผิดชีวิตเปลี่ยนไม่ได้เห็นโชว์กับเขา 55+
เราเดินมาเจอ Pokemon Center
พวกเราเดินเล่นในห้างจิวเวลหลงทางไปเจอกับร้าน Pokemon Center แห่งสิงคโปร์ที่ชั้น L4 ใช่ที่นี่คือโปเกมอนเซนเตอร์เป็น Pokestop ให้จับโปเกมอน ให้ซื้อโปเกมอน และให้สัมผัสกับประสบการณ์โปเกมอนแบบจัดหนัก ซ้อมเป็น “ซาโตชิ”
หรือจะซื้อของฝากเฉพาะที่เป็นตัวโปเกมอนแต่งตัวเป็นนักบินสายการบินสิงคโปร์ และยังเป็นแอร์โฮสเตสอีกนะคุณ หลายบทบาทจริงเชียว
“มาให้ฉันจับซะดี ๆ (อันนี้พูดถึงโปเกมอนนะจ้ะ)” บรรยากาศของร้าน Pokemon อบอวลด้วยเหล่าโปเกมอนเทรนเนอร์ จัดว่าเป็นประสบการณ์คนรักโปเกมอนต้องน้ำตารื้นชัวร์ ๆ เพราะมีของให้ซื้อเยอะมาก (ราคาค่อนข้างแรงพอตัว)
นอกจากนี้ ยังมีโซนให้เราเลือกโปเกมอนเล่น ๆ ด้วย แบบเลือกที่ชอบแล้วดูเอฟเฟค เล่าแบบหอมปากหอมคอละกัน เพราะเป็นโลเคชันโปรดของเด็กและผู้ใหญ่ชาวสิงคโปร์เลยล่ะ
ลากกระเป๋าเข้าที่พักย่านคลาร์กคีย์
จัดการแลกบัตร EZ Link (อีซี่ลิงก์) เป็นบัตรใหม่ถอยมาเที่ยว ด้วยเงิน $12 ต่อใบ ($5 เป็นค่าการ์ด Refune ไม่ได้ ใช้เงินในบัตรได้ $7) พร้อมกับเติมเงินสิงคโปร์ไป $10
เพียงเท่านี้เราทั้งสองก็พร้อมลุยโลกกว้างกับ MRT สิงคโปร์
หาก งง หรือสับสน แนะนำใช้แอปพลิเคชัน Singapore MRT Map Route (Subway, Metro Transport)โหลดได้เฉพาะระบบ Androidสามารถบอกเวลา คำนวณการเดินทางได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง !!!! หากใช้ iOS ค่ายผลไม้แนะนำลองใช้แอปพลิเคชันแผนที่รถไฟใต้ดิน Explore Singapore
ในส่วนการเดินทางจาก Chagi Airport – Clarke Quay เดินทางไม่ยากใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพียงต้องเปลี่ยนสายย้ายไปมาบ่อยหน่อย ยิ่งทำให้การลากกระเป๋าเดินทางของเราทั้งสอง ค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อย
เนื่องจากระยะห่างระหว่างรถไฟใต้ดินและชานชาลามีระยะห่างเล็กน้อย การยกกระเป๋าต้องระมัดระวังให้มากพร้อมกันนี้ต้องระวังว่า รถไฟจะกระชากแรงหน่อย ๆ เวลาจอดเทียบสถานีดังนั้น หากคุณไม่มีที่นั่ง และจำเป็นต้องยืน คุณจะต้องหาที่จับให้ถนัดมือ ผู้เขียนเองพลาดท่า ข้อศอกและกล้องได้ฟาดกระจกรถไฟใต้ดินมาเรียบโร้ย เจ็บตัวไปนิดหน่อย
นั่งรถไฟสักพักก็ถึงสถานีคลาร์กคีย์
หลังจากเก็บของในที่พักอยู่ใกล้กับห้างเซนทรัลคลาร์กคีย์ (Central Clarke Quay)
ลากกระเป๋าอีกนิดหน่อยเข้าโรงแรมรับคีย์การ์ดห้องพัก เก็บของสำคัญผลัดผ้าผ่อนใหม่เสร็จสรรพเปลี่ยนให้เป็นชุดลำลองสบาย ๆ ขาสั้น เสื้อยืดโปร่ง ๆ พร้อมเดินทางไกล พกน้ำขวด และพกข้าวของสำคัญให้พร้อมเดินทางตามหาเมอร์ไลออนให้เห็นกับตาตามภารกิจเราวาดไว้กับแฮชแท็ก #พาเนยไหว้เมอร์ไลออน รีวิวเที่ยวสิงคโปร์วันแรกของการเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ออกสตาร์ท Clarke Quay – Raffles Place ไปตามหาเมอร์ไลออน
เดินลัดเลาะออกจากที่พักเติมพลังด้วยเมนูเบอร์เกอร์คิงส์ที่อยู่ในห้างเซนทรัลคลาร์กคีย์ พวกเรามุ่งสู่รูปปั้นสิงโตทะเลตัวจริงเสียงจริง นั่งรถไฟสักแปปก็ถึงสถานีราฟเฟิลส์ เพลส เดินถึงทางออกของสถานีรถไฟใต้ดิน คงต้องอุทานออกมาเบา ๆ ว่า “ว้าว”
เราสังเกตพบว่า ชาวสิงคโปร์ดูจะชอบวิ่งออกกำลังกาย และชื่นชอบการแว้นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นชีวิตจิตใจ (แนะนำให้เดินดูทางด้วยจ้ะ เพราะสกู๊ตเตอร์ค่อนข้างไวฉิววิ่งฉลุยพร้อมลุยกับคนเดินเท้าที่ก้มดูมือถือมาก ๆ )
หลังจากออกย่ำเท้าเดินถ่ายภาพเมืองสิงคโปร์ได้สักพัก… เราก็ได้ยินเสียงดังสนั่น “ฟู้ววว เฟี้ยยววววว… ครึ้ม ๆๆ” (จำได้ไม่ถนัดเท่าไหร่นัก) พลันแหงนดูท้องฟ้า
ส่วนตัวผู้เขียนไม่ชอบเสียงเครื่องบิน ตอนนั้นคุณแฟนผู้ร่วมทริปเธอกำลังร้องเสียงหลงด้วยความดีใจว่า “เครื่องบิน เครื่องบินแอร์ฟอร์ส” แต่ด้วยความมืออาชีพ ทำได้เพียงปล่อยน้ำตาไหล ขนลุกซู่ กลัวเสียงของเครื่องบินนั้นดังจริง จริง ดังจนหูอื้อ และยกกล้องเก็บภาพ
ปล. เครื่องบินไม่ได้น่ากลัวค่ะ แต่ผู้เขียนแค่กลัวเครื่องบินเป็นทุนเดิมเฉย ๆ จ้ะ
ปาดน้ำตาที่อาบสองแก้มเสร็จ เราคงต้องเดินต่อ
เลือกปลอบใจตัวเองหลังจากเสียน้ำตาให้เครื่องบินรบ (555+) เราแวะกินไอศกรีมแซนวิชโบราณแบบฉบับสิงคโปร์ที่คนไทยชอบรีวิวกันหนักหนา เป็นร้านรถเข็นค่ะ เลือกรสวนิลา พร้อมเสิร์ฟกับบิสกิต ราคา $1.2 พวกเรากุลีกุจอยื่นแบงค์ $5 ให้คุณลุง และได้รับเงินทอนมาเพียบ ยิ่งทำให้เราตื่นเต้นกับการเจอเหรียญสิงคโปร์ครั้งแรก
รสชาติไอศกรีมแซนวิชโบราณนั้น อร่อยละมุน ชื่นใจดีค่ะ ดัดฟันก็กินได้ ไอศกรีมหวานพอดี แต่ตอนที่กัดคำแรก เหมือนจะมีกลิ่นทุเรียนนิดหน่อย อาจเป็นเพราะวนิลาอยู่ใกล้ทุเรียนล่ะมั้ง
หลังจากอิ่มเดินลัดเลาะย่านซิตี้ฮอลล์ (City Hall) หน้าโรงแรมเดอะฟลูเลอตัน The Fullerton เดินข้ามสะพานคาเวนาห์ (Cavenagh Bridge) สะพานเก่าแก่ของสิงคโปร์ คนเดินได้ไม่มีรถขับผ่านให้กังวลใจ รู้สึกเหมือนเดินบนสะพานนวรัฐ จังหวัดเชียงใหม่สมัยสิบปีก่อนโน้นตอนที่บัตเตอร์คัตเตอร์เรียนอยู่มช. เพียงบ้านเมืองสิงคโปร์ไม่มีสายไฟ และไม่มีรถราวิ่งผ่านบนสะพาน จึงปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักการถ่ายภาพอย่างเรา
ระหว่างเดินผ่านสะพานคนอื่นเจอรูปปั้น People the river รูปปั้นคนกระโดดน้ำตามวิถีผู้คนสิงคโปร์สมัยก่อน แต่เราเจอรูปปั้นทองเหลืองครอบครัวแม่แมวและลูกแมวอยู่ที่คอสะพานด้วยความน่ารัก คงเป็นเพราะออร่าทาสแมวเจิดจรัสแน่ ๆ จึงเลือกก้มถ่ายภาพ เมื่อถ่ายเสร็จกลับกลายเป็นเทรนด์ให้นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินแถวนั้นก้มถ่ายภาพครอบครัวแมวตามด้วย ฮ่า ๆ
เราทั้งสองได้ดูแสงสีส้มของพระอาทิตย์ก่อนบอกลาขอบฟ้ากันที่สะพานแห่งนี้ค่อนข้างโรแมนติกนิดหน่อย … เราใช้เวลาอยู่สักพัก และเดินตรงปรี่สู่สวนสาธารณะที่อยู่ด้านหน้า พบเห็นสองข้างทางมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารยืนรักษาการเต็มไปหมด
ทัวร์นกขมิ้นค่ำแล้วจะเที่ยวไหนของเราทั้งสองคน รู้สึกมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า “ตรงนี้คือที่จัดซ้อมงานวันชาติสิงคโปร์ National Day Firework ส่วนภารกิจตามหาเมอร์ไลออนที่เตรียมมาจากเมืองไทยของเราน่าจะถูกขยับเวลาออกไปเป็นแน่แท้” (555+ ก็เพื่อความเหมาะสมอ่ะเนาะปรับได้ตลอด)
หลังจากเราตกลงกันว่าจะปักหลักอยู่แถวนี้สักพัก พูดคุยกันยังไม่ทันจบ ผู้คนจากที่นั่ง ๆ อยู่ในสวนก็ลุกขึ้นวิ่งตรงไปที่แผงกั้นข้างถนน พร้อมกับส่งเสียงกริ๊ด และปรบมือพร้อมกัน
อิหยังหวะ!! เกิดอะไรขึ้นอีกเนี๊ยะคุณ !! นี่ตามไม่ทันแล้วนะ
เลือกเดินตามตามสไตล์ “ไทยมุง” ค่อย เดินตามช้า ๆ แบบใจทรนง เราพบกับรถถัง ! รถทหาร และยุทธโธปกรณ์ จัดเต็มตั้งแต่เครื่องบินยันเรือรบ ไม่รอช้าหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บความประทับใจเอาไว้
ใกล้เวลา National Day Firework 2019 พลุมาแล้วพี่จ๋า
หลังจากขบวนรถถังเสร็จสิ้น เราก็เห็นกับกองทัพช่างภาพ !! กว่า 20 ชีวิตกำลังตั้งกล้องเอาไว้ รอถ่ายภาพพลุ !!! มีหรอที่บัตเตอร์คัตเตอร์จะพลาด จึงเลือกนั่งปักหลักอยู่ตรงนั้นพร้อมกับช่างภาพชาวต่างชาติต่างภาษาเกือบ ๆ 20 นาที รอชมพลุวันซ้อม National Day Firework 2019 เวลา 20.15 น. รอแบบใจจดใจจ่อ ไม่ไปไหนทั้งนั้น
มาแล้ว …. ความฟินแบบเต็มพิกัดให้เราได้แชะภาพกันเป็นมือระวิง ที่นี่เขาตรงเวลาจริงค่ะ ก้มดูนาฬิกาเวลาประมาณ 20.14 น. ก็เริ่มจัดแสดงพลุ ยิงดอกไม้ไฟตามที่นัดหมายไว้ แปป ๆ โดยรอบสวนสาธารณะก็เต็มด้วยผู้คนมานั่งดูกันแบบชิลสบายสบาย นั่งพื้นกันอย่างสงบเรียบร้อย ไม่มีใครยืนบังใคร ชนิดที่ได้ดูทั่วถึงทุกคน
ระหว่างโชว์ดอกไม้ไฟเกือบ 30 นาที แสงพลุสีสันต่าง ๆ (เน้นสีแดงเป็นหลักเพราะเป็นสีประจำชาติ) ต่างพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าอวดโฉมให้นักท่องเที่ยว และชาวสิงคโปร์เห็นถึงความสวยงาม ความวิจิตรบรรจงที่สรรค์สร้างโชว์ภายในงานซ้อม National Day Firework ก่อนจะถึงวันแสดงจริงคือวันที่ 9 สิงหาคม 2019
แนะนำถ้าคุณอยากเที่ยวช่วงซ้อมวันชาติสิงคโปร์ National Day
- นักท่องเที่ยวจะเยอะมากในช่วงนี้ แนะนำให้เตรียมเวลา เตรียมข้าวของให้พอดีตัว เพราะต้องเบียดเสียดเบา ๆ
- ช่วงวันซ้อม National Day เราจะได้เห็นมุมมองที่แปลกตาจากเดิม
- งาน National Day Firework ซ้อมแค่วันเสาร์เท่านั้น ไม่มีวันอื่น มีวันเดียว ซึ่งคุณต้องเตรียมให้ดี
- การเดินทางอาจจะต้องเปลี่ยนแผนเพราะมีการปิดถนน เพื่อซ้อม National Day บางจุด แน่นอนว่าต้องเดินไกลขึ้น และต้องเตรียมเน็ตแรง ๆ พร้อมกับปรับแผนเที่ยวนิดหน่อย
ปล. เราไม่ได้วางแผนตามที่เล่ามา เพราะเที่ยวแบบพึ่งโชคอย่างเดียว ทำให้จุดที่ดูพลุวันซ้อม National Day Firework อาจไม่สวยเซียนเท่าไหร่นัก
เดินต่อทำตามภารกิจหาเมอร์ไลออน
เปิด Google Map แล้วแอบตามไป ! เราปักหมุดหมุนหาพิกัด Merlion Park ตามหาสิงโตครึ่งปลา “เมอร์ไลออน” เดินไหลตามผู้คนเช่นเคย เราเดินเรื่อย ๆ แวะซื้อน้ำเปล่าขวดละ $2 เติมพลัง และเดินต่อเลียบตามสะพานตรงสู่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ !! ซึ่งท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิดเห็นแสงดาวกันแล้ว
จนกระทั่ง พบกับเจ้าเมอร์ไลออนตัวลูก !!! และเจอกับเมอร์ไลออนตัวใหญ่มองเห็นจากด้านหลังที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม่น พ่นน้ำโชว์นักท่องเที่ยว แอร๊ย ช่างน่าร๊ากเหลือเกินนนนน
ปล. เมื่อ 16ปีก่อนคุณแฟนเคยมาชมเมอร์ไลออนครั้งนึงซึ่งถูกขังกรง ครั้งนี้เราจึงพากันมาอีกรอบเพื่อให้คุณเธอได้ชมเมอร์ไลออนที่อยากพบหน้ามาเป็นสิบปี
และเป็นพิธีของนักท่องเที่ยวชาวไทยแบบเรา ๆ ที่ต้องครีเอทท่าทางถ่ายภาพให้ประทับใจสุด (55+) ไม่ว่าจะเป็นท่าทางอ้าปาก ยืนพิง พ่นน้ำ อะไรก็ยกมาถ่ายกันสนุก ๆ เราได้มุมมองภาพช่วงกลางคืนค่ะ ไม่ร้อนมาก และคนก็เยอะมาก ควรหามุมที่ชอบ ปรับกล้องให้เป๊ะในการถ่ายกลางคืน ได้หลายภาพเหมือนกัน
ครั้นจะวิ่งตรงปรี่ที่ Marina Bay Sands ก็คงจะไม่ทัน
หลังจากชมพลุเสร็จ ถ่ายรูปกับเมอร์ไลออนเสร็จ เราตั้งใจเดินทอดน่องดูการแสดง Wonder Full-Light & Water หน้าห้าง The Shoppes Marina Bay Sands ซึ่งวิ่งไม่ทัน เลยดูตรงหน้าเมอร์ไลออนนั้นแหละ เป็นการแสดงแสงสีเสียงให้ชมฟรี เสียงดังสนั่นทั่ว หยุดนักท่องเที่ยวให้ยืนชมได้อย่างไม่มีข้อกังขา
หลังจากชมโชว์ Wonder Full-Light & Water เสร็จเราเลือกเดินกลับที่พัก ขอตั้งหลักชาร์ตพลังก่อนนะแก้วตา…
รีวิวอาหารเซเว่นอีเลฟเว่น
เดินทางกลับมาถึงโรงแรม พวกเรารู้สึกหิวเล็กน้อยถึงปานกลางและเลือก ซื้ออาหารในเซเว่นอีเลฟเว่นมารับทาน ได้แก่
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ รสเค็มหน่อยแต่อร่อยแปลก ๆ เนื้อไก่นุ่ม ๆ ติดใจกินสองวันรวด 55+
น้ำอัดลม Coca-Cola Clear Lime สดชื่นเหมือนเราดื่มน้ำมะนาวโซดาเพียงแค่มีกลิ่นโคล่า แต่ใส ๆ เหมือนน้ำเปล่า ตื่นเช้ามากินตอนที่ไม่เย็นก็อร่อยเด้อ
... เป็นอันจบตอนที่ 1 สามารถติดตามเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์ไว้ตอนต่อที่ 2 เราเขียนไว้แล้วจ้า
สนใจติดตามบทความของ Butter Cutter ได้หลายช่องทาง ได้แก่
- เว็บไซต์ th.readme.me/id/buttercutter รวมรีวิวท่องเที่ยว กิน เดินทาง อ่านง่าย ๆ สบาย ๆ
หากชอบบทความให้กำลังใจผู้เขียนด้วยการกดไลค์เพจที่ไหนอะไรดีก็ได้นะจะได้มีกำลังใจหาเรื่อง เอ้ย!! กำลังใจหาสิ่งสนุก ๆ มาบอกเล่ากันอีก หรืออยากให้เราเล่าเรื่องไหน ปรับปรุงอะไร คอมเมนต์ได้เสมอจ้า
ขอบคุณค่า :D
ที่ไหนอะไรดี
วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.25 น.