มันยากใช่มั้ยล่ะชีวิตที่ต้องตื่นไปเรียน ไปทำงานแต่เช้า
มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยที่ต้องต่อสู้กับมนุษย์พิงเสาบนบีทีเอส หรือต่อสู้กับลูกค้าที่เยอะระดับสิบ
พอเสาร์ – อาทิตย์ก็เหนื่อยจนไม่อยากจะออกไปไหน
ถ้าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พวกนายกำลังประสบอยู่ บอกได้เลยค่ะว่า จุดนี้จะทองหล่อ ข้าวสาร หรือสยามพารากอน ก็เอาไม่อยู่แล้ว ต้องรักษาด้วยธรรมชาติเท่านั้นค่ะ! เราขอเวลาทุกคนแค่ 2 วัน 1 คืน ขอเงินติดกระเป๋าแค่ 1,000 บาท รถไม่ต้องมี เพราะที่นี่ใครๆก็ไปได้ ที่ “บ้านกกกอด จังหวัดกาญจนบุรี" ถ้าพร้อมแล้ว… ตามมาเล้ยยยยยยยยยยยยย
เดาว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “บ้านกกกอด" หรือเคยเห็นรีวิวของที่นี่มาบ้างแล้ว งานนี้ “Bliss Out There" ขอเป็นอีกเสียงในการยืนยัน ความดีงาม ความสงบ และความคุ้มค่า ของที่นี่ค่ะ! ด้วยทำเลติดวิวเขื่อนที่สวยยยยยยยย มองยังไงก็ไม่เบื่อ ด้วยการออกแบบห้องพักที่ง่ายๆสบายๆ และด้วยการบริการที่เป็นกันเองเหมือนไปนอนบ้านเพื่อน ทำให้เรารู้สึกว่า 2 วัน 1 คืน ที่บ้านกกกอด ผ่านไปเร็วมากๆ และไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แม้แต่นิดเดียว
“บ้านกกกอด" อยู่ใน ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ค่ะ ใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง หรือ รถไฟ ลองดูวิธีการเดินทางในลิงก์นี้ได้เลย http://www.baankokkod.com/apps/documents/ ส่วนใครสะดวกไปรถตู้ ก็ตามเรามาค่ะ… เริ่มจากไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คิวรถตู้อยู่ในซอยเล็กๆ ติดกับห้างเซนจูรี่ ค่ารถตู้ 130 บาท ไม่ขาดไม่เกิน จ่ายเงินเสร็จ กระโดดขึ้นรถเรียบร้อยเราก็ไม่ลืมที่จะ…หลับ
2 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป เราก็มาถึง… “สยาม"…อ้าวเห้ย ยังไงเนี่ย
หันไปอีกที อ้าว โผล่ “มหิดล" เฉยเลย
ตั้งสติ แล้วหันกลับมา… โอเค “สถานีขนส่ง กาญจนบุรี"
ถึงสถานีขนส่งแล้วอย่าเพิ่งลอกแลกค่ะ มองหารถประจำทางสีฟ้าเอาไว้ ข้างรถเขียนว่า “กาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ" รถประจำทางสายนี้ออกทุกวัน ทุกชั่วโมงค่ะ (แต่เห็นคนแถวนั้นบอกว่าบางวันช่วงบ่ายๆก็หลายชั่วโมง ออกที) เห็นรถแล้วจะขึ้นไปนั่งรอจ่ายตังค์บนรถก็ได้ค่ะ หรือจะจ่ายก่อนขึ้นก็แล้วแต่สะดวก แต่อย่าลืมบอกคนขับเขานิดนึงค่ะว่า “ พี่ๆ หนูไม่ได้ลงน้ำตกเอราวัณนะคะ หนูลงแยกโป่งปัด ก่อนถึงเขื่อนทุ่งนา" พี่เขาจะได้คิดเราแค่ 40 บาท เพราะถ้านั่งไปน้ำตกเอราวัณเขาจะคิด 50 บาทค่ะ
11.40 น. รถประจำทางสีฟ้าเคลื่อนออกจากสถานีขนส่ง บนรถมีทั้งชาวต่างชาติ คนไทยที่มาเที่ยวกาญฯ คนกาญฯที่จะไปเที่ยวน้ำตก และคนกาญฯที่จะกลับบ้าน ใช้บริการขนส่งมวลชนท้องถิ่นทีไรอดอมยิ้มไม่ได้ทุกทีค่ะ มันน่ารักยังไงบอกไม่ถูก
40 นาทีผ่านไป รถประจำทางหย่อนเรากับเพื่อนลงที่ร้านอาหารตามสั่งบริเวณแยกโป่งปัด มองซ้ายมองขวาไม่เห็นจะมีวินมอเตอร์ไซค์อย่างที่หาข้อมูลมาเลย แต่ยืนงงได้ไม่ถึง 5 นาที เราก็เจอคนไทยใจดีอีกแล้วค่ะ พี่สาวฝั่งตรงข้ามมีมอเตอร์ไซด์พอดี เลยขอทำหน้าที่แทนพี่วิน ส่งเรากับเพื่อนถึง “บ้านกกกอด" ในราคาคนละ 50 บาท พร้อมบทสนทนาน่ารักๆเป็นของแถม
มาถึงแล้วค่ะบ้านกกกอด!
หลังจาก Check in และ รับรู้ข้อตกลงของที่พัก เราก็ไปสำรวจที่นี่กันเลย… มาเริ่มกันที่ห้องพักค่ะ ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 11 ห้อง แต่ละห้องพักได้ 2 คน และเสริมที่นอนปูพื้นได้อีก 1 คน โดยห้องพักที่นี่แบ่งเป็น 2 โซน โซนแรกคือ โซนริมน้ำวิวเขื่อน หรือ บ้านวิวเขื่อน ค่ะ เรากับเพื่อนก็พักโซนนี้ มีทั้งหมด 7 ห้อง ในห้องพักจะไม่มีแอร์ ไม่มีห้องน้ำในตัว ส่วนโซนที่สอง คือ โซนริมสระบัว ค่ะ มี บ้านแฝด 2 ห้อง กระท่อมไม้ 1 ห้อง และกระโจมเต็นท์ 1 หลัง ห้องพักในโซนนี้จะมีแอร์ และห้องน้ำในตัวทุกห้อง ยกเว้น กระโจมเต็นท์ (แอบกระซิบบอกกันหน่อยค่ะว่าที่นี่กำลังสร้างห้องพักเพิ่มอีกหนึ่งโซน ดีงามไม่แพ้โซนเดิมเลยแหละ) ส่วนราคามีหลากหลายค่ะ ขึ้นกับรูปแบบห้องพักและช่วงเวลาเข้าพัก แต่รับรองว่าสบายกระเป๋าแน่นอน ใครสนใจก็ลองคลิกเข้าไปดูในลิ้งก์นี้ก่อนได้ค่ะ
http://www.baankokkod.com/roomrates.htm
มาต่อกันที่ส่วนกลาง… ตรงนี้จะเป็นบริเวณที่เอาไว้ทานอาหารเช้า หรือใครจะมานั่งเปื่อยนอนเปื่อย หรือ เล่นกับน้องหมาของที่นี่ก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน
มีบันไดให้ขึ้นไปนอนเล่นบนระเบียงได้ด้วย ลมตรงนี้จัดว่าดีเลยค่ะ
อ้ะ ไหนมาดูห้องน้ำส่วนกลางกันหน่อยซิ… หลายคนคงมีความคิดว่าห้องน้ำรวมนี่มันต้องสกปรกแน่นอนนนนน ไม่โอเคแน่นอนนนนนนนน แต่สำหรับห้องน้ำส่วนกลางที่บ้านกกกอด บอกได้เลยค่ะว่าสะอาดมากกกกกกก โดยส่วนตัวชอบการตกแต่งด้วยไม้ไผ่ ให้ความรู้สึกธรรมชาติดีค่ะ ในห้องอาบน้ำก็มีครีมอาบน้ำ มีแชมพูให้ด้วย ติดอยู่อย่างเดียว… เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้ช่วยให้น้ำอุ่นขึ้นเลยยยยยย ก็รับความรู้สึกแบบบ้านๆไปแล้วกันค่ะจุดนี้
เอ้อ ลืมบอกไปค่ะว่าที่นี่ ห้องพักทุกห้องจะเชื่อมกันด้วยสะพานไม้ไผ่ รวมทั้งจุดชมวิว จุดถ่ายรูปก็ด้วย… ถามว่าไอสะพานนี้สวยมั้ย มันก็สวยแหละ แต่เวลาเดินเสียงมันจะดังนิดนึงค่ะ คนที่พักห้องแบบที่ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ลำบากหน่อยนะตอนกลางคืน… อ่ะ เราไปดูบรรยากาศที่เอามาฝากกันหน่อยดีกว่า
“ต้นกก" ล้อมเป็นทุ่งขนาดนี้… เข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมถึงชื่อ “บ้านกกกอด"
บ่ายๆ ลมเย็นๆแบบนี้ เราไปพายเรือกันดีกว่าค่ะ ที่บ้านกกกอดมีบริการเรือคายัค กับเรือแจวให้ฟรี พอหยิบอุปกรณ์อะไรให้เรียบร้อย แล้วไปลุยกันค่ะ สารภาพเลยแล้วกันค่ะว่า เบื้องหลังรูปภาพที่สวยงามต่อจากนี้ แลกมาด้วยความลำบากลำบนของจริง อายก็อาย ชาวบ้านเขาพายไปถึงไหนกันแล้ว ไอสองคนนี่เรือลอยอยู่ที่เดิม เดี๋ยวเรือกลับหัวมั่งแหละ เดี๋ยวโดนลมพัดไปเกือบถึงฝั่งมั่งแหละ เหมือนจะเป็นกิจกรรมที่ชิลๆ แต่ใช้พลังงานเยอะอยู่ค่ะ หวังว่าจะชอบรูปที่เอามาฝากกันนะ
สำรวจที่นี่จนครบทุกซอกทุกมุมทุกหลืบทุกอณูแล้ว ก็หิวสิคะทีนี้ หาของกินค่ะ! ที่บ้านกกกอดไม่มีบริการอาหารกลางวัน และ อาหารเย็นนะคะ เขามีแต่อาหารเช้า กับ มาม่ากระป๋อง โจ๊กกระป๋อง น้ำดื่ม ไมโล ถ้าอยากจะกินต้องสั่งร้านตามสั่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มีหลายร้านอยู่ค่ะ แต่ถ้า “ร้านคุณลุง" จะใกล้สุด และถ้าเราสั่งอาหารร้านคุณลุง คนที่บ้านกกกอดเขาจะออกไปเอาข้าวมาให้เลย แหมะ สะดวกสบายง่ายดายขนาดนี้ จัดไป 2 เมนู ในราคา 80 บาท ค่ะ
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ยิ่งที่นี่ไม่มี Wifi ไม่มีทีวี แล้วด้วย ยิ่งไม่มีอะไรทำนอกจากเม้ามอยกับเพื่อน แต่เราว่าดีนะสำหรับคนที่หนีงานหนีเมืองมาเพื่อพักผ่อน เราก็จะได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ ที่สำคัญอากาศดีมาก เรานี่เปิดพัดลมแล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ
ตีห้าเกือบหกโมง เราลุกขึ้นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น….
5 นาทีผ่านไป ไม่มีวี่แวว...
10 นาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แวว…
15 นาทีแล้วนะไอพระอาทิตย์ ให้เกียรติหนังตานี่ด้วย…
20 นาที… เอ็งจะเอาอย่างนี้จริงๆใช่มะ? จะไม่ขึ้นมาใช่มะ !?... ได้!! นอนต่อก็ได้!!
ตื่นๆๆๆ ลุกๆๆๆ อาบน้ำแปรงฟันเร็ววววววว รู้ว่าเตียงดูดมากๆ รู้ว่าอากาศน่านอนมากๆ แต่นานๆจะได้มาพักแบบนี้ ตื่นไปดูบรรยากาศตอนเช้ากันดีกว่าค่ะ! กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะฉะนั้น มุ่งหน้าไปบริเวณส่วนกลางด่วนๆเลย และสิ่งที่รอเราอยู่ก็คือออออออออออออ….
กินเสร็จเราก็คุยกับพี่ที่ดูแลที่นี่ค่ะว่าจะกลับเข้าเมืองยังไงดี พี่เขาบอกว่าเราต้องไปรอรถประจำทางตรงแยกโป่งปัด ตรงที่เราลงรถขามานั่นแหละ แต่รถประจำทางจะมาประมาณ 10.30 น. แล้วหลังจากนั้นจะมาอีกทีเที่ยงๆบ่ายๆเลย พี่เขาแนะนำให้เราออกจากบ้านกกกอด 10 โมง เดี๋ยวพี่เขาขับรถออกไปส่ง ระหว่างนี้ก็เดินเล่น นั่งเล่น ไปก่อนค่ะ
ความรู้สึกตอนนี้ คือ ทำไมหนึ่งวันมันผ่านไปเร็วขนาดนี้อ่ะ ยังไม่อยากกลับเลย คือมันเหมือนได้มานอนบ้านเพื่อน บ้านที่มีวิวดีๆ มองไปเห็นน้ำเห็นภูเขา แค่นี้ก็พอแล้วมั้งความสุข… ถ้าเก็บธรรมชาติใส่ขวดได้ก็คงดี เวลาเราเหนื่อยๆเปิดขวดออกมามันจะได้เยียวยาเราได้เลย เห้อออออออออออ~
ขณะที่เรากับเพื่อนถ่ายรูปเล่นกันอยู่ตรงริมน้ำ พี่ที่ดูแลที่นี่ก็พาลูกชายมาเดินเล่น เห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆค่ะ (:
10.15 พี่ที่บ้านกกกอด ส่งเรากับเพื่อนถึงศาลาบริเวณแยกโป่งปัด นั่งรอไม่ถึง 20 นาที รถประจำทางสีฟ้าสุดเฟี้ยวฟ้าวก็มาจอดตรงหน้าค่ะ (ถ้าใครอยากไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณต่อ ให้ข้ามไปรอรถฝั่งตรงข้ามศาลาค่ะ)
เจอกันอีกแล้วนะสถานีขนส่งกาญจนบุรี… สั้นๆง่ายๆค่ะย่อหน้านี้ จ่ายค่ารถกลับอนุฯ 120 บาท (ถูกกว่าขามา) เข้าห้องน้ำเสร็จ กระโดดขึ้นรถ... ไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพฯค่ะ ถึงจะเป็นทริปสั้นๆ แต่พอกลับมาแล้วเรารู้สึกได้เลยว่าร่างกายเราโอเคขึ้น ใครว่าของถูกและดีไม่มีอยู่จริง ต้องลองไปค้างที่ "บ้านกกกอด จังหวัดกาญจนบุรี" ดูสักคืนค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย
1. ค่าห้องพัก 1,200 / 2 คน = 600 บาท
2. ค่ารถตู้ไป – กลับ 130 + 120 = 250 บาท
3. ค่ารถประจำทางไป – กลับ 40 + 40 = 80 บาท
4. ค่ามอเตอร์ไซด์จากแยกโป่งปัด ไปบ้านกกกอด 50 บาท
5. ค่าข้าวกลางวัน 2 วัน และ ค่าข้าวเย็น 1วัน 140 บาท
รวม 1,020 บาท
ป.ล. กระทู้นี้มีบางรูปที่เรายืมมาจากกล้องเพื่อนค่ะ ต้องยกเครดิตให้ ig : @firstnpsr
ใครอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่าเห้ย ชอบว่ะชอบ มาคุยกันในเพจ "Bliss Out There" ได้เลยค่ะ
ลิ้งก์นี้เลยยยยยยยยยยยย https://www.facebook.com/BlissOutThere
หรือติดตามบทความอื่นๆของเราในเว็บ http://blissoutthere.com/
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันค่ะ ฝากติดตามกระทู้ต่อๆไปด้วยน้าาาาาาาาาาา : )
Bliss Out There
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.34 น.