สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมห่างหายไปนานพอสมควร เนื่องจากปีนี้แล้งมาก ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ใจจดใจจ่อขอให้ถึงหน้าฝนไวๆ อยากเห็นธรรมชาติสดสวย เขียวขจีอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ถึงเวลาที่รอคอยของผมแล้ว เมื่อฤดูฝนมาถึง ช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม ผมจะนึกถึงที่นี่ "อุทยานภูหินร่องกล้า" เพราะการเดินทางแสนสะดวกสบายไม่ไกลมาก มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีจุดชมวิวสวยๆ มีหมอก มีป่าไม้ มีดอกไม้ป่าเยอะแยะไปหมด นอกจากนี้อากาศที่นี่มันช่างสดชื่น สูดโอโซนได้เต็มปอด พร้อมแล้วตามอ้ายกึ่มมาโล้ดเด้อ จะพาไปกางเต็นท์ เที่ยวน้ำตก กอดสายหมอก หยอกดอกไม้หน้าฝนให้ฉ่ำไปเลย

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 48 ของประเทศ

ด้วยระดับความสูงๆ พอๆกับภูกระดึงและน้ำหนาว อากาศจึงหนาวเย็นเกือบตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำมากประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส

ด้วยพื้นที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งต้นน้ำที่สำคัญ รวมทั้งพรรณไม้ที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติที่สวยงามลงตัว

(ข้อมูลสามารถหาดูได้ที่เวปไซด์ของอุทยานฯ http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1048 )


ทริปนี้ของผม 3 วัน 2 คืน ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ตามมาเลย


"ภูทับเบิก"

จุดแรกที่ผมต้องแวะและเป็นทางผ่านก่อนที่จะเข้าด่านอุทยานฯ คือ ภูทับเบิก หน้าฝนแบบนี้มีลุ้นทะเลหมอกสวยๆ อากาศที่นี่หนาวดี สดชื่นสุดๆครับ

เป็นสถานที่ที่โด่งดังมากในตอนนี้ สายแคมปิ้ง นอนเต็นท์ต่างไม่พลาดที่จะมาท้าฝนและลมแรง เพื่อเฝ้ารอทะเลหมอกที่สวยงามเป็นลำดับต้นๆ ในเมืองไทยก็ว่าได้


พอเราออกจากภูทับเบิก กินข้าวเช้าเติมพลังแล้ว ก็เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าต่อ

ผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียม ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ชำระค่าธรรมเนียมทั่วไป

ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

ยานพาหนะ รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท

จุดที่ต้องแวะอีกจุดก็คือ ภูแผงม้า


"จุดชมวิวภูแผงม้า"

ภูแผงม้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกอีกจุดหนึ่งของอุทยานฯ ห่างจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมฝั่ง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ (เลยปากทางเข้าภูทับเบิก) ประมาณ 500 เมตร ก็จะเห็นป้ายทางเข้าภูแผงม้า เดินขึ้นไปชมวิวรับลมหนาวๆ หมอกฟูๆ ยามเช้ากันนะ



สามารถมองเห็นวิวได้สุดลูกหูลูกตา เห็นแม้กระทั่งทุ่งกังหันลม ที่อ.เขาค้อ เลยละ

ถ้ามาชมดาวช่วงมืด ก็จะเห็นดาวล้านดวง สวยงาม

ตลอดเส้นทางอุทยานแห่งชาตินี้ จะเห็นป่าที่ยังสมบูรณ์ ต้นไม้หนาทึบ มีไอหมอกปกคลุม หากได้มาสโลว์ไลฟ์ที่นี่ผมรับรองได้เลยว่า ต้องหลงรักสถานที่แห่งนี้เหมือนผมแน่นอน

ไปกันต่อเลยนะครับ จุดต่อไปตามเส้นทางที่ต้องแวะก่อนที่จะไปตั้งแคมป์นอนเต็นท์ คือ กังหันน้ำ โรงเรียนการเมืองการทหาร น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร และน้ำตกห้วยขมึนน้อย


"กังหันน้ำ"

กังหันน้ำ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนการเมืองการทหาร ใช้หล่อเลี้ยงคนหลายพันคนบนภูหินร่องกล้า สมัยเมื่อ 42 ปีที่ผ่านมา ออกแบบและสร้างโดยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กังหันน้ำนี้ใช้พลังน้ำขับเคลื่อนกังหันเพื่อหมุนแกนครกกระเดื่องตำข้าวซึ่งเปรียบเสมือนเป็นโรงสีข้าวของ ผกค. โดยไม่ต้องใช้แรงคน เพื่อใช้เป็นอาหารประทังชีวิต

นอกจากนี้ยังกังหันน้ำแห่งนี้ยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ส่องสว่าง ปัจจุบันกังหันน้ำแห่งนี้ก็กลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำทางประวัติศาสตร์

ที่มา - https://www.phitsanulokhotnews.com/2018/11/25/1249...






"โรงเรียนการเมืองการทหาร"

โรงเรียนการเมืองการทหารอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 4 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็กๆ กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ภายในบ้านแต่ละหลังจะมีแคร่สำหรับนอน และโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือทำด้วยไม้กระดานอย่างหยาบๆ เศษข้าวของกระจายอยู่เกลื่อน บางหลังเริ่มผุพังเพราะถูกปล่อยให้ร้างหลังจากมวลชนเข้ามอบตัวแล้ว นอกจากนี้บริเวณตอนกลางของโรงเรียนการเมืองการทหาร มีรถแทรกเตอร์จอดอยู่ 1 คัน ซึ่ง ผกค. ทำการยึดจากบริษัท พิฆเนตร แล้วเผาทิ้งไว้ และในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนมกราคม จะมีใบเมเปิ้ลหล่นลงหลังคาบ้านพักสหายสีแดงสวยงาม


"น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร"

น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร เป็นน้ำตกฝาแฝด 2 แห่ง ที่อยู่ติด ๆ กัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ บนถนนภูหินร่องกล้า หมายเลข 2331 ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ก่อนถึงโรงเรียนการเมืองการทหารประมาณ 500 เมตร เดินเท้าลงไปทางลาดชันประมาณ 220 เมตร แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นป่าบริสุทธิ์อันงดงามมาก

ปล. ลื่นและมีทาก โปรดระมัดระวัง



"น้ำตกห้วยขมึนน้อย"

อยู่ติดถนนก็ว่าได้ ใช้เวลาน้อยมากในการเดินเข้าไป ประมาณ 50 เมตร ก็จะเห็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่สวยและร่มรื่นมาก

ตอนนี้ก็เริ่มหมดแรง เราไปพักกินข้าวกลางวันและติดต่อกางเต็นท์ที่อุทยานกันก่อนดีกว่า ที่อุทยานมีร้านค้า ขายอาหาร น้ำดื่มและขนมนะครับ


ลานกางเต็นท์จะเป็นสวนสนที่ร่มรื่น สวยงาม เป็นระเบียบมากครับ มีห้องน้ำสะอาดที่เยอะเพียงพอต่อนักท่องเที่ยว เอาบรรยากาศมาฝากครับ





ที่นี่เหมาะมากที่จะพาครอบครัว พาเพื่อนหรือพาคนรักมาแคมป์นอนพักผ่อน อากาศมันเย็นสบาย สดชื่นสุดๆ ถ้าฝนตกนี่หนาวเลยละ




ยามค่ำคืนก็สามารถออกมาดูดาวได้นะครับ สวยๆ ดาวล้านดวง



จุดเช็คอินที่อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ที่ไม่ควรพลาดคือ ลานหินแตก

"ลานหินแตก"

ช่วงบ่ายคล้อย ยังพอมีเวลาและแรงเหลือจากตอนกลางวัน เราก็ไปเดินเที่ยวลานหินแตกกันนะครับ

"ลานหินแตก" ลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบพอให้รากต้นหญ้าชอนไชไปได้เท่านั้น บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ ต้องระมัดระวังและต้องเดินตามเส้นทางที่กำหนดให้ เพราะความลึกของร่องหินแตกเหล่านั้นไม่สามารถจะคะเนได้




นอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ มีให้ชมได้โดยทั่วไป หน้าฝนแบบนี้เราจะได้เห็นดอกเปราะภูสีขาวด้วยนะครับ




เมื่อเดินจุดสุดเส้นทาง ก็จะเห็นจุดชมวิว สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม แต่ผมไม่ได้เอาไฟฉายมาด้วยและมาคนเดียว จึงขอเดินกลับก่อนจะค่ำดีกว่า



ในวันนี้ก็หมดไปแล้ว 1 วัน ก็เที่ยวแทบจะทั่วเลยละ แต่ยังไม่หมดเท่านี้ ตอนเช้าเรามีนัดกันอีกจุดคือ ลานหินปุ่ม ชมดอกไม้หน้าฝน และอาจมีลุ้นทะเลหมอกด้วยนะ

ตื่นเช้าๆ มาดื่มกาแฟร้อนสักแก้ว แล้วไปลุยเที่ยวต่อกันอีกวันนะครับ


"ลานหินปุ่ม"

ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน สูงประมาณ 1 ฟุต คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางปรมาณ 1,262 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงทำให้มีอากาศเย็นสบาย และหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

"เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง" เราจะใช้เวลาเดินเที่ยวและถ่ายรูปกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นต้องกินข้าวมาให้พร้อมและพกขนมและน้ำดื่มไปด้วย (ปล.ห้ามทิ้งขยะในบริเวณอุทยานฯ)

สิ่งที่จะได้เห็นตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติของที่นี่ ก็คือ ดอกไม้หน้าฝน ที่พร้อมใจกันแตกกอ ผลิดอกออกมาอวดโฉมให้เราได้เห็นโดยทั่วบริเวณ เช่น ดอกเปราะภูสีขาว ดอกลิ้นมังกรสีส้ม เปราะหิน ดอกตาเหินไหว ใบบีโกเนีย ฯลฯ

ยามเช้าที่ลานหินปุ่ม








ลานหินปุ่ม เป็นจุดชมวิวที่เหมาะมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยอีกที่ที่ไม่ควรพลาด ใครไม่ได้มาลานหินปุ่ม ถือว่ามาไม่ถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้านะครับ



"ผาชูธง" ก็เป็นหนึ่งในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของลานหินปุ่ม เมื่อเดินตามเส้นทางเรียบผาไปก็จะเจอ


อากาศและบรรยากาศมันช่างเป็นใจมากๆ ครับ เดินเพลินสุดๆ ทำให้ตลอดเวลา 2 - 3 ชั่วโมง มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรามาดูดอกไม้ต่างๆ ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม - ผาชูธง ที่เราได้พบเจอกันครับ


"เปราะหิน" เราสามารถเห็นได้ทั่วไปตามก้อนหินขนาดใหญ่ ที่อยู่ในร่มไม้ เช่น บริเวณ กังหันน้ำ โรงการเมืองการทหาร หลุมหลบภัยทางอากาศและแถวบริเวณผาชูธง






"เปราะภูสีขาว"

เปราะภูเป็นพืชตระกูลขิงข่ามีเหง้าอยู่ใต้ดินเหมือนดอกกระเจียว ออกดอกในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องมาฤดูฝนเลยละครับ








"ตาเหินไหว"


"ดอกลิ้นมังกรสีส้ม"

สามารถเห็นได้ตามก้อนหิน แทรกตัวอยู่ตามดอกเปราะภูสีขาว


"ช้างงาเดียว"

เป็นตระกูลพวกดอกกล้วยไม้ดิน สามารถพบตามลานหิน


"บีโกเนีย"

บีโกเนีย หรือ ส้มกุ้ง เป็นพรรณไม้เด่นอีกชนิดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บีโกเนียป่ามีทั้งในป่าลึกและที่สามารถเข้าชมได้ไม่ยากก็จะมีที่หลุมหลบภัยทางอากาศสำนักอำนาจรัฐ จะพบเห็นได้บนโขลดหินขนาดใหญ่ที่มีป่าปกคลุม ช่วงเวลาท่องเที่ยวก็จะอยู่ระหว่างเดือน มิถุนายน-กันยายน ไปส่องไปแหงนดูได้เด้อ


ถ่ายรูปกันเพลินเลย แหงนๆ ส่องๆ จนทากเกาะขา ระวังด้วยนะครับ 5555


เป็นไงกันบ้างครับ ชอบฤดูฝนกันบ้างหรือยังเอ่ย นี่แหละเสน่ห์ฤดูฝนบนพื้นดินที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ผมอยากนำมาให้ได้เห็นกันในมุมมองของคนชอบเที่ยว ชอบถ่ายภาพ

มองไปไหนมันช่างเขียว กรีนๆ สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก


นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวที่ต้องเดินเท้าเข้าป่าลึก เพื่อไปชมความงดงามของดอกลิ้นมังกรสีชมพู ที่เป็นหนึ่งเดียวที่พบเห็นได้ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า นั่นคือ น้ำตกหมันแดง หากเพื่อนๆ สนใจ สามารถติดต่อทางอุทยานฯ ได้โดยตรง เพื่อขออนุญาตและให้เจ้าหน้าที่นำทาง

"น้ำตกหมันแดง"




สามารถชมภาพและรีวิว น้ำตกหมันแดง ได้ตามลิงค์นี้นะครับ

https://www.facebook.com/1505237122820717/posts/1654063044604790/

หน้าฝนนี้ เพื่อนๆ มีที่เที่ยวในใจหรือยังครับ ลองมาเที่ยวและมาสัมผัส "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" กันดูนะ เป็นสถานที่ที่ผสานทั้งเรื่องราวและร่องรอยทางประวัติศาตร์ในอดีตและธรรมชาติที่สวยงามบริสุทธิ์ ผมเชื่อว่าใครที่ได้่มาที่นี่ ไม่ว่าจะฤดูไหนก็จะชอบและหลงรักอย่างแน่นอน

“ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ”
Life is a journey

#ดีแต่เที่ยว #ภูหินร่องกล้า #ฤดูฝน #Thailand #ประเทศไทย







อ้ายกึ่มมักเล๊าะ

 วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 11.43 น.

ความคิดเห็น