Explore MALDIVES in 2 styles : Water Villa & Local Island 5 days 4 nights

#MeeruIslandResort&Spa #MaafushiIsland

ห๊ะ...ไปมัลดีฟส์นี่นะ ไปทำอะไรตั้งห้าวัน ง่า....ก็ค่าตั๋วมันแพงแถมบินมาตั้งสี่ชั่วโมง ไปทั้งทีก็ต้องจัดเต็มกันไปเลย แต่จะให้พักหรูตลอดก็ไม่ไหว อิป้าก็อยากสัมผัสวิถีชาวมัลดีฟส์ซักหน่อย ไม่งั้นมันก็เหมือนมาไม่ได้สัมผัสประเทศเค้าอย่างแท้จริงอ่ะนะ มารอบนี้เราก็เลยจัดกันไปเลยค่ะ ทั้งพักหรูอยู่สบาย กับพักง่ายอยู่ง่ายตามสไตล์ตัวเอง



ฝากผลงานเก่าด้วยคร่าาาา



[CR] ສະບາຍດີ….หลวงพระบาง หมอกจางๆ ฝนบ้าง แดดบ้าง กิจกรรมแน่น 4 วัน 3 คืน กับเงิน 6,000 บาท

https://pantip.com/topic/38062999/

[CR] อินเลิฟอินเดีย...เมืองสีชมพูชัยปุระกะเมืองอัคราอนุสรณ์แห่งรัก

https://pantip.com/topic/38497460

[CR] Time to Dream @ Kemi Snow Castle, Finland บินไปฟินกับปราสาทหิมะที่ฟินแลนด์

https://pantip.com/topic/38182405



FB: https://www.facebook.com/AuntieJourneyJournal

IG: manieme

Get to know Maldives



- มัลดีฟส์ เป็นประเทศอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย 🏝ไปทางใต้ของศรีลังกา มัลดีฟส์ประกอบด้วยเกาะอยู่มากถึงพันกว่าเกาะ แต่มีที่คนอาศัยอยู่แค่ 250 เกาะ รวมถึงบรรดารีสอร์หรูทั้งหลายด้วย หนึ่งรีสอร์ทก็หนึ่งเกาะกันไปเลยนะ

- มีเมืองหลวง ชื่อว่า มาเล่

- อุณหภูมิที่มัลดีฟส์ อยู่ที่ประมาณ 29 – 32 องศาเซลเซียส สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มี 2 ฤดูกาลคือ “ฤดูร้อน” ระหว่างเดือน ธันวาคม-เมษายน เป็นช่วงของฤดูการท่องเที่ยวของมัลดีฟส์ “ฤดูฝน” จะอยู่ระหว่างเดือน พฤษภาคม- พฤศจิกายน แนะนำเที่ยวช่วง Low Season ค่ะ เพราะราคาห้องจะถูกลงมากมาย แล้วฝนที่นี่คือ ตกน้อย ตกไม่นาน และอาจไม่ตกเลย

- การใช้เงินที่มัลดีฟส์ ให้แลกเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐมา บางคนก็มาแลกเป็นเงินมัลดีฟส์ (รูเฟีย) อีก แต่ป้าว่าไม่จำเป็นนะ ไม่ว่าจะไปรีสอร์ทหรู หรือ เกาะโลคอล เพราะเค้ามีเรทคิดให้อยู่แล้ว จะใช้บัตรเครดิตไปเลยก็ได้นะ



Cr. Operationworld.org

Get the ticket✈️



จองตั๋วเครื่องบินกันไปเลยจ้า ตอนนี้ที่คนไทยใช้บริการกันก็จะมี 3 สายการบินนะ

บินตรงมีแค่ #AirAsia กับ #BangkokAirways ส่วนถ้าจะยอมไปเปลี่ยนเครื่องเพื่อตั๋วโปร ก็ต้องใช้บริหารพี่ #SriLangaAirline เลยจ้า

ค่าตั๋วเครื่องบิน เท่าที่เห็นนะ 6,500 – 12,000 บาท ถ้าจะเลือกที่นั่งกันนะ ขาไปอย่าพลาดจองฝั่ง่ซ้ายมือกันล่ะ จะได้เห็นหมู่เกาะต่างๆของมัลดีฟส์



รูปนี้เห็นเกาะศรีลังกาไปก่อนนะจ๊ะ

Get the hotel 🏩



• ถ้าอยากเที่ยวแบบประหยัดงบหน่อย แนะนำไปพักที่เกาะโลคอล หรือเกาะที่ชาวมัลดีฟส์จริงๆเค้าอาศัยอยู่ ซึ่งก็จะมีเกาะที่นิยมกัน อยู่ ได้แก่ Male, Hulhumale, Maafushi, Guraidhoo และ Rakeedhoo ซึ่งเกาะพวกนี้ก็จะมีโรงแรมที่พักราคาถูก ตั้งแต่ พันกว่าบาท ให้ได้เลือกพักกัน ส่วนถ้าใครอยากไปสัมผัสรีสอร์ทหรู เค้าก็มีทัวร์แบบ Day trip ไปนะ

• แต่มามัลดีฟส์ทั้งที หลายคนก็คงต้องอยากลองพักรีสอร์ทหรูๆ โดยเฉพาะวิลล่ากลางน้ำ กันเนอะ ซึ่งรีสอร์ทพวกนี้ ก็จะมาพร้อมกับแพคเกจ ดังนี้ การจองที่พักรีสอร์ทหรูๆที่มัลดีฟส์ นั้น มี 3 วิธีใหญ่ๆ

1. จองตรงผ่านรีสอร์ท

2. จองที่พักผ่านเว็ปจองที่พักทั่วไป booking agoda แต่ก็ต้องจองการ transfer ไปโรงแรมกับที่โรงแรมอีกที

3. จองผ่านเอเจ้นท์ต่างๆในเมืองไทย ซึ่งป้าก็ใช้วิธีนี้แหละ บางเจ้าเค้ามีของที่ระลึกแถมด้วย แล้วบางทียิ่งจองล่วงหน้านาน(ชำระเงินเลย) ก็จะได้ส่วนลดลงมาอีก



วิธีเลือกวิลล่ากลางน้ำของป้าน่ะรึ เน้นถูก และคุ้มงัยคะ 😂😂 แหมมันก็ต้องดีด้วยล่ะค่ะ แต่การไปเที่ยวที่รีสอร์หรูเนี่ยก็อยากแนะนำให้เลือกแบบ all inclusive เพราะถ้าสั่งกินทีละมื้อ สุดท้ายอาจจะบานปลายก็ได้นะ มาดูรูปแบบแพคเกจกันดีกว่าว่ามันหมายถึงอะไรมั่ง

* All Inclusive รวมที่พัก เรือรับ/ส่งจากสนามบิน อาหารทุกมื้อ รวมเครื่องดื่ม เบียร์ ไวน์ เครื่องเล่นทุกชนิด ยกเว้นเครื่องเล่นที่มีน้ำมันมาเกี่ยวข้อง * Full board รวมที่พักและอาหารทุกมื้อ ไม่รวมเครื่องดื่ม

* Half board รวมที่พัก อาหารเช้า/เย็น ไม่รวมเครื่องดื่ม

* Bed & Breakfast รวมที่พักและอาหารเช้าเท่านั้น ไม่รวมมื้ออื่นๆ และเครื่องดื่ม



***รีสอร์ทที่คนไทยนิยมกัน ได้แก่ Safari Island resort, Club med, Centara Rasfushi, Thulhagiri island resort, Meeru Island Resort & Spa, Dusit Thani Maldives

สุดท้าย ป้าก็จัดที่ "Meeru Island Resort & Spa" เพราะนอกจากแพคเกจทั่วไปที่นี่เค้ายังมีโปรแกรม Sunset Cruise (ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอโลมาด้วย) และก็ทริปพาไปดำน้ำ 1 ทริป



💥แพคเกจ 3 วัน 2 คืน ราคา 22,300 บาท/คน ...ราคานี้นี่เป็นช่วง low season นะคะ ซึ่งราคาดังกล่าวรวม



💥 🏝️ ห้องกลางน้ำพักส่วนตัวมีอ่างจากุชซี่

🛥️ Speed Boat

🥂 Welcome Drink

🍱 All Inclusive

🍺 Soft drinkและเครื่องดื่มปิดบริการ 24 ชม.

☕ ชา, กาแฟ และของว่างยามบ่าย

🚣♂ ฟรี ! กิจกรรมทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนต์

⚽️ ฟรี ! ใช้บริการสนามเทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน gameroom ฟิตเนส

⛳ ฟรี ! ใช้บริการสนามไดร์ฟกอล์ฟ

📡 ฟรี ! Wifi

💵 ค่าประกัน 3,000,000 บาท

💥ล่องเรือดำน้ำดูปะการัง

💥Sunset Cruise ดูโลมา



สรุปงบประมาณในการเที่ยวมัลดีฟส์แบบคร่าวๆนะ

** ถ้าแบบถูกสุดๆ ตั๋วโปร + พัก Local Island 15,000 บาท ก็มาได้แล้วจ้า

** ถ้าพัก Water Villa แบบ All inclusive ด้วยนะ 3 วัน 2 คืน รวมตั๋วก็อยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 บาท จ้า



มาถึงมัลดีฟส์แล้ว ใช้เวลาเดินทาง ประมาณสี่ชั่วโมงจากไทย

สนามบินที่นี่ค่อนข้างเล็ก เดินออกมาก็เจอท่าเรือเลย

ซึ่งถ้าเราทำการจองโรงแรมไว้ เค้าจะบอกว่าให้เราติดต่อที่ Counter ไหน เพื่อพาไปขึ้นเรืออีกที



น้ำใสกิ๊ก

เมื่อเราติดต่อ Counter แล้ว (Meeru - Counter 59) เค้าก็บอกให้รอ ตอนป้าไปถึงประมาณเที่ยง เค้าก็บอกให้รอบ่ายโมง

พอบ่ายโมงก็ยังไม่ออกนะ เค้าบอกว่ายังขาดแขกอีกสองคน ก็เลทไปนิดหน่อยอ่ะจ้ะ



บรรยากาศสนามบิน เป็นสนามบิน open air รับลมทะเลกันไป

ในที่สุดก็ได้เวลาขึ้นเรือ ก่อนขึ้นเรือนี่เค้าให้ใส่ชูชีพก่อนเลย

และตอนแรกเคยอ่านรึวิว เรื่องนั่งเรือฝั่งไหนจะร้อนไม่ร้อน เรือของ Meeru นี่ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้เลย เพราะที่นั่งทั้งหมดจะอยู่ตรงกลาง

Meeru Island Resort & Spa ที่ป้าพัก ใช้เวลาเดินทางโดย speed boat ประมาณ 45 นาที...ที่นี่พอมาถึงก็จะมีพนักงานมาตีกล้องต้อนรับกันเลยทีเดียว พร้อมพนักงานมาต้อนรับและอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับรีสอร์ท ตอนนี้มีพนักงานคนไทยแล้วด้วยนะ

ที่พักแบบ Water Villa ที่นี่ จะมีสองจุด ของเราเป็นโซนขึ้นต้นด้วย เลข 3 อยู่ตรงส่วนกลางของเกาะ คนละฝั่งจากล็อบบี้และห้องอาหารประมาณ 15 นาที เรียกว่า เดินจนผอม จริงๆเรียกรถกอล์ฟได้นะ แต่ไม่ได้เรียกเลย

มุมนั่งเล่น มีอยู่ทั่วเกาะเลย

ทางไปห้องพักเรา..โชคดีไม่ได้อยู่ลึกเกิน ไม่งั้นเดินกันเมื่อยเลย

สังเกตดูจะเห็นว่าเค้ามีตุ่มให้ตักน้ำล้างเท้าก่อนเค้าห้องพักก่อนด้วย

นี่ภาพบรรยากาศห้องพักของเรา

ใครยังไม่อยากลงน้ำทะเล มาว่ายน้ำสระก็ได้ หรือถ้าไม่ว่าย แวะมากิน snack bar และสั่งเครื่องดื่มต่างๆที่นี่ได้



ที่ Meeru มีสระว่ายน้ำ สองสระ อยู่คนละฝั่ง อีกสระนึงจะมีสระเด็กด้วย

มุมพักผ่อนที่มีอยู่รอบเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีบาร์อยู่ใกล้ๆ หากเราเป็นแพคเกจ All Inclusive ไปไหนๆก็สั่งเครื่องดื่มได้เลยจ้า



กิจกรรมที่นี่มีให้เลือกทำมากมาย คือ 3 วัน 2 คืน ไม่พอ บอกเลย



เย็นวันแรก เราก็ร่วมกิจกรรม Sunset Cruise กับทางรีสอร์ทกัน แท้ที่จริงมันคือ การออกตามล่าหาโลมา แต่เค้าคงไม่อยากพูดเป็นการรับปากกับลูกค้า ก็เลยเอาเป็นว่า พาไปดูพระอาทิตย์ตก ถ้าเจอโลมาด้วยก็ดี



(การจะเข้าร่วมกิจกรรมใดที่ Meeru นี่แขกที่มาพักสามารถจองผ่าน iPad บริเวณ Lobby ได้เลยนะคะ แต่พอดีเราจองผ่านเอเจ้นท์ เค้าเลยจัดการบุ๊คทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว )



เรือที่ไปดูพระอาทิตย์ตก ออกทั้งหมด 3 ลำเลยทีเดียว

พนักงานช่วยกันมองหาโลม่าอย่างจริงจัง

และแล้วเราก็ได้เจอกัน ดีใจมากๆๆ มาเป็นฝูงเลย



ถ้าจะแค่ดูพระอาทิตย์ตก ดูแค่ที่รีสอร์ทก็ฟินมากแล้วอ่ะ

นี่แสงทไวไลท์หลังพระอาทิตย์ตก ยังสวยสุดๆ



ส่วนที่พักเราจะอยู่ฝั่งทิศตะวันออก ก็ควรตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นใช่มั้ยล่ะคะ

ป้าเป็นคนที่ชอบตื่นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นมากๆ (เฉพาะเวลาไปเที่ยวนะ) คือ ไม่ว่าจะไปกะเพื่อนกะแฟน ใครไม่ตื่นเราตื่นค่ะ

เพราะภาพที่เห็นแทบไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย



เช้าวันแรก ป้าลองเดินไปจนสุดวิลล่ากลางน้ำดู แล้วก็ได้ภาพแสงอาทิตย์กับน้ำทะเลใสๆ ผสมกันได้อย่างลงตัวสุดๆ



เช้าวันสุดท้าย ป้าก็ลองเปลี่ยนเดินเล่นไปทางวิลล่ากลางน้ำอีกฝั่งนึง

แล้วก็ได้เจอเจ้านกนี่ จริงๆเจอกันตั้งแต่ตอนค่ำ แต่เช้านี้นางก็ยังอยู่

Early birds get the fish แต่น่าจะไม่มีใครแย่งนางนะ เห็นอยู่ตัวเดียว

นี่ก็เป็น สปาของที่นี่ อยู่ติดกับวิลล่ากลางน้ำอีกฝั่งนึง



ห้องพัก แบบ Beach Front จริงๆ ป้าก็ว่าดีนะ มองไปเห็นชายหาด และทะเลอันแสนกว้างใหญ่

หลังพระอาทิตย์ขึ้นแป๊บๆ นี่แดดมาแรงเลย

มัลดีฟส์นอกจากน้ำที่ใสแล้ว ความสมบูรณ์ทางทะเลก็ยังค่อนข้างสูง

แค่เราอยู่ที่รีสอร์ท ก็ได้ฟินๆกับปลาทะเลมากมาย Baby Shark ก็มีนะ ปลากระเบนก็เจอ

สองรูปร่าง นี่ป้าเจอจากไป snorkeling ที่ Water Villa อีกฝั่งนึง ฝั่งนั้นจะยังมีกลุ่มประการังอยู่ ปลาก็เลยเยอะกว่า

แต่ใครจะไปคิดว่าจะเจอปลาขนาดนี้

นอกจาก snorkeling ที่รีสอร์ท เค้าก็มีพาไปดำน้ำด้วยนะ ตอนที่เราไปดำ เจอเต่าทะเล 1 ตัวด้วย ฟินอีกละ

ว่างๆ เราก็ลอยเล่นกลางทะเลกันค่ะ แพยางนี่พกจากเมืองไทยไปเลย

ที่ Meeru อยู่ครบสองคืน เค้าจะมี แชมเปญมาเสริฟท์ให้ที่ห้องช่วงค่ำ

ถ้ามาเที่ยวมัลดีฟส์แนะนำให้พกหน้ากากดำน้ำมาเองนะคะ เพราะถ้าอย่างที่ Meeru ก็ต้องเช่าเอา น่าจะ 10$ ได้ ซื้อที่เมืองไทยได้เลย

ขอแนะนำหน้ากาก แบบ Full Face Mask ป้าชอบมาก เดิมเวลา snorkeling ชอบมีปัญหาเวลางาบ น้ำเข้าเรื่อย เมื่อยปากด้วย

แบบนี้ชิวๆ หายใจสบายดี แต่ข้อเสียคือ หากอยากจะดำลงไปใต้น้ำเลย น้ำมันจิเข้าย้อน ไม่สมควร

และแล้วก็ถึงเวลาย้ายเกาะของเราแล้ว

หลังจากครบ 3 วัน 2 คืน ที่รีสอร์ทหรู เราก็จะไปต่อกันที่เกาะโลคอลนะคะ



ตอกย้ำความใสของน้ำทะเลที่นี่อีกครั้ง

เราต้องนั่ง Speed Boat ของ Meeru กลับไปที่เกาะสนามบินก่อน

แล้วก็นั่ง Speed Boat ที่ติดต่อไว้ ไปที่เกาะ Maafushi ค่า Speed Boat อยู่ที่คนละ 20$/คน/เที่ยว

จริงๆเค้าว่ามี หนทางที่ถูกกว่านี้ แต่ดูจะลำบากมากๆ คือ นั่งเรือจากเกาะสนามบิน ไปที่เกาะ Male แล้วค่อยต่อเรือที่จะไปยัง Maafushi ซึ่งราคาเพียงแค่ 2$ เท่านั้น แต่รอบเรือก็จะน้อยๆมากๆด้วยสิ เหมือนจะมีตั้งแต่เช้าตรู่ ป้าก็เลยต้องขอบาย



แต่แม้ว่าจะนั่ง Speed boat คนขับก็บอกว่าขอแวะที่มาเล่ก่อน สรุปว่า แวะรับคน และขนอาหาร พร้อมก๊าซหุงต้ม ไปยังเกาะ Local ด้วย

นั่งเรือมาจากมาเล่ไม่นานเราก็ถึงที่หมาย

เกาะ Maafuushi เกาะนี้เป็นหนึ่งในเกาะที่คนมัลดีฟส์อาศัยอยู่กัน..เกาะนี้ลงมาทางตอนใต้จากเกาะสนามบินประมาณ 20นาที ด้วยเรือ speed boat



ข้อควรรู้

🔹️เกาะนี้ถือว่าใหญ่แล้ว แต่ส่วนที่ยาวสุดของเกาะก็แค่ประมาณ 1.2 กม.+ สามารถเดินทั่วเกาะได้ในหนึ่งชั่วโมง

🔹️มีประชากรประมาณ 3,000 คน

🔹️เนื่องจากคนมัลดีฟส์เป็นมุสลิม จึงมีกฎเรื่องการแต่งกายที่เข้มงวดนึดนึง

🚫no bikini or short swimming wear in local area

แต่เค้าจะมีชายหาดที่ให้นักท่องเที่ยวใส่ทูพีชได้ตามสบาย ชื่อ BIKINI BEACH 👙🏖🏝

🔹️การใช้เงินที่นี่ สามารถจ่ายเป็นเงิน USD หรือ MVR (เงินlocal) หรือจะรูดบัตรไปเลยก็ได้

🔹️ช่วงนี้ (เดือน พ.ค.) อยู่ในช่วงเดือน Ramadon (รอมฎอน) คนที่นี่เค้าก็จะไม่กินข้าวช่วงพระอาทิตย์ขึ้น แต่พวกเรานักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัวอดตายนะ ร้านอาหารเค้ายังเปิด แต่ห้ามนั่งกินข้างนอก ตอนเจอเหคุการณ์นี้ที่ร้านแรกคุยกันไม่เข้าใจ ก็งงๆแอบโมโห เพราะนั่งรับลมทะเลอยู่ข้างนอก บอกว่านั่งไม่ได้ๆ เอ๊ะ เราก็ไม่รู้เหตุผล ที่ก็ว่างทั้งร้าน จนอีกวันเจอคนที่คุยอังกฤษเก่งๆเค้าค่อยอธิบาย เราก็เลยถึงบางอ้อ



เมื่อเรือมาถึงท่า แต่ละโรงแรมก็จะมารับแขกของตน ถ้าระยะทางไม่ไกลก็มีรถเข็นมารับกระเป๋า ไกลหน่อยหรือแขกเยอะก็จะเป็นรถน้อยๆแบบนี้

ส่วนคนน่ะเหรอ เดินไปนะคะ เพราะเกาะนี้มันเล็กนิดเดียว

ถ้าไม่ได้นัดโรงแรมไว้ก็อาจจิต้องลากกระเป๋าไปกันเอง

การสัญจรที่นี่ส่วนใหญ่ เค้าก็แว๊นมอเตอร์ไซค์กัน

เดินสำรวจเกาะกันซะหน่อย

คนมัลดีฟส์ ก็จะผิวสีเข้มๆกันหน่อย ดูเหมือนจะดุ แต่จริงๆแล้วใจดี

มีแมวเหมียว อยู่ทั่วไปบนเกาะ

ชายหาดที่นี่จะแยกเป็นหาดสำหรับนักท่องเที่ยว กับหาดคนท้องถิ่น จริงๆ นักท่องเที่ยวก็ไปหาดทั่วไปได้นะ แค่ต้องแต่งกายมิดชิดหน่อย

ที่พัก นี่แนะนำให้หาใกล้ๆ bikini beach หรือ เอาแบบเห็นวิวทะเลก็ดีนะ จะได้รับกลิ่นไอทะเลกันหน่อย

ที่ Bikini Beach ช่วงกลางวันนี่สามารถเดินไปกลางทะเลได้ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว เพราะน้ำลงต่ำมาก แต่เดินไปอีกแค่นิดเดียว ก็ snorkeling ได้ฟินระดับนึงเลยนะ แล้วที่มองไปเห็น้ำเข้มๆโน่น ก็กลายเป็นน้ำลีกไปในทันที แอบน่ากลัวหน่อยๆด้วย ขนาดใส่ชูชีพไปยังไม่กล้า



นี่มัน Maldives Swing คล้ายๆ กะบาหลีสวิงป่ะ

ชอบบ้านเรือนของคนที่นี่ สีสันสวยงาม หรือไม่ก็ต้องมีเพ้นท์อะไร

นอกจากนี้ ป้าอ่ะติดใจ เก้าอี้ชายหาดของที่นี่มากๆ เรียบง่าย นั่งสบาย

แล้วเค้ายังนิยมมาตั้งไว้หน้าบ้านอีกด้วย พร้อมกับปลูกผักสวนครัวใส่กระถางกันที่หน้าบ้านนี่แหละค่ะ



จะเห็นว่าแดดที่นี่ ดีไม่แพ้เมืองไทย

ชิงช้าก็เช่นกัน

เดินแป๊บๆ ก็ทั่วเกาะแล้ว

ที่เกาะนี้มี กิจกรรมทางน้ำให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะไป snorkeling ดำน้ำกับปลาฉลาม ปลากระเบน ฉลามวาฬ หรือจะไปทัวร์รีสอร์ทหรูก็มี

หรือจะเล่นกิจกรรม Water Sport ก็มีหลากหลาน ไม่ว่าจะ Jet Ski, Kayak, Parasailing เป็นต้น

บนเกาะนี้มี Minimart อยู่ทั่วเลย ไม่ต้องกลัวไม่มีขนมกินกันนะ

หรือใครอยากกินปลาสดๆ ก็จัดกันไป เอ่อ...จะไปทำไรกินล่ะ

Fish Market ไม่ต้องมีนะ วางกันจะจะข้างทางไปเลย

นี่น่าจะเป็นภาพที่หลายๆคนคงไม่คิดว่าจะเจอที่มัลดีฟส์ ป้าก็ไม่คิดเช่นกัน

นี่เป็นภาพชายฝั่งอีกด้านนึงของเกาะ ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว พบว่ามีขยะติดอยู่เต็มชายหาด น่าจะยาวสัก 200-300 เมตร

มองไปไกลๆโน่น ก็เห็นเหมือนมี Landfill

ก็ได้แต่หวังว่า เค้าน่าจะมีการพัฒนาปรับปรุงระบบการจัดการขยะที่ดีขึ้น



ระหว่างที่ไป Half Day Trip ป้าก็เห็นมีขยะ ลอยอยู่กลางทะเลบางส่วน ก็เป็นห่วงสัตว์ทะเลของที่นี่ และธรรมชาติที่จะเสื่อมสภาพไป

แต่เดินต่อมาอีกไม่ไกล ความงดงามของชายหาดที่นี่ก็สวยเหมือนเดิม



ช่วงเย็นจะเป็นเวลาที่ทั้งชาวบ้าน และนักท่องเที่ยว ออกมาชมความงามของพระอาทิตย์ตก

ระหว่างที่อยู่เกาะ Maafushi ป้าก็ไป Half Day Tour มา ติดต่อผ่านโรงแรมเรานี่แหละ

สรุปว่า ไป Join กับของ Kaani Hotel (หรือ KaaniExcursion) เค้าคิดค่าทัวร์ 25$ รวมอาหารกลางวัน และน้ำ (น้ำนี่ให้มากกว่า 1 นะ มีทั้งน้ำเปล่า และน้ำอัดลม แถมแอปเปิ้ลให้อีกคนละลูก)

Half Day ที่นี่ แทบจะเหมือน Full Day เมืองไทย เพราะออกสิบโมง กลับมาบ่ายสาม

แวะดำน้ำสองจุด แล้วก็แวะไปถ่ายรูปกันที่ Sand Bank หรือ สันทรายกลางทะเลอีกหนึ่งจุด

ซึ่งระหว่างทริปจะมีคนดูแล 4-5 คน และทุกคนมีกล้องโกโปร หรือมือถือ ไว้ค่อยถ่ายรูปให้ทุกคน

ตอนแรกป้าก็นึกว่า สุดท้ายต้องมานั่งซื้อรูปมั้ย ปรากฎไม่จ้า จัดกันไปเลยเต็มๆเป็นร้อยรูป ทั้งภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ



ป้าว่า คุ้มมากกกกกกกก ก.ไก่ ล้านตัว คือ แค่ค่าอาหารที่กินเข้าไป ถ้ากินบนเกาะก็ปาไป 10$ ได้แล้วอ่ะ

แถมมาดูกันว่า พวกเราเจออะไรมั่ง



คือ ฟินขั้นสุดค่ะ

จบแล้วจร้าาา รีวิวที่เน้นรูปอย่างเยอะ

ก็ไปมัลดีฟส์นี่เนอะ จะมีอะไรไปกว่า การถ่ายรูป

นี่ของป้าน่าจะน้อยละ เพราะ snorkeling ทุกวัน ก็มันเพลินนินะ บางทีว่ายตามปลาไป โผล่อีกที โน้น..เกือบวิลล่าสุดท้าย



ปล. ป้าไปเที่ยวช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้นะจ๊ะ เข้าหน้า low season แล้ว มีฝนตกคืนวันที่ 3 ที่ 4 แป๊บๆ ส่วนกลางวัน แดดยังดี น้ำก็ยังใสมากๆค่ะ



สุดท้ายนี้ขอฝากให้ทุกคนที่ไปเที่ยว ไม่ว่าจะทะเลไทย หรือทะเลไหนๆ ช่วยกันเก็บขยะของเราไปทิ้งให้ถูกที่ด้วยนะคะ

อย่าให้อาหารปลา หรือเหยียบยืนบนประการังนะคะ เพื่อที่ว่า เราจะได้มีธรรมชาติที่งดงามแบบนี้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ชื่นชมกันต่อไป



ใครชื่นชอบป้า ฝากติดตามที่เพจ https://www.facebook.com/AuntieJourneyJournal

หรือ รวมภาพสวยใน IG manieme นะคะ

ดูสิรอบหน้า ป้าจิไปแว๊นที่ไหน ........

Mai Manisa

 วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.30 น.

ความคิดเห็น