ทริปต่อเนื่องจาก พม่าแบบไร้แผน Pyin Oo Lwin - Hsipaw https://th.readme.me/p/26139 หลังจากโดนรถเหวี่ยงไปมาจนมาเช้าที่ Nyaung Shwe เมืองนี้เป็นที่ตั้งของทะเลสาบอินเล มาถึงเสียค่าเข้าเมือง 10$


จากท่ารถไปที่พักด้วย Skylab เราพักที่ Lady Princess Hotel คืนละ 14$ รวมจักรยานฟรีให้ปั่นเล่นได้ ห้องสะอาดดี เราได้ห้องสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่มันเป็นห้องแรกติดเคาน์เตอร์ลอปปี้เลย


เก็บกระเป๋าเสร็จก็เลือกจักรยานปั่นไปท่าเรือ เราคงเหมาเรือเที่ยววันนี้เลย ก่อนลงเรือมาทำความรู้จักทะเลสาบอินเลกันสักนิด

ทะเลสาบอินเล หรือไทใหญ่เรียกว่า หนองอางเลเป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่ในบริเวณภูเขาฉานในรัฐฉาน ห่างจากเมืองตองจีประมาณ 25 กิโลเมตร ในประเทศพม่า เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของพม่ามีพื้นที่ประมาณ 116 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,900 ฟุต (880 เมตร) ในช่วงฤดูแล้งความลึกของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 เมตร โดยมีจุดที่ลึกที่สุดคือ 3.7 เมตร แต่ในช่วงฤดูฝนสามารถเพิ่มขึ้นได้กว่า 1.5 เมตร

ปั่นมาเจอคิวเรือแล้วติดต่อพี่เจ้าของเรือบอกแกจะไปเส้นทางระยะไกล และกลับตอนหลังดูอาทิตย์ตก แกโอเค ค่าเหมาเรือ 17,000 Ks. (ระยะใกล้ 15,000 Ks.) ระหว่างรอคนขับเรือก็ขอเก็บภาพและฝากจักรยานก่อน


เรือออกเขาพาเราไปจุดไกลสุดก่อนเลย ระหว่างทางก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ งดงามจริงๆ เข้าใจเลยว่าช่างภาพทั่วโลกมาที่นี่ก็เพื่อถ่ายรูปแบบนี้กัน






ระหว่างทางก็แวะร้านทำเครื่องเงิน เงินที่นี่ 99% อ่อนนุ่มไม่เป็นรูปแข็งแบบที่เราคุ้นเคย (บ้านเรา 92.5%) เราไม่โดนบังคับซื้อของนะ พอดีอยากได้กำไลเงินก็เลยอุดหนุน


มาทันตลาดเช้า ตลาดยังไม่วาย ตลาดใกล้ Shwe Indein Pagoda สนุกมาก อิ่มกับปาท่องโก๋ตัวใหญ่ พร้อมชานมร้อน 800 Ks.


อิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาลุยทุ่งเจดีย์โบราณ Shwe Indein Pagoda อายุกว่า 1,200 ปี เก่าแก่มากจริงๆ ทุกอย่างดิบๆ ทั้งทางเดินและบริเวณโดยรอบ เสียค่ากล้องทุกชนิดรวมทั้งกล้องมือถือ 500 Ks.


บริเวณตัววัด Shwe Indein Pagoda มีความผสมผสานของโบราณกับของใหม่ งดงามดี




เดินย้อนกลับทางเดิมไปที่จุดจอดเรือ ที่นี่เป็นร้านอาหารด้วย เราเลยกินมื้อเที่ยงที่นี่เลย ถือว่าเป็นค่าจอดเรือ เยอะมาก จานนี้ 2,500 Ks.


จุดต่อไปที่คนเรือจะพาไปคือวัดพระบัวเข็ม (ชื่อที่คนไทยรู้จัก) Hpaung Daw U Pagoda ที่นี่คนเยอะหน่อย ตรงจุดปิดทองพระบัวเข็มขึ้นได้เฉพาะผู้ชาย มีทองมาฝากให้ปิดเยอะเลย ปิดกันจนพระบัวเข็มกลมไปหมดแล้ว


ปิดทองของตัวเองและที่คนอื่นฝากเสร็จก็ออกมาสำรวจรอบๆ วัดบ้าง


ข้ามสะพานไปอู่จอดเรือการะเวก เป็นเรือที่ใช้ในงานประจำปีของวัด แห่พระในทะเลสาบอินเล


จุดต่อมาก็มาโรงงานทำผ้าใยบัว ที่นี่มีให้ชมทุกขั้นตอน เดินชมได้เลย และมีจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าใยบัว ไหม ฝ้าย และผ้าสังเคราะห์ ราคาก็ตามคุณภาพ ใยบัวล้วนก็แพงหน่อย ผสมไหมก็ลดลง ผสมฝ้ายราคาพอรับได้ (เราได้โสร่งผ้าใยบัวผสมฝ้ายมา 1 ผืน) ส่วนผ้าสังเคราะห์ไปซื้อตามตลาดเถอะถูกกว่า เขาไม่ได้บังคับซื้อนะ แค่เห็นแล้วอยากได้มาใส่เก๋ๆ สักตัว


พาเรามาแวะโรงงานทำบุหรี่พม่า ใบยาเส้นหอมมาก ยิ่งเขาจุดสูบยิ่งหอม จะให้เราลองสูบ แต่เราเลิกบุหรี่นานมากแล้วก็เลยปฏิเสธ เราไม่ได้ซื้ออะไรที่นี่ แต่ทุกคนน่ารักมาก ต้อนรับดีมาก



ออกมาผ่านฟาร์มปลูกพืชผักโดยใช้วัชพืชมาสร้างเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ ของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอี้นต้า (Intha) ชนเผ่านี้อาศัยอยู่รอบทะเลสาบอี้นเล่มานานนับร้อยปี


ล่องเรือต่อมาเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงวัด Nga Hpa Chaung วัดนี้สวยมาก อาคารไม้ทั้งหลัง พระพุทธรูปเก่าๆ เยอะเลย อาคารก็มีฉลุลายสวย หลงรักวัดนี้มากๆ



มุมโปรดของเราที่วัด Nga Hpa Chaung


ขากลับก่อนไปอาคารกลางน้ำ ก็ยังคงเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ตลอดเส้นทาง หลายคนบอกเขารอให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและเก็บเงิน แต่เราไม่ได้เสียเงินเลย ถ่ายฟรีตลอดทริป


มารอชมอาทิตย์ตกที่อาคารกลางน้ำ คนเรือก็นั่งก๊งเบียร์กัน เราแพ้เบียร์เลยไม่ได้ชิม ตลอด 1 ชั่วโมงฟ้าปิดตลอด คนขับเรือเลยชวนกลับเพราะคงไม่ได้เห็นแล้ว



กลับมาถึงฝั่ง เราจ่ายค่าเรือ 17,000 Ks. ไม่ได้ให้พิเศษเพราะจ่ายค่าเบียร์ให้แล้วทั้งวง ปั่นจักรยานมาเจอวัดแถวท่าเรือก็แวะสักนิด



ก่อนฟ้ามืดก็กินมื้อเย็นง่ายๆ ข้างวัดนี่เลย นั่งกินท่ามกลางคนท้องถิ่น สนุกไปอีกแบบ ชามนี้ 1,000 Ks. น้ำชาฟรี


เช้ารุ่งขึ้นตื่นมาด้วยสภาพอยากนอนต่อมาก อากาศเย็นสบายมาก อาหารเช้าที่นี่เป็นชุดไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปัง น้ำผลไม้ กาแฟ และกล้วยเขียว เราคืนกล้วยไปบอกเราไม่กิน แล้วเขาก็ไปเอามะม่วงกับมีดมาให้ บอกเลยเป็นมื้อเช้าที่เลอะเทอะมาก มีดไม่คมปลอกมะม่วงไม่ได้ สุดท้ายกว่าจะได้กินเละไปแล้ว


อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้องอาบน้ำ เก็บกระเป๋า check out พร้อมฝากกระเป๋าไว้ ที่นี่มีห้องเก็บกระเป๋าถือว่าดีเลย ถึงเวลาปั่นจักรยานสำรวจเมืองแห่งทะเลสาบนี้กัน ออกมาก็ตลาดวายแล้ว มีให้เห็นแค่นิดหน่อย มะเขือเทศที่ปลูกบนเกาะวัชพืชเมื่อวาน ผลผลิตเยอะมากนะ

ปั่นไปตามเส้นทางเรื่อยๆ มาเจอวัด Shwe Gu Kyaung ที่นี่มีเณรมาศึกษาธรรมะและเรียนหนังสือเยอะ วัดเงียบสงบดี


ปั่นเลาะไปตามทุ่งนา ไปตามอารมณ์โดยแท้


เห็นพระพุทธรูปนั่งกลางแจ้งเหมือนเมื่อวานตอนนั่งเรือแล้ว ปั่นไปตามทางเพื่อไปวัด Kyauk Phyu Gyi Pagoda


ปั่นย้อนมานิดจะเจออู่จอดเรือของวัด Kyauk Phyu Gyi Pagoda บริเวณนี้เป็นกุฏิหรือที่พักพระสงฆ์ด้วย


ปั่นเลาะตามทุ่งนามาเรื่อยๆ ก็มาเจอเขากำลังเคาะขนมครกอยู่ไม่รู้ทำกินเองหรือขาย แต่เราก็หยิบเงินให้เขาหยิบขนมครกให้ อยากชิม 500 Ks. คล้ายบ้านเรา ออกมันด้วยน้ำมันที่แทบจะเทใส่หลุมแล้ว โดยรวมโอเคเลย คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่อดนะ


ปั่นไปต่อก็จะเจอเจดีย์เก่าๆ ริมทุ่งนาตลอดทางเลย


อย่าถามทิศเราว่าปั่นไปทางไหน ทริปนี้มาพร้อมหลงเต็มที่ ถึงจะมาพม่า 3 ครั้งก็ยังคงหลงทางทุกครั้ง ปั่นสุ่มเส้นทางไปเรื่อยๆ มาเจอวัดที่ซ่อนตัวอยู่กลางหมู่บ้าน ไม่รู้ชื่อวัดอีกตามเคย


ปั่นมาอีกนิดก็เจออันนี้ คืออะไรก็ไม่รู้


ปั่นมาได้ครึ่งวัน เราแวะกินข้าวข้างทาง ร้านง่ายๆ ราคาอาหารจานเดียว 1,000 Ks. น้ำดื่มฟรี พร้อมสำรวจแขนกันสักนิด แดดดีจนได้สีผิวที่ชอบ


อิ่มแล้วก็ไปตามทิศทางที่คิดว่าใช่ ไม่น่าหลงทางจนมาเจออีกวัดที่ต้องข้ามสะพานไป ไม่รู้ชื่อวัดอีกตามเคย


ปั่นจักรยานมาอีกนิดก็เจออีกวัด ไม่รู้ชื่อเหมือนเคย


ไปข้ามสะพานผ่านหมู่บ้าน ผ่านทุ่งนา หลงไปหลงมาจนมาถึง Ywa Thit Gyi หลวงพ่อท่านดูเลเราดีมาก น้ำ ขนม เล่าหลายเรื่องที่เกี่ยวกับไทย ท่านใช้จีวรของไทย ขนมหลายอย่างก็มาจากไทย ชั่วโมงกว่าๆ ที่ท่านเปิดกรุของเก่าให้ดู เป็นปลื้มมาก เรายังติดค้างรูปที่ถ่ายที่วัด ท่านขอให้ล้างแล้วส่งไปให้


หลังจากพูดคุยทำบุญกับพระที่ Ywa Thit Gyi เราก็ปั่นต่อมาเจออีกวัด เลยมาอีกทุ่งไม่ไกลกัน (ไม่รู้ชื่อวัดอีกตามเคย)


ปั่นต่อมาก็สวนกับคนพื้นที่ที่เขาเพิ่งกลับจากนา


ไปกันต่อใกล้หมดเวลาซนที่นี่แล้ว ปั่นหลงไปหลงมาจนมาเจอสะพานใหญ่เมื่อวานนี้ ไม่หลงทางแล้ว


ปั่นเลยสะพานไปอีกนิดจะเป็นรีสอร์ทที่สวยเลยนะ ไปสุดทางด้านหลังจะเห็นแค่นี้ ตรงกลางจะเป็นทางเดินไปบ้านพักเป็นหลังมีบึงบัวล้อมรอบ


ปั่นข้ามสะพานหาร้านกาแฟจิบกาแฟยามบ่ายสักนิด ได้ของแถมที่ตั้งใจสั่งเป็นแพนเค้กโฮมเมดมะม่วง อร่อยดี อิ่มกำลังดีในราคา 3,000 Ks.


ปั่นจักรยานกลับที่พัก ขออาบน้ำ นั่งรอรถมารับไปส่งท่ารถ เรานั่งรถกลับย่างกุ้งคืนนี้ จะว่ากลับก็ไม่ได้ขามาลงมัณฑะเลย์ ระหว่างรอรถต้องขอบคุณทุกคนที่ท่ารถมาก ถามไถ่เราดูตั๋วเรา บอกคันที่ใช่แล้วพาเราไปส่งขึ้นรถ


ตลอดเส้นทางเข้าย่างกุ้งหลับสบายมาก พี่คนที่นั่งข้างๆเขาบอกไม่ต้องกังวลเดี๋ยวปลุก ส่วนสุดท้ายจะเป็นเมือง Bago หรือหงสาวดีที่เราหลงทางนั่งรถเลยมา 2 ครั้งแล้ว


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่:

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว



Prapat Chaturachat

ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 05.35 น.

ความคิดเห็น