‘นครดูไบ’

เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามขจรขจายมานานว่านครแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยความรุ่มรวย หรูหรา เวอร์วังอลังการ
ว่ากันว่าเป็นเพราะชีค เจ้าผู้ครองรัฐแห่งนี้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันขนาดใหญ่

แต่อ่านดูข้อมูลแล้ว ในความเป็นจริง ดินแดนแห่งนี้เป็นเมืองการค้าชายทะเล การประมง และการทำฟาร์มไข่มุก มาแต่ครั้งอดีต
ก่อนจะเจริญรุ่งเรืองฟู่ฟ่าสุดๆ ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมานี้ผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
ตึกสูงที่สุดในโลก เกาะรูปต้นปาล์ม โรงแรมทองคำ ฯลฯ ล้วนตั้งก็อยู่ที่นี่ทั้งสิ้น
แหล่งธุรกิจค้าทองคำหลักของโลกก็อยู่ที่นี่อีก
ธุรกิจการท่องเที่ยวก็เริ่มเฟื่องฟูในช่วงหลายสิบปีมานี้เช่นเดียวกัน
บลาๆๆๆๆๆๆ
อืมๆๆๆ ชีวิตปังๆ ข่าวดังๆ มีให้ได้ยินบ่อยๆ แบบนี้จะมีที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่ที่ ‘ดูไบ’

อ่านมาเสียขนาดนี้ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูท่าจะไม่ใช่เป็นเพียงเมืองทางผ่านให้เราไปแค่เปลี่ยนเครื่องซะแล้ว
มีโอกาสแล้วก็ลองไปเที่ยวดูสักหน่อยแล้วกัน

นั่งอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวดูไบพบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของนครดูไบไม่ธรรมดาอย่างที่เราคาดคิด
เพราะจุดขายของเขาไม่ใด้มีแค่เพียงอาคารสูงๆ สวยๆ หะรูหะราอย่างที่เราได้ยินบ่อยๆ เท่านั้น
แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่างตลาดโบราณหรือมัสยิด
รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง 'ทะเลทราย'

ใช่... ทะเลทราย ฟังดูน่าสนใจมาก

แล้วเราจะไปเที่ยวทะเลทรายกันได้อย่างไร?
นั่งค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า มีบริษัทนำเที่ยวเยอะแยะมากมายให้บริการนำเที่ยวหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ทั้งไปเที่ยวระยะสั้นๆ แค่ตอนเย็น หรือพักค้างคืนในกระท่อมแบบชาวบ้านพื้นเมือง

พินิจพิเคราะห์แล้ว เราไปเที่ยวเขตสงวนอนุรักษ์ทะเลทรายดูไบ (Dubai Desert Conservation Reserve) ด้วยทัวร์ซาฟารีทะเลทราย (Night Desert Safari Tour) กันดีกว่า
จองง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ ระบุชื่อผู้จอง จำนวน วัน/เดือน/ปี และสถานที่นัดหมายให้รถมารับ
จากนั้น บริษัทนำเที่ยวจะส่งอีเมล์มายืนยัน
เพียงเท่านี้ เราก็รอราชรถมาเกยได้เลย
ส่วนการชำระเงิน เราสามารถรอชำระด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตกับโชเฟอร์ (ซึ่งมีใบอนุญาตขับขี่ที่สามารถทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยวทะเลทรายได้อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย) ในวันที่เราไปเที่ยวได้เลย

ราวบ่ายสี่โมงครึ่งของวันนัดหมาย รถก็มารับตามนัดหมาย
รถนำเที่ยวที่จะพาเราไปทัวร์ซาฟารีทะเลทราย (Night Desert Safari Tour) ที่เขตสงวนอนุรักษ์ทะเลทรายดูไบ (Dubai Desert Conservation Reserve) ในวันนี้เป็นรถจี๊บ 4-WD พร้อมลุยทุกสมรภูมิ
ลืมบอกไปว่าทัวร์แบบนี้ เราสามารถจองแบบส่วนตัวเหมาทั้งคัน หรือร่วมคณะไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ รวมทั้งคันนั่งได้ไม่เกิน 7 ที่นั่งด้วยนะ

"กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง" พี่โชเฟอร์ให้ข้อมูล คำแนะนำ และเตือนเราหลังจากก้าวขึ้นรถนั่งประจำที่
ภายในรถมีการเสริมเหล็กเป็นท่อนหนาๆ กลมๆ ทั่วห้องโดยสาร
ดูจากร่องรอยแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสมบุกสมบันใช้ได้
อ้อ... มีบริการน้ำดื่มและน้ำผลไม้เย็นๆ บนรถตลอดการเดินทางด้วยนะ

หลังจากขึ้นรถ รถแล่นบนถนนชีค ซาเยด ไปสักพัก โชเฟอร์ก็พาเราบ่ายหน้าออกจากทางหลวงสายหลักมุ่งหน้าลงใต้
ไม่กี่อึดใจ ทะเลทรายเวิ้งว้างก็แลเห็นแผ่ปกคลุมสุดสายตา
คืบก็ทะเลทราย ศอกก็ทะเลทราย คำนี้กล่าวไม่เกินจริงแต่อย่างใด
เลี้ยวซ้ายวนขวา ใช้เวลาไปราวชั่วโมงเศษราชรถก็พาเรามาถึงจุดแวะพัก

ที่จุดแวะพัก นอกจากจะมีห้องน้ำห้องท่าและร้านขายของที่ระลึกไว้คอยบริการ
ยังมีอูฐตัวเป็นๆ ให้เราแวะทักทายถ่ายรูป
รวมทั้งยังมีรถ ATV ให้สายแอดเวนเจอร์เช่าขับตะลุยทะเลทรายด้วย

อ๊ะๆๆๆ แต่เดี๋ยวก่อนนนน... ไม่ต้องรีบร้อน
อยากตะลุยทะเลทรายก็นั่งพักใจร่มๆ ไปก่อนก็ได้
เพราะไม่เกินครึ่งชั่วโมง โชเฟอร์ก็จะพาเราไปตะลุยเนินทรายในทะเลทราย (Desert Dune) กัน

"เบาๆ หรือโหดๆ ดีครับพี่น้อง"
พี่โชเฟอร์ไถ่ถามก่อนออกตัวรถจี๊ปคู่ใจพาเราไปพลิกคว่ำคะมำหงายบนเนินทรายลูกแล้วลูกเล่า

นะ... นี่... นี่...
คะ... คือ...
บะ... บะ... เบา...
ละ... แล้ว...
ชะ... ชะ... ใช่...
มะ... มั้ย???

หะๆๆๆ ห้วงๆๆๆ ความๆๆๆ คิดๆๆๆ ที่พอจะจำได้ระหว่างที่รถเหวี่ยงหมุนไปหมุนมา

พะอืดพะอม คือ ความรู้สึกที่จำได้ดีที่สุด

ยาดมยาหม่อง คือ สิ่งที่ถวิลหาอยากได้ที่สุดในเวลานั้น

ก่อนที่จะมีใครในรถอ็อกๆ ออกมาจริงๆ พี่โชเฟอร์ก็พาเรามาหยุดจอดบนยอดเนินทรายลูกหนึ่ง

ทะเลทรายมองดูกว้างไกลไร้ขอบเขต
ลมทะเลทรายพัดมาไปไม่ขาดสาย
ทรายเนื้อละเอียดร่วนปลิวแลเห็นเป็นสาย
พระอาทิตย์เริ่มหย่อนคล้อยลงต่ำใกล้ลาลับขอบฟ้า

ถ้าไม่คำนึงถึงอากาศที่ร้อนระอุพอให้เหงื่อไหลไคลย้อยท่วมตัว บรรยากาศแบบนี้ช่างตราตรึง ชวนให้ลืมหายใจและหยุดแวะถ่ายรูปได้ตราบนานเท่านาน

ได้หยุดแวะพักจนสาแก่ใจ พี่โชเฟอร์จึงพาเราบึ่งกลับมาที่จุดแวะพักอีกครั้ง
ห้องน้ำห้องท่าและร้านขายของที่ระลึกยังคงเปิดคอยให้เราเข้าไปใช้บริการ
แต่น้ำดื่มและน้ำหวาน คือ สิ่งสำคัญที่สุดในสภาวะที่เราคอแห้งผากจากการเสียน้ำท่ามกลางทะเลทราย
เห็นแบบนี้แล้วอดชื่นชมคนพื้นเมืองที่นี่ไม่ได้ที่สามารถทรหดอดทนใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สุดแสนจะสุดขั้วแบบนี้ได้

หลังจากได้พักสักครู่ พี่โชเฟอร์ก็นำเราโลดแล่นออกสู่ถนนราดยางอีกครั้ง
ลัดเลาะซ้ายขวาจนพระอาทิตย์ตกเกือบพ้นขอบฟ้า จึงวกเลี้ยวกลับเข้าสู่ผืนทรายเวิ้งว้างอีกครั้ง
ทะเลทรายทำให้เราเหนื่อยล้าจนเริ่มจะเคลิ้มๆ
และแล้วป้ายชื่อ Rayna Desert Camp ก็ปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า

อ้าว... เราถึงแล้วหรือนี่...

Rayna Desert Camp เป็นค่ายพักแรมกลางทะเลทราย ตัวค่ายโอบล้อมด้วยกำแพงที่สร้างจากไม้แห้ง

บริเวณด้านนอกค่าย ถัดจากจุดที่รถจี๊บจอดเรียงราย มีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสรสชาติวิถีคนทะเลทราย
ไม่ว่าจะเป็น การขี่อูฐ การขี่ม้า การชมนกเหยี่ยวแบบใกล้ชิดติดจอ รวมไปถึงการขี่รถ ATV

จังหวะการเดินของอูฐที่โยกๆ เยกๆ ซ้ายๆ ขวาๆ หน้าๆ หลังๆ คงเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เราคนไทยจะได้มีโอกาสสัมผัส
บอกได้เลยว่านี่คือกิจกรรมไฮไลท์ที่ใครก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เดินเข้ามาภายในค่าย
ร้านรวงให้เราได้ช็อปปิ้งยังคงมียั่วใจใครหลายคนอยู่เช่นเคย

เฮนน่า (แบบเบสิค) รวมอยู่ในค่าทัวร์ ใครใคร่เพนท์ก็ขอเรียนเชิญ
อยากได้ลวดลายวิลิศมาหราก็จ่ายเพิ่มตามค่าความยากดังปรากฏราคาในแคตตาล็อก

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ และชิชา ก็มีให้บริการเช่นกันนะ
ค่าบริการก็ไม่มากไม่มายอยู่ในระดับพอจ่ายได้เพื่อความบันเทิง

ส่วนเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอลล์ ทั้งน้ำดื่ม น้ำอัดลม ชาและกาแฟ นั้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ก็ดื่มวนไปเพื่อรอเวลาอาหารค่ำ และการแสดงระบำหน้าท้องอันลือเลื่อง

มองจากภายนอก รอบค่ายดูไม่กว้าง
แต่เมื่ออยู่ภายใน ค่ายคูดูใหญ่โตมาก
ที่นั่งก็มีพอสมควร เมื่อนักท่องเที่ยวมีแค่หลักร้อยต้นๆ ค่ายจึงยิ่งดูโปร่งๆ สบายๆ
อากาศยามโพล้เพล้ไม่ระอุ อุณหภูมิคลายความร้อนแรงลง ลมโชยๆ พัดมาพอนั่งได้อีกเคลิ้ม

ดื่มวนไปพักใหญ่ ของว่างนิรนามไม่ทราบชื่อที่เป็นของทอดๆ ก็ถูกแจกจ่ายให้เฮโลกันไปรับมาทาน
จากนั้น เมื่อฟ้าเริ่มมืดลง แสงไฟรอบค่ายเริ่มส่องสว่างไสว
การแสดงเรียกน้ำย่อยก็เริ่มต้นขึ้น

การแสดงเรียกน้ำย่อยมี 2 ชุด

ชุดที่ 1 แสดงโดยนักแสดงชาย ใส่ชุดพื้นเมืองลวดลายสีสันสดใส พร้อมอุปกรณ์เป็นพรหมผืนใหญ่
การแสดงเน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย ร่ายรำแบบดูไม่อ่อนช้อยมากนักถ้าเทียบกับการรำไทย โดยมากเน้นการใช้เท้า เต้นกระทบพื้นเป็นจังหวะแน่นๆ
ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดก็คือ การหมุนรอบตัวเองอย่างเร็วจี๋หลายนาที เห็นแล้วมึนปวดหัวแทน
บางช่วงของการแสดง ไฟส่องสว่างดับลง พร้อมกันกับที่ชุดของนักแสดงส่องแสงไฟประดับ
จังหวะที่หมุนรอบตัวเองพร้อมไฟประดับวิบวับวิ่งเป็นสายกลมๆ เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว

ชุดที่ 2 แสดงโดยนักแสดงชาย ใส่ชุดดำ พร้อมอุปกรณ์หลายรูปแบบ
การแสดงเน้นความแข็งแกร่งของร่างกายเช่นเคย แต่คราวนี้ปิดไฟส่องสว่างตลอดการแสดง เพราะเป็นโชว์เล่นกับไฟ
สวยงามดีพอตัว แต่การแสดงแบบนี้ในเมืองไทยมีเพียบ แถมอลังการกว่าแยะ เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าใดนัก

เมื่อไรที่การแสดงระบำหน้าท้องอันลือเลื่องจะมาถึงกันน้าาา


จบการแสดงเรียกน้ำย่อยทั้ง 2 ชุด ไฟส่องสว่างก็กลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง
แต่เป็นเวลาอาหารค่ำ ยังไม่ถึงเวลาของการแสดงระบำหน้าท้องอันลือเลื่องอยู่ดี

ไลน์อาหารต่อคิวกันแน่นเอี๊ยด นักท่องเที่ยวเริ่มหิวหัวโตกันแล้ว
อาหารมีทั้งคาวและหวานครบครัน
แต่เกือบทั้งหมดเป็นอาหารสไตล์อาหรับ
แกงทั้งหลายสีสันเจือผสมด้วยเครื่องเทศจัดๆ ได้กลิ่นกันแบบชัดๆ
ผักสลัดทั้งหลายเป็นแนวธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งกันให้มากมาย

นอกเต็นท์ไลน์อาหาร มีจุดให้บริการแป้ง Tandoor กับ BBQ แจกจ่ายอยู่
แป้ง Tandoor ก็คือ จาปาตีของอินเดีย ที่มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งไปนาบอบในโอ่ง
ส่วน BBQ เป็นอาหารเนื้อๆ เน้นๆ ชนิดเดียวของอาหารค่ำมื้อนี้

ทานอาหารค่ำไปสักระยะ การแสดงระบำหน้าท้องอันลือเลื่องก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนเปิดตัว นักแสดงยังใส่ชุดปกคลุมมิดชิดดูไม่เร้าใจ
การร่ายรำก็เน้นการกางแขนหมุนตัวเหวี่ยงแขวนสะบัดให้ผ้าคลุมปลิวพริ้ว
จากนั้นผ่านไประยะหนึ่ง นางระบำจึงสลัดผ้าคลุม โชว์ทรวดทรงองค์เอวเรียกเสียงฮือฮาดังกึกก้อง

เมื่อเปิดตัวอย่างเต็มที่ นางระบำก็เริ่มโชว์ลวดลายส่ายพุงอย่างพริ้วไหวตามเสียงดนตรี
แต่ยิ่งจังหวะเร่งเร้ามากขึ้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสะบัดเอวด้วยวงรอบที่ถี่ขึ้นเร็วขึ้นดุดันขึ้นเท่านั้น
บางครา นางก็เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวชายขึ้นไปร่วมสนุกส่ายเอว สร้างบรรยากาศสนุกสนานบันเทิงยิ่งนัก

ได้รับความบันเทิงเริงใจกันพอสมควร การแสดงระบำหน้าท้องอันลือเลื่องก็จบลง
ถ้าว่ากันตรงๆ ก็ถือว่าเป็นการแสดงที่ยาวพอสมควร ราว 20 นาทีเห็นจะได้
แม้จะว่าไปแล้วยังไม่หนำใจใครอีกหลายคนก็ตาม

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ได้เวลากลับที่พักกันแล้ว

ทัวร์ซาฟารีทะเลทราย (Night Desert Safari Tour) ในเขตสงวนอนุรักษ์ทะเลทรายดูไบ (Dubai Desert Conservation Reserve) เป็นทัวร์แบบสั้นๆ ใช้เวลารวมการเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 5-6 ชั่วโมง

เรียกได้ว่าเหนื่อยล้าพอประมาณไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
แต่ก็ได้เห็นแง่มุมทางวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นแบบจุใจกำลังดี

บอกได้เลยว่า 'นครดูไบ' สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ใช่เป็นเพียงเมืองทางผ่านให้เราไปแค่เปลี่ยนเครื่อง และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของที่นี่ไม่ธรรมดามีอะไรน่าสนใจให้ค้นหาจริงๆ

# # # # #

#VACAVACA #UAE #UnitedArabEmirates #Dubai #DayTour #DesertTour #DesertSafariTour
#สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ #ยูเออี #นครดูไบ #ทัวร์ทะเลทราย #ทัวร์ซาฟารีทะเลทราย

# # # # #

เรื่องเล่าจากการไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2019
ดูรายละเอียดข้อมูลทัวร์ซาฟารีทะเลทราย (Desert Safari Tour) หรือทัวร์ประเภทต่างๆ ได้ที่ https://www.arabian-adventures.com/

# # # # #

สำหรับผู้ที่กรุณาอ่านรีวิวของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาช่วยกดไลค์กดแชร์ เราต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือถูกใจในรีวิว มีข้อแนะนำหรือติชม รวมทั้งสนใจพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็ทักทายในกล่องข้อความด้านล่างรีวิวนี้หรือตามลิงค์ต่างๆ ด้านล่างได้เลย จักยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อ้อ ฝากติดตามผลงานภายใต้ชื่อ VACA VACA นามปากกาใหม่ของเราบน Readme.me ด้วยน้าาาา
https://th.readme.me/id/sk38129
ขอบคุณมากครับ/ค่ะ ^/i\^

# # # # #

http://www.iamsk38129.com/
https://www.facebook.com/FootballandThailandLovers
https://instagram.com/ftls_store/?ref
https://twitter.com/FTLs_Store
https://plus.google.com/103925332040178584760/about
https://www.youtube.com/channel/UC_x851zlq7ufNa-dpQz04bQ

# # # # #

ดูรายละเอียดข้อมูลการท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ที่ https://www.emirates.com/th/thai/destinations_offers/discoverdubai/sightseeingindubai/
ดูรายละเอียดข้อมูลการท่องเที่ยวนครดูไบได้ที่ https://www.visitdubai.com/en
ดูรายละเอียดข้อมูลสนามบินนานาชาติดูไบ (Dubai International Airport) ได้ที่ https://www.dubaiairports.ae/
ดูรายละเอียดข้อมูลโครงข่ายการคมนาคมขนส่งมวลชนของนครดูไบได้ที่ https://www.visitdubai.com/en/travel-planning/getting-around-dubai

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Tips การยื่นขอวีซ่า (Visa)สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสลับซับซ้อนเล็กน้อย โดยวิธีการหลักๆ มีดังนี้
1. ยื่นผ่านสายการบินของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เราจองบัตรโดยสารเครื่องบินไว้แล้ว
2. ยื่นผ่านบริษัทนำเที่ยว

กรณีของเรา ซึ่งมีบัตรโดยสารของสายการบินเอมิเรตส์อยู่แล้ว จึงสามารถยื่นผ่านสายการบิน
โดยมีขั้นตอนง่ายๆ แค่กรอกข้อมูล
ยื่นขอวีซ่าผ่านเว็บไซต์ของสายการบินได้เลย
ข้อมูลที่เรามีหน้าที่กรอกก็เช่น ข้อมูลส่วนตัวของผู้เดินทาง ประเภทวีซ่าที่ต้องการ คล้ายๆ กับการยื่นขอวีซ่าโดยทั่วไป
จากนั้น ระบบจะทำการคำนวณทั้งระยะเวลาในการอยู่ในประเทศเพื่อกำหนดระยะเวลาของวีซ่า (4 วัน หรือ 30 วัน เป็นต้น) และค่าธรรมเนียม แล้วจึงชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที
ไม่นานเกินรอ อาจจะเพียงแค่วันเดียวก็เป็นได้ ผลการพิจารณาก็จะถูกส่งมายังอีเมล์ของเรา
ทั้งนี้ วีซ่าประเภทนี้เป็น อี-วีซ่า (e-Visa) ไม่มีการแปะหรือประทับตราลงไปในเล่มหนังสือเดินทางแต่อย่างใด และเราก็ไม่จำเป็นต้องพิมพ์วีซ่าดังกล่าวลงใส่กระดาษแล้วพกติดตัวด้วยนะ

ดูรายละเอียดข้อมูลการยื่นขอวีซ่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ที่
http://www.thaiembassy.org/abudhabi/th/thai-people/19131-%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น