เที่ยวอียิปต์ ปิระมิด ทะเลแดง คนเดียว 16 วัน (ช่วง เดือน พ.ย. งบไม่ถึง 3 หมื่นบาท)
ที่มา
การไปเที่ยวอียิปต์ครั้งนี้เป็นการไปโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะไป เป็นความผิดพลาดของผมเอง คือ ขณะนั้นผมปฏิบัติหน้าที่ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่ประเทศซูดานใต้ ที่ทวีปแอฟริกา ช่วงกลางคืนจะมีเวลาว่างก็นั่งท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ มานึกถึงคำพูดของพี่ท่านหนึ่งซึ่งแนะนำเวปการไปเที่ยวอียิปต์แบบประหยัด คือ www.thegobusegypt.comเป็นการแบ็คแพ็คของนักศึกษายุโรปรวมๆกันไป แล้วมีทัวร์ท้องถิ่นจัดการให้ ราคารวม 500 เหรียญสหรัฐ ต่อ 10 วัน ซึ่งถือว่าถูกมาก ปัจจุบันปรับราคาเป็น 989 เหรียญแล้วครับ ซึ่งยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินและค่าเข้าสถานที่ต่างๆ
การไปแบบนี้เราสามารถกำหนดาถานที่ที่จะไปได้ ไม่เร่งรีบเหมือนทัวร์ เพราะมีเวลาเต็มที่ ผมก็อ่านเว็ปไปเรื่อยๆ กด Enter ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ไปกรอกเลขบัตรเครดิตตอนไหน แต่ตอนสุดท้ายก็กดออกนะ ไม่ได้ตกลงอะไร ก็ไปนอนตามปกติ เช้ามาก็โทรศัพท์กลับบ้านตามปกติ แฟนแจ้งว่ามีโทรศัพท์จากธนาคารโทรมาบอกว่ามีการใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ เป็นเงินเกือบ 17,500 บาท ผมก็งงว่ามันคืออะไร คิดไปคิดมา คูณไปคูณมาก็คือ 500 เหรียญสหรัฐนี่เอง OMG! นี่เราทำอะไรลงไปเนี้ยะ สุดท้ายต้องตกกระไดพลอยโจรไปถึง 17 วันเต็ม ซึ่งระยะเวลาก็กระชั้นชิด และยังไม่ได้ลาด้วย เสื้อผ้าก็ไม่มีมีแต่ชุดฝึกทหาร มีชุดติดตัวแค่ไม่กี่ชุด กลัวก็กลัว หากไปถึงสนามบินแล้วเข้าประเทศไม่ได้ทำไง เพราะไม่ได้ทำวีซ่า มีแต่ Official Passport และ หนังสือรับรองการทำงานจากสหประชาชาติ กังวลว่าไปถึงแล้วจะไปไหนต่อ ใครจะมารับ สุดท้ายก็ต้องไปอย่างทุลักทุเล ทั้งสนุก ทั้งเครียด แถมวันที่ 10 ยังโดนดักปล้นอีก วันสุดท้ายโดนหลอกเรื่องค่าที่พักอีก .....
แผนการเที่ยว
การเดินทางไปสถานที่ต่างๆในอียิปต์นั้น ค่อนข้างลำบากเพราะแต่ละสถานที่อยู่ไกลและการคมนาคมยังไม่สะดวกนัก แต่สถานที่สำคัญๆ นั้นหาไม่ยาก ไม่หลงแน่นอนเพราะในประเทศมีสถานที่สำคัญๆ ที่เป็นที่นิยมประมาณ 20 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งอยู่อยู่แยกกันแต่ละเมือง เช่นไปเมือง Abu Simbel ก็มี วิหาร Ramses II แห่งเดียว ดังนั้นทั้งทัวร์และรถก็มุ่งไปที่นี่ที่เดียว แต่สำหรับใครที่มาคนเดียวจะลำบากมากเพราะจะหารถไปยาก เพราะรถจะถูกเหมาจากกรุ๊ปที่จองล่วงหน้า ไม่มีรถประจำทางทั่วไป อาจต้องเหมารถไปในราคาที่สูง ดังนั้นการมาที่นี่ควรซื้อทัวร์ท้องถิ่นสะดวกสุดครับ
Day 1 Depart from Khartoum (Sudan) to Cairo (Egypt)
Day 2-3 Egypt Museum and Great Pyramid in Giza
Day 4 Aswan-Philae temple
Day 5 Abu Simbel
Day 6 ล่องเรือ Felucca
Day 7-8 Luxor's West Bank
Day 8 VALLEY OF THE KINGS
Day 10 Cairo - city tour visiting Islamic Cairo, the Citadel and Mosque of Salladin, the Coptic area and Hanging Church.
Day 11 – 15 Sainai of Dahab by bus to the popular Red Sea resort of Dahab.
Day 16 Cairo
1. อย่างที่เกร่นไปแล้วว่า การไปเที่ยวอียิปต์ครั้งนี้เป็นการไปโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะไป เป็นความผิดพลาดของผมเอง คือ ขณะนั้นผมปฏิบัติหน้าที่ผู้สังเกตุการณ์ทางทหารที่ประเทศซูดานใต้ ที่ทวีปแอฟริกา ช่วงกลางคืนจะมีเวลาว่างก็นั่งท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ มานึกถึงคำพูดของพี่ท่านหนึ่งซึ่งแนะนำเวปการไปเที่ยวอียิปต์แบบประหยัด เป็นการแบ็คแพ็คของนักศึกษายุโรปรวมๆกันไป แล้วมีทัวร์ท้องถิ่นจัดการให้ ราคารวม 500 เหรียญสหรัฐ ต่อ 10 วัน ซึ่งถือว่าถูกมาก เราสามารถกำหนดาถานที่ที่จะไปได้ ไม่เร่งรีบเหมือนทัวร์ เพราะมีเวลาเต็มที่ ผมก็อ่านเว็ปไปเรื่อยๆ กด Enter ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ไปกรอกเลขบัตรเครดิตตอนไหน แต่ตอนสุดท้ายก็กดออกนะ ไม่ได้ตกลงอะไร ก็ไปนอนตามปกติ เช้ามาก็โทรศัพท์กลับบ้านตามปกติ แฟนแจ้งว่ามีโทรศัพท์จากธนาคารโทรมาบอกว่ามีการใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ เป็นเงินเกือบ 17,500 บาท ผมก็งงว่ามันคืออะไร คิดไปคิดมา คูณไปคูณมาก็คือ 500 เหรียญสหรัฐนี่เอง OMG! นี่เราทำอะไรลงไปเนี้ยะ สุดท้ายต้องตกกระไดพลอยโจรไปถึง 17 วันเต็ม ซึ่งระยะเวลาก็กระชั้นชิด และยังไม่ได้ลาด้วย เสื้อผ้าก็ไม่มีมีแต่ชุดฝึกทหาร มีชุดติดตัวแค่ไม่กี่ชุด กลัวก็กลัว หากไปถึงสนามบินแล้วเข้าประเทศไม่ได้ทำไง เพราะไม่ได้ทำวีซ่า มีแต่ Official Passport และ หนังสือรับรองการทำงานจากสหประชาชาติ กังวลว่าไปถึงแล้วจะไปไหนต่อ ใครจะมารับ สุดท้ายก็ต้องไปอย่างทุลักทุเล
2. Day 1 Depart from Khartoum (Sudan) to Cairo (Egypt) 1 พ.ย. ก็เดินทางจากซูดานเหนือ ไปอียิปต์แค่ 3 ชม. ค่าตั๋วเครื่องบินซิ ตั้งหมื่นต้นๆ พอลงเครื่องก็มองๆ เห็นชื่อเราเป็นภาษาอังกฤษ โชคดีมีตัวแทนมารับ พาไปรวมกับกลุ่ม Backpacker จากยุโรป อเมริกา เยอรมัน ออสเตรเลีย มีผมเป็นคนไทยคนเดียว แต่มีสองสาวชาวจีน ซึ่งเรียนและโตที่อังกฤษอยู่ในกลุ่มด้วย ทุกคนก็เข้ากันได้ดี อาจมีปัญหาเรื่องภาษาบ้างเพราะวัยรุ่นแต่ละคนใช้ศัพท์สแลงทั้งนั้นฟังยากมาก ต้องปรับตัวอย่างมาก สุดท้ายก็เข้ากันได้ดีทุกคน สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ Arab Republic of Egypt เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประชากรมากที่สุดประเทศอียิปต์มีพื้นที่ประมาณ 1,020,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรไซนาย (เป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้)
ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ มีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศลิเบีย ด้านใต้ติดกับประเทศซูดาน ด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศอิสราเอล ชายฝั่งทางเหนือ ประเทศอียิปต์พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นส่วนของทะเลทรายสะฮารา และมีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง ประเทศนี้มีชื่อเสียงในด้านอารยธรรมโบราณ ในตัวเมืองอียิปต์ค่อนข้างเจริญ สินค้าไม่แพงเลย ผมว่าบากที่ถูกกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ น้ำดื่มก็ไม่แพงอย่างที่คิด ประมาณ 15 บาทเอง ประชากรชายที่นี่เคร่งศาสนามาก คนใดที่เคร่งมากๆ จะทำการละหมาดแล้วเอาหัวแตะกับพื้นจนหน้าฝากเป็นรอยช้ำ ยิ่งช้ำมากก็หมายถึงเคร่งศาสนามาก ส่วนใหญ่ผู้ชายชื่อจะขึ้นต้นด้วยมูหะมัดห์ ซึ่งหมายถึงพระเจ้า ก็ไม่ต้องแปลกใจที่เกือบทุกคนมีชื่อนำหน้าเหมือนกัน กลุ่มเรามีไกด์อ้วนของเราคนนี้ 1 คนพูดภาษาอังกฤษคล่องมาก นำเราไปตลอด 16 วัน ซึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้วว่าเขาชื่ออะไร
3. Day 2-3 City tour in Cairo and Great Pyramid in Giza กลุ่ม Backpacker จากยุโรป อเมริกา เยอรมัน ออสเตรเลีย มีผมเป็นคนไทยคนเดียว แต่มีสองสาวชาวจีน ซึ่งเรียนและโตที่อังกฤษอยู่ในกลุ่มด้วย มาถึงวันแรกก็ตั้งวงดื่มกันอย่างสนุกสนาน ผมมีบัดดี้เป็นนักศึกษาชาวออสเตรเลีย ซึ่งนอนห้องเดียวกัน ก็เข้ากันได้ดี และเริ่มสนุกไปกับกลุ่ม Highlights ของที่นี่คือ มหาปิระมิด เมืองกิซ่า ประเทศอียิปต์ สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุด หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณด้านสถาปัตยกรรม พีระมิด ในประเทศอียิปต์เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวอียิปต์โบราณสมัยก่อนยุคเหล็ก โดยเฉพาะ พีระมิดคูฟู ใน หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า นับเป็นสิ่งก่อสร้าง ขนาดใหญ่ที่สุด ที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการ ที่น่าอัศจรรย์ของอียิปต์โบราณ ปิระมิดที่มีชื่อเสียงที่สุดจนอาจนับเป็นตัวแทนของพีระมิดอียิปต์ทั้งมวล ได้แก่ หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า ซึ่งประกอบไปด้วย พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ คีออปส์ หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์โบราณ ซึ่งปกครองอาณาจักรอียิปต์เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาลหรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว พีระมิดคีออปส์ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในสิ่งมหัศจรรย์ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน สำหรับราคาค่าเข้านั้น ก็ไม่แพงมาก หากใครที่มีบัตรของสมาคมนักศึกษาระหว่างประเทศก็สามารถซื้อตั๋วในราคาพิเศษ ซึ่งผมมีบัตรเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ลดราคาได้ด้วย เช่น ค่าเข้าพื้นที่ ผู้ใหญ่ 60 ปอน์ด บัตรนักเรียนลดเหลือ 30 ปอน์ด ซึ่งค่าเงินปอน์ดละประมาณ 4.5 บาท และหากจะเข้าชมแต่ละปิระมิดก็ต้องเสียเงินอีกเช่นกัน
บางปิรามิด มีช่องให้เดินลงเพื่อไปดูห้องเก็บศพของกษัตริย์ ก็ต้องเสียเงินอีกรอบ ผมไปแล้วก็ต้องเข้าชมทุกที่ ลงไปทุกห้อง เพราะได้ลดราคาพิเศษ คุ้มค่ามาก อลังการงานสร้างจริงๆ ผมปีนขึ้นสนุกเลย มาสนใจอะไร มุดโน่นมุดนี่ ที่นี่ก็จะมีนักศึกษามาทัศนศึกษาเยอะมาก คนยุโรปก็เยอะ ส่วนใหญ่มาพร้อมเอกสาร หนังสือที่สืบค้นประวัติมาเป็นอย่างดี ราคาไม่แพงมาก คุ้มค่าแก่การเสียเงินครับ ราคาตามรูปเลยครับ ซึ่งพวกเราต้องจ่ายค่าเข้ากันเองไม่รวมกับค่าแพ็กเกจครับ ผมมีบัตรเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ลดราคาได้ด้วย เช่น ค่าเข้าพื้นที่ ผู้ใหญ่ 60 ปอน์ด บัตรนักเรียนลดเหลือ 30 ปอน์ด ซึ่งค่าเงินปอน์ดละประมาณ 4.5 บาท โรงแรมที่พักห่างจากสนามบินพอสมควรประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง แต่อยู่ใกล้กับปิระมิด เป็นโรงแรมกลางๆ ห้องผมมี 3 เตียงนอนรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ
4. Day 2 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ (Egyptian Museum)
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ (Egyptian Museum) นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของโลกที่เก่าแก่ที่สุดมานานและมีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บรักษาวัตถุโบราณที่ถูกค้นพบจากที่ต่างๆ จากหลายยุคสมัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยท่านเมเรียต ออกัสท์ นักเชี่ยวชาญวัตถุโบราณ ชาวฝรั่งเศษ เริ่มเปิดขึ้นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ 1902
จาก ประวัติศาสตร์อียิปต์ได้กล่าวว่า ในสมัยปี ค.ศ 1826 ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ชั่ว คราว ณ ริมฝั่งสระเอซเบก แต่กษัตริย์สมัยนั้นกลับ ไม่เห็นความสำคัญ นำวัตถุโบราณ มอบเป็นของกำนัลแก่นักบริหาร และข้าราชการชั้นสูงชาวยุโรป ทำให้วัตถุโบราณเหลือ น้อยลงมาก สถานที่เก็บสะสมโบราณวัตถุล้ำค่า จัดตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1858 โดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ชื่อ Auguste Mariette ทั้งอาคารเก่าแก่และการตกแต่งภายในได้รับการยกย่องว่างดงามสมบูรณ์แห่งหนึ่งของเมืองนี้ ชมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตังคาเมน (Tutankhamun) และงานศิลปะที่มีค่าไม่ต่ำกว่า 250,000 ชิ้น มีอายุเก่าแก่เกือบห้าพันปีมาแล้ว ชมรูปปั้นดินที่แสดง ถึง ชีวิตประจำวันของชาวอียิปต์ ชมพระเศียรของพระนางเนเฟอร์ติติ 1 ใน 2 ชิ้นที่มีชื่อของโลก (อีกชิ้นอยู่ที่ เบอร์ลิน) ชมพระรูปของฟาโรห์อัคนาแตน-ฟาโรห์นักปฏิวัติ ชมพระรูปของพระนางฮัตเชปสุต (ฟาโรห์สตรีองค์เดียวของอียิปต์) รถศึก และเก้าอี้บัลลังก์ทองคำนอกจากนี้ท่านยังได้ชมสมบัติอันล้ำค่าอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น แหวน, สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ ฝีมือประณีต ล้วนมีอายุกว่า 3,300 ปี ภายในกว้างขวางมาก มีห้องที่สำคัญคือ ห้องมัมมี่กษัตริย์ 2ห้อง ชมมัมมี่ขององค์ฟาโรห์รามเสสที่ 2 และมัมมี่ของฟาโรห์องค์อื่นๆ ซึ่งจะมีการสาธิตการทำมัมมี่กับสัตว์ที่ตายแล้ว (ห้องนี้ต้องเสียเงินเพิ่มอีก นอกจากค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ประมาณห้าร้อยบาท)
5. Day 3 หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) ค่าเข้าปิระมิด Khafre Pyramid ผู้ใหญ่ 30 ปอน์ด บัตรนักเรียนลดเหลือ 30 ปอน์ด ซึ่งค่าเงินปอน์ดละประมาณ 4.5 บาท ซึ่งผมก็ได้ส่วนลดเหมือนนักเรียนเลย ซึ่งน้องๆก็แซวทุกครั้งที่ผมได้ส่วนลดพิเศษนี้ Day 3 หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex)
ในการไปชมแต่ละที่ แต่ละ ปิระมิด ไกด์ก็จะบรรยายประวัติและความสำคัญของปิระมิดนั้นๆก่อนที่จะให้เราได้มีโอกาสไปสัมผัสและถ่ายรูป
Day 3 หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) ที่เห็นบ่อยตลอดการเดินทางคือ การถ่ายทำสารคดี ที่เห็นคือสารคดีจากประเทศญี่ปุ่น ถ่ายทำตอนมหาปิระมิด ซึ่งผมก็ได้นั่งดูการถ่ายทำบางส่วนด้วย สถานที่ ปีนป่ายได้ทุกที่ แล้วแต่ชอบ ไม่มีใครว่า มีเฉพาะบางพื้นที่หวงห้ามบางที่จะมีป้ายเตือนห้ามเข้าไว้ ทุกรูปผมถ่ายรูปเองโดยการตั้งเวลา ใช้ขาตั้งกล้อง สนุกไปคนเดียว จนบางครั้งชาวต่างชาติ อย่างผู้หญิงในรูปก็มอง ว่าไอ้นี่ท่าจะบ้าถ่ายรูปนะ คนเดียวมันก็ถ่ายได้ ที่นี่มีนักเรียนอียิปต์ อาหรับมาเที่ยวชม ทัศนะศึกษาเยอะมาก คงคล้ายๆกับบ้านเราที่จัดนักเรียนเข้าชมเพื่อระลึกถึงความยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรืองในอดีต จุดถ่ายรูปจุดนี้จะเห็นปิระมิดเรียงกันเป็นแถว สวยงามทำให้นักท่องเที่ยวมักจะทำท่าทางต่างๆ โดยมีปิระมิดเป็นฉากหลัง ที่เห็นเป็นสาวๆ จากอังกฤษซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับผมด้วย ผมได้แต่มอง แต่คงไม่กล้าไปถ่ายรูปแบบพวกเธอ .... อายนะ ใครอยากจะลองขี่รถม้าลากก็ได้ คิดราคาเป็น 30-50 ปอน์ดต่อ เกือบๆครึ่งชั่วโมง ก็ถือว่าไม่แพงเลย แต่ผมไม่ได้ทดลองนั่ง กิจกรรมยอดฮิตคงหนีไม่พ้นการขี่อูฐ และถ่ายรูปโดยมีปิระมิดเป็นฉากหลัง ซึ่งมีผู้ดูแลอูฐเป็นคนถ่ายให้พร้อมบอกให้เราทำท่าทางต่างๆ ราคาในการขี่แพงกว่าการขี่รถม้า ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้ แต่น่าจะประมาณ 50 ปอน์ดต่อ เกือบๆครึ่งชั่วโมง แต่ขอบอกอูฐที่นี่มีโหนกนะครับ อานนั่งก็แข็งมาก มีที่จับเป็นไม้อยู่ด้านหน้า เวลาอูฐเดินตัวเราจะไถลลงด้านหน้าทำให้เป้ากระแทกกับไม้จับ ซึ่งบอกได้เลยว่า เมื่อไหร่จะครบครึ่งชั่วโมงวะ ผมไม่ไหวแล้วจุกมาก แต่ก็ต้องฝืนยิ้มถ่ายรูปไว้ โอ้วววววววว
*** เหตุการณ์ตื่นเต้น เดินชมเพลิน พลัดหลงกับกลุ่ม ซึ่งลองจินตนาการดูว่าพื้นที่ใหญ่โตแค่ไหน ถ้าหลงตายแน่ กลับโรงแรมไม่ถูกแน่ สุดท้ายก็ไม่เป็นอันชมละ วิ่งตามหากลุ่มจนเจอ เล่นเอาแทบตาย ร้อนก็ร้อน อากาศประมาณ 40 องศาอัฟ ข้อพึงระวัง อย่าซื้อสินค้า หรือของที่ระลึกบริเวณปิระมิดเด็ดขาด หรือ อย่าแสดงท่าทีว่าสนใจ เพราะไม่แค่จะต้องเสียเงินแต่ท่านต้องเสียเวลา มีสิทธิ์พลัดหลงกับกลุ่มได้ ซึ่งผมพลาดอีกแล้ว ไปทักทายผู้ขายเป็นภาษาอาราบิก เท่านั้นแหละมาเลย ประกบเลย ให้เราซื้อ ไม่ซื้อไม่ปล่อยตัวเราไป กักไว้เลย เสียเวลานานมาก สุดท้ายต้องซื้อ แพงด้วย ซื้อในตลาดถูกกว่าเยอะ คนนี้แหละคนขาย ไม่ปล่อยตัวผมไปไหนเลยเกือบ 10 นาที
6. Day 3 มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) สฟิงซ์ในตำนานกรีก มีใบหน้าและช่วงอก เป็นหญิงสาว มีปีกแบบนกอินทรีย์ และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ สฟิงซ์จะคอยถามคำถาม กับมนุษย์ที่หลงมาพบมันเข้า หากตอบคำถามไม่ได้ มนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายนั้นก็จะถูกสังหาร ส่วนสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ ไม่มีปีกมีหน้าเป็นมนุษย์ผู้ชาย และยังมีแบบที่หัวเป็นแกะ (Criosphinx) และหัวเป็นนกเหยี่ยว (Hierocosphinx) อีกด้วย ชาวอียิปต์โบราณ แกะสลักหินเป็นรูปสฟิงซ์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่า นี้เอง **** คนนี้แหละ Buddy ผม มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) คือ รูปสฟิงซ์แกะสลักด้วยหินขนาดใหญ่ที่สุด ใน ประเทศอียิปต์ มีตัวเป็น สิงโต และมีหัวเป็น มนุษย์ อยู่ในบริเวณหมู่พีระมิดทั้ง 3 แห่งกิซ่า หมอบเฝ้าอยู่ใกล้กับ พีระมิดคาเฟร โดยหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก สฟิงซ์คือชื่อ สัตว์ประหลาด ในตำนานไอยคุปต์วิทยา และมีในตำนานชนชาติอื่นด้วย มีลักษณะต่างกันไป แต่จะมีตัวเป็นสิงโตเหมือนกัน
7. การเดินทาง แสดงเส้นทางตลอด 16 วันอันแสนยาวนาน รวมระยะทางกว่า1,500 กม. คือ เริ่มต้นที่ Cairo เดินทางลงใต้โดยรถไฟนอน เสร็จแล้วก็เดินทางกลับขึ้นเหนืออีกเส้นทาง แวะสถานที่สำคัญๆ ครบ และอีก 5 วันสุดท้ายที่แสนพิเศษ คือ Red Sea ติดกับดินแดนซาอุดิอาระเบีย ครับ การเดินทางไปเมืองอัสวานต้องเดินทางโดยรถไฟ ตามแผนที่จะเห็นว่าระยะทางค่อนข้างไกล คือ จากเหนือลงใต้เลยทีเดียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ดูการเดินทางของพวกเราสิ ง่ายๆ ติดดินมากๆ นั่งนอน ข้างชานชลารถไฟเลย ไม่สนใจใครเพราะนักท่องเที่ยวก็นอนกันแบบนี้ทั้งนั้น เพราะรถไปออกเวลา 19.03 น. ปัจจุบันผมยังเก็บตั๋วรถไฟไว้เป็นที่ระลึก พวกเราก็เหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปเลือกรถไฟด่วนที่นั่งแบบชั้นหนึ่งครับ (Express train 1st class seats) ที่นั่งก็ถือว่านั่งสบาย กว้างขวาง ปรับเอนนอนได้ ราคา 65 ปอน์ด แต่ก็มีรรถไฟพิเศษกว่านี้คือ แบบตู้นอน ราคาแพงกว่าครับ ตามรูปจะเห็นว่าที่กว้างพอสมควร ก็นั่งๆนอนๆ เล่นคอมได้สบาย เช้าก็ถึงสถานีรถไฟเมืองอัสวาน ตอน 08.00 น. ใช้เวลา 13 ชม. ครับ
สำหรับที่นี่มีหลายกิจกรรมให้เลือก ตั้งแต่ วิหาร ฟิเลย์ ซึ่งอยู่บนเกาะต้องนั่งเรือไป ซึ่งต้องนั่งเรือประมาณ 10-15 นาที ก็ถึงเกาะอกิลิก้า (Akilika) ซึ่งเป็นเกาะใหม่ที่สูงกว่าระดับน้ำ และอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของเกาะฟิเลเดิมที่ถูกน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อน หรือ ชม Aswan High Dam สันเขื่อนที่สร้างขึ้นใหม่ หรือ ชมวิหารที่ยังสร้างไม่เสร็จที่เรียกว่า Unfinished Obelisk หรือจะเลือกล่องเรือสำราญก็ได้ Aswan Cruise ราคา 135 US dollar พักในเรือ 2 คืน ก็ได้ ผมเลือกไปวิหารฟิเลย์ (แต่กล้องไม่มีเวลาชาร์ตแบตครบ ในรถไฟไม่มีให้ชาร์ต เลยไม่มีรูปวิหารและทริปวันนี้เลย)
8. วิหารฟิเลย์ ซึ่งอยู่บนเกาะอกิลิก้า (Akilika) ซึ่งเป็นเกาะใหม่ที่สูงกว่าระดับน้ำ วิหารสวย อลังการ โดยเฉาะเสา สวยงามมาก (แต่กล้องไม่มีเวลาชาร์ตแบตครบ ในรถไฟไม่มีให้ชาร์ต เลยไม่มีรูปวิหารและทริปวันนี้เลย รูปนี้จากอินเตอร์เน็ท ครับ) กลางคืน มีสิ่งที่น่าสนใจคือ นั่งเรือไปทานอาหารพื้นเมืองและชมการแสดงของชาวนูเบี้ยน ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของถิ่นนี้ ซึ่งเป็นออฟชั่นเสริมรวมในโปรแกรมวันนี้ผมต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 212 ปอน์ด หรือ เกือบๆพันบาท อาหารพื้นเมือง ส่วนใหญ่เน้นแป้ง และแกง เครื่องเทศ ก็เลี่ยนๆตามแบบฉบับอาหรับทะเลทรายครับ ชาวนูเบี้ยนสาธิตการต้มและชงชาพื้นเมืองให้นักท่องเที่ยวได้ชมและชิม ราชาดฝาดๆครับ ใครชอบชาแรงๆคงติดใจ ชาวอาหรับนิยมดื่มชามาก ภาษาอาหรับเรียกชาว่า ชาย ดังนั้นเพื่อนๆชาวอาหรับชอบแซวผมว่าไปดื่มชาย หลังทานอาหารเสร็จ ก็มีการแสดงพื้นเมือง และให้พวกเราได้มีส่วนร่วมในการละเล่นด้วย สนุกสนามมาก เพราะแต่ละคนฮาๆทั้งนั้น เต้นไปเรื่อย ฮากันเอง ทังผู้หญิง ผู้ชาย ยังมีการแสดง Hilight คือ ผู้หญิงใส่ชุดประโปรงบานๆแล้วหมุนตัวรอบ นานมากประมาณเกือบ 5 นาที สวยงามครับ....continue 2/3
สรุป คะแนนเต็ม 10 ให้ 8 เลย (ได้คะแนนจากความสวยงาม แปลกตา ปิระมิด สวยงาม ค่าใช้จ่ายค่อนข้างประหยัด แนะนำว่าต้องไปครับ แต่โดนหักคะแนนที่อากาศร้อน เดินทางไกล ค่อนข้างเหนื่อย และระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยครับ)
Chai smile
วันพฤหัสที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.12 น.