สวัสดีค่ะ ขอยกอัลบั้มจากเฟสบุ๊คมาแปะในพันทิปนะคะ

จริงๆ ตั้งใจจะลงพันทิปนานแล้วแต่ไม่ได้เขียนสักที

มัลดีฟส์ คงเป็นทริปในฝันของหลายๆ คน เอาล่ะ ไม่พูดมากเข้าเรื่องเลย

สำหรับทริปนี้เราไปแบบ Backpack อยู่มัลดีฟส์ 3 วัน 2 คืน

พัก Hulhumale 2 คืน และไป Day Visit ที่ Centara Ras Fushi

ขาไปแวะ 1 คืนที่ Changi Airport และขากลับได้แวะสิงคโปร์อีก 1 คืน 1 วัน

มาดูเป็นแนวทางกันได้ ทริปนี้ไม่แพง สวยและคุ้ม

รูปแทบไม่ได้แต่ง ไม่ต้องกลัวไปเจอของจริงแล้วเฟล ไปถึงไม่ผิดหวังแน่นอน


สำหรับการเตรียมตัวเดินทางไปท่องเที่ยวที่มัลดีฟส์ ตามงบประมาณของแต่ละคน

เราขอแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

1. ซื้อทัวร์

2. จองเองแบบโลวคอส

3. จองเองแบบจ่ายไม่อั้น

สำหรับแบบแรกเราจะไม่พูดถึง ขอพูดถึงแบบที่ 3 สั้นๆ คือ เห็นที่ไหนสวย อยากไปที่ไหนไปเลยค่ะ ทุกอย่างต้องจองล่วงหน้าไป สำหรับที่แพงๆ จะเป็น all inclusive อยู่แล้ว คือจ่ายทีเดียวจบเลย ใช้ชีวิตราชาในรีสอร์ทได้ทันที ถ้าเกาะใกล้ ก็นั่งสปีดโบ้ท ถ้าเกาะไกลก็นั่งซีเพลน(วิวสวยและแพง) เอาเป็นว่าออกจาก ตม. มาก็มีคนมารับ และตอนกลับก็ส่งถึงหน้าสนามบินเลยทีเดียว

สำหรับแบบที่ 2 นี่สิสำคัญ

แบบที่ 2 นอนบังกะโลกลางทะเลได้มั้ย คำตอบ คือ ได้ แต่จะไม่นอนก็ได้ สำหรับราคาบังกะโลกลางน้ำ ถ้าเป็นหน้า low เลย ถูกๆ ประมาณ 5,000 บาท/คืน ก็พอจะหาได้ค่ะ แล้วแต่งบประมาณเลย บางทีที่พักถูก แต่อยู่ไกล ที่พักแพง อยู่ใกล้กว่า เวลาคำนวณ อย่าลืมบวกค่า transfer สนามบินนะคะ ว่ายน้ำไปเกาะไม่ไหวนะคะบอกเลย! อย่าลืมดูค่า speedboat เด็ดขาด

สำหรับเกาะที่ไม่ไกลมาก ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ บางเกาะจะมีเรือ ferry วิ่ง ราคาต่อเที่ยวแค่ 1-2 usd มิตรภาพสุดๆ เรือจะวิ่งเป็นเวลา และหยุดวันศุกร์ ย้ำค่ะ หยุดวันศุกร์ เพราะเป็นวันหยุดราชการของเขา ส่วนใหญ่วิ่งเป็นรอบๆ เช้า สาย เย็น อะไรแบบนี้ เช็คเวลาไฟลท์บินให้ดีๆ

ถ้าจะประหยัดสุดๆ แนะนำให้นอนเกาะที่ติดกับสนามบินค่ะ เกาะ Hulhumale เพราะสามารถนั่งรถเมล์ไปเกาะได้เลย ราคา 20 Rufiyaa (x2 นิดๆ เป็นเงินไทย) ที่พักไม่แพงมาก มีเรือไป Male' เกาะเมืองหลวงด้วย แค่ 10 กว่าบาท

สำหรับใครที่งบน้อยและเลือกพักที่นี่ เลือกที่พักได้ตามใจชอบ ส่วน one day trip จะมีขาย จะไปดำน้ำ หรือ ปิ้กนิก หรือจะไป visit รีสอร์ตก็ได้ แล้วแต่ชอบเลย

สำหรับค่าใช่จ่ายของทริปนี้อยู่ที่ 15k

แบ่งเป็น ค่าตั๋ว 9.6k ค่าโรงแรม 1.7k ค่ากิน, ค่า Day visit, ค่าเดินทาง และจิปาถะ 3.7k ค่ะ

แวะต่อเครื่องที่ Changi

สำหรับคนที่ transit กันแบบข้ามคืน ถ้ามาถึงไว ออกไปชมแสงสีของเมือง ได้
และที่สำคัญ ฟรี! บูธนี้อยู่ตรง T2 ไม่แน่ใจว่าตรงอื่นมีหรือเปล่า
รายละเอียด http://goo.gl/Tu2Q9E

แต่ถ้ามาช้าหน่อย ก็เดินชมสวนต่างๆ ในสนามบินได้เลย

สำหรับที่นอน ถ้าหามุมเหมาะๆ ให้ตัวเองไม่ได้ แนะนำว่าทุกสุดมุมของแต่ละ terminal จะมีโซฟาไว้ให้นอนค่ะ เป็น transit lounge แบบเปิดโล่งๆ เลือกนอนได้เลย มีปลั๊กไฟให้พร้อม ส่วนน้ำก็หากินไม่ยาก ตามหน้าห้องน้ำหรือตามทางเดินมีให้กดฟรีค่ะ : )

ถ้าเวลาไม่มากพอขนาดออกไปเที่ยว และมีบัตร JCB Platinum อยู่แล้ว ขอแนะนำ Plaza Premium Lounge เข้าได้ฟรีเช่นกันค่ะ (สำหรับสิทธิพิเศษของบัตรอื่นๆ ลองดูจากโลโก้ในภาพได้เลยค่ะ)

รีวิวเล้าจน์ http://pantip.com/topic/34432117/

จาก Changi ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งค่ะ

เมื่อใกล้ถึงสนามบินปลายทาง เราก็จะเห็นวิว atolls และ resort เรียงรายอยู่บนผืนน้ำ

บรรยากาศ Hulhumale จากหน้าต่างฝั่ง A ขณะเครื่องบินกำลังจะลงจอดที่ Hulhule

สนามบิน Ibrahim Nasir International Airport เป็นสนามบินหลักของมัลดีฟส์ค่ะ

สภาพจะไม่ได้สวยหรูอลังการ จะคล้ายๆ กับสนามบินตามต่างจังหวัดบ้านเรา

ตม. ที่นี่ไม่ถามอะไรเยอะค่ะ เดินผ่านสบายๆ ได้เลย ไม่ต้องห่วง : )

ทำความรู้จักกับมัลดีฟส์

ธนบัตรสีสันสดใส สามารถแลกได้จากในสนามบินเลย 1 รูฟียาห์ ประมาณ 2.3-2.5 บาท เขียนว่า 1RF หรือ 1MVR ก็ได้
ตอนแลกเงินเขาบอกประมาณว่า ต้องแลกคืนที่นี่เลย (ภายในสนามบิน) น่าจะหมายถึงว่าถือกลับไปประเทศเราแล้วไม่มีที่ให้แลกมั้ง และเหรียญเขาไม่รับแลกคืนนะคะ ถ้าเหลือเยอะๆ อย่าลืมใช้ให้หมดก่อนนะ

บรรยากาศด้านหน้าสนามบิน จะเป็นท่าเรือเรียงราย และป้ายรถเมล์อยู่ทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา

ถ้าออกจากสนามบินแล้วเลี้ยวขวา เดินมาเรื่อยๆ จะมองเห็น Bank of Maldives เด่นตระหง่าน

ส่วนป้ายรถเมล์นี้ อยู่ข้างๆ ธนาคาร

คนที่จะขึ้นรถเมล์ป้ายนี้ ต้องไม่มีสัมภาระใดๆ นะคะ มิฉะนั้นคนขับจะไล่ไม่ให้ขึ้น พร้อมชี้มือไปที่กระเป๋าและด้านหน้า อาจจะงงๆ ว่าทำไมเขาไล่ เพราะรถเมล์สายนี้ไม่อนุญาตให้นำสัมภาระใหญ่ๆ ติดตัวขึ้นรถค่ะ ถ้ามีกระเป๋าเป้ใหญ่ๆ หรือกระเป๋าเดินทางมาด้วย เชิญป้ายถัดไปค่ะ

สำหรับตารางเดินรถ Shuttle bus http://goo.gl/MqJf2y

สำหรับป้ายถัดไปที่ว่า ไม่ได้ถ่ายป้ายรถเมล์มา แต่นี่คือ ทางเข้าและออกจากสนามบิน

เดินกลับมาค่ะ เดินกลับมา สำหรับคนที่จะไปนอนที่ Hulhumale ทางเดินที่ถูกต้องคือออกจากสนามบินเลี้ยวซ้ายต่างหาก เดินไปเรื่อยๆ ตามทาง จะเห็นป้ายรถเมล์พร้อมตารางเดินรถอยู่

ป้ายรถเมล์จะอยู่แถวๆ ต้นไม้สีเขียวๆ ในภาพ

ขึ้นรถทางฝั่งเดียวกันสนามบินได้เลยค่ะ รถที่นี่ตรงเวลาเป๊ะค่ะ ค่ารถ 20 รูฟียาห์

ตารางเดินรถ Airport Bus http://goo.gl/fg9zeb

ระหว่างรอรถเมล์มีเวลาว่าง เพราะรถมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง
เลยมาหามุมเก๋ๆ ถ่ายรูปเล่นซะหน่อย สีจริงเหมือนแต่งมา มีความพาสเทลมุ้งมิ้งเป็นที่สุด นี่แค่ท่าเรือเองนะ

บรรยากาศที่ท่าเรือ น้ำสวยและฟ้าใสมากจริงๆ

ถ้ามองดีๆ จะมองเห็นเมืองหลวงของที่นี่ด้วยที่ฝั่งซ้ายของภาพ

สำหรับเกาะสนามบินที่นี่ คือเกาะ Hulhule

ซึ่งฮูลูเล่นี้จะมีเกาะที่มีทางรถเชื่อมติดกันชื่อฮูลูมาเล่ และมีเมืองมาเล่ที่เป็นเมืองหลวงมองเห็นอยู่ลิบๆ

สามารถนั่งเรือ Ferry ไปได้ ใช้เวลา 15 นาที หรือ นั่ง Speed Boat เพียง 3 นาทีเท่านั้นเอง

หลังจากนั่งรถ Airport Bus เข้ามาที่ Hulhumale แล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่า ตึก บ้านเรือน และอาคารต่างๆ ของที่นี่ค่อนข้างสีสันสดใสเลยทีเดียว

เรามาถึงช่วงบ่ายๆ จากท่ารถเดินชมเมืองนิดหน่อย แล้วเดินเลียบหาดมาเข้าที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดจอดรถเท่าไหร่

สำหรับเส้นทางวิ่งรถสาธารณะของที่นี่สามารถหาข้อมูลได้ไม่ยากเลยค่ะ ไม่งงด้วย แต่อันที่จริงเดินเอาก็ได้ แม้ว่าเกาะจะค่อนข้างยาว แต่ด้านกว้างกว้างประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

สำหรับคนที่มาพักที่เกาะนี้ก็จะมี Day trip ขาย ทั้งของโรงแรมและ agent ต่างๆ ทริปจะคล้ายๆ กัน เช่น ไปปิคนิคที่เกาะ ไปดำน้ำที่ต่างๆ ไปดูปลาโลมา หรือว่าจะไป Day trip ที่รีสอร์ตต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้

เราเลือกที่พักที่ติดริมหาดค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พักจะอยู่โซนนี้อยู่แล้ว

หลังจากหอบหิ้วสัมภาระมาถึงที่พักแล้ว ก็ขอสูบเจ้าฟลามิงโก้มาถ่ายรูปสักหน่อย กว่าจะสูบเสร็จเล่นเอาหมดแรงเลยทีเดียว แต่รูปออกมาสีสันสดใสคุ้มเหนื่อยอยู่น้า

ที่ Hulhumale เป็นเกาะที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ จะมีการขอความร่วมมืองดใส่ bikini เดินชายหาด หรือว่ายน้ำเล่น เพราะว่าคนที่นี่นับถือศาสนาอิสลามกัน และค่อนข้างเคร่งค่ะ แต่ก็ยังพอมีเห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดว่ายน้ำอยู่บ้างเหมือนกัน

บริเวณริมชายหาดสามารถเล่นน้ำ ว่ายน้ำเล่นได้ค่ะ ตรงไกลๆ จะมีกั้นแนวไว้ไม่ให้เราหลุดไปไกลเกินค่ะ แต่มันไกลพอสมควรนะ ไม่น่าจะไปได้ถึงตรงนั้น 5555

ที่นี่มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นด้วย จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่มีบานาน่าโบ้ทอ่ะแน่ๆ

ตอนแรกไปที่โรงแรมเห็นกระดาษทิชชู่ห่อด้วยฉลากภาษาไทย ยี่ห้อไทยก็ยังไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่พอมาซุปเปอร์มาเก็ตแล้วอเมซิ่งมาก

เห้ย! เห็นไม้จิ้มฟันไผ่เงินมั้ยแก ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเลยว่าที่นี่มีของใช้และของกินเป็นสลากไทยๆ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน โลชั่น น้ำผลไม้ ขนมต่างๆ ฯลฯ และอะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ

ประเทศนี้ Import ของกินของใช้จากไทยเยอะเหมือนกัน ความตลกคือ หิ้วขนมชนิดนึงมากินจากไทยเพราะช่วงนั้นติดมาก ตั้งใจพกมา ค่า ที่นี่ก็มีขาย ตึงงงง!

ข้ามมาที่อาหารเย็น

เรามากินอาหารเย็นที่  Food Palace อยู่ที่ Huvandhumaa Hingun Unit D ชั้น 2

ร้านอาหารอยู่แถวๆ หน้ารีสอร์ท หรือโซนใกล้ๆ ป้ายรถเมล์ เป็นเส้นที่ตรงไปท่าเรือค่ะ สังเกตเห็นได้ชัดเจน

เซ็นนี้ คือ Local maldivian dinner เป็นคล้ายๆ ต้มยำน้ำใส

ตามมาด้วยข้าวหมก

ปลาทูน่า ซาซิมิ มาเป็นเซ็ท พร้อมกับข้าวห่อสาหร่าย และผักเป็นเครื่องเคียงเล็กน้อย ดู local มากจริงๆ ไม่ได้มาหน้าตาสวยงามแบบอาหารญี่ปุ่นนะจ๊ะ

Let's go to Centara Ras Fushi

จากฝั่งชายหาดที่มีโรงแรมเยอะๆ เดินไปท่าเรือเฟอร์รี่ที่วิ่งไปมาเล่ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ
ถนนหนทางของที่นี่เดินได้สบายตา และสบายใจ แทบไม่มีรถวิ่งเลย

บรรยากาศรอบๆ ท่าเรือ

แต่ท่าที่เราจะลงจะเป็นท่าใหญ่กว่านี้ เดินมาซื้อตั๋วในอาคารได้เลยค่ะ คนละ 5.5 รูฟียาห์

แล้วก็นั่งรอด้านในตึก พอเรือมาเทียบท่าเข้าก็จะเปิดประตูให้เราลงเรือ

เรือวิ่งตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ถึงตี 2 ครึ่งค่ะ แต่ละเที่ยวห่างกันประมาณ 20 นาที

แล้วแต่ช่วงเวลาไม่แน่นอนค่ะ แต่ตรงเวลามากๆ เช่นกัน

ตารางเรือจาก Hulhumale ไป Male' http://goo.gl/SW9CYe

เรือค่อนข้างใหญ่ สามารถขนของ ขนมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาได้เลย

ชาวบ้านขนชึ้นมากันหลายคัน น่าจะไปขับต่อที่มาเล่

เราจะใช้เวลาอยู่บนเรือประมาณ 15 นาที คลื่นก็มีซัดเข้ามาบ้างเป็นระยะๆ ให้เรือโคลงหน่อยๆ

มองไปเห็นแต่น้ำสุดลูกหูลูกตา มีเกาะอยู่เล็กๆ แค่นั้นเอง

Male' เมืองหลวงของมัลดีฟส์ อยู่ในกลุ่ม North Malé Atoll

มีพื้นที่เพียง 5.8 ตารางกิโลเมตร ทำให้อาคารต่างๆ ของที่นี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของตึก

แต่ก็ไม่ได้มีตึกสูงเด่นตระหง่านขึ้นมา

ที่ไม่มีพื้นที่ชายหาดสำหรับเล่นน้ำ สุดจากแผ่นดินจะเป็นน้ำเลย

ใกล้ๆ ท่าเรืออาจจะมีที่ไม่ลึกมาก พอมองเห็นพื้นล่างอยู่บ้าง

น้ำที่ท่าเรือใสมาก

เมื่อมาถึงมาเล่ เราก็แวะหาของกินนิดหน่อย และเรื่องเราตื่นเต้นเล็กๆ (แวะไปส่องได้ในอัลบั้ม https://goo.gl/lCG0mM)

มารอขึ้นเรือพนักงานไป Centara Ras Fushi สำหรับเรือพนักงานจะมี 2 รอบ คือ 10 โมง และบ่าย 2 โมง จากมาเล่ ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 1 ชั่วโมงยาวไปค่ะ

แต่ถ้าอยากสบายๆ หน่อย ก็จะมีเรือสปีดโบ้ทสำหรับแขกที่พักรีสอร์ต

มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คือคนละ 90$ ไปกลับ

สำหรับสปีดโบ้ท ขึ้นจากฮูลูเล่ (เกาะสนามบิน) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ

เมื่อเรือมา จะเป็นเรือลำนี้นะคะ มีโลโก้อยู่

ทางโรมแรมบอกว่าจะจอดที่ Jetty No.2 สักอย่างใกล้ๆ Presidential jetty แต่ในวันนี้มีเหตุนิดหน่อยทำให้ย้ายมาจอดที่ท่าอื่นค่ะ ถ้าใกล้เวลาแล้วยังเงียบๆ ลองถามคนแถวๆ นั้นได้ค่ะ ของเราโชคดี มีคนเดินมาถามว่าไป Centara หรือเปล่า และบอกว่าให้ไปขึ้นอีกท่าค่ะ

ท่าเรือของที่นี่จะยาวเรียงตลอดชายฝั่งเลย ไม่หลงค่ะ

บรรยากาศภายในเรือ มีนักท่องเที่ยวรวมพวกเราแล้วประมาณ 10 คนค่ะ ที่เหลือจะเป็นพนักงาน

พอขึ้นเรือมาจะมีพนักงานเดินมาเช็คชื่อ ให้กรอกรายละเอียดนิดหน่อยว่ามาจากไหน พาสปอร์ตเลขอะไร สำหรับใครที่ไม่ได้จองล่วงหน้ามา หรือไม่ได้จองผ่านเอเจนท์มา สามารถวอล์คอินมาเขียนบนเรือได้เช่นกันค่ะ

Thilafushi เกาะนี้เป็นเกาะที่สร้างขึ้นมา เป็นเหมือนเขตอุตสาหกรรมของประเทศนี้ ที่รัฐบาลย้ายโรงงานอุตสาหกรรมจากมาเล่มาไว้ที่เกาะนี้ ส่วนใหญ่ที่นี่จะผลิตเรือ, แพคปูน ฯลฯ อยู่ไม่ไกลจากมาเล่มากนัก หากพ้นแถวๆ นี้แล้ว เราจะถูกปล่อยลอยอยู่กลางน้ำแบบสุดลูกหูลูกตา

Day Visit Centara Ras Fushi

นั่งเรือมาเกือบๆ 1 ชั่วโมง มองเห็นบังกะโลกลางน้ำของ Centara Rasfushi แล้ว เย้!

สำหรับค่าใช้จ่าย Day visit ของที่นี่อยู่ที่ 99$ ค่ะ หรือประมาณ 3500 บาท

ในการจองผ่าน Agent อาจได้ราคาประมาณ 120$ ค่ะ ลองสอบถามดู แต่แนะนำให้ e-mail มาจองกับทางโรงแรมโดยตรงก็สะดวกไม่แพ้กัน แถมถ้าโชคดี ช่วงโปรโมชั่นอาจมีราคาพิเศษ ตอนเราไปได้มาในราคา 80$ เท่านั้นค่ะ

E-mail ของทางโรงแรมค่ะ [email protected]

Day trip มี 2 รอบ/วัน

รอบแรก 10.00-17.00 น. + บุฟเฟ่มื้อเที่ยงที่ Oceans Resturant

รอบสอง 14.00-22.00 น. + บุฟเฟ่มื้อเย็นที่ Oceans Resturant

เราเลือกรอบ 2 ค่ะ เพราะอยากได้ทั้งบรรยากาศกลางวันและกลางคืน แต่เรือพนักงานจะออกตอน 23.00 น. ค่ะ

ใช้สระว่ายน้ำได้, free Waves pool bar ที่สระว่ายน้ำ, ดำน้ำตื้น ขอยืมสนอกเกิ้ลกับทางรีสอร์ตได้เลย

มีค่ามัดจำน่าจะ 50$ เราไม่ได้หยิบเงินไปตอนยืมเลยเอาบัตรเครดิตฝากไว้แทน

เขาจะให้เราดำน้ำให้ดูนิดหน่อย ประมาณว่าดำได้นะ ไม่จมน้ำตาย

อ้อ บาร์และสระว่ายน้ำจะปิดตอน 6 โมงเย็นนะคะ

ว่าง่ายๆ คือ เราสามารถใช้พื้นที่ในรีสอร์ตได้ แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนสะพานที่เชื่อมไปบังกะโลกลางน้ำได้

เพราะเป็นการรบกวนแขกของทางรีสอร์ตค่ะ Viu bar ไม่อยู่ในแพคเกจนะจ๊ะ ^^

รายละเอียดแพคเกจ (update Oct. 2015)

บรรยากาศช่วงปลายมรสุม ทะเลสีสวย ฟ้าไม่ใสเท่าไหร่เพราะฝนกำลังจะตก

ด้านบนขวาคือ Viu bar ค่ะ ที่จะมีที่หย่อนเท้า ดูปลาตรงกลาง และมีเปลไว้นอนรอบๆ

Waves pool bar

มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว สั่งเลยฟรีทุกอย่าง มีทั้งมีแอลและโนแอล

เห็นหน้าตาสีสันสดใสแบบนี้ชงกันหนักอยู่เหมือนกันนะคะ

ตอนแรกกะว่าจะลองทุกเมนู แต่บายค่ะ อย่าดีกว่า เดี๋ยวหลับคาสระแน่ๆ

ที่นี่จะใช้แก้วพลาสติกทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยเนอะ

จะสั่งแล้วนั่งดื่มหน้าบาร์ ไปนั่งรอบสระ ริมหาด หรือในน้ำก็ได้ตามสะดวกเลย

ที่สระว่ายน้ำสามารถขอผ้าขนหนูขนาดบิ๊กบึ้มมาใช้ได้เลย

สังเกตได้ว่าแขกที่พักอยู่ในรีสอร์ตส่วนใหญ่จะออกมาว่ายน้ำกันตอนแดดร่มๆ แล้วประมาณ 4-5 โมง

ภาพน้ำแบบตื้นมา ชมปลาได้นิดหน่อย

Waves pool bar ตอนค่ำๆ จะมีการเปิดไฟใต้สระ เหมือนดูดาวอยู่เลย

แต่ตัวสระน้ำจะปิดตั้งแต่ 6 โมงแล้วค่ะ ถ้าจำไม่ผิดวันพฤหัสจะมี Pool Party ตอนกลางคืนด้วย

สำหรับ Day visit รอบบ่าย จะมีบุฟเฟ่ต์อาคารค่ำที่ Oceans เช่นเดียวกับแขกที่พักที่นี่

ไม่ได้ถ่ายไลน์อาหารมา แต่อยากตักอะไรก็จัดไปเลยค่ะ

เก็บภาพ Viu Bar มาฝากกันค่ะ

อย่าดราม่าน้า ไม่ได้แอบไป เราได้คุยล่วงหน้ากับทาง Bar Manager มาแล้วค่ะ

ตอนกลางคืนลมแรงมาก ยืนเล่นตากลมกันได้เลย


วันสุดท้ายที่มัลดีฟส์

เราเก็บภาพทะเลที่ Hulhumale มาฝากกัน

เป็นชาวเกาะผิวแทนกันไปเลยจ้า

กลับแล้วน้า เลือกนั่งบัสออกมาทางหน้าต่างฝั่งขวา

ตั้งใจมาถ่ายรูปซีเพลนนี่แหละ ขึ้น Airport Bus ที่ป้ายเดิม (ตารางเดินรถย้อนดูที่โพสต์บนๆ ได้เลย)

เข้ามาในสนามบินขาออก ระหว่างรอผ่าน ตม. มองออกไปด้านนอก ฟ้าสวยน้ำใสอีกแล้ว มองดูตรงโขดหินเห็นได้ชัดเจนเลยระหว่างน้ำสีฟ้าๆ ตื้นๆ และน้ำสีเข้มๆ ที่อยู่ด้านนอก พร้อมลมโชย และมองเห็นมาเล่อยู่ลิบๆ ด้านหลัง

Duty Free

เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกนึงในทันทีที่เลี้ยวเข้ามา จากอารมณ์สนามบินต่างจังหวัดบ้านเรา

กลายเป็นหรูหราขึ้นมาในทันที สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ร่างกายได้ปะทะแอร์เย็นๆ เดินเล่นกันยาวๆ ไปค่ะ

แต่พอพ้นเขตของ duty free ก็กลับสู่สภาพเดิมนะ ฮ่าๆๆ

ก่อนบินเช็คเกทดีๆ นะคะ เพราะว่าทั้ง 2 โซนอยู่กันคนละปีกเลย และอาจมีการเปลี่ยนเกทได้ค่ะ

งานนี้ก็วิ่งกันวุ่นเลยจ้า เราก็โดนจ้า

ทิ้งท้ายทริปนี้ไว้ด้วยภาพเมืองมาเล่

ที่เต็มไปด้วยตึกละลานตา สีพาสเทลมุ้งมิ้ง

อยากเห็นวิวนี่เลือกนั่งหน้าต่างฝั่งขวามือทั้งไปและกลับนะคะ : )

เจอนั่น Journey

 วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 20.37 น.

ความคิดเห็น