เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้วสินะ ... ถ้าให้นึกถึงที่เที่ยวคลายร้อนเชื่อว่า "ทะเล" คงเป็นคำตอบแรกแน่นอน

แล้วจะไปทะเลไหนดีล่ะ จะไปฝั่งอ่าวไทยหรือฝั่งอันดามันดี ถ้าอยากไปชิลล์อยู่ริมทะเล หัวหิน ปราณบุรี แค่นี้ก็คงพอ

แต่ถ้าอยากไปดำน้ำดูปะการังดูน้ำทะเลสีสวยๆคงต้องไปฝั่งอันดามัน ทริปนี้เรานัดเพื่อนเจอกันที่ภูเก็ตแล้วตะลุยเที่ยวกัน

ค่อยๆละเลียดๆไปทีละเกาะ ไปทั้งเกาะไม้ท่อน เกาะรอก เกาะห้า ล่องเรือยอร์ชไปเรื่อยๆ ออกทะเลกันทุกวัน แต่ยังฟินไม่พอ

เนื่องจากช่วงเวลาพักร้อนมีเยอะ เลยมองหาที่เที่ยวที่เรายังไม่เคยไป อยู่ๆก็มีสถานที่หนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด " หลีเป๊ะ "

ไม่รอช้า รีบจองตั๋วบินจากภูเก็ตไปหาดใหญ่ ใช้บริการของบางกอกแอร์เวย์ บินไปเช้าวันเสาร์ ราคาคนละ 1590 บาท

เป็นเครื่องบินใบพัดใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง มีบินช่วงเช้าวันละเที่ยวแค่นั้นถ้าบินวันธรรมดาราคาจะถูกลงนิดนึง

เราไม่เคยไปหาดใหญ่ แล้วก็หลีเป๊ะมาก่อน เพื่อนเราก็ไม่เคยไป จึงเลือกใช้บริการของ SEALECTION จัดทัวร์ให้

เอาเป็นว่าให้เค้าจัดหมดล่ะทั้งรถรับส่งไปกลับสนามบิน ตั๋วเรือไปหลีเป๊ะ ที่พัก เรือหางยาวนำเที่ยวพร้อมไกด์จ่ายทีเดียวจบ

ถ้าอยากประหยัดไปเองก็ได้ ลงสนามบินหาดใหญ่ หารถต่อไปท่าเรือปากบารา ซื้อตั๋วเรือไปหลีเป๊ะ จองที่พักออนไลน์

เลือกเอามีตั้งแต่หลักร้อยยันหลักหมื่น ไปจ้างเรือหางยาวเที่ยวจากหน้าหาดก็ได้ เราเลือกซื้อเป็นแพคเกจไปเลยง่ายดี


เรือไปหลีเป๊ะมีให้เลือกสองแบบ มีสปีดโบ๊ตกับเฟอร์รี่แบบติดแอร์ เราเลือกไปสปีดโบ๊ทเพราะเค้าจะแวะให้เที่ยวสองเกาะ

คือเกาะตะรุเตากับเกาะไข่ แล้วค่อยไปหลีเป๊ะ ใช้เวลาสองชั่วโมงนิดๆแต่ถ้านั่งเฟอร์รี่เค้าไม่แวะให้ นั่งยาวไปสองชั่วโมงถึง

ระหว่างเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะเรือสปีดโบ๊ทจอดให้เราได้แวะลงที่เกาะตะรุเตา 15 นาที บรรยากาศบนเกาะร่มรื่นเงียบสงบ

หาดทรายขาวน้ำใสสุดๆ ไกด์ที่มาด้วยได้ให้ข้อมูลคร่าวๆว่าที่นี่เคยเป็นคุกมาก่อน

เดินเล่นได้แป๊บเดียว ยังไม่ทันได้สำรวจบนเกาะก็ต้องโบกมือบ๊าย...บายซะแล้ว



จุดแวะต่อมา คือ เกาะไข่ อยู่ระหว่างเกาะอาดังกับเกาะราวี ตอนไปถึงเกาะเป็นช่วงน้ำขึ้นพอดี

ถ้าจะไปตรงซุ้มหินต้องลุยน้ำเข้าไป ใจนี่อยากจะลุยน้ำเข้าไปเลยนะ แต่มากับสปีดโบ๊ทเค้าจอดแวะให้ลงเกาะแป๊บเดียว

นี่มันชะโงกทัวร์ชัดๆ ขัดใจคนอยากถ่ายรูปจริงๆ เค้าว่ากันว่าถ้าพาคนรักมาเดินลอดซุ้มหินไปด้วยกันจะได้แต่งงานกัน

ไม่รู้จริงมั้ยพอดีไม่มีคู่ไป >___< บนเกาะนี้ทรายขาวมากน้ำทะเลก็สวยใสสุดๆ โชคดีที่วันนี้คลื่นไม่ค่อยแรงและฟ้าใสมาก



ถึงแล้วเกาะหลีเป๊ะ แต่...ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะสปีดโบ๊ตไม่ส่งถึงฝั่ง ส่งแค่โป๊ะแล้วต้องนั่งเรือหางยาวเข้าไป

เดินทางทุลักทุเลมากหลายต่อจริงๆ มาช่วงวันหยุดต่อแถวรอไปก่อน แถวย๊าว...ยาว กว่าจะถึงคิวได้ลงเรือ รอจนเมื่อยอ่ะ

ลืมบอกไปว่าเรานั่งเรือเที่ยว 11.30 น. มาถึงหลีเป๊ะก็เกือบๆ บ่ายสามโมงแล้ว นึกสภาพถ้ามาเที่ยวแบบไปกลับไม่ไหวแน่

ว่าแต่ใครเค้าเที่ยวหลีเป๊ะแบบไปกลับกันล่ะ มันต้องนอนค้างคืนบนเกาะสิถึงจะได้ซึมซับกับบรรยากาศให้เต็มอิ่ม

เราเลือกพักที่หาดพัทยา เป็นชื่อที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเรียกเพี้ยนมาจาก หาดบันดาหยา

หาดนี้จะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตก แต่ว่าที่พักเยอะ หน้าหาดยาวมาก มีร้านอาหารและถนนคนเดินแหล่งบันเทิงมากมาย

เอาเป็นว่าพักหาดไหนก็เลือกพักเถอะ ชิลล์หมดทุกหาด เห็นตัวเกาะครั้งแรกถึงกับร้อง เฮ้ย !!! นี่มันเกาะสวรรค์ชัดๆ

ทรายขาวมากกกกก น้ำทะเลก็ใสสุดๆ น้ำสีก็สวย สิมิลัน เกาะตาชัย ชิดซ้าย ลืมๆไปได้เลย

แม้ว่าที่นี่จะมีที่พักบนเกาะแต่ว่ามันไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด คนจีนน้อยกว่าที่คาด มีแต่คนไทย คนมาเล และฝรั่งมาเที่ยว




ถึงเกาะหลีเป๊ะ เข้าที่พักเสร็จเรียบร้อย ขอแอบงีบสักหน่อย แบบว่าอากาศร้อนไม่ไหวแล้ว ขอนอนแช่แอร์ก่อนล่ะ

ตื่นมาอีกทีก็เย็นย่ำ น้องไกด์บอกว่าจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Sunset Beach จริงๆสามารถเดินลัดจากหาดพัทยาไปได้

แต่เราจ้าง taxi ไป ... นึกออกกันมั้ยว่า taxi บนเกาะหน้าตาเป็นไง ก็เป็นรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง นั่งแว้นกันไปเลยจ้า

ไปถึงหาด Sunset พระอาทิตย์กำลังตกพอดี วันนี้อากาศดีได้พระอาทิตย์เป็นไข่แดงแน่นอน แต่เราสนใจอย่างอื่นมากกว่า

ก็หน้าหาดน้ำลดเยอะมากกกกก มองเห็นปะการังโผล่ขึ้นมาเลยล่ะค่ะ ดูภาพแล้วอาจจะดูเหมือนเราเหยียบอยู่บนปะการัง

แต่ว่าไม่ใช่เลย มันอยู่หน้าหาดจริง ๆ ยืนริมหาดก็เห็นแล้ว นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่า น้ำลดประการังผุดๆๆๆ

แต่เดินไปก็ต้องระวังให้มากไม่เข้าใกล้เกินไปไม่ขึ้นไปเหยียบเพราะเดี๋ยวปะการังจะหักเอา ยิ่งมีน้อยๆอยู่ต้องช่วยกันดูแล



ฟินกันไปกับแสงเย็น คืนนั้นก็หาไรกินหน้าหาดพัทยามีร้านอาหารให้เลือกเพียบ เห็นมีร้านนวดและถนนคนเดินด้วย

ราคาอาหารและของที่ขายก็แพงกว่าบนฝั่ง ก็อย่างว่ากว่าจะเดินทางมาถึง แต่ที่แปลกใจคือ มี 7-Eleven ด้วยล่ะ - -"


เช้าวันต่อมาเราก็ตื่นแต่เช้านะ รีบมาหน้าหาด แต่น้ำลงและพระอาทิตย์ไม่ขึ้นหน้าหาดนี้ !!! เดินกลับที่พักไปทานอาหารเช้า

รอเวลาเก้าโมง ก็เดินกลับมาหน้าหาดอีกครั้ง ตามที่ไกด์นัดเราไว้ว่า จะพาไปเที่ยวเกาะรอบๆและดำน้ำ ด้วยเรือหางยาว

ปกติแล้วเค้าจะไปทัวร์แบบวนรอบในวันนึง วนรอบนอกวันนึง แต่เราอยากไปแบบวันเดียวเอาให้ครบทั้งรอบนอกรอบใน

เพราะเห็นอากาศดีคลื่นไม่แรงฟ้าใสมากถ่ายรูปสวยแน่ๆ แต่ความสวยแลกมาด้วยความร้อน ครีมกันแดดแทบเอาไม่อยู่

การไปเที่ยวด้วยเรือหางยาวพิเศษตรงที่ว่า อยากไปไหนก็ได้ แวะดำน้ำได้ทุกจุด เพราะถ้าเป็นเรือสปีดโบ๊ทบางจุดเข้าไม่ได้

และเราเหมาเรือหางยาวทั้งวันเลย ไปกันเองแบบส่วนตั๊ว...ส่วนตัว กับเพื่อน มีไกด์คอยดูแลหนึ่งคนพร้อมคนขับเรือ

จริงๆแล้วจะเหมามาเองจากหน้าหาดก็ได้ คนขับเรือพาไปทุกจุดอยู่แล้ว แต่มีไกด์จะดีกว่าตรงที่ว่าเค้ารู้มุมไหนสวย

และใต้น้ำตรงไหนเจ๋ง เราไม่ต้องลอยคอลงไปดำหาเอง ให้เค้าลงไปหาให้ก่อนแล้วค่อยดำน้ำตามไปดู คือ...ดีอ่ะ


จุดหมายแรกในวันนั้นที่เราไปเยือนก็คือ เกาะรอกลอย (อ่านว่า เกาะ-รอ-กลอย) น้องไกด์บอกว่าวันนี้น้ำลงช่วงเช้า

ให้รีบไปก่อนที่นักท่องเที่ยวจะมา เราจะได้เห็นหาดทรายขาวๆ แม้จะเป็นเกาะเล็กๆแต่ให้ตายเถอะมันสวยมาก

มีจุดชมวิวด้านบนด้วยล่ะ เดินขึ้นไปนิดเดียวถึง มาทะเลแล้วเจอสภาพอากาศแบบนี้ความสุขมันล้นทะลักจริงๆ

ยิ่งพวกชอบถ่ายรูปแบบเราล่ะก็ วิ่งหามุมถ่ายให้วุ่น ร้อนเท่าไหร่ก็ไม่สน ขอให้ได้รูปพอ ฮ่า ๆๆๆๆ



หลังจากฟินกับบรรยากาศบนเกาะรอกลอยแล้วเราก็มุ่งหน้าไป เกาะหินซ้อนกันต่อ ที่เกาะหินซ้อนขึ้นไปเที่ยวไม่ได้

ได้แต่วนเรือไปรอบๆชมความสวยงามเท่านั้น เมื่อก่อนเราเข้าใจผิดมาตลอดว่า หินซ้อนเนี่ย อยู่ที่สิมิลัน จ.พังงา

ก็มันคล้ายกับหินเรือใบที่เกาะแปด นึกว่าจะอยู่ใกล้ๆกัน ที่ไหนได้อยู่คนละที่เลย เกาะหินซ้อนใครนะช่างเอาหินมาซ้อนกัน

ก้อนใหญ่มาก วนดูรอบเดียวเราก็ออกมา เพราะกระแสน้ำตรงนั้นค่อนข้างแรง จุดนี้มาชมหินอย่างเดียวเค้าไม่ดำน้ำ



จากเกาะหินซ้อนเราก็มุ่งหน้าไปยังเกาะผึ้ง ไกด์บอกว่าตรงนั้นมีของดีที่ต้องไปดู เกาะผึ้งเป็นเกาะเล็กๆไม่สามารถขึ้นไปได้

ได้แต่ดำน้ำดูปะการัง ตรงเกาะจะมีทุ่นขึงเอาไว้ สังเกตว่าตรงไหนมีทุ่นแสดงว่าดำน้ำได้ และต้องมีอะไรให้เราเจอแน่ ๆ

ตรงนี้ไกด์บอกว่ามีกัลปังหาสีเหลืองอยู่ นีโม่นี่ไม่ต้องพูดถึง ตรงไหนมีดอกไม้ทะเลพุ่งตัวไปเลยได้เจอแน่

ปะการัง หอยมือเสือ ฝูงปลาหลากสี คือจะบอกว่าน้ำใสมากกกกก ใต้น้ำนี่ละลานตาสุดๆ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น

ร้องวี๊ดว๊ายๆๆๆ กันใหญ่ พอเจอตัวแปลกๆนี่ตื่นเต้นสุดๆ เนื่องจากตรงนี้เป็นร่องน้ำแทบไม่ต้องเดาเลยว่ากระแสน้ำแรงแน่

ค่อยๆเกาะทุ่น สน๊อกเกิ้ลผิวน้ำ ก้มหน้าลงไปเราก็จะได้เจอกับอีกโลกหนึ่งแล้ว คือมันสวยมากกก แต่เราว่ายน้ำไม่แข็ง

เลยฝากกล้องให้ไกด์ไปถ่ายภาพใต้น้ำมาให้ ยกเครดิตภาพใต้น้ำให้ไกด์สุดเจ๋งของเราไปเลย ถ่ายมาสวยมาก !!!



ดำน้ำกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ก็ถึงเวลาหม่ำๆข้าวเที่ยงกัน เราจะไปแวะพักผ่อนกันที่เกาะราวี บนเกาะมีโต๊ะให้นั่ง

ดังนั้นแทบทุกคนจะมารวมพลช่วงเที่ยงกันที่นี่ มีร้านอาหารตามสั่งง่ายๆให้เลือกทาน เช่น ข้าวไข่เจียว ส้มตำ ไก่ทอด

แต่เราไม่ต้องซื้อเพราะไกด์เตรียมข้าวกล่องมาให้จ้า อยู่บนเกาะราวีนานเลยเกือบสองชั่วโมง รอคนออกไปดำน้ำกันก่อน

คนบนเกาะจะได้เหลือน้อยๆ ที่นี่มีต้นไม้แลนด์มาร์คอยู่ด้วย คือใครมาก็ต้องไปรอถ่าย ถ้าไม่ถ่ายเหมือนมาไม่ถึง



ทุกเกาะที่เราแวะคือ หาดทรายขาวทุกหาด น้ำทะเลใสทุกเกาะ แต่ความละเอียดของทราย บางที่ก็นุ่ม บางที่ก็ไม่นุ่ม

เอาเป็นว่าหาดทรายขาวสะอาดทุกเกาะจริงๆ ต้องชมถึงอุทยานแห่งชาติเลยนะ ที่ดูแลการจัดการได้ดีมาก

และชาวบ้าน คนขับเรือ ช่วยกันสอดส่องดูแล ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เช่น ไม่ทิ้งขยะ ไม่เหยียบปะการัง

จริงๆสิ่งเหล่านี้ ถ้าเค้าไม่บอก เราก็ไม่ควรจะทำอยู่แล้ว ถ้าไม่ช่วยกันรักษา ทะเลไทยคงไม่เหลือความงามแน่ๆ

เอาล่ะมาดูกันดีกว่า ว่าบนเกาะราวี มีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอยู่บนเกาะรึเปล่านะ เราพบว่าบนเกาะลิงเยอะมาก

มันลงมาคุ้ยขยะหาของกิน พอลงมามันก็จะโดนหมาไล่ หมาบนเกาะนี้เท่าที่เห็นมีอยู่สี่ตัว เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมาก

โดยเฉพาะเวลาเรากินข้าว มันจะเป็นมิตรมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะมันจะมานั่งรอ ขอของกินนั่นเอง



พอถึงเวลาบ่ายคล้อย จุดหมายต่อไปก็คือ เกาะหินงาม บนเกาะร้อนมากแนะนำว่าใส่รองเท้าลงไปด้วยไม่งั้นเท้าพองแน่ๆ

เดี๋ยวนี้บนเกาะหินงาม เค้ามีป้ายเตือน ห้ามไม่ให้เอาหินมาเรียงกันเป็นชั้นๆแล้วนะ ดังนั้นถ้าไปแล้วรักษากฎกันด้วยล่ะ

อะไรที่เค้าห้ามๆๆๆ อย่าทำเลยมันไม่ดี ขึ้นไปถ่ายรูปเก็บแต่ภาพมาก็พอเนอะ



ปิดทริปกันที่ ร่องน้ำจาบัง ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมา ดำน้ำกันกลางทะเลเลยจ้า กระแสน้ำแรงเลยทีเดียว

มือใหม่หัดดำน้ำคงได้แต่สน๊อกเกิ้ลผิวน้ำ เกาะทุ่นไปเรื่อยๆตามเคย มองจากผิวน้ำลงไปบอกเลยว่าสวยโคดดดด

เราฝากกล้องโกโปรไว้กับไกด์ ขอให้เค้าถ่ายภาพให้ค่ะ ไกด์ชนะเลิศอ่ะทำได้ทุกอย่างจริงๆ

ปะการังอ่อนหลากสีคือสวยมาก ละลานตาสุดๆ ปลาก็เยอะ ที่สุดของทริปคือได้เจอปลาสิงโต ... ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอ

เคยเห็นแต่ในรูปว่าสวยแล้ว ได้เจอตัวจริงๆตัวเป็นๆ โอย... ไปโม้ให้คนอื่นฟังได้อีกนานเลย



ต้องบอกว่าการมา "หลีเป๊ะ" ครั้งแรกของเรามันฟินมาก ได้เปิดโลกใหม่ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ลืมทะเลที่เคยไปมาเลยจ้า

เสียดายมีเวลาบนเกาะน้อยไปหน่อย แค่ 3 วัน 2 คืน ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย แบบนี้ต้องมีแก้มือ ไปอีกแน่นอน

หากใครกำลังมองหาที่เที่ยว ชอบทะเล ชอบดำน้ำ บอกได้คำเดียวเลยว่าต้องมาให้ได้ ทะเลไทยสวยจริง ๆ นะ





Jiratraveler

 วันพฤหัสที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.24 น.

ความคิดเห็น