"อัสลามูอาลัยกุม" เป็นการทักทายที่ให้ความหมายว่า "ขอความสันติสุข หรือความสุข จงมีแด่ท่าน"

คนที่ได้ยินคำให้สลามจะตอบรับว่า

"วาอาลัยกุมมุสลาม" ซึ่งให้ความหมายว่า "ขอความสันติสุข หรือความสุข จงมีแด่ท่านเช่นกัน"

เสมือนการขอพรให้ซึ่งกันและกัน

สวัสดีครับ....ในที่สุดก็ได้เวลาที่ได้จะเดินทาง ไปยังที่ ที่อยากไปมากที่สุด ซึ่งจริงๆ การไปสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นอะไรที่เปิดประสบการณ์ให้มากมายเหลือเกิน ในรีวิวนี้ตัวผมนั้นได้ตั้งใจจะไปดูทะเลหมอกที่หลายต่อหลายคนที่ผมรู้จักบอกว่า เห้ยย มันต้องไปให้ได้ มันคือที่สุดของหมอก นั้นคือ

"ฆูนุงซีลีปัต"

ทะเลหมอกที่เห็นวิวแบบ 360 องศา ซึ่งแอบซ่อนอยู่ที่ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ. ยะลา

เมื่อใจมาเวลาพร้อมก็จัดกระเป๋าสิครับ ทริปนี้คือตั้งใจจะไปคนเดียวแบบชิวๆ แต่พอจัดกระเป๋าเสร็จก็เลยโพสลง Social เล่นๆ ดันมีพี่ที่รู้จักกัน บังเอิญไปวันเดียวกันที่เดียวกัน ผมเลยแบบได้เพื่อนเดินทางไปด้วย (แอบประหยัดค่าเดินทางไปอีก)


ซึ่งค่าใช้จ่ายโดย "ประมาณ" ของผมนั้นที่คิดไว้ก็เริ่มต้นกันจาก หาดใหญ่ >> เบตง

ค่ารถตู้ (ไปกลับ "หาดใหญ่ - เบตง") -----> 460 ฿ จะต้องบอกว่า เบตง นะครับ ไม่ใช่ตัวเมืองยะลา

ลงรถที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวกะลาอนาเซีย กม 28

ค่าอะไรก็ได้ที่สะดวกใช้ (เผื่อๆ) -----> 500 ฿

ค่าทริป ค่ารถ อาหารเย็น อาหาร เช้า เต็นท์ -----> 800 ฿

หากสนใจจะไป ทางทีมงาน มีเบอร์ติดต่อตามนี้นะครับ

🏡ท่องเที่ยวชุมชนทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต🏡
🏁🏃ทีมฅน28พิทักษ์ฆูนุงซีลีปัต🏃🏁
💜องค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง💜
สนใจมาพิชิตสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
☏081-0938549 เฮง ☏082-2656900 ซู

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

กำหนดการเดินทางจากทีมงาน


และแล้วก็มาถึงจุดนัดพบกัน ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวกะลาอนาเซีย กม 28 ตอนถึงจัดของทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมเดินทาง เรียบร้อยอีกรอบคือ ฝนลงมาชุดใหญ่ ซึ่งบอกเลยว่าใหญ่มากชนิดที่ว่าตกใส่หลังคาเสียงดังเหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน ตอนแรกผมก็ลังเล ว่าจะขึ้นดีไหมนะ แต่แบบเรามาถึงนี้แล้ว เราจะถอยเพราะเพียงแค่ฝนไม่ได้หรอกนะ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน (กลัวเปียก) ฮึบๆ เอายังไงก็เอา และความมันส์ก็บังเกิดตามคลิป ....

รถติดหล่ม กระโดดถ่ายน้ำหนักกันยังกะอยู่ BMF

ระยะทางขึ้น ฆูนุงซีลีปัต : ประมาณ 5 กิโล โดยเดินทางด้วยรถ 3 ก.ม. เดินอีกประมาณ 2 กิโล

เนื่องจากเราติดฝนบวกกับเรื่องอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เราเดินทางช้ากว่าปกติไปมาก ทางเดินเป็นทางที่เรียกได้ว่าเหมือนสวนหลังบ้านจริงๆ ถ้าเกิดฝนไม่ตกจะง่ายกว่านี้อีกเหมือนเดินในป่ายางเลยครับ (ก็ป่ายางนั้นแหละ) เดินกันมาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีน่าจะได้ ซึ่งก็ได้เดินทางมาถึงจุดกางเต็นท์ในเวลาประมาณ 18:00 น คุณเฮงก็จัดเต็นท์แจกอาหารเย็น พร้อมกับก่อไฟต้มน้ำกินกาแฟ โอวัลติน ย่างไก่ ลูกชิ้น ไส้กรอก เรียกได้ว่า ดูแลดีมากๆ (ไก่ย่างอย่างอร่อย มันมืดหน่อย เลยมองไม่ค่อยเห็นว่า สุกรึยัง ได้ยินเสียงแว่วๆว่า ดับไฟฉายสิ สุกทันที เออ....น่าคิด)


ไม่ถนัดดูด ถนัดเป่า.....


ทีมเราประกอบด้วยกัน 10 คน นั่งล้อมรอบกองไฟ นั่งคุยกันเรื่อยๆ มิตรภาพที่เกิดขึ้น รอบกองไฟนี่ช่างดูอบอุ่นและ สบายใจจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะบอกบรรยากาศตอนนั้นยังไง ลองไปกันดูครับ คุณอาจจะชอบที่จะคุยกับคนแปลกหน้า คนที่ซึ่งไม่รู้จักตัวเราเลย คนซึ่งเราอาจจะสามารถพูดคุยอะไรบางอย่างได้มากกว่า คนรอบๆตัวเราในชีวิตประจำวัน เล่าเพียงแต่เพื่อความสบายใจ ไม่มีการถามต่อลึกในรายละเอียด หรือจริงๆเราแค่นั่งฟังเรื่องราวต่างๆ เพื่อคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างในใจก็เพียงพอและคุ้มค่าแล้ว

จวบจนได้เวลาเข้านอน ทุกคนที่เหนื่อยล้าและอิ่มท้อง ในใจต่างร้องหาที่นอนกัน เราเลยแยกย้ายเข้าเต็นท์นอน เพื่อถนอมแรงในการขึ้นไปดู พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่ยอดซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ สำหรับคืนนี้ก็ ..... Good night......

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

โดยประมาณ 5:00 น นาฬิกาปลุกผมก็ดัง เต็นท์ข้างๆก็เริ่มดังขึ้นเป็นระยะๆ ทุกคนเข้าใจในความหมายนี้และความสำคัญของเสียงนาฬิกาปลุก เราต่างลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน และเตรียมตัวเดินขึ้นไปยอด ทางเดินเป็นทางที่ง่ายๆ มีเชือกให้จับในจุดชันๆ อึดใจเดียวขึ้นถึงยอด ขนลุกเลยครับ (ไม่ใช่ปวดขี้) วิวที่อยู่ตรงหน้ามัน ทำให้พูดไม่ออกจริงๆ คนอื่นถ่ายรูปกับป้าย แต่ผมรู้สึกตื่นเต้นเลยเดินไปๆมาๆรอบนั้นสัก 3 รอบได้ มันเหมือนกับว่าทุกอย่างขาวไปหมด ทะเลหมอกของจริง ทะเลจริงน้ำสีครามเราจะเห็นเกาะต้นไม้เขียวๆอยู่เนืองๆ แต่ทะเลหมอกมันสีขาวและเห็นเพียงยอดเขาบางลูกแหลมๆขึ้นมา ให้ความรู้สึกเป็นเกาะจริงๆ


และที่ชอบที่สู๊ดดดดดด คือการต้มกาแฟและขนมปังปิ้ง คือแบบ ดีมาก ลืมกาแฟทุกอย่างที่เคยกินเลย เมื่อเจอกาแฟซอง กับ บรรยากาศที่เห็นอยู่ตรงหน้า


กาเดิมๆ เพิ่มเติมคือ ความประทับใจ

***ที่นี่อากาศอาจจะไม่หนาวเท่าภาคเหนือ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหนาวอยู่แล้ว แต่ที่นี่ตอนเช้าตรู่อากาศยังหนาวอยู่แต่ก็ไม่มาก เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมาสักพัก โดยเวลาประมาณ 8:00 น อากาศจะเริ่มร้อนขึ้นเหมือนยืนตากแดดนั้นแหละ เพราะฉะนั้นการไปควรคำนวณเวลาให้ดี ถ้าจะถ่ายรูปลองดูแสงให้ดี เพราะถ้าดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ฝั่งตะวันออกแสงจะแรงมาก (โชคดีวันนั้นเมฆบัง) ภาพย้อนแสงก็สวยไปอีกแบบนะ

และแล้วเราก็ลงกันจากเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย เรื่อยๆ ช้าๆ ตามประสา ลงมาจัดของเตรียมพร้อมจะเดินกลับ ทางเดิม และนั่งรถคันเดิม ทางเดินนี่ไม่ค่อยจะอะไรเลยเพราะมันเดินง่ายมากๆ แต่ทางรถนี่สิ แบบมันลื่นไถลไปตามทางแล้วน่ากลัวมาก เหมือนรถจะเบรคไม่อยู่ยังไงอย่างงั้น แต่เราเชื่อมั่นในคนขับ และก็ถึงจุดรวมพลที่ร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างปลอดภัย

ขอบคุณ พขร ตัวจี๊ด


เพิ่มเติมนะครับ
ที่ลานกางเต็นท์มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีของขายเล็กน้อย น้ำ ขนม
มีห้องน้ำบริการครั้งละ 10 บาท

มีสัญญาณโทรศัพท์+++

ถุงนอน 30 บาท

หมอน 10 บาท (จริงๆก็มีครบนั้นแหละครับ ลืมถ่ายมา ทั้งเต็นท์ ผ้าห่ม เสื่ออะไรๆที่จำเป็น )

***สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือการเป็นกันเองและการบริการของ ทีมงานครับ ไม่นับรวมถึงวิวยอดเขาที่ตื่นตาจริงๆ อยากให้ทุกๆท่านแวะมาเที่ยวกันเยอะๆนะครับ เป็นที่ ที่น่าเที่ยวมากๆอีกที่หนึ่ง ถ้ามีโอกาสหรือชอบเที่ยวอยู่แล้วยังไม่เคยมา แนะนำว่าต้องมาสักครั้งจริงๆครับ***

จบเรื่องราวในส่วนของ ฆูนุงซีลีปัตครับ ขอบคุณครับ




ความคิดเห็น