ช่วงเวลา ปลายฝนต้นหนาว
ในช่วง เดือนตุลาคม ของทุกปี
สำหรับผมวางแผนมาตลอดว่า
อยากจะไปสัมผัส ความเขียวขจี
ของต้นไม้ใบหญ้า เคล้าคล้อลมเย็นๆ
ทางภาคเหนือ ของประเทศไทย
และในครั้งนี้ก็เช่น กัน เพราะผม
เลือกเดินทางไปที่ จังหวัด เชียงใหม่
เพื่อท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์
ตามวิถีชิวิต การชอบเดินทาง ของผม
********************************************
ในการเดินทางของผมครั้งนี้
เราใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์
เมือเรา Check in และ Drop กระเป๋า
พร้อมทั้ง รับ Boading Pass เรียบร้อย
ดูเวลา ยังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก
เราจึง ไปใช้บริการเลาว์ ของสายการบิน
เมื่อถึงเวลาเราก็เดินทางไปยังเชียงใหม่
ท้องอิ่มมากกับการใช้บริการเลาว์
ความอร่อยยังคงอยู่ที่ ข้าวต้มมัดในตำนาน 555
เมื่อเครื่องบินในระดับแล้ว ทางสายการบิน
ก็ทำการ เสริฟ อาหาร อีกแล้ว....
ถึงแม้ว่าเราจะอิ่ม แต่เราไม่อยากให้สายการบิน
เสียกำลังใจ เราเลยต้องทานต่อ 555
เมนู คือ แซนวิชซีฟู๊ด
ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
ถึงแล้ววว.....สนามบินเชียงใหม่
โดยทริปนี้เราจะพักกันที่
โรงแรม " Bodhi Serene Chiangmai "
ที่พักมุมสงบ เหมาะกับการพักผ่อน
กลางเมืองเชียงใหม่ ใกล้ๆกับประตูท่าแพ
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาถึงที่พัก ประมาณ 15 นาที
พอมาถึงสนามบิน ทางโรงแรม
ส่งรถมารับเรา ขอบอกว่า
Driver ที่มารับเรานั้น คุยสนุกมาก
แถมให้ความรู้ เรื่องเบื้องต้นของเมืองเชียงใหม่
ตลอดเส้นทางระหว่างขับรถมาที่พัก
เมือมาถึงเราก็ติดต่อทำการ Check in
พนักงานต้อนรับ ยกน้ำมะนาวเย็นๆ
มาเสริฟ ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพนักงานก็พาเราเข้าห้องพัก
โดยเราพักกันที่ห้อง แบบ Deluxe room
รูปแบบของห้องพัก
1. SUPERIOR ROOM Size: 25-32 sq.m. No. of Rooms: 10
2. DELUXE ROOM Size: 40 sq.m. No. of Rooms: 27
3. PREMIUM ROOM Size: 40 sq.m. No. of Rooms: 2
4. EXECUTIVE ROOM Size: 45 sq.m. No. of Rooms: 3
5. ONE BEDROOM SUITE Size: 58 sq.m. No. of Rooms: 4
6. TWO BEDROOM SUITE Size: 116 sq.m. No. of Rooms: 1
ทางเดินแนวทอดยาว ไปห้องพัก
สังเกตได้ว่าจะมีการ
ปลูกต้นไม้ ทำให้ร่มรื่น มองแล้วสบายตามาก
ตรงกลางของตัวโรงแรม
จะมีลักษณะเป็นสวน
โดยตัวอาคารจะอยู่ล้อมรอบ
โดยห้องพักในโซนนี้
สามารถมองวิวจากระบียงห้องได้เลย
การจัดตกแต่งสวนของที่นี่
ร่มรื่นมากแต่ ใช้ไม้ทรงสูงปลูก
ทำให้ดูไม่เก่ะกะสายตา
ห้องพักของเรา หมายเลข 212
โดยการตกแต่ง ใช้สีโทนที่ดูอบอุ่น
รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ไม้ และสีของไม้
ทำให้การเข้าพักรู้สึก อบอุ่น น่าพักผ่อนมาก
อีกด้านเป็นระเบียงที่สามารถเปิดรับลม
จากภายนอก และยังมี ชุดเก้าอี้
ไว้สำหรับนั่งรับลมมองชมสวนได้
ภายในห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ ทรง กลม ขนาดใหญ่
แช่น้ำอุ่นตีฟอง กันได้สบายเลย
ห้องน้ำที่นี่ สามารถเปิด บานไม้สไลด์
ทะลุถึงห้องนอนได้เลย โรแมนติก อีกล่ะ
ที่มุมห้องมีโต้ะทะงาน สำหรับใคร
ที่ติดโน้ทบุ้คมาทำงาน
ข้างเตียงนอนมีโซฟาไม้สาน
แบบว่านอนคุยกับคนที่แช่อยู่ในอ่าง555
เมื่อเก็บข้าวของเสร็จ เราก็ออกมาเดินสำรวจที่พัก
ด้านนี้คือ " THE FICUS BAR "
มีอาหาร เครื่องดื่ม Snack , Cocktail
เปิดบริการ ตั้งแต่ 11.00 am. - 10 .00 pm.
Main Pool ของที่นี้สามารถ
.ว่ายแบบออกกำลังกันได้เลยก็ว่าได้
ทางเดินเชื่อมไปยังห้องพัก
ทีอยู่ล้อมรอบตัวสวน อีกฝั่งหนึ่ง
โซนนี้เป็นที่ทานมื้อเช้าเป็นแบบ Open Air
เดินข้ามมาอีกฝั่งของตัวตึกจะมีอาคาร
ห้องพักอีกแบบหนึ่ง และมีสระว่ายน้ำ
ขนาดไม่ใหญ่มากไว้ให้บริการแขกที่เข้าพักโซนนี้
ห้องอาหาร " THE BODHI RESTAURANT "
ให้บริการอาหาร
Breakfast: 07:00 a.m. - 10:30 a.m.
Lunch and Dinner: 11:00 a.m.- 10:00 p.m..
Room service: 11:00 a.m.-10:00 p.m.
บรรยากาศการตกแต่งดูอบอุ่น
ประกอบกับใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม
สร้างความผ่อนคลายในขณะทานอาหาร
ห้องอาหารอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ
มุมนี้เป็นทางเดินที่เชื่อมมาจาก
Lobby ด้านล่างมายังส่วนสระว่ายน้ำ
และห้องพักที่อยู่ด้านบน
ชุดโคมไฟที่เด่นอยู่โถงบันได
ทางขึ้นของห้องพักอีกด้านของอาคาร
ซุ้มประตูทางเข้าของโรงแรม
ถ้ามองจากด้านนอกเข้าไป เปรียบเสมือนว่า
หากเดินข้ามไป เราจะเข้าสู่อณาจักร
การพักผ่อนที่เงียบสงบ ของโรงแรม
ที่อยู่เบื่องหลังของกำแพงศิลาแลง
ช่วงค่ำๆ ผมออกเดินเล่นจากโรงแรม
ไปถึงประตู ท่าแพ ใช้เวลาไม่นานนัก
เลยไปถ่ายรูป ชุดเช็คอินที่ ใครๆก็ให้ความสนใจ
หลังจากที่ได้นอนพักผ่อน
แบบสบายทั้งคืนแล้ว
เราตื่นขึ้นมาพร้อมแสงสว่าง
ที่สาดเข้ามาที่ระเบียงห้อง
มีเสียงนกร้อง เบาๆ
จนเราลืมไปเลยว่าที่พักของเรา
อยู่กลางตัวเมือง เชียงใหม่
เปิดน้ำ แช่ตัว เพื่อเตรียมไปทานมื้อเช้า
ไลน์อาหารเช้าดูเรียบง่าย แต่มีครบทุกตามพื้นฐานของมื้เช้า
บอกเลยว่า เบคอน และเสต็กหมู ที่นี่อร่อย
ทานมื้อเช้าไปท่ามกลางความร่มรื่น
ของต้นลีลาวดี ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
สร้างบรรยากาศเพิ่มเติม โดย ทางห้องอาหาร
เปิดเสียงบรรเลงดนตรีไทย เบาๆ เคล้าคลอ
ให้แขก ที่มาทานอาหารเช้าได้ฟัง
ช่วงบ่ายๆเรามีโอกาศไดไปเยี่ยมชม ที่พัก
อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ ในเครือ เดียวกัน
อยู่ไม่ไกลมาก ชื่อว่า
" Baan Saen Fang Chiang Mai"
ที่นี้ มีห้องพัก เพียง 4 หลัง
แอบซ่อนตัวอยู่ในตัวเมืองเช่นกัน
ห้องพักที่นี้แบ่งเป็น 2 แบบ
- One Bedroom Villa
- One Bedroom Premier Villa
เริ่มกันที่ห้อง One Bedroom Premier Villa
สิ่งที่แตกต่างกันทั้ง 2 ห้อง คือ
ถ้าเป็น Premier จะมีห้อง Living room
และมีห้องนอน 2 ห้อง
การตกแต่ง ภายในห้องพัก
ใช้การผสมผสานเฟอร์นิเจอร์
ได้อย่างลงตัว
ที่นี่มีสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก
แต่เพียงพอกับแน่นอน เมื่อเทียบกับ
ห้องพักทั้งหมดมีแค่ 4 หลัง
สำหรับผมมองว่า ถ้าหากวันที่เข้าพัก
เราพักแค่หลังเดียว จะกลายเป็น
Pool Villa ทันที 555
ตัวอาคารห้องพัก ใช้การสร้างขึ้นมาใหม่
แต่ใช้ไม้เก่า เพื่อสร้างบรรยาการย้อนยุค
กลางตัวเมืองเชียงใหม่
แต่ทางโรงแรมฏ้จัดสิ่งอำนวยความสะดวก
ในห้องพักไว้อย่าง ครบถ้วน
ถัดมาเป็นห้องแบบ One bedroom Villa
การตกแต่งภายในดูอบอุ่น เหมือนพัผ่อนอยู่ที่บ้าน
มีโซฟา พักผ่อนอยู่กลางห้อง
มุมโต๊ะทำงาน
สำหรับที่นี่ผมมองว่า
ใครที่ต้องการการพักแบบ
อยากได้ความรู้สึก เป็นส่วนตัว
ประมาณว่า พักอยู่บ้านตัวเองที่ต่างจังหวัด
คงจะถูกใจแน่นอน
สำหรับใครที่ต้องการการมองหาที่พัก
ที่มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ
และอยู่ในตัวเมือง เชียงใหม่
" Bodhi Serene Chiangmai "
และ
" Baan Sean Fanh "
ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
สรุปหลังจากที่ได้เข้าพัก
- ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในตัวเมืองและใกล้สนามบิน สามารถเดินทางได้สะดวกเพียงไม่กี่นาที
- โรงแรมมีความเงียบสงบ การพักผ่อนได้กลิ่นอายของเมืองเชียงใหม่
- พนักงานบริการดี น่ารัก
- มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
- ใกล้ถนนคนเดินท่าแพ โดยทุกวันอาทิตย์จะมีการตั้งร้านของชาวเชียงใหม่
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ตรวจสอบโปรโมชั่น หรือ สำรองห้องพักได้ที่
Bodhi Serene Chiang mai >>> https://bodhiserene.com/
Baan Saen Fang >>> https://baansaenfang.com/
เพื่อเป็นกำลังใจ ให้ผม สามารถ กดติดตาม ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/MongTravel/
IG : cappuccino_prince9
Email : [email protected]
อ่านแล้ว อย่าลืม กด แชร์ ด้วยน่ะครับ
มี รีวิว อีกหลายตัวเลยครับ ที่รอคิวอยู่ แล้วเจอกันใหม่น่ะครับ
MongTravel
วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 11.35 น.