ทริปนี้ของพวกเราจะเป็นการเที่ยวภายใน 1 วัน โดยที่ไม่มีการวางแผนกันเลย เริ่มจากที่แม่อยากจะไปเที่ยวชมวัดพิพัฒน์มงคลที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย อารมณ์อยากไปก็ไปกันเลย

เราเริ่มเดินทางออกจากลำปางประมาณ 09.00 น. โดยขับรถไปทางอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ระยะทางจากตัวเมืองลำปางไปวัดพิพัฒน์มงคลประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

จากอำเภอเถิน เส้นทางจะมีแต่ป่าเขา ไม่มีปั๊มน้ำมัน เจอปั๊มอีกทีคือแยกทางเข้าวัดพิพัฒน์มงคล อย่าลืมเติมก่อนเดินทางกันด้วยนะ

วัดพิพัฒน์มงคล

วัดนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม วัดนี้เป็นวัดที่สร้างใหม่ สร้างบนวัดร้างกลางทุ่งนา สันนิษฐานว่าเป็นวัดมาก่อนประมาณ 700 ปี ไม่ปรากฏหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ พบเพียงรากฐานอุโบสถ เจดีย์โบราณ ซึ่งจมอยู่ใต้พื้นดินลึกลงไปประมาณ 1.50 เมตร ตรงใจกลางวัดในปัจจุบัน

ขับตามทางเข้ามาในตัววัด ลานจอดรถจะอยู่กลางวัด ขนาดวันนี้ฝนตกคนยังเยอะเลย

หลวงพ่อทองคำ

ตามประวัติหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ ด้วยทองคำหนัก 9 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีความงดงาม

นแน่นมาก เจ้าอาวาสท่านกำลังฉันเพลอยู่ เหล่าพุทธศาสนิกชนรอท่านมาให้พรและพรมน้ำมนต์ ส่วนพวกเราไม่รอแล้ว ออกเดินทางต่อดีกว่าเพราะคิดได้ว่าไหนๆก็มาสุโขทัยแล้ว ต้องไปวัดศรีชุมให้ได้

โบสถ์ไหนที่คนไม่เยอะ เราก็เข้าไปไหว้พระก่อนเดินทางต่อ

พระเจ้าทันใจ

พอออกจากวัดฝนตกหนักมาก ตกๆหยุดๆ

ระยะทางจากวัดพิพัฒน์มงคล - อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ประมาณ 56 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ระหว่างทางไปข้างทางจะมีแตงโมลูกเล็กๆขายด้วย รสชาติใช้ได้เลย

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

จะมีวิธีการเที่ยวชมอยู่ 3 แบบ

  1. เช่ารถจักรยาน คันละ 30 บาท ไม่จำกัดเวลา
  2. เช่ารถไฟฟ้ารวมคนขับ(เป็นไกด์นำเที่ยวด้วย) 200 บาท ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  3. รถราง คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 60 บาท

ค่าเข้าอุทยาน

  • ค่าเข้าอุทยานคนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท
  • ค่ารถจักรยานเข้าอุทยานคันละ 10 บาท
  • ค่ารถไฟฟ้าเข้าอุทยานคันละ 30 บาท

ผู้ที่ไม่ต้องเสียค่าเข้าอุทยาน

  • นักเรียน นักศึกษา ในเครื่องแบบหรือแสดงบัตร
  • หน่วยงานราชการและสถานศึกษาที่ส่งหนังสือขอเข้าชมมาล่วงหน้า
  • นักบวชทุกศาสนา
  • ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

พวกเรามา 4 คน และวันนี้อากาศร้อนมากจึงเลือกเป็นรถไฟฟ้าน่าจะดีที่สุด จะได้เป็นรถ 4 ที่นั่งแบบนี้

ถ้ามาหลายคนจะเป็นรถไฟฟ้าขนาด 6 ที่นั่ง

ไกด์นำเที่ยวจะเป็นคนพาเรามาซื้อตั๋วเข้าอุทยาน

วัดมหาธาตุ

ห่างจากประตูทางเข้ามาประมาณ 200 เมตร ก็จะพบกับวัดมหาธาตุ เป็นวัดขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองสุโขทัย มีเจดีย์รวม 200 องค์

เวลานี้แดดแรงมาก แนะนำให้นำร่มกันแดดมาด้วย วัดนี้คนจะเยอะกว่าวัดอื่นๆ เนื่องจากเป็นวัดสำคัญที่สุด

เจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร

องค์พระประธานสวยงามสมบูรณ์มาก โบราณสถานน่าจะสมบูรณ์กว่าที่อยุธยา

ความสวยงามของศิลปะสุโขทัยแท้

พบรอยเท้าสุนัข 1 รอยที่บริเวณฐานเจดีย์

พระอัฎฐารสเป็นพระพุทธรูปโบราณอาจกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรสุโขทัย

ได้ไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม มีอยู่บทความหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พระอัฎฐารส ตีความตามนามได้ว่า" อัฎฐะ” แปลว่า แปด เช่น เครื่องอัฎฐบริขารของพระภิกษุสงฆ์ 8 อย่าง รวมกับ “รส” ซึ่งเข้าใจว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ทศ” แปลว่า สิบ รวมความแล้วหมายถึง พระยืนสูงถึงสิบแปดศอก เข้าใจว่าเป็นศอกคนโบราณหรือการกะระยะของช่างที่สร้างบางองค์จึงสูงไม่เท่ากันนัก

วัดศรีสวาย

ตั้งอยู่ห่างจากวัดมหาธาตุมาทางทิศใต้ประมาณ 400 เมตร ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดูตั้งแต่สมัยก่อนเมืองสุโขทัย ต่อมาภายหลังดัดแปลงเป็นวัดในพระพุทธศาสนา

ไกด์บอกว่าคำว่า "สวาย" เป็นภาษาเขมร แปลว่ามะม่วง ซึ่งภายในวัดจะมีต้นมะม่วงอยู่หลายต้น ใบดกและมีลักษณะเป็นพุ่มสวยๆ แต่ไม่มีลูก

ปรางค์จะมีขนาดเล็กกว่าที่ลพบุรี บรรยากาศเงียบสงบ

ใต้ปรางค์องค์กลางจะมีประตูทางเข้า แค่ยืนปากประตูกลิ่นมูลค้างคาวแรงมากๆ

ภายในใต้ปรางค์องค์กลาง

สูดอากาศให้เต็มปอดแล้วกลั้นหายใจเข้าไปภายในตัวปรางค์ ข้างในมืดจะมองอะไรไม่เห็น ใช้กล้องถ่ายถึงจะมองเห็นลักษณะภายใน น่าจะเป็นร่องรอยการขุดสำรวจ ด้านบนเหมือนเป็นแผ่นไม้

ไกด์จะพาเราไปชมวัดอื่นๆ เช่น วัดตระพังเงิน และอธิบายให้ฟังว่าบ้านเรือนสมัยสุโขทัยจะตั้งอยู่บริเวณไหน ให้สังเกตุบ่อน้ำที่ผู้คนสมัยนั้นขุดใช้ บางจุดขอบบ่อน้ำจะก่อด้วยศิลาแลง

วัดสระศรี

วัดตั้งอยู่กลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสุโขทัยที่มีชื่อว่า ตระพังตระกวน ไกด์จะจอดรถที่หัวสะพานให้เราเดินข้ามไปชม

วิหารของวัดสระศรี ลักษณะคล้ายกับวัดมหาธาตุ

อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

เป็นจุดสุดท้ายที่ไกด์จะพาเราแวะชม บริเวณนี้จะมีกระดิ่งพ่อขุนจำลอง

ไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช แล้วไปต่อที่วัดศรีชุม

วัดศรีชุม

เป็นวัดเล็กๆ ห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ"

ที่ปากประตูวัดทั้งสองด้านจะมีช่องให้เราเดินเข้าไปด้านในผนังได้

  • ผนังด้านขวาเดินเข้าได้ไม่กี่ก้าวก็จะเป็นทางตัน คนตัวใหญ่อย่าเสี่ยงเข้าไปดีกว่าเพราะแคบมากพอดีกับช่วงไหล่ผมเลย
  • ผนังด้านซ้ายจะเป็นช่องที่ทำเป็นบันไดแคบๆ สามารถเดินขึ้นไปถึงด้านข้างขององค์พระอจนะ เมื่อพูดออกมาดัง ๆ เสียงของเราจะดังก้องกังวานอยู่ในวิหาร คล้ายกับว่าเป็นเสียงที่มาจากพระพุทธรูป ณ ปัจจุบันช่องทางขึ้นได้ถูกปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว

ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปปราบเมืองสวรรคโลก เป็นการรบระหว่างไทยด้วยกันเอง ทหารไม่มีกำลังใจในการออกรบ พระองค์จึงให้ทหารขึ้นไปพูดให้กำลังใจเหล่าทหาร จึงเป็นที่มาของตำนานพระพูดได้

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

  • ค่าน้ำมันไปกลับ ลำปาง - สุโขทัย 500 บาท
  • ค่าเช่ารถไฟฟ้าพร้อมคนขับ 200 บาท
  • ค่ารถไฟฟ้าเข้าอุทยาน 30 บาท
  • ค่าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คนละ 20 บาท x 4 คน = 80 บาท
  • ค่าเข้าวัดศรีชุม คนละ 20 บาท x 4 คน = 80 บาท
  • ค่าอาหารมื้อกลางวัน (ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย) คนละ 50 บาท x 4 คน = 200 บาท

รวมเป็นเงิน 1,090 บาท

ไปกับพี่พูห์

 วันพฤหัสที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.08 น.

ความคิดเห็น