ภูสอยดาว เป็น 1 ใน list รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตสำหรับผม คิดว่าหลาย ๆ คนคงทำ list แบบนี้ไว้เหมือนกัน แล้วค่อย ๆ เก็บไปเรื่อย ๆ ทำมันให้ได้ตอนยังมีแรงและพอมีเวลา (แม้ไม่มีเงิน) บางคนมีทั้งเงินและเวลาแต่ไม่มีแรง..ก็หมดสิทธิ์นะเออ

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ประกาศเปิดลานสนภูสอยดาวให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวและชมธรรมชาติบนลานสนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562-15 มกราคม 2563 เท่านั้น หลังจากนั้นจะปิดภูเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟู ใครที่คิดจะไปรีบวางแผนได้เลย

ทริปที่เหมาะสมควรจะเป็น 3 วัน 2 คืน ว่าแล้วผมและ ผบ.สูงลิ่ว จึงเลือกไปช่วงวันที่ 4-6 ตุลาคม 2562 เพราะเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคบานเต็มทุ่งทั้ง 100 % ต้องการไปเห็นด้วยตาทั้ง 2 ข้างของตัวเองว่าดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทยเป็นเช่นไร แต่จะดีกว่านี้อีกหากในทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ดังนั้นจึงลองชวนเพื่อนผ่านในทุกช่องทางการสื่อสาร ชวนกันเป็น 10 ครับ สุดท้ายได้เหยื่อมา 1 ราย คือ เพื่อนบอย เดินทางมาจากเชียงใหม่กันเลยทีเดียว ไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ มาเกือบ 10 ปีแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากทีเดียว ขอบคุณเพื่อนบอย มา ณ โอกาสนี้ด้วย

สำหรับการเดินทางไปภูสอยดาวนั้นมีหลายวิธีซึ่งจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ (ท่านสามารถหาอ่านตามเน็ตได้) ในที่นี้จะขอนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของการเดินทางง่าย ๆ แบบไม่มีรถส่วนตัว ใครอ่านรีวิวนี้จบสามารถทำตามได้ทันที

ขั้นตอนแรก ให้ติดต่อทางเพจรถรับส่งภูสอยดาวแบบหารเฉลี่ยก่อน ซึ่งมีบริการอยู่หลายเจ้า ครั้งนี้พวกเราใช้บริการจากทีมงาน จ่าเอ๋ (Tel.0835998826, Line:0835998826) บริการดุจญาติสนิทมิตรสหายกันเลยทีเดียว แค่เลือกช่วงที่จะไปเท่านั้น (เขาจะรวมคนให้ และตั้งกลุ่ม Line ให้เราได้ทำความรู้จักกันก่อน) โดยในวันไปรถจะรอรับสมาชิกอยู่ที่ บขส.ใหม่ พิษณุโลก นัดเวลาที่ 04.00 น. พอสมาชิกครบเมื่อไหร่ออกเดินทางทันที โดยจะแวะให้ซื้อเสบียงที่ตลาดป่าแดง (เป็นตลาดสด เทศบาล ฝั่งตรงข้ามมีร้าน 7-11 ขอยืนยันว่าพวกเราจะไม่อดตายบนภูอย่างแน่นอน) และจะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูสอยดาว ไม่เกิน 08.00 น. ส่วนขากลับรถจะรอรับสมาชิกอยู่ที่ตีนภู สมาชิกลงมากันครบเมื่อไหร่ออกเดินทางกลับทันที (ปกติจะลงกันมาครบอย่างช้าที่สุดไม่เกินบ่าย 3 โมง แนะนำให้นัดเวลาลงพร้อม ๆ กัน) รถจะไปส่งที่ บขส.ใหม่ พิษณุโลก ที่เดิม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ส่วนใครจะลงระหว่างทางสามารถแจ้งพลขับได้เลย ครั้งนี้ จ่าเอ๋ จัดสองแถวเล็กให้พวกเรา สนนราคาอยู่ที่ไป 200 กลับ 200 ต่อคน ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยกับระยะทาง 188 กิโลแม้ว ในรถมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 11 คนถ้วน (เป็นชายจริง 7 หญิงแท้ 4) ไม่น่าเชื่อว่าเจอกันครั้งแรกคุยกันราวกับรู้จักกันมานานนับ 10 ปี หรืออาจเป็นเพราะพวกเราคุยกันอย่างเมามันมาก่อนในกลุ่ม line แล้วนั้นเอง สรุปว่าใครที่ไปคนเดียวจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาถึง 10 คน กันเลย คุ้มจริง ๆ งานนี้

ขั้นตอนที่สอง เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนแรกแล้ว ให้เรานัดกันในกลุ่ม Line เพื่อจองตั๋วรถไป บขส.ใหม่ พิษณุโลก ในเที่ยวเดียวกันเลย สำหรับผู้ที่เดินทางจากหมอชิตแนะนำว่าไม่ควรเลือกเที่ยวเกิน 22.00 น. ส่วนใครที่เดินทางจากจังหวัดอื่นก็คำนวณเวลากันให้ถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก ไม่เกิน 04.00 น. เป็นใช้ได้ ส่วนขากลับไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้าเพราะเวลากลับจากภูนั้นไม่แน่นอน สามารถไปซื้อตั๋วที่หน้างานได้เลย

ก็ง่าย ๆ แค่นี้เองสำหรับการเดินทางแบบไม่มีรถส่วนตัว ว่าแล้วจะรออะไร เก็บกระเป๋าเลยซิครับ..พี่น้อง

ผมเดินทางจากหมอชิต โดยรถ บขส. มข.1 สายกรุงเทพ-อุทธยานฯ-บ้านด่านลานหอย เวลา 22.00 น. เคลมว่าใช้เวลาเดินทางถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก 5 ชั่วโมง ก็น่าจะถึงตอน 03.00 น. แต่ถึงจะวางแผนไว้อย่างดีแค่ไหนก็ย่อมพบเจออุปสรรคได้อย่างไม่คาดคิดเสมอ รถ บขส.คันนี้วิ่งได้หวานเย็นมาก ประมาณ 75 กิโลเมตร/ชัวโมง หันไปมองเลขไมล์ทีไร..น้ำตาจิไหล..ทุกที เหงื่อเริ่มแตก ความวิตกกังวัลเริ่มมาเยือน แต่ยังมั่นใจว่าจะถึงในไม่เกิน 04.00 น. แต่พอพนักงานต้อนรับแจ้งว่าจะแวะพักที่สิงห์บุรีเป็นเวลา 30 นาที โอ้ว..แม่จ้าว รู้ถึงชะตากรรมตัวเองทันทีว่าไม่ทันแน่ ๆ จึงรีบแจ้งไปยังกลุ่ม Line ให้รอกระผมด้วยนะ คงจะถึงเกิน 04.00 น. เป็นแน่แท้ สรุปผมไปถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก ในเวลา 04.30 น. ช้ากว่าที่เขาเคลมไว้ 1.30 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอถึงแล้วก็ขอโทษขอโพยกันไป เพราะสมาชิกเขาไปถึงกันครบหมดแล้วตั้งแต่ 03.30 น. ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับสมาชิกท่านอื่น ๆ ในครั้งนี้เพราะเป็นคนเร็วเกินไป อีกทั้งยังขาดประสบการณ์ในการเลือกใช้บริการรถทัวร์อีกด้วย พอติดต่อต่อรถหารเฉลี่ยได้ปุ๊ปก็จองรถทัวร์ปั๊ป ไม่ได้ดูอะไร..เล้ย เห็นมีรอบ 22.00 น. ก็จองทันที ส่วนเพื่อน ๆ เขานัดกันทีหลังโดยเลือกใช้บริการของ เจ๊เกียว เดินทางสะดวกสบายรวดเร็วกันไป ดีนะสมาชิกกลุ่มเราน่ารักกันทุกคน ครั้งนี้ผมเลยรอดมาได้โดยไม่ถูกรุมประชาทัณฑ์ และนี่คือโฉมหน้าสมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้

eevy3sqloc89

รถแวะให้กักตุนเสบียงกรังกันที่ตลาดป่าแดง มีทั้งของสดของแห้ง ฝั่งตรงข้ามมีร้าน 7-11 ก็จัดมาม่า ปลากระป๋อง กันไป และไม่ลืมที่จะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งไปกินมื้อกลางวันระหว่างเดินขึ้นภูด้วย

9gci2xlh7bqn
ubyafhp01tgq

และแล้วก็มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูสอยดาว ยังไม่ทันจะก้าวขาซ้ายลงจากรถ ทันใดนั้นของเหลวจากกระเพราะก็พวยพุ่งออกมาจากปากจำนวนมาก (โชคดียังเซฟไว้ได้ทัน) สาเหตุเนื่องจากระหว่างทางผมดื่มโค้งไปเยอะมาก กอปรกับได้กลิ่นท่อไอเสียที่ตลบเข้าภายในรถ สรุปสมาชิกทั้ง 11 คน รอด 8 สูญเสียมื้อเช้าในกระเพราะไป 3 (ซึ่งเป็นผู้ชายอกสามศอกทั้งนั้น) หลังจากอ๊วกกันจนเป็นที่พอใจแล้ว..ขอนั่งพักดมยาดมตราโป้ยเซียน..แป๊บ เดี๋ยวค่อยไปลงทะเบียนกันต่อ

u126udo8q71v

ที่เห็นด้านขวามือจะเป็นน้ำตกภูสอยดาว เป็นจุด start เดินขึ้นภู แต่ยังก่อนเราต้องไปเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ลงทะเบียน และจ้างลูกหาบกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งซึ่งต้องขับรถเลยไปด้านซ้ายมืออีก 1.5 กิโลเมตร และย้อนกลับมาจุด start นี้อีกครั้งเพื่อเริ่มเดินขึ้นภูกัน

3dyhz8mnrm2u

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มารถส่วนตัวหรือไม่ได้มารถรับส่งแบบเรา เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วทางศูนย์จะมีรถอีแต๊กแบบนี้มาส่งยังจุด Start

nchmw3wcxyxr

ขั้นตอนการลงทะเบียน ให้เฉพาะตัวแทนกลุ่มกรอกเอกสารคนเดียวก็พอ (ในแบบฟอร์มจะมีให้กรอกรายละเอียดของลูกทีม) และ จนท.จะเรียกเก็บบัตรประชาชนตัวแทนกลุ่มไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และจะให้ใบเขียวสำหรับให้แจ้งความประสงค์ในการเช่าเต้นท์ เครื่องนอน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ และนำใบเขียวนี้ไปรับของที่ด้านบน ขาดเหลืออะไรสามารถเช่าเพิ่มเติมที่ด้านบนได้ หรือจะไปเช่าทุกอย่างที่ด้านบนเลยก็ได้กรณีที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แต่ถ้าช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวเยอะของจะไม่พอ ควรจองจากด้านล่างไว้ก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัย

b45ggeh3si9y

จากนั้นรอคิวชั่งสัมภาระที่จะจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป ของผมกับ ผบ.สูงสิ่ว ชั่งรวมกันได้ 18 กิโลกรัม (ราคา 30/กิโลกรัม) เสร็จแล้วจ่ายเงินค่าลูกหาบ กับค่ามัดจำขยะ 200 บาท (ขากลับนำขยะลงมาด้วย และรับค่ามัดจำคืน)

18maxqa50wco


ทริปนี้กะเดินตัวปลิวโดยตั้งใจจะแบกเป้ที่มีแค่กล้อง/เลนส์ 2 ตัว/น้ำดื่ม 1.5 ลิตร 1 ขวด/หมูปิ้งและของอื่น ๆ อีกเล็กน้อยขึ้นไปเองเท่านั้น แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเราอีกครั้ง โดย ผบ.สูงลิ่ว หยิบของลงจากรถไม่หมด (ลืมถุงนอนไว้ 2 ใบ) กระผมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาได้แต่ทำตาปริบ ๆ และก้มหน้าก้มตาแบกขึ้นไป..เฮ้อ

ดังนั้น ผมจึงไม่อยากให้ทุกท่านผิดพลาดเหมือนกับพวกเรา จึงอยากจะแนะนำให้ท่านจัดกระเป๋า ดังนี้

  • กระเป๋าใส่สัมภาระทั้งหมดสำหรับที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไป
  • เป้ใส่สัมภาระส่วนตัว เช่น น้ำดื่ม อาหารกลางวันระหว่างทาง ขนม กล้อง เลนส์ เสื้อกันฝน ยารักษาโรค เป็นต้น สำหรับแบกขึ้นไปเอง
  • ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยนชุดก่อนเดินทางกลับบ้าน ก็สามารถแยกชุดใส่กระเป๋าใบเล็ก ฝากไว้ที่รถรับส่งได้เลย

ทำตามนี้แล้วชีวิตคุณจะง่ายขึ้นเยอะ..

และเมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มออกเดินทางกันในเวลา 09.30 น. โดยไม่ลืมที่จะถ่ายภาพที่จุดเริ่มต้นเป็นที่ระลึกก่อน

q3smopov44f0

ระยะทางก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ 6.5 กิโลเมตรแค่นั้นเอง นี่ยังไม่รวมที่ต้องเดินไปจุดตั้งแค้มป์อีก 500 เมตร นะ

pex2oupefmwz
bpng9zmc9ky3

ทางเดินช่วงแรกจะเดินผ่านลัดเลาะไปตามน้ำตกภูสอยดาวทั้ง 5 ชั้น ที่แต่ละชั้นมีชื่อที่ไพเราะมาก ไม่ว่าจะเป็นภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน วรรณิการ์ และสุภาภรณ์ และในแต่ละชั้นมีเส้นทางเดินให้ลัดเลาะชื่นชมได้ครบทุกแห่ง มันช่างสวยงามจนถ่วงเวลาพวกเราไปได้มากโขทีเดียว

hwie8g6m44um

vkazx0hcd45g
3n4gfiz2n9pl
5bjzjvq34r2w
5xj5ghvyhcyr
gdzyiwzeegl2

ช่วงที่ชันมาก ๆ จะมีบันไดเหล็กให้ปีนป่ายเป็นระยะ ๆ แต่มีบางจุดที่ชำรุดแล้ว ต้องระวังกันด้วย

elsyrmmcq8kh

ผบ.ลูงลิ่ว ยังฟิตอยู่ ก็ถ่ายรูปวนกันไป

fn694ixmbtbz


tuvsmzq5zrrg

7znjptatj5yb

yrlggxpuccug

นี่มันป่าดึก ดำ ดึ๋ย เอ้ย..ดึกดำบรรพ์ ชัด ๆ

3lo7dxpk6qg6
zqc9nb21p4mn

behszkh284d2

สำหรับผม แค่ได้เดินไปตามเส้นทางเดินนี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ใครที่รู้ว่าตัวเองกำลังแบตหมด (หมายถึง เบื่อน่าย ท้อแท้ ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ไม่อยากจะทำอะไร) แนะนำให้เดินเข้าป่าครับ อย่างน้อยก็ไม่ได้พบเจอคน..ใจร้ายอย่างเธอ ..ไม่ใช่แล้ว หมายถึงให้ท่านพาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติสักพักหนึ่ง ปล่อยวางกับเรื่องราวต่างๆ ที่กวนใจ ดื่มด่ำกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ แล้วท่านจะเข้าใจว่า ธรรมชาติบำบัด เป็นเช่นไร

t2frpkenw6mm
s17xric7xthg
cbj78umrtu51
o6d3k9k2he3k
vfsakl74h8cx
eqyvvsyjorxp
wj8b5bldgjyj

เดินมาต่างนานเพิ่งผ่านมา 1 กิโลเองหรือนี่

npt7ciczesar

เพลินเพลินกันจนมาถึงน้ำตกชั้นที่ 5 นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขึ้นภูจะมาสิ้นสุดที่จุดนี้ เพราะหลุดจากนี้ไปจะเป็นเนินวัดใจทั้ง 5 แล้ว

c97zyr9czmea

เริ่มจากเนินแรกเลย คือ เนินส่งญาติ เป็นทางเดินขึ้นเขาชันพอควร มีบันไดเหล็กบันไดไม้ และไม่มีบันได ระยะทางประมาณ 650 เมตร หากใครท้อขอให้หยุดที่จุดนี้ เพราะเดินขึ้นไปอาจจะไม่ไหว

m3s81wwvycid

h9n2rra6jbr9

jjsnfze4ihw3


4z19jx8icwup

จุดนี้จะพบดอกไม้ป่าตามเส้นทางเดินเป็นระยะ ทำให้ผมได้เริ่มกลับมาเจียมตัวอีกครั้ง เพราะไม่รู้จักเลยสักดอก

y0lzrq4qa0xa


zvppyhu8oksj


0oie8x9b92fy


hco8u1sskn8g

e3rjnysyj7fp

เนินปราบเซียน ระยะทางประมาณ 780 เมตร ลักษณะเป็นทางสูงชัน ถือเป็นเกือบครึ่งทางของทางเดินทั้งหมด เพราะมีระยะทางจากจุดเริ่มต้น 3,000 เมตร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักพักกลางวันกันที่จุดนี้

ku645lsxd4a4

qf83oaerh5f9

เจอไม้งามระหว่างทางเป็นต้องจอดทุกครั้ง ไม่รู้จักชื่ออีกเช่นเคย

wk2r4kdbm014


อีก 4 โล เท่านั้น พี่น้อง เดิมมาครึ่งวันแล้ว

859aciqd39ae


ciz7jfe9l4lo


เนินป่าก่อ เป็นช่วงทางเดินที่ไม่ชันมาก มองไปรอบ ๆ จะเต็มไปด้วย "ต้นก่อ" หรือ "ต้นโอ๊ก" ตอนเดินผ่านเนินปราบเซียนยังไม่หิว แต่ตอนนี้หิวแล้วจึงคว้าข้าวเหนียวหมูปิ้งมากินกันในบริเวณนี้

ml5tq9d929wh

พักกินข้าวเหนียวหมูปิ้งแป๊ป พลันก็มีเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังตึ้ง ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าตรงนี้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต แรงด้วย เพื่อนบอย ถึงกับวีดีโอคอล กันเลย

0ni07lzvlk8k

กินอิ่มแล้วก็เหลือบไปเห็นลูกโอ๊กตัวเป็น ๆ ล่วงหล่นอยู่เต็มโคนต้น เลยจับมาเป็นแบบซะหน่อย หล่อ..เชียว

x31wzze3q5l2

เจอสิ่งสวย ๆ งาม ๆ อีกแล้ว ก็จัดสิครับ

d2no4xm1ktfu
nq78rgcqxoyg
tdq1eew9p5o2

ระหว่างที่ถ่ายรูปเล่นกันอย่างเพลิดเพลินนั้น ก็พบว่าลูกหาบที่แบกสัมภาระของเรา ได้แซงพวกเราไปในจุดนี้ ทั้งที่ขึ้นมาทีหลังแถมแบกของหนักอีก 30 กิโล ไม่เป็นไรปล่อยพี่เขาไปก่อนเดี๋ยวเราก็ไปทันเขาบนภูนั่นแหล่ะ

6t681oman96k

พักเสร็จก็ได้เวลาไปกันต่อ เหลืออีก 3 โลเอง

xejdzy2fg9c1
29xnncu1nstw

เนินเสือโคร่ง มีระยะทางสั้น ๆ เพียง 200 เมตร เท่านั้น ชื่อเนินมาจาก "ต้นกำลังเสือโคร่ง" ตอนนี้บรรยากาศเริ่มมาคุมาก จึงต้องรีบเก็บกล้องและคว้าเสื้อกันฝนมาใส่ในทันใด (ใส่ปุ๊บแขนเสื้อหลุดไปทั้งแขน แม่ม..อยากจะกลับไปเผาร้าน) และสายฝนก็โปรยปรายลงมาตก ๆ หยุด ๆ ตลอดเส้นทางจนถึงจุดตั้งแค้มป์ โชคดีที่ยังตกไม่แรงมาก เนินนี้ผมเลยไม่ได้รูปเก็บไว้เชยชม

pu1op24sofdx

หลุดเนินเสือโคร่งมา อารมณ์..ก็ถูกกระชากอย่างแรงกับภาพวิวตรงหน้าที่เป็นเนินโล่งและมองไปไกล ๆ เห็นยอดเขาสูงปี๊ดอยู่ตรงหน้า ช่างแตกต่างกับตลอดเส้นทางเดินที่ผ่าน ที่ทั้ง 2 ข้างทางเป็นป่าที่มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่

lu4815880ihu

เท่าที่ดูรีวิวภูสอยดาวในอินเตอร์เน็ตมาก็พอจะรู้ว่า พอผ่านเนินเสือโคร่งมาก็จะเป็นเนินมรณะซึ่งเป็นเนินสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นภาพมุมนี้ในรีวิวใดมาก่อน บอกตามตรงว่าไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้ยอดสูง ๆ (ด้านบนซ้าย) นั้นคืออะไร ในใจคิดว่าไม่น่าจะใช่นะ คงมีอีกทางมากกว่า จนกระทั้งได้ยินเสียง ผบ.สูงลิ่ว ตะโกนบอกว่านั่นไงเห็นมีคนเดินอยู่บนนั้นด้วย นั่นแหล่ะจึงรู้ชะตากรรมตัวเองทันที และนี่ก็คือ เนินมรณะ อันลือเลื่องนั้นเอง เป็นช่วงสุดท้ายก่อนถึงลานสน มีระยะทางประมาณ 1,410 เมตร เป็นช่วงที่ชันที่สุดของเส้นทางภูสอยดาว จะสูงไปไหนเนี่ยะ เอาวะ..ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมแล้ว (ได้แต่คิดในใจ..แล้วกั้นใจแล้วไปต่อ)

o3brzsfctwfa


ถึงเส้นทางจะสูงชัน แต่ก็มีวิวภูเขาอันสวยงามให้ชมพอได้ลืมความเหนื่อยกันไปได้บ้าง

cx1rg1xoxijd
h6kzs45lximd

ใกล้ถึงยอดกันแล้ว สู้ว้อย..

jgxkzbjoq88v

และแล้วก็กระเสือกกระสนพาสังขาลอันร่วงโรยของตัวเองมาถึงลานสนจนได้ ในเวลา 16.00 น. ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 6.30 ชั่วโมง ในขณะที่เวลามาตรฐานเขาใช้กันแค่ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียดจนเกินไปเพราะมีการแวะถ่ายรูปตลอดเส้นทาง และจากลานสนต้องเดินไปจุดตั้งแค้มป์อีก 500 เมตร รวมทั้งหมดก็ 7 กิโลเมตร พอดี

cee5gdc466n2
9pfpemk7kagc

ถึงจุดตั้งแค้มป์ก็จัดแจงหาทำเลกางเต้นท์กันท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายอยู่ เลือกพื้นที่ที่เป็นสันดาน เอ้ย..สันดอน เอาที่เรียบ ๆ และมีหญ้าด้วยนะ เฟอร์เฟค เสร็จแล้วก็ไปเช่ากระป๋อง (10 บาท/คืน) กับขันน้ำ (10 บาท/คืน) สำหรับไว้ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

dx3edme2orae

เวลา 17.30 น. ฝนหยุดตกแล้ว และท้องฟ้าก็เริ่มมืด พวกเราจึงเริ่มลงมือทำมื้อเย็นกินด้วยความหิวโหย โดยตั้งใจจะหุงข้าวสวยกินเป็นมื้อแรก แต่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยจึงได้ข้าวต้มมาแทนครับ..พี่น้อง กินกับหมึกเค็ม ปลาหวาน และผัดกระเพราไข่เยี่ยวม้า (ทำเอง) อร่อยจริง ๆ ขอบอก อ้อ..มีเพื่อนบ้านนำหมูย่างกับไก่ดำย่างมาแบ่งปันให้ด้วย (ที่แรกนึกว่ามาเล่นมุกเอาไก่ไหม้มาให้กิน)

1ykezj1rfhvb


หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็ถึงเวลาอาบน้ำชำระร่างกายกันแล้ว ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วหากปล่อยให้เนิ่นนานกว่านี้คงไม่ดีแน่ ว่าแล้วจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ เอื้อมมือขวาไปคว้ากระป๋องกับขันน้ำแล้วเดินก้มหน้าไปตักน้ำในลำธาร (อยู่ด้านหลังห้องน้ำ) เข้าไปในห้องน้ำทันที และต้องสวดมนต์ทำใจกันอยู่นานกว่าจะราดขันแรกลงไปสัมผัสกับผิวกายอันบอบบางของเราได้ สัมผัสแรกที่ได้รับคือ..เขร้ !!! นี่มันน้ำแข็งชัด ๆ สั่นสะท้านไปทั่วทั้งปฐพี เอาว่ะ..ตามทฤษฏี ขันต่อไปจะต้องอุ่นขึ้นอย่างแน่นอน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะทุกขันที่ราดลงไปนั้นความรู้สึกมันไม่ได้แตกต่างจากขันแรกเลย ตัวก็ออกจะชา ๆ นิดนึง ต้องกลั้นใจอาบกันไปจนเสร็จ พลางคิดไว้ในใจว่าพรุ่งนี้..กรูไม่อาบเด็ดขาด ครั้งนี้ผมใช้น้ำไป 1 กระป๋องถ้วน

ihhviwjql7ac
svy3jz8ovni3

ตกกลางคืนก็ออกมารอถ่ายทางช้างเผือกกัน ซึ่งช่วงนี้จะเกิดขึ้นระหว่างเวลา 20.30-21.30 น. แต่คืนนี้ฟ้าดันปิดครับ ปิดสนิทมองไม่เห็นดาวสักดวง แม้แต่พระจันทร์ยังเบลอเหมือนใส่ซอฟเลนส์ คืนนี้ไม่เจอไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังมีให้แก้ตัวอีก 1 คืน

รุ่งเช้าอีกวันเราเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่จุดชมพระอาทิตย์ตก งง..กันล่ะซิ สาเหตุมาจากเพื่อนบอย มั่นใจมากว่าจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเดินไปทางนี้แหล่ะ..อืมมมม

z23m3yx7xc6x
pxn7dsxoo0nk
nfil3ndk2t49

ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็ถ่ายรูปเล่นวนไป จะสังเกตเห็นว่าดอกหงอนนาคยังไม่บาน

qgsx0jud9f95


cqlcnf34a6is
caubtppr9v5y
5coc0k43hx94

หลังจากเดินถ่ายรูปเล่นกันต่อสักพัก ก็กลับมากินข้าวต้มที่เหลือจากเมื่อคืนเป็นมือเช้า อร่อยมิใช่เล่น สาย ๆ ได้เวลาไปตะลุยทุ่งดอกหงอนนาคกันแล้ว ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับประวัติของดอกหงอนนาคกันสักหน่อยดีกว่า “ดอกหงอนนาค” มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ออกดอกในฤดูฝน ดอกจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด (บานเต็มที่ประมาณ 10.00 น.) ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง

cmga9h8pmzmi
4syfvmn84czb
8ksq68aodeh6

เริ่มออกเดินไปทางด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประมาณ 1 กิโลเมตร จะผ่านจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น (ของจริง) เดินถัดไปอีกนิดจะได้พบกับหลักแบ่งเขตไทยลาว ถือว่าไปครั้งเดียวได้เที่ยว 2 ประเทศ กันเลย

252yvp6n3gzy
0g99vv9lntqt

ว่าแล้วก็คว้ากาแฟมาต้มกันตรงนี้ซะเลย นั่งจิบไปชมบรรยากาศไป ฟินจัด ปลัดไม่ได้บอก กรูนี่แหล่ะบอก

fpcv60m5qa7l


จิบกาแฟเสร็จแล้วไปเพลิดเพลินกับ ทุ่งดอกหงอนนาคต่อ

s5tbie2p2fy3


6qe5uf7mk2fj


uvf5nvxrr9kk

fnaqornq1l97

vdl5bzbw6vza

ในทุ่งดอกหงอนนาคก็จะมี ดอกไม้ประเภทอื่นแจมอยู่เป็นระยะ ๆ

qh9eu7niuccz

x83d9xci2h84

vr76i7m9ts4s

มี Portrait เป็นระยะ

elrey0adpkwb

457tpgipegml


7vu52bzuj0cn

2jfuvbgt10tc

jld19yc8rrdp

7p8dsp55mfzr

h1w7gnwnwivz


onf4fdoeeq6g

mot8i93mukds


g8hhr2ddisr3

cc5m8cmnzrge

ygz2ld8hal6b

om4cyb9uka05
1erw9dy49v8p

ะหว่างทางมีหมอกลอยมาเป็นช่วง ๆ อากาศเย็นสบายเดินไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือร้อน

7nar3urz21jt


gwxofvpq6el2
7ho7d5wqs8s2


bwdqxvxm424p


เดินลัดเลาะไปตามหน้าผาแล้ววนกลับมาที่เต้นท์ทำอาหารกลางวันกินกันง่าย ๆ มาม่า ปลากระป๋อง

7qsnen8m6z24



sml05vixn304
l7keu7ox1ldp
uy7hiucgucw5


jf5wkiq1mfq4


ac71ut1s5jqe

0pluw0wmwqxm

lv6v9d8b52f7


bo80nquhb179


l7dzyeeg74mx

ช่วงบ่ายเดินไปชมน้ำตกสายทิพย์ในวันที่แล้งน้ำ

gf8zjee518ka


ตกค่ำเหล่าสมาชิกก็มาล้อมกันตั้งวงเหล้า..เอ้ย วงชาบู กินกันอย่างสนุกสนาน ชุดละ 399 บาท (สามารถสั่งไว้ตั้งแต่ตอนลงทะเบียนหรือจะขึ้นมาสั่งด้านบนก็ได้)

exiz8rzq45b5


ตกกลางคืนเหล่าบรรดาช่างภาพก็ออกมารอถ่ายทางช้างเผือกกันอีกครั้ง แต่สถานการณ์เหมือนกับคืนแรกไม่มีผิดเพี้ยน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วรอถ่ายดาวธรรมดาก็ได้วะ..นั่งคุยกันไป สูดควันรอบกองไฟกันไป จนเวลาล่วงเลยไปจน 23.00 น. ยังไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะเปิด พวกเราจึงขอบายและแยกย้ายกันไปนอน โดยไม่ลืมนัดเดินทางลงจากภูพร้อมกันในเวลา 09.00 น.

5345duxe7pbp


เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ พวกเราก็ทุบหม้อข้าว..ไม่ใช่สิ จัดการกับเสบียงที่เหลืออยู่ ส่วนที่เหลือเราก็นำไปบริจาคให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ และเตรียมเก็บข้าวเก็บของ เคลียร์พื้นที่ให้สะอาด นำสัมภาระและถุงขยะไปทำเรื่องให้ลูกหาบแบกลงเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้น้ำหนักที่ได้คือ 20 กิโลกรัม (แอบงงนิดนึง..ว่ามันหนักกว่าตอนขาขึ้นได้อย่างไรหว่า ?) เสร็จแล้วก็ได้กฤกษ์ออกเดินทางกันในเวลา 09.00 น. เดินถึงป้ายผู้พิชิตภูสอยดาวก็แวะถ่ายรูปซ่อมกันซะหน่อยเนื่องจากตอนขามาฝนตกเลยไม่ได้ถ่ายกัน

yc6f8yryp5xk


fwaaneg23ira

rpdx0xbhbvku


necbbedo7woj


rvpm3gj1x32k

7yidjxp1szob


j8nluvdioyqa


yihhkl4q85o3
c6yntol95j5o


kfm0xz24ib53


523zergx7ngh


เดินลงกันแบบม้วนเดียวเกือบจบ โดยมีการหยุดพักระหว่างทางแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ถึงตีนภูในเวลา 12.30 น. ใช้เวลาเดินลงเพียง 3.30 ชั่วโมง สมาชิกบางท่านลงมาถึงก่อนก็เล่นน้ำตกรอ กันไป บ้างก็ไปอาบน้ำรอ หรือกินข้าวรอเพื่อน ๆ ที่ยังลงมาไม่ถึง เมื่อสมาชิกลงมากันครบแล้ว ก็ออกเดินทางกลับกันในเวลา 14.30 น. ถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก โดยสวัสดิภาพในเวลา 17.00 น. และเดินหารถกลับหมอชิตในทันทีโดยต้องการเลือกรอบกลับที่เร็วที่สุดจนมาได้ที่เชิดชัยทัวร์ รถออกเวลา 17.45 น. ถึงหมอชิตโดยสวัสดิภาพในเวลา 24.00 น.

brtuaz6ocjne


สรุปความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้

ทริปนี้จะเรียกว่าทริปขาลากก็คงไม่ผิดนัก เพราะถือว่าหนักสุดและไกลสุดสำหรับตัวเองแล้วกับระดับความสูงที่ 1,633 เมตร จากระดับน้ำเบาดาล เอ้ย..จากระดับน้ำทะเล เอ้ย..อ่ะถูกแล้ว นี่ยังดีนะที่ยอด 2,102 นั้นยังไม่เปิดให้พิชิต (เปิดระหว่าง พ.ย.-ม.ค.) ไม่งั้นคงได้หนักกว่านี้อีก 2 เท่า

รู้ทั้งรู้นะว่ามันจะลำบากลำบนแค่ไหน เราก็ยังยินดีที่จะไป เพราะเสน่ห์ของมันอยู่ที่การเดินทางเพื่อพิชิตอุปสรรคนั้น ถ้าคนที่มีประสบการณ์จะรู้ว่าเราจะได้อะไรระหว่างการเดินทาง และรางวัลแห่งความสำเร็จนั้นคืออะไร อธิบายเป็นคำพูดนับหมื่นล้านคำก็ไม่เท่ากับไปเห็นด้วยตาตนเองหรอก..จริงมั้ย ดังคำกล่าวที่ว่าจุดหมายปลายทางนั้นไม่ใช่สถานที่ใดที่หนึ่ง หากแต่เป็นการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองใหม่ต่างหาก โลกเปรียบเสมือนหนังสือเล่มหนึ่ง คนที่ไม่เคยออกเดินทางก็เหมือนอ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว และการเดินทางก็ทำให้คนมีความเจียมตัว เพราะจะทำให้คุณได้พบว่าที่ที่คุณอยู่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ บนโลกใบนี้เท่านั้น ปล.กรูไม่ได้กล่าว ไม่รู้ใครกล่าวเหมือนกัน

สรุปค่าเสียหายในครั้งนี้

- ค่ารถ บขส.หมอชิต-บขส.ใหม่พิษณุโลก ไป-กลับ = 621 บาท/คน

- ค่ารถหารเฉลี่ย บขส.ใหม่พิษณุโลก-ภูสอยดาว ไป-กลับ = 400 บาท/คน

- ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน = 40 บาท/คน

- ค่าลูกหาบ กก.ละ 30 บาท ไป-กลับ 38 กก. รวม 1,140 บาท อันนี้หาร 2 คน = 570 บาท/คน

- ค่ากางเต้นท์ 30 บาท/คืน รวม 2 คืน = 60 บาท/คน

- ค่าเช่ากระป๋องและขันน้ำ อย่างละ 10 บาท = 20 บาท/คน

- ค่าอาหารที่เตรียมขึ้นไป = 300 บาท/คน

- ค่าอาหารระหว่างการเดินทาง ไป-กลับ = 120 บาท/คน

รวมทั้งสิ้น 2,131 บาท/คน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับภูสอยดาว

1. ด้านบนไม่มีฟ้าใช้ ควรเตรียมเพาเวอร์แบงค์ไปให้เพียงพอ ด้านบนมีให้เช่าเต้นท์และเครื่องนอน อุปกรณ์ประกอบอาหารอาทิ หม้อ เตาถ่าน เตาแก๊ส (ถ้าเป็นช่วงเทศกาลอาจมีไม่เพียงพอ) และมีห้องน้ำไว้บริการ แต่ต้องเช่าถังน้ำเพื่อไปตักน้ำจากลำธารมาใช้เอง สัญญาณโทรศัพท์มีบางจุด ไม่แน่นอน แล้วแต่ดวง คือถ้าระหว่างเดินอยู่แล้วมีเสียงจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าดังตึ้ง ๆ ละก็แปลว่าตรงนั้นมีสัญญาณแบบอ่อน ๆ พอเล่นได้ (ais กับ true move พอได้แต่ dtac นั้นตายสนิทศิษย์หามลง) ไม่มีร้านอาหารขายเหมือนภูกระดึง ต้องจ้างลูกหาบขนอาหารขึ้นไปทำกินเอง

2. ระหว่างเดินขึ้นภูต้องเตรียมน้ำดื่มให้เพียงพอ แนะนำว่าแค่ 1.5 ลิตร/คน ก็เพียงพอ ช่วงฤดูฝนด้านบนมีน้ำดื่มใส่แท็งก์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนฤดูแล้งน้ำหจะมด ท่านต้องเตรียมไปให้เพียงพอกับจำนวนวันที่จะอยู่บนนั้น หรือใครสะดวกใจก็สามารถใช้น้ำในลำธารมาต้มกินได้

3. บนภูมีโอกาสที่ฝนจะตกได้ตลอดเวลา เสื้อกันฝนเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ต้องพกติดตัวไว้ตลอด เสื้อผ้าหรือของที่เปียกไม่ได้ควรจัดเตรียมใส่ถุงพลาสติกไว้อีกชั้น เต้นท์ต้องมั่นใจว่ากันฝนได้ชัวร์

4. อากาศบนลานสนมีลักษณะหนาวเย็น เพราะฉะนั้นอย่าประมาทควรเตียมถุงนอนและอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อม

5. ยาสามัญประจำบ้าน พาราเซ็ต ยาแก้แพ้ ยากันแมลงควรจัดเตรียมไปให้พร้อม บนภูไม่มีทากครับ มีแต่เจ้า คุ่น ตัวร้ายที่ร้ายกว่ายุงหลายเท่า ยุงกัดแค่คัน ๆ แต่ คุ่นกัดมันทั้งคันและทิ้งรอยจุดเลือดไว้ทุกครั้ง หลายวันกว่าจะหาย ผบ.สูงลิ่ว โดนกัดทั้ง 2 ขา นับสิริรวมกันได้ 16 จุด กลับมาบ้านพบว่าจุดที่โดนกัดขยายกลายเป็นจ้ำแดง (ความคันยังคงอยู่) ขานี้ลายพร้อย ใส่ขาสั้นไม่ได้เป็นสัปดาห์ นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนนึกว่าเป็นเอดส์ ส่วนตัวกระผมนั้นหนังหนาเลยโดนกัดไป 3 จุด เกิดมาเพิ่งเคยโดนคุ่นกัดก็คราวนี้ ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าเลยทีเดียว

6. ไฟฉาย เป็นสิ่งจำเป็น ให้ดีควรเป็นแบบคาดศีรษะ

7. รองเท้า ควรเลือกที่มีดอกยางที่หนา ลึก จะได้ไม่ลื่น พวกลูกหาบใส่สตั๊ดดอยคู่ละ 80 บาท เดินกันสบาย

8. การเดินป่าเป็นระยะเวลานาน ๆ นั้นควรใช้ไม้เท้า ซึ่งจะช่วยในการกระจายน้ำหนัก แทนที่จะให้น้ำหนักลงที่ขาย่างเดียว การใช้ไม้เท้าเดินป่าจะช่วยกระจายน้ำหนักให้ไปลงที่ส่วนแขนด้วย ลดภาระที่จะไปตกลงที่ส่วนขา เข่า ข้อเท้า

9. ยอดภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย มีระยะทางจากลานบนภูสอยดาวไปยอดสูงสุดประมาณ 3 กิโลเมตร แต่มีสภาพเส้นทางที่สูงชันและสมบุกสมบันมาก ต้องใช้ระยะทางเดินไป-กลับ ร่วม ๆ วัน ประมาณ 7-8 ชั่วโมง ใครอยากพิชิตต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนตอนลงทะเบียน และต้องมีร่างกายแข็งแรง

สถานที่เที่ยวบนภูสอยดาว

1. น้ำตกสายทิพย์

2. ทุ่งดอกหงอนนาค “ดอกหงอนนาค” มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ออกดอกในฤดูฝน ดอกจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง

3. ลานสนสามใบขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยมีพื้นที่ครอบคลุมประเทศไทย และ สปป.ลาว

4. หลักเขตชายแดนไทย-ลาว หรือหลักเขต 2 แผ่นดิน ที่อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ทางด้านหลังไปประมาณ 1 กิโลเมตร

5. เส้นทางเดินชมธรรมชาติรอบวงกลมระยะทาง 2.28 กิโลเมตร ชมความงามของสนสามใบสูงตระหง่าน ดอกไม้ป่าแปลกตา จุดชมวิวเลาะเลียบผา

ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 09 5629 9528, 095-024-7633, 091-024-7633 ตั้งแต่เวลา 08:00-16:30

สุดท้ายขอกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางที่น่ารักทุกท่าน มิตรภาพมอบความงดงามแก่ชีวิต ดุจเดียวกับที่ดอกไม้มอบให้แก่โลก ขอบคุณสำหรับมิตรภาพของพวกเรา

ความคิดเห็น