เวลาบอกใครๆว่าจะไปจีน ชอบมีคำถามตอบกลับมาว่า ไปทำไม? มีอะไร? จีนนี่นะ? ใช่จีนนี่แหละ!! ประเทศที่ใครๆก็นึกว่าความสกปรกของห้องน้ำ ล่ำลือกันมาก แต่หลายๆคนก็อาจจะมองข้ามไปว่า ประเทศนี้แหละมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆมากมายเลยเชียว
ทริปนี้เราไปตั้งแต่วันที่ 11-21 เมษายน 2019 ใช้เวลา 10 วันโดยรวม
Day 1 (11/04/2019) ✈️ Bangkok to Kunming
"ไม่มีอะไรมาก เดินทางล้วนๆ"
📌ออกจากกรุงเทพไฟลท์กลางคืน ไฟท์ DMK - KMG (21:40 - 01:00) ที่สนามบินดอนเมืองโดยสายการบินแอร์เอเชีย
เดินทางมาถึงตี 1 ที่สนามบินนานาชาติฉางสุ่ย ซึ่งเวลาที่จีนไวกว่าไทย 1 ชม. เราเลือกนอนที่สนามบินกันเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็เช้าแล้ว
Day 2 (12/04/2019) ✈️ Kunming to Lijiang
"เดินเที่ยวในเมืองเหมือนคนบ้าเดินลากกระเป๋าวนไป"
📌เที่ยวเมืองคุณหมิง จตุรัสม้าทอง (Jin Bi Square) , วัดหยวนทง (Yuantong Temple) บินต่อไปลี่เจียงไฟท์เย็น เข้าพักที่ Elegant Home Inn
เราตื่นกันแต่เช้ามืด ล้างหน้าล้างตา เอาจริงๆเลยคือนอนไม่หลับเลย ในสนามบินอากาศหนาวมาก เมื่อเราทำภารกิจเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางเที่ยวในตัวเมืองคุณหมิงกันเลย อากาศเช้านี้อยากบอกว่า 10 องศานะจ๊ะ
กระเป๋าเดินทาง : ถ้าใครจะบินต่อไปลี่เจียงแนะนำให้ฝากกระเป๋าในสนามบินอยู่ชั้น 2 (ชั้นก่อนถึง F3 ที่เช็คอินกลับกรุงเทพฯบ้านเรา) แต่ถ้าใครจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ ก็ตามมาค่ะ บอกก่อนว่าเราไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟ แต่เราไม่รู้ว่ามีที่ฝากกระเป๋าที่สนามบินจึงลากกระเป๋าไปฝากกันที่สถานีรถไฟมาค่ะ 555
เราเลือกเดินทางเข้าเมืองคุณหมิงด้วย Subway Line 6 (昆明轨道交通6号线) แล้วไปต่อ Line 3 ราคา 5 หยวน
เลือกสถานีปลายทาง DONGFENG SQUARE
ได้บัตรแล้วเริ่มออกเดินทางกันเลย
ถ้าดูจาก Map แล้วเราต้องเลือกเปลี่ยนสถานีที่ Line 3 เพื่อไปลงยัง DONGFENG SQUARE (ดู map เต็มได้ที่นี่ https://www.travelchinaguide.com/images/map/yunnan/kunming-subway.png )
จากนั้นเราเดินมาเรื่อยๆตาม Google map มาที่จตุรัสม้าทอง ซึ่งแดดส่องร้อนนะ แต่อากาศก็เย็นมากเช่นกัน
หาข้าวเช้าทานกัน บริเวณนี้มีร้านอาหารหลายร้าน และออกเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟ เพื่อฝากกระเป๋า โดยนั่งรถบัสสาย K12 ราคา 1 หยวน ตลอดสายไปลงที่สถานนีรถไฟ
ก่อนผ่านเข้าไปด้านในจะต้องผ่านด่าน Security ก่อน ตรวจความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวดเลยทีเดียว
เดินผ่านด่านตรวจเข้ามาจะเจอรูปปั้นวัวกระทิงนี้ ทีรับฝากกระเป๋าจะอยู่ซ้ายมือในภาพ
ถึงแล้วร้านรับฝากกระเป๋า เราฝากกระเป๋า 6 คน 88 หยวน 4 ชั่วโมง หารกันแล้วตกคนละ 70 บาทไทยก็ถือว่าไม่แพง
ออกเดินทางไปวัดทวนหยง ขึ้น Subway Line 1 ไปเปลี่ยน Subway Line 2 ที่สถานี South Ring Road และลงที่สถานี Chuanxingulou ออกทางออก A เดินข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำไปแล้วเดินตรงยาวๆจะเจอวัด แต่พวกเราหรอ ดันออกทางออก D เดินไกลไปอีก
ถึงแล้ววัดหยวนทง (Yuantong Temple) เสียค่าเข้าวัดคนละ 6 หยวน ประมาณ 29 บาทไทย
วัดหยวนทง เป็นวัดที่ผสมผสานทั้งวัดไทย พม่า และธิเบต วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี
เดินเที่ยวชมไหว้พระข้างในวัดเสร็จเราก็เดินทางกลับมายังสถานีรถไฟที่เราฝากกระเป๋าไว้ และเลือกเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติฉางสุ่ย โดยรถบัสราคา 25 หยวน( 119 บาท) ส่งถึงหน้าสนามบิน
ใช้เวลานั่งรถประมาณ 40 นาทีถึงสนามบิน
เราออกเดินทางต่อมายังสนามบินลี่เจียง ไฟท์ Kunming (KMG) 18:20 to Lijiang (LJG) 19:25 บินมาถึงสนามบินที่ลี่เจียงเวลาประมาณ ทุ่ม 15 นาที ซึ่งท้องฟ้าดูสว่างอยู่เลย
จากนั้นซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเข้ามายังที่พักซึ่งอยู่แถวเมืองเก่าลี่เจียง ราคา 20 หยวน (95 บาทไทย)
เมื่อถึงสถานีปลายทางที่เราจะลง เราก็เหมารถต่อคนละ 5 หยวน (24 บาทไทย)ไปยังที่พัก --> จุดเริ่มต้นของการพบพ่อ
ที่พักเราคืนนี้ Elegant Home Inn
Day 3 (13/04/2019) Lijiang
"สวิตเซอร์แลนด์ดินแดนภูเขาหิมะแห่งเมืองจีน"
📌เหมารถเที่ยวภูขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ,น้ำตกไป่สุยเหอ (Blue Moon Valley) กลับเข้าพักที่เดิม Elegant Home Inn
พ่อคือใคร? ใครคือพ่อ? เราขอเรียกคนขับรถเราว่าพ่อ เนื่องจากอะไรติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะค่ะ เมื่อวานตอนเราเหมารถพ่อมายังที่พัก เราก็ได้คุยเรื่อยกับพ่อ ซึ่งวิธีการคุยกันคือใช้ Google แปลภาษา คุยไปคุยมาเราก็ตกลงเหมารถเขาเที่ยวในวันนี้ด้วยราคา 300 หยวนหาร 6 (ตกคนละ 238 บาท)
เรานัดพ่อ 8 โมงเช้า เพื่อเดินทางไปยังภูขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) และน้ำตกไป่สุยเหอ (Blue Moon Valley)
ระหว่างทางเราแวะซื้อออกซิเจนกระป๋องกันก่อนที่ร้านนี้
จำเป็นไหมที่ต้องใช้ ออกซิเจนกระป๋อง? ออกซิเจนกระป๋องจำเป็นสำหรับการขึ้นพื้นที่สูง บางคนก็ไม่ใช้ แล้วแต่สภาพร่างกายแต่ละคน ซึ่งออกซิเจนจะช่วยเติมอากาศให้เข้าสู่ร่างกายในกรณีที่พื้นที่นั้นมีออกซิเจนน้อย เมื่อสูดเข้าไปแล้วจะรู้สึกสดชื่น หายใจสะดวก สำหรับที่ภูเขาหิมะมังกรหยก เราแทบไม่ได้ใช้งานเลย ถือว่าไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่พกติดไปก็ดีค่ะ ที่นี่ขายกระป๋องละ 60 หยวน (285 บาทไทย) ราคาถูกกว่าไปซื้อที่อุทยาน
ก่อนทางเข้าจะต้องซื้อตั๋วก่อน ซึ่งเราอยู่บนรถเลย จะมีพนักงานเดินมาขายตั๋ว วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะ รถต่อคิวเพื่อขับเข้าด้านใน ตั๋วค่าเข้าคนละ 100 หยวน (475 บาทไทย)
เรามาถึงด้านในประมาณ 9 โมงกว่า ซึ่งตั๋วขายหมดแล้วจ้า พ่อก็คุยภาษาจีนกับพนักงานขายตั๋วใหญ่เลย ฟังไม่รู้เรื่องหรอกแต่ดูแล้วพนักงานขายตั๋วหน้าเหวี่ยงมากจ้า พ่อก็เดินไปเดินมา คุยแล้วคุยอีกพนักงานขายตั๋วก็ไม่ยอม ซึ่งพ่อใช้เวลาคุยประมาณครึ่งชั่วโมงได้ สุดท้ายแล้วพ่อก็โทรไปหาใครไม่รู้ ใช้เส้นใช้สาย สีหน้าเคร่งเครียด ส่วนพวกเราหรอยังคงถ่ายรูปเล่นต่อไปไม่รู้ชะตากรรม
หลังจากนั้นพ่อก็ทำสำเร็จ พวกเราก็ไม่ค่อยเข้าใจพ่อเท่าไหร่เลย เลยไปคุยกับพนักงานที่ดูแลอีกฝั่งนึงซึ่งเขาคุยภาษาอังกฤษได้ เขาก็ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจ สรุปว่าเราได้ตั๋วขึ้นรอบบ่ายจ้า ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อ โทรหาใครจองให้เราก็ไม่รู้ โล่งอกไปที
ขอถ่ายรูปกับพนักงานใจดีทั้ง 2 ท่านหน่อย นอกจากช่วยสื่อสารกับพ่อให้เราแล้ว ยังช่วยในการต่อรองราคาสำหรับการเดินทางในวันต่อไปกับพ่อให้เราอีกน่ารักมาจริงๆ
ระหว่างที่เราต้องรอตั๋วออก เราก็ออกมาถ่ายรูปเล่นข้างนอกรอพ่อ
เมื่อได้เวลาก็ประมาณ 10 โมงกว่าแล้ว เราขึ้นรถบัสไปน้ำตกไป่สุยเหอ ตามจริงในแผนเราก็จะไปบ่าย แต่ต้องเปลี่ยนเพราะขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกรอบเช้าไม่ทัน เราซื้อตั๋วขึ้นรถบัส 20หยวน (95บาทไทย)
ไปถึงต้องซื้อตั๋วรถกอล์ฟเพื่อนั่งเข้าไปยังแต่ละจุดอีก 50หยวน (238บาทไทย) พ่อก็ไปจัดการซื้อให้เราเรียบร้อย
เมื่อได้ตั๋วมา เหมือนตั๋วขาดไป1ใบ พ่อก็เดินกลับไปจุดขายตั๋วเพื่อเอาตั๋วมาให้ครบ ซึ่งในตั๋วจะ 3 จุดที่เราจะไปคือ E D C
ระหว่างนั้นเราก็เดินนำพ่อไปเพื่อต่อแถวรอขึ้นรถ
สักพักพ่อตะโกนเรียกเราพร้อมควักมือให้เราเดินตามพ่อมา พวกเราก็งงๆ ให้เดินไปไหนนี่ ที่ไหนได้ เดินมาทางที่ไม่ต้องต่อแถวเลย แอบว่าพ่อกันไปนิด โถ่วไอ้พ่อนี่ เกรงใจคนต่อแถวเขาจริงๆ แต่ด้วยความเร่งรีบพวกเราก็เลยเลยตามเลย ไปก็ไปว่ะ555
แล้วพ่อก็เดินไปคุยกับพนักงาน พร้อมบอกให้เราขึ้นรถเลย คือสายตาคนจีนที่มองพวกเราตอนนั้นก็ทำเอาเราแทบมุดหน้าลงดินเลย ไม่ได้ตั้งใจแซงนะ สถานการณ์บังคับจริงๆ
หลังจากเราขึ้นรถมาแล้ว รถนำเที่ยวก็จะจอดให้เราลงตามจุดต่างๆ เมื่อเราเที่ยวเสร็จก็นั่งรถไปยังจุดต่อไป ซึ่ง Blue Moon Valley จะเป็นธารน้ำตกหลายชั้น โดยน้ำตกจะเป็นเส้นแบ่งทะเลสาบออกเป็นหลายแห่ง
การขี่จามรี (Yak Ride) คนละ 50 หยวน
ไฮไลท์สำคัญคือ White Water Terrace
หลังจากเที่ยวน้ำตกเสร็จเราก็ขึ้นรถบัสกลับไปยังที่เดิมเพื่อขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกต่อ พอมาถึงพ่อก็รีบไปติดต่อเอาตั๋วให้พวกเรา ราคาตั๋วขึ้นกระเช้าคนละ 120 หยวน (570 บาทไทย)
เอาอีกแล้วจ้า ขณะที่พวกเรากำลังยืนรอพ่ออยู่ พอพ่อรับตั๋วเสร็จก็มาเร่งๆให้พวกเรารีบไป โดยแซงเลยจ้า พ่อเอามือหยุดบังแถวที่คนจีนกำลังเดินต่อคิวกัน พูดภาษาจีนอะไรสักอย่างใส่ แล้วแทบพลักพวกเราแซงเข้าไปในแถวทันที แซงคิวเขาไปอีกด้วยความรีบเร่งของพ่อ พวกเราได้แต่มองหน้ากันแล้วก็เลยตามเลยไปอีก
เราขึ้นรถบัสมาลงยังจุดขึ้นกระเช้า
ต่อแถวรอขึ้นกระเช้าอีก คนเยอะมาก ครั้งนี้ไม่มีพ่อมาด้วยแล้ว ต้องต่อแถวนะค่ะ 555
กระเช้ามาแล้ว
วิวถ่ายตอนขึ้นกระเช้ามาแล้วมองย้อนลงไป
เราเริ่มเข้าใกล้หิมะขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ถึงแล้ว ภูเขาหิมะมังกรหยก สังเกตทางเดินจะเป็นบันไดให้เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
เจอเจ้าตัวนี้ ขอถ่ายรูปได้ เสียค่าใช้จ่าย 20 หยวน (95 บาทไทย)
เราเดินกันขึ้นไปไม่ถึงจุดบนสุดก็เดินกลับลงมา เพราะความหนาวและเมื่อยเท้า จุดนี้คือภาพสุดท้ายที่เราเดินขึ้นไป
คนเยอะมากจริงๆ แต่พื้นที่ค่อนข้างเยอะเราจึงถ่ายรูปกันได้สบายๆเลย
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมายังแถวเมืองเก่าลี่เจียง เราบอกพ่อว่าอยากกินชาบู แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วย Hot pot อาหารทะเลมื้อนี้ จ่ายค่าเสียหาย 224 หยวน หาร 6 (คนละ178บาทไทย) กินกันอิ่มเลย
กว่าจะกินอาหารเสร็จก็ค่ำแล้ว พวกเราก็ให้พ่อพาไปเดินเมืองเก่าลี่เจียงกัน
เดินเล่นอารมณ์เหมือนเดินถนนคนเดิน มีของขายตาม 2 ฝั่งทาง
ถ้าใครไม่เหมารถไปเที่ยวหิมะมังกรหยกเองก็สามารถซื้อทัวร์ได้ที่นี่ มีหลายร้านให้เลือกซื้อเลย ราคาก็พอๆกัน
Day 4 (14/04/2019) 🚐Lijiang to Shangri-La
"แวะเที่ยวไปเรื่อย ระหว่างทาง"
📌 เหมารถจากลี่เจียงไปแชงกรีล่า แวะเที่ยวช่องเขาเสือกระโจนระหว่างทางไปแชงกรีล่า เข้าพักที่ Home Away From Home
เช้าวันนี้ออกจากห้องพักมาแวะดื่มชากันก่อน ชาที่นี่อร่อย โรงแรมเรามีบริการชงชาให้ดื่มฟรีด้วยนะ หลากหลายรสชาติเลย
วันนี้เราไปช่องเขาเสือกระโจน ซึ่งเป็นทางที่เราสามารถแวะไปได้ ค่าบัตรเข้า 45 หยวน
ช่องเขาเสือกระโจน ชื่อนี้มาจาก มีเสือตัวหนึ่งได้หนีการตามล่าจากนายพราน โดยกระโดดข้ามแม่น้ำที่มีจุดที่แคบที่สุด กว้าง 25 เมตร ที่นี่จึงมีชื่อเรียกว่าช่องเขาเสือกระโจนนั่นเอง
ทางเดินที่นี่เป็นบันได ขึ้นลง ค่อนข้างเหนื่อยเลยทีเดียว ถ้าใครเดินไม่ไหวก็เรียกใช้บริการรถนั่งได้ 555
ระหว่างเดินทาง เราเจอสถานที่ไหนอยากแวะก็สามารถบอกพ่อได้เลย พ่อยินดีแวะให้เราทุกที่ พูดแล้วเราก็แวะกันเลย
พวกเราให้พ่อถ่ายรูปให้เรา พ่อเป็นคนจัดแจงนู่นนี่ให้พวกเรา ถ่ายติดถังขยะนางก็บอก บอกหมดเลย ฮ่าๆๆ
และแล้วเราก็เดินทางมาจนถึงที่พักที่แชงกรีล่ากัน เราพักกันที่ Home Away From Home
ที่พักที่เราพักมีคนไทยด้วยนะ สามารถสอบถามข้อมูลได้ในเพจเฟสบุ๊คเลย พิมพ์ไปว่า Homeaway Fromhome
ที่นี่มีเจ้าถิ่นอยู่ตัวนึงด้วยนะ เชื่องมาก จับได้ไม่กัดเลย
มาดูห้องนอนเรากันบ้าง เรานอนกัน3คน นอนได้สบายเลย
ห้องน้ำกว้างและสะอาด
เก็บของเข้าที่พักเสร็จก็ได้เวลาหาอาหารเย็นทานกันแล้ว เราไม่เดินไปไกลมาก วนๆอยู่แถวที่พัก เดินเลยร้านอาหารของที่พักไป แล้วเราก็ต้องวนกลับมา สรุปแล้วร้านนี้แหละน่ากินสุด
ร้านอยู่ติดกับที่พักเราเลย
พอเห็นอาหารมาตั้งแล้ว อู้หู น่ากินจัง มันคือเนื้อจามรีนั่นเอง ขอบอกอร่อยด้วยแหละ
น้ำชาที่นี่อร่อย เป็นชาที่มีถั่วผสม และมีเมนูขนมปังกับนมให้เรากินด้วย ลองชิมดูได้ค่ะ บางคนอาจไม่ถูกปาก แต่เราว่าก็พอกินได้นะ
มื้อนี้โดนไป188หยวน (420บาทไทย) ถือว่าไม่แพง หารกัน6คน กินอิ่มแล้วเราก็ไปเดินเล่นต่อกัน เดินไปไม่ไกลจากที่พักจะเจอประตูทางเข้า ด้านในจะมีวัดต้าฝอซื่อ(Da Fo Su)และเมืองเก่าตั้งอยู่
อากาศค่ำนี้ 8 องศาเบาๆ
เดินขึ้นมาด้านบนจะเป็นบันไดทางขึ้นนะค่ะ ไม่ได้ถ่ายภาพมา ชมวิวไปก่อน
วัดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดกงล้อยักษ์ เพราะขึ้นไปจะมีกงล้อมนต์ธิเบตให้หมุนสำหรับขอพร ต้องช่วยกันหมุนหลายๆคน เพราะเป็นกงล้อยักษ์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูง 21 เมตร และน้ำหนักมากถึง 60 ตัน
มองวิวด้านบนลงมาจะเห็นหมู่บ้าน
เราเดินเล่นถ่ายรูปสักพักก็ลงจากวัดมา เดินเล่นต่อในเมืองเก่า
เราแวะหาร้านนั่งดื่มนมและของหวานกัน
ราคาก็พอๆกับมื้อข้าวเย็นที่เรากินมาเลย เราสั่งนมกันคนละแก้ว และขนมเค้ก 2 ชิ้น ตก172 หยวน หารกัน6คน (คนละ136บาทไทย)
Day 5 (15/04/2019) 🚐Shangri-La
"ขับรถลุยน้ำ เยี่ยมชมทะเลสาบนาปาไห่"
📌 เหมารถเที่ยวแชงกรีล่า เที่ยววัดต้าฝอซื่อ , วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery) ,ทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake) ,ทะเลสาบนาปาไห่ (Napa Lake) กลับเข้าพักที่เดิม Home Away From Home
เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้านัดพ่อมารับ 7 โมงเช้า กินข้าวต้มกันร้านตรงข้ามที่พักเรา มีให้เลือก 2 ร้าน ขายคล้ายๆกันเลย เราเดินไปจะมีคนเรียกเราเข้าร้าน ทั้ง 2 ร้าน คนขายหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เดินเข้าไม่ถูกเลย เลยกะว่าวันนี้เข้าร้านนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเข้าอีกร้าน ^^
ข้าวต้มมีหมูหยองด้วย เราเอามาเองจากไทย ดีนะ อร่อยดี ไม่งั้นคงจืด
เมื่อท้องอิ่มเราก็เริ่มออกเดินทางกันได้ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันในแชงกรีล่านี่แหละ สถานที่แรกที่เราไปคือ ไปเก็บภาพยามเช้าที่วัดต้าฝอซื่อ(Da Fo Su) นั่นเอง
สถานีต่อไปเราจะไปวัดซงจ้านหลินกัน (Songzanlin Monastery) เราต้องมาซื้อตั๋วก่อนแล้วค่อยนั่ง Shuttle Bus ต่อเข้าไปด้านใน
เสียค่าเข้าสถานที่คนละ 90 หยวน (430 บาทไทย)
เรานั่ง Shuttle Bus กันขึ้นไปด้านบน ที่นี่เป็นวัดชาวทิเบตที่มีอายุเก่าแก่มากร่วมๆ 300 ปี และถือเป็นวัดพุทธทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนานเลยก็ว่าได้
ไปถึงทางขึ้นวัดแล้วต้องเดินขึ้นบันได้ไปอีก146ขั้นนะจ๊ะ แต่บางข้อมูลก็ว่า 141 ขั้น ประมาณนี้แหละ เราไม่ได้เดินนับ 555
ขึ้นมาด้านบนแล้ว หอบนิดๆ แต่พอเห็นวิวแล้วสวยมากจริงๆ
วันนี้ฟ้าสวย ฟ้าเปิดเป็นใจให้เราถ่ายรูปมาก
เห็นนู่นไหม มองไปไกลๆอะ เป็นทะเลสาบด้านล่าง
หลังจากเราเดินด้านบนวัดเสร็จเราก็ลงมาต่อกันที่ทะเลสาบด้านล่างกัน ซึ่งอยู่ตรงหน้าวัด ชื่อว่า ทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake)
เราเดินมาตามทางเรื่อยๆ วนเป็นวงกลมจะวนกลับไปหน้าวัดที่เดิม
ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ เดินไปถ่ายรูปไปก็ถือว่าไม่ไกลเลย
เราเดินมาเรื่อยๆจะเจอธงพร้อมกับเจดีย์ที่ตั้งอยู่ด้านบน ตอนแรกก็ลังเลใจจะขึ้นไปดีไหม ขึ้นได้หรือป่าว เขตห้ามไหม บลาๆ
แต่สุดท้ายเห็นมีคุณลุงผู้ชายคนนึงเดินถือกล้องขึ้นไปถ่ายภาพด้านบน เราเลยตามขึ้นไป
วิวที่มองลงมาเห็นก็จะประมาณนี้
ปล.ด้านหน้าวัดมีร้านเช่าชุดให้ถ่ายรูปด้วยนะ ราคาไม่แพง 10 หยวนเองจ้า (50บาทไทย) ใครอยากมีภาพกับชุดพื้นเมืองเป็นที่ระลึกก็ถ่ายได้น๊า
เที่ยววัดซงจ้านหลินกันเสร็จเราก็ไปต่อกันค่ะ พ่อพาเราขับรถเที่ยวไปรอบๆทะเลสาบนาปาไห่ (Napa Lake) ระหว่างทางเราเจอเหล่าฝูงจามรีเต็มไปหมด
อยากจอดแวะถ่ายรูปตรงไหนก็บอกพ่อ พ่อพร้อมจอดเสมอ (:
พ่อขับรถมาเรื่อยๆเจอด่านน้ำท่วมพ่อก็ไม่จอดจ้า
ขับรถลุยน้ำมาเลย สร้างเสียงหัวเราะกับความตกใจให้พวกเรากันมาก ภาพที่เห็นคือขับมาสักระยะแล้วจนน้ำเริ่มน้อย แต่จริงๆแล้วน้ำเยอะกว่านี้อีก
พ่อขับรถพาเราเที่ยวจนเหนื่อยแล้วพ่อก็ถามว่าอยากไปไหนอีก เสียงคำตอบเดียวกันเลยคือ "กลับที่พักค่ะพ่อ" เหนื่อยเหลือเกิน
Day 6 (16/04/2019) 🚐 Shangri-La to Yading
"ความบันเทิงเกิดขึ้นตลอดการเดินทาง ไม่มีใครกล้าหลับ"
📌 เหมารถจากแชงกรีล่าไปย่าติง แวะถ่ายรูประหว่างทาง วิวสวยงามตลอดทางที่ไป เข้าพักที่หมู่บ้าน Riwa (Walk in)
เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้าเหมือนดิมเพราะต้องเดินทางไกล ออกเดินทาง 8 โมงกว่า ถึงย่าติง 5 โมงเย็น
ทานอาหารอิ่มเราก็พร้อมออกเดินทางกันเลย ระหว่างทางวันนี้ห้ามหลับกันเชียวนะ แวะตลอดทาง
--ติดรูปเมนูอาหารไว้ก่อน
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่รถที่ขับมาก็ต่างพากันจอดเพื่อให้ขึ้นไปชมวิวกัน จะมีบันไดเล็กๆขึ้นไป
มองไปไกลๆก็จะเห็นหุบเขาแบบนี้
พ่อพาเราขับรถต่อมาเรื่อยๆ ระหว่างทางเราเจออีกแล้ว อะไรสวยเราบอกพ่อจอดๆ ลงไปถ่ายรูปกัน
แล้วนี่ก็แวะอีกจ้า ตรงนี้พ่อจอดกินข้าว ส่วนพวกเราก็กินมาม่ากันแทน
ระหว่างทางพ่อขับรถวาดเสียวมากจริงๆ เหมือนพ่อดูง่วงมาก พวกเราไม่มีใครกล้าหลับเลยเพราะกลัว เลยบอกพ่อว่าจอดๆ ให้พ่อพักแปป พอดีตรงที่จอดมีน้ำตกเล็กๆพอดีเลย เราเลยถ่ายรูปรอพ่อพัก
พ่อพักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็บอกพวกเราว่า Go go go ไปก็ไปพ่อ แล้วอย่าหลับตอนขับรถนะ 555 ทางที่ขับรถผ่านไปก็จะมีทั้งทางราบ โค้ง ลูกรัง เจอสารพัดเลย
จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน Riwa กันซะที ซึ่ง Riwa เป็นหมู่บ้านแห่งการรวมตัวของนักท่องเที่ยวที่จะไปย่าติง พวกเราไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า ก็เลย Walk in เอา เดินหากันมีเยอะแยะให้เลือกเลย เราได้ที่พักที่นี
ห้องละ 228 หยวน พักห้องละ 3 คน ตกคนละ 361 บาทไทย
เราเก็บสัมภาระกันเสร็จก็ออกมาหาข้าวกินกัน ที่นี่บรรยากาศดีมาก มีซุปเปอร์มาเก็ต ร้านขายเสื้อผ้า อุปกรณ์กันหนาว ร้านอาหารให้เราเลือกหลายร้านเลย
น้องหมาน่ารัก คอยต้อนรับลูกค้าเข้าร้าน ^^
เราข้ามไปกินข้าวร้านนี้กัน ร้านป้าด้านขวามือ
พวกเราสั่งหมาล่ากินร้านข้างๆและสั่งอาหารป้า 2 อย่าง พร้อมกับข้าวคนละถ้วย (ตามจริงเรามีพวกอาหารปลากระป๋องกันมาอีก) ค่าอาหารมื้อนี้หมดไป 72+78 หยวน (หมาล่า+อาหารตามสั่ง) ตกคนละ 119 บาทไทย
Day 7 (17/04/2019) 🧗♀️ Yading
📌🧗♀️Trekking Route สั้น ทะเลสาบไข่มุก เข้าพักในอุทยาน (Walk in)
เช้าวันนี้เรามีนัดกันที่ทะเลสาบไข่มุก เราเก็บสัมภาระแค่ที่จำเป็นเพื่อไปพักด้านในอุทยาน ส่วนของที่เหลือเราฝากไว้ที่โรงแรม เราตื่นมารอขึ้นรถที่หน้าโรงแรมประมาณ 8 โมงเช้า ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถบัสไป คนละ 5 หยวน แต่พอดีเจอรถท้องถิ่นเราคาเท่ากัน เราจึงเหมารถไปที่อุทยานคนละ 5 หยวน ปล.วันนี้พ่อขับรถไปส่งเราไม่ได้เพราะนางบอกว่ารถนางไม่ใช่รถท้องถิ่น นางกลัวโดนตำรวจจับ โถ่วพ่อนะพ่อ
เราต่อแถวซื้อตั๋วค่าเข้าคนละ 133 หยวน (ประมาณ 631.75 บาทไทย) ปล.ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ตั๋วรถราคาพอดี
หลังจากนั้นเราต้องเดินขึ้นมาด้านบน ผ่านด่านตรวจพาสปอร์ต
แสกนตั๋วเพื่อขึ้นรถบัส แนะนำให้นั่งด้านซ้ายเพราะจะได้เห็นวิวสวยๆ
รถบัสจะแวะจอดบริเวณจุดชมวิวประมาณ 10 นาทีให้ลงไปถ่ายรูป
เรานั่งรถมาจากอุทยานใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เราลงที่ Eden town เพื่อหาที่พัก ซึ่งบริเวณนั้นมีที่พักอยู่พอดี เราจึงเดินเข้าไปดูห้องพักและตัดสินใจเลือกทันที
หลังจากได้ที่พักแล้วเราก็ขึ้นรถบัส มายังจุดเดินเท้าด้านบน เพื่อเดินไปยังทะเลสาบไข่มุก รถบัสจะขึ้นมาจอดบริเวณนี้
ก่อนเดินขึ้นไปมีห้องน้ำบริการด้วย แต่อันนี้เสียตังนะ
ส่วนอันนี้เข้าฟรีจ้า มองตรงไปสุดเลยอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำที่เสียตัง
เมื่อพร้อมแล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆตามทางเลย จะมีป้ายบอกทางให้เดินไป ใครจะเดินรูทสั้น ไม่ต้องเสียตังซื้อตั๋วรถกอล์ฟนะ *ย้ำว่าให้มองทางเดินดีๆ ทางเดินไปทะเลสาบไข่มุกจะเลี้ยวขวาก่อน ถ้าเดินเลยตรงไปจะเจอที่ขายตั๋ว ซึ่งเป็นการเดินรูทยาว เมื่อเราเลี้ยวขวามาจะเจอวิวแบบนี้
เดินมาตามทางเรื่อยๆเลยค่ะ
มีขึ้นสะพานมา
มองย้อนกลับไปจะเห็นวิววัดตั้งอยู่ตรงก่อนทางขึ้นที่เรามา แต่เราไม่ได้แวะค่อยแวะขาลง
มองไปเบื้องหน้าจะเห็นวิวภูเขา เราต้องเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
เดินมาสักพักก็จะเจอวิวนี้ แวะถ่ายรูปกันก่อนได้
ถ่ายรูปมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าทางที่เดินมาเป็นสะพานล้วนๆ
มองลงไปด้านล่างเป็นทุ่งหญ้า บางคนก็ลงไปเดินถ่ายรูป
แต่เราไปต่อค่ะ จะมี 2 แยก เดินลงไปกับเดินไปทางขวา เราเลือกเดินไปทางขวาเพื่อไปหาทะเลสาบไข่มุก
มองเห็นแล้ววิวทะเลสาบ
ภาพเบื้องหน้าที่เราเห็น นี่แหละ ทะเลสาบไข่มุก
แล้วเราก็ถ่ายรูปกันสักพักและเดินกลับมา แวะวัดก่อนค่ะ วัดนี้ชื่อว่า วัดชงกู่ (Chongu Monastery)
เป็นวัดขนาดเล็กที่เก่าแก่ประมาณ 700 ปี
ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติย่าติง บนความสูง 3,880 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมายังที่พักของเรากัน โดยลงบัสป้ายเดิม Eden town เราสั่งอาหารกินในโรงแรมเลย ซุปเป็นแบบเติมได้หม้อใหญ่ แล้วเราก็เอาอาหารกระป๋องที่พกมากินกันด้วย ตกแล้วค่าอาหารคนละประมาณ 90 บาทไทย
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเราก็ไปเดินเล่นแถวๆที่พัก ด้านหลังที่พักเราจะมีคอกม้าอยู่ และในบริเวณระแวกนั้นก็จะเจอม้าเดินป้วนเปี้ยนไปมา
ค่าที่พักคืนนี้ตกห้องละ220 หยวน นอนห้องละ 2 คน คิดเป็นเงินไทยคนละ 522.5 บาทต่อคนค่ะ
คืนนี้ลากันไปด้วยหมู่แสงดาวบนดาดฟ้าด้านบนนะค่ะ
Day 8 (18/04/2019) 🧗♀️ Yading
📌🧗♀️Trekking Route ยาว ทะเลสาบน้ำนม , ทะเลสาบห้าสี กลับออกมาพักที่หมู่บ้าน Riwa พักที่เดิม
เช้านี้เรามีเดินรูทยาวกันที่ทะเลสาบน้ำนมและทะเลสาบ 5 สี เราต้องเตรียมซื้อข้าวเพื่อไปกินด้านบนกันด้วยนะ เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า รถบัสจะจอดหน้าอุทยาน เดินไปอีกประมาณ 200 เมตรถึงจุดแยก วันนี้เราเดินตรงไปยังจุดซื้อตั๋วนั่งรถกอล์ฟ จะสามารถล่นระยะทางได้ 5 กิโล ในการเดิน ค่าตั๋ว ไป-กลับ ราคา 80 หยวน
เราใช้เวลานั่งรถกอล์ฟประมาณ 15 นาทีจะถึงจุดนี้ที่ต้องลงเดินกันแล้ว
ทางจะเป็นสะพานทอดยาวให้เราเดินไปตามทาง ซึ่งจะมีจุดที่สามารถเช่าม้าขี่ได้สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน
เราเดินมาตามทางเรื่อยๆ
เดินมาจนสุดทางไม้จะเป็นทางเดินหินแล้ว
ป้ายบอกทางอีก 3.56 กม.จะถึงทะเลสาบ 5 สี และอีก 3.8 กม จะถึงทะเลสาบน้ำนม
ทางขึ้นจะมีทางชันขึ้นๆลงๆ
เดินมาเรื่อยๆ ป้ายก็จะบอกระยะทางว่าเหลืออีกกี่กิโลเมตร
ใครเหนื่อยก็แวะนั่งพักด้านข้างก่อน
เราเดินมาเรื่อยๆจุดแรกที่เจอจะเป็นจุดชมวิวด้านหน้าเป็นจุดแรก แต่นี่ยังไม่ใช่ทะเลสาบที่เป็นเป้าหมายหลักของเรานะ ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ :)
เดินกันต่อไปค่ะ
อีก 2.6 กม. จะถึงทะเลสาบ 5 สีและ 2.85 กม.จะถึงทะเลสาบน้ำนม
สำหรับคนที่ขี่ม้ามา ม้าจะส่งลงตรงจุดนี้ และต้องเดินต่อขึ้นไปอีก ต่อไปจะเป็นทางชันขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งม้าไม่สามารถขึ้นไปได้แล้ว
สำหรับใครที่อยากเข้าห้องน้ำสามารถเข้าได้ตรงจุดนี้เลย หรือจะนั่งพักก่อนก็ได้เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจกับทางชันด้านหน้า
เมื่อพร้อมแล้วเราก็เดินลุยกันต่อ
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ชันไปเรื่อยๆ
ใครเหนื่อยก็หยุดพักก่อน
ภาพนี้ถ่ายจากด้านบนถึงมาด้านล่างให้เห็นความชันของระยะทางเดินที่เราเดินกันขึ้นมาเรื่อย
เรายังคงเดินต่อไปเรื่อยจนถึงจุดที่มีธงเยอะๆ นั่นแสดงว่า ใกล้หมดช่วงทางชันแล้ว
พอเดินมาถึงจุดนี้มองไปไกลๆนั่นเลย เบื้องหน้าเราทะเลสาบน้ำนม
พอเดินไปถึง นั่งพักกินข้าวก่อนสิ่งอื่นใดเลย เติมพลังกันก่อน
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเรามันสวยมาก นี่แหละทะเลสาบน้ำนม
คุ้มค่าแก่การเดิน
เมื่อเราถ่ายรูปกันจนพอใจและ เราไปต่อกันที่ทะเลสาบ 5 สี เราต้องเดินย้อนกลับมายังป้ายที่เราเดินผ่านมา
เดินขึ้นอีกแล้วค่ะ บางคนก็บอกว่าไม่สวยหรอก ไม่ขึ้นไปดูก็ได้ คือทางมันชันอีกแล้วไง แต่ไหนๆมาแล้ว ต้องไปให้ถึง
เราถ่ายภาพจากด้านบนลงมาด้านล่างจะเห็นทะเลสาบน้ำนมที่เราเพิ่งเดินจากมาและกำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ 5 สี
เราเดินขึ้นมาเรื่อยๆด้วยระยะทางที่สั้นประมาณ 450 เมตร แต่ทางชัน พอถึงจุดด้านบนมองลงไปยังด้านจะเห็นทะเลสาบ 5 สีเล็กๆ
ป้ายจะบอกว่าเราต้องเดินลงไปอีก 270 เมตรค่ะ มองป้ายที่ชี้ไปทางด้านขวาในรูปนะ
ยังเหลือหิมะให้เราได้เห็นอยู่ด้วย จังหวะนี้คือไม่มีเพื่อนเดินลงมาด้วยแล้ว เราก็เลยเดินลงมาคนเดียว แล้วให้คนอื่นถ่ายรูปให้ 555
และในที่สุดมิชชั่นเราก็ Completed พร้อมกับหิมะที่ตกลงมา
จากนั้นเราก็เดินกลับกันลงมาด้านล่าง นั่งรถบัสกลับไปยังโรงแรมเพื่อไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้ และกลับลงไปนอนที่หมู่บ้าน Riwa กันในคืนนี้
Day 9 (19/04/2019) 🚐 Yading to Shangri-La
📌เหมารถจากย่าติงกลับสู่แชงกรีล่า เดินเล่นเมืองโบราณจงเตี้ยน เข้าพักที่ Home Away From Home
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า นัดพ่อไว้ 7 โมงเช้า แต่สงสัยพ่อกลัวเราไม่ตื่น ถึงกับ chat มาปลุกกัน 555
พวกเราก็ลงมากันก่อนเวลา เพราะพ่อตามแล้ว แล้วพ่ออยู่ไหนหล่ะนี่ เห็นแต่รถ เลยถ่ายรูปส่งกลับไปตามพ่อบ้าง
เมื่อเรารวมตัวกันได้ครบ ก็ได้เวลาออกเดินทางกลับสู่แชงกรีล่า ระหว่างทางเราก็ยังคงแวะถ่ายรูปกันอยู่
เราถึงแชงกรีล่าประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง จัดแจงเก็บของเข้าที่พัก เราพักกันที่เดิมที่ที่เรามาพักกันก่อนเดินทางมาย่าติง Home Away From Home หลังจากนั้นเราก็นอนพักผ่อน ก่อนนัดกันออกมากินข้าวเย็น
มื้อนี้เราเดินกันเข้ามากินข้าวในเมืองเก่า เราเลือกกินชาบูกัน ร้านที่กินจะอยู่เยื้องๆกับเจดีย์แบบทิเบตกลางหมู่บ้าน
จะมีรายการอาหารให้เลือก อยากกินอะไรก็ติ๊กตามรายการในกระดาษสั่ง
หน้าตาอาหารเราก็จะประมาณนี้ รสชาติอร่อยใช้ได้เลย ราคามื้อนี้277 หยวน ประมาณ 1315 บาท หารกัน 6 คนก็ตกคนละ 200 กว่าบาทค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นกันต่อ
Day 10 (20/04/2019) 🚐Shangri-La to Lijiang, ✈️Lijiang to Kunming
📌เหมารถจากแชงกรีล่ากลับลี่เจียง เดินเล่นเมืองเก่าลี่เจียง บินจากลี่เจียงกลับคุณหมิงไฟท์ค่ำ
โบกมือลาที่พักที่แสนสบายของเรา Home Away From Home (ดูรูปได้จาก Day 4)
วันนี้เราเดินทางกลับมายังลี่เจียง แวะเมืองเก่าลี่เจียงกันก่อนที่จะไปสนามบิน
เรากินข้าวกันเรียบร้อยที่นี่เลย มี KFC ด้วยนะ หลังจากนั้นเราก็ให้พ่อไปส่งเราที่สนามบิน ไฟท์ LJG - KMG 20:40 - 21:40
Day 11 (21/04/2019) ✈️Kunming to Bangkok
กลับกรุงเทพบ้านเรา ไฟท์ KMG - DMK 02:00 - 03:15
แยกรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ค่ะ
G-jee Jiraprapa
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.47 น.