ทริปนี้เราจะไปเล่นพาราเซลลิ่งที่เกาะเสม็ด, ฐานทัพเรือสัตหีบ ไปขึ้นเรือรบจักรีนฤเบศร, พักที่หาดนางรำ, Pattaya walking street, ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลของกองทัพเรือ

วันที่ 1 เริ่มต้นการเดิน

  • เราเดินทางโดยเครื่องบินจาก สนามบินเชียงใหม่ - สนามบินอู่ตะเภา โดย Air Asia ไปกลับคนละประมาณ 1,200 บาท จากนั้นก็หารถยนต์เช่าวันละ 800 บาท มุ่งหน้าสู่ท่าเรือบ้านเพขึ้นเรือไปเกาะเสม็ด
  • ค่าเรือสปีดโบ๊ทคนละ 250 บาทไป-กลับ ,เรือธรรมดาก็มีแต่จำราคาไม่ได้

แวะส่งผู้ร่วมเดินทางที่ท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด แล้วเรือจะไปส่งพวกเราที่ Sawasdee Coco หาดทรายแก้ว

และแล้วก็ถึง Sawasdee Coco รีสอร์ตเล็กๆน่ารัก ติดหาดทรายแก้ว

ห้องพักที่เราเลือกห่างจากทะเลไม่กี่ก้าว เป็นห้องพักเล็กๆ มีทีวี ไดร์เป่าผม กาต้มน้ำ ตู้เย็น ของใช้พื้นฐานครบ ไปเที่ยวทุกที่เราจะเตรียมปลั๊กพ่วงไปด้วย ไปที่ไหนจะเหมือนๆกันคือปลั๊กไม่พอใช้

เก็บของเสร็จก็มาเดินมานั่งที่หน้ารีสอร์ต แดดแรงมาก ไม่มีใครลงเล่นน้ำกันเลย นั่งฟังเสียงคลื่น ชมวิว กินส้มตำหน้าหาดก็มีความสุขแล้ว

ที่ Sawasdee Coco มีคาเฟ่เล็กๆ ให้นั่งชิลริมทะเล

แดดไม่ร้อนมากก็ได้เวลาออกไปเล่นน้ำทะเลและกิจกรรมทางทะเล

ถ่ายรูปไว้ให้ได้รู้ว่ามาแล้วนะ

เจ็ทสกี 1,000 บาท เล่นได้ 2 คน 30 นาที

พาราเซลลิ่ง 2 คน 1,400 บาท เล่นได้ 10 นาที บอกเลยว่าต้องลองเล่นให้ได้ วิวสวยมาก ลมเย็น

เรือจะค่อยๆปล่อยเชือกออกไปประมาณ 70 เมตร ความจริงปล่อยได้ 100 เมตร แต่เพื่อความปลอดภัยจึงปล่อยแค่ 70 เมตร

ตอนเล่นที่เกาะล้านรู้สึกจะขึ้นสูงกว่าที่เกาะเสม็ด (เดี๋ยวจะมีรีวิวที่เกาะล้าน)

เรือสปีดโบ๊ทจะพาวนไปมา 3 รอบ ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ จนพอใจ

เล่น 2 คนไม่เหมือนเล่นคนเดียว อยู่ข้างบนจะแกว่งแรง ต้องใช้ขาหนีบกัน

เรือสปีดโบ๊ทจะลดความเร็วเพื่อให้เราได้ลงสไลด์ไปกับน้ำทะเล แล้วเร่งความเร็วลากเราขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง สนุกมากบอกเลย

อีกหนึ่งคู่กำลังขึ้นเล่น

พอเล่นพาราเซลลิ่งเสร็จ ไม่มีเวลาได้เล่นเจ็ทสกีต่อ (เสียดาย) ต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปตกหมึกในค่ำคืนนี้

ก่อนไปตกหมึกต้องหาซื้อของไว้ทานบนเรือ ที่ด้านหน้ามีพระอภัยมณีนั่งเป่าปี่อยู่ด้วย

ท้องฟ้าเวลานี้สวยงามจริงๆ

เรือลำนี้จะพาพวกเราไปตกหมึก ราคาคนละ 500 บาท

ทุกคนจดจ่ออยู่ที่เบ็ด

วิธีตกคือ ใช้ขวดพลาสติกที่มีสายเบ็ดเกี่ยวเหยื่อแล้วหย่อนลงทะเล แล้วก็กระตุกให้เหยื่อดิ้น

หมึกที่ตกได้จะมีขนาดเท่านี้ เรือทั้งลำตกได้ไม่ถึง 10 ตัว

ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง คนเรือจะปิดไฟทุกดวง จะเปิดเพียงไฟล่อหมึกแล้วลงข่ายดักได้ทั้งหมึกและปลา

คนเรือจะนำหมึกไปย่างให้หรือจะทำเองก็ได้ หมึกที่ย่างเหมือนไม่ได้ย่าง มันยังสดอยู่เลย ได้กินคนละตัวสองตัว เป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะกับเราจริงๆ ไม่คุ้ม มันน่าเบื่อ ร้อน และคันมาก ประมาณเที่ยงคืนก็กลับเข้าฝั่ง

วันที่ 2 ขึ้นฝั่งไปเที่ยวชลบุรี

ระหว่างรอเรือสปีดโบ๊ทมารับ ชมวิว ฟังเสียงคลื่น ถ่ายรูปก่อนกลับ

หลังจากขึ้นฝั่ง พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ฐานทับเรือสัตหีบ

ที่เรือรบจักรีนฤเบศรสามารถขึ้นไปชมได้ฟรี

วิวบนเรือสวยมาก แดดก็ร้อนมากๆเช่นกัน ขนาดมาตอน 16.00 น. แล้วนะ

ทางเข้าหาดนางรำจะผ่านเครื่องบินรบปลดระวางจอดโชว์

จะทานข้าวที่ริมหาดนางรำเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทำได้ เพราะว่าแมลงวันที่นี่แข็งแรงบินโต้ลมทะเลได้สบายๆ ไม่ได้มาแค่สองสามตัว แต่จะมาเป็นฝูง อาหารทะเลที่ซื้อมาต้องเก็บไปทานที่ห้องพักแทน

ที่หาดนางรำ จะอนุญาตให้เล่นน้ำได้ถึงเวลา 18.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินตรวจดูเพื่อความปลอดภัย น่าจะเป็นที่ช่วงเวลานี้คลื่นน้ำทะเลใหญ่และซัดเข้าฝั่งแรงมาก ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ

ฟ้าสวยๆ ก่อนกลับไปอาบน้ำเพื่อไปเที่ยว Pattaya walking street

พัทยาห่างจากหาดนางรำพอสมคร ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ไอศกรีมตุรกีต้องลองให้ได้เลย จะได้ชมลีลาสนุกๆ กวนๆ ของคนขาย ราคากรวยละ 100 บาท

สีสันพัทยายามค่ำคืน จะมีโชว์ต่างๆเยอะมาก

วันที่ 3 วันเดินทางกลับ

มื้อเที่ยงเรามาทานอาหารกันที่ริมชลรวี อยู่ใกล้ๆกับฐานทัพเรือ หิวจนลืมถ่ายรูปกันเลยทีเดียว

หลังจากทานอิ่ม ก็มาชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ลูกเต่าทะเลน่ารักมากๆ

สรุปค่าใช้จ่าย 2 คน

  • ค่าเครื่องบินไป-กลับ เชียงใหม่-อู่ตะเภา คนละ 1,200 บาท x 2 = 2,400 บาท
  • ค่าเรือสปีดโบ๊ทไป-กลับ คนละ 250 บาท x 2 = 500 บาท
  • ค่าที่พัก Sawasdee Coco คืนละ 1,275 บาท
  • ค่าเล่นพาราเซลลิ่ง 2 คน 1,400 บาท
  • ค่าตกหมึกคนละ 500 บาท x 2 = 1,000 บาท
  • ค่าที่พักหาดนางรำคืนละ 500 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7,075 บาท

ตกคนละ 3,537.50 บาท

(ไม่รวมค่าอาหาร, ค่าเช่ารถวันละ 800 จำนวน 2 คัน เป็นเวลา 3 วัน, ค่าน้ำมัน, พวกเราใช้ระบบกองกลางคนละ 2,000 บาท ไปกันทั้งหมด 13 คน)

ไปกับพี่พูห์

 วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.01 น.

ความคิดเห็น