บันทึกนักเดินทาง หลวงพระบาง 7-11.10.62
สวัสดีค่ะเพื่อนๆเหล่านักเดินทาง แจ๊คมาแล้วนะคะ
ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปหลวงพระบางครั้งที่ 2 ของแจ๊คนะคะ แต่เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปเอง
5 วันกับการเดินทางคนเดียว ในลาว เส้นทางหลวงพระบาง-หนองเขียว-เมืองงอย
โดยขนส่งสาธารณะ ไม่เช่ามอไซค์ ไม่เหมารถ ที่พักถูกมาก
ใช้เงินในลาวไป 1,157,750 Kip ( เป็นเงินไทย 3,958 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะคะ )
ตั๋วไปกลับของสายการบิน air asia 2,800 เลือกที่นั่งขาไป จองช่วงปกติ ไม่ใช่เซล แต่จอง 2-3 เดือน
จุดประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้ คือขึ้นไปชมทะเลหมอกบนจุดชมวิวผาแดง หรือ Nong Khiaw View Point
ลิ้งค์นี้เป็นรีวิวหลวงพระบางครั้งแรกค่ะสถานที่จะต่างกับครั้งนี้
ก่อนเดินทางมารู้จักกันมากขึ้น ฝากติดตามการเดินทางของแจ๊คได้ที่เพจค่ะ
เพจเราชื่อ นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
ฝากกดไลค์ให้กำลังใจด้วยนะคะ ขายของเสร็จแล้ว เดินทางต่อได้
แจ๊คจะบอกเล่าการเดินทางในแบบที่ ถ้าใครมาอ่านก็สามารถนำข้อมูลไปเดินทางเองได้เลย
การเดินทางทริปนี้เดินทางคนเดียวโดยใช้ รถ เรือ ขนส่งสาธารณะทั้งหมด ปราศจากเช่ามอไซค์หรือการเหมาใดๆทั้งสิ้น ก่อนเดินทางแจ๊คหาข้อมูลการเดินทางไปก่อนค่ะ แต่พอเอาเข้าจริง เรื่องเวลาของรอบรถรอบเรือต่างก็มีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
แต่ก็อยู่ในแผนที่วางไว้ค่ะ โถ่วววววว นานๆที แจ๊คจะมีแผนนะ ปกติเวลาไปเองคนเดียวก็จะมั่วๆตามใจตลอด
DAY 1-7/10/62 ออกเดินทางโดยสายการบิน air asia เวลา 14.30 น.
สิ่งแรกที่ทำเมื่อไปถึงสนามบินหลวงพระบางคือแลกเงินค่ะ จริงๆใช้เงินไทยได้ แต่อาจจะเสียเปรียบนิดนึง
จ่ายครั้งนึงอาจจะแพงกว่านิดนึง แต่คิดดูนะคะ ถ้าเราจ่ายแพงกว่านิดนึงหลายครั้งก็เยอะนะคะ
แจ๊คเลยตั้งใจว่าทริปนี้จะใช้เงินกีบทั้งทริปค่ะ
แจ๊คแลกงินกีบมา 5,500บาท ณ วันที่ 7/10/6 อัตรแลกเปลียน 1 บาท = 292.5 กีบ
ในรีวิวนี้ถ้าแจ๊คบอกราคาเป็นกีบ ก็เอาหารกับ 292.5 จะได้เป็นเงินไทยค่ะ
ซึ่งทำให้ในวันแรกนี้เราต้องนอนในหลวงพระบาง 1 คืน เพื่อนั่งรถไปหนองเขียวในเช้าของวันถัดไป
หลังจากแลกเงินเสร็จ ต่อไปก็เดินออกมาจากประตู เราจะเจอเคาเตอร์ขายตั๋วแท็กซี่เลยค่ะ ซื้อตั๋วเพื่อเข้าตัวเมือง ราคา 50,000 กีบ
แท็กซี่ก็คือรถตู้เล็กๆนั่นล่ะค่ะ นั่งกันประมาณ 4-5 คน รถจะไปส่งยังที่พักเลยค่ะ คิดเผื่อไว้ขากลับ
แจ๊คเลยนัดแนะ แลกไลน์กับพี่คนขับรถว่าจะให้ไปรับวันกลับด้วย พี่คนขับใจดี น่ารักมากๆค่ะ
ที่พักคืนแรก จองผ่าน booking ค่ะ 12.75$ แสนกว่าๆ แสนกีบนะคะ ชื่อ Viengchalern Guesthouse ทำเลดี ใกล้ตลาดมืด ใกล้วัดพูสี
ห้องพักค่ะ ห้องแอร์ มีทีวี ห้องน้ำในตัว
ช่วงเย็นๆ เราจะขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่วัดพูสี พี่เจ้าของGuesthouse บอกว่า ขึ้นถนนฝั่งทางที่พักได้ แล้วไปลงทางตลาดมืด
ครั้งที่แล้วแจ๊คเคยขึ้นฝั่งตลาดมืด วันนี้จะขึ้นอีกทางที่ใกล้ที่พักค่ะ กว่าจะเจอทางขึ้น ลังเลอยู่พักนึง
เดินเหนื่อยมากค่ะทางนี้ทางชัน เสียค่าเข้า 20,000 กีบ แล้ววิ่งขึ้นเขาจ้าาาาาาา แต่ๆไม่ทันพระอาทิตย์ ได้แต่แสงเย็นค่ะ
ข้างบนคนเยอะมากค่ะ มีทั้งชาวลาว ไทย ฝรั่ง หลังจากแสงเริ่มหมดเราก็เริ่มเดินลงเขาค่ะ
เดินเล่นตลาดมืด หาอะไรทานแล้วเข้าที่พักค่ะ
ในเมืองแจ๊คจะไม่รีวิวเยอะนะคะ เพื่อนๆสามารถไปหาอ่านที่เที่ยวในเมืองได้จากรีวิวที่แจ๊คเอาลิ้งค์มาแปะไว้ให้ด้านบนค่ะ
เราสามารถจองรถไปหนองเขียวที่นี่ได้จากที่พักเลยค่ะ ราคา 70,000 กีบ ปกติถ้าไปขึ้นเองที่คิวรถสายเหนือจะราคา 40,000 กีบ
แต่เราก็ต้องเสียค่ารถไปเช่นกัน เลยจองจากตรงนี้ไปเลย จบค่ะ พี่เจ้าของจองให้ คืนนี้รีบนอนเพื่อจะได้ตื่นเช้าค่ะ
DAY 2 ขึ้นรถไปหนองเขียวมารับตอน 8 โมง
รถจะไปรับตามที่พักต่างๆ แล้วไปเปลี่ยนรถที่ท่ารถ สรุปแล้วกว่าจะเดินทางจริงๆก็ตามรอบรถเลยค่ะ 9 โมงเช้า
รถจากหลวงพระบางไปหนองเขียว มี 3 รอบ 9.00,11.00,14.00 ใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมง
มีแวะเข้าห้องน้ำที่ปั้มครั้งนึง ทางบางช่วงก่อสร้าง ฝุ่นเยอะมากค่ะ นั่งรถเหนื่อยเลย แอร์ไม่ค่อยเย็นค่ะ
ใบเสร็จค่ารถค่ะ จริงๆบางที่ 65,000 กีบ ต่างกัน 17 บาท
ระหว่างทางค่ะ บางช่วงฝุ่นเยอะ บางช่วงเป็นถนนลาดยางโค้งไปมา
จุดพักรถ เข้าห้องน้ำที่ปั้มนี้ค่ะ จากตรงก็ก็อีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงหนองเขียวค่ะ
เราถึงคิวรถเกือบๆบ่ายโมงค่ะ แล้วนั่งรถ สองแถวราคา 2,000 หรือ 5,000กีบนี่แหละ จำไม่ได้ เป้าหมายคือแจ๊คจะไปเมืองงอยค่ะ
เมืองงอยต้องนั่งเรือไปเท่านั้น บอกรถว่าไปท่าเรือ แจ๊คมาทันเรือ รอบสุดท้าย 14.30 ตั๋วเรือ ราคา 25,000 กีบ
ถ้าถามว่าทำไมถึงไปเมืองงอย ง่ายๆเลยคือ ไปให้รู้ ชื่อก็แปลก แถมต้องเรือเข้าไปเท่านั้น เฮ้ยยยยยเมืองอะไรเนี่ยต้องลองไปว่ะ
ถ้ามีมุมสวยๆก็ถือว่ากำไร
ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงจะถึงเมืองงอย
ที่นี่มีจุดชมวิวด้วยค่ะ คิดว่าตอนเช้าจะขึ้นไป
แจ๊คไม่ได้จองที่พักมานะคะ มาหาเอาข้างหน้า
เดินไปเรื่อยๆ เจอน้องลูกชายเจ้าของที่พักหนุ่มน้อยน่ารัก เลยเดินตามน้องไป ทำไมใจง่าย 555555
คุณแม่คิดเรา 40,000 กีบ ถูกน้ำตาจะไหล
ของเราจะเป็นบ้านปูนหลังสีชมภูริมสุดค่ะ
มี 2 ชั้น 6 หรือ 8ห้อง นี่แหละ แต่ชั้น 2 เต็ม ได้ห้องชั้นล่างค่ะ ห้องก็จะประมาณนี้ค่ะ ห้องดีแต่มีฝุ่น
แต่ราคา 138 บาทนะ โอเคๆๆๆ ยอม
ช่วงเย็นๆแดดล่มลมตก แจ๊คออกไปเดินเล่นตามถนนของหมู่บ้าน
สิ่งที่สังเกตุคือ แจ๊คเป็นคนไทยคนเดียวที่นี่เลย นักท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นชาวตะวันตก อาจจะอารมณ์มาปลีกวิเวก มาอยู่ยาวๆ
ร้านค้าชาวบ้าน เหมือนย้อนกลับไปราวๆ 30 ปีที่แล้วของบ้านเรา อ่อ กลางคืนไปดับบ่อยด้วย
เมืองเล็กๆยังคงวิถีชาวบ้านไว้อย่างสมบูรณ์
แต่ก็ปรับตัวเข้ากับสังคมการท่องเที่ยว ป้ายทุกอย่าง ล้วนเป็นภาษาอังกฤษ
มีร้านอาหารและที่พักมากมายค่ะ
แสงเย็นแถวๆท่าเรือ
ที่นี่คือเงียบสงบ เหมาะกับการมาพัก มานั่งเฉยๆ ถ้ามีเวลานะ อยู่ยาวได้สบายๆ ที่พักแสนถูก
กิจกรรมท่องเที่ยวจะมีพายเรือ นั่งเรือไปเที่ยวน้ำตก เดินป่า เดินถ้ำ ขึ้นจุดชมวิว
DAY 3 เช้านี้กับวิถีเมืองงอย
เช้านี้ด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นสายจ้า ไม่ได้ขึ้นจุดชมวิว ถ้าขึ้นไปอาจลงมาไม่ทันเรือกลับหนองเขียวซึ่งมีรอบเดียว 9.30
ลักษณะการยืนให้พรของพระสงฆ์ที่นี่จะไม่เหมือนบ้านเรา
ไปเดินเล่นตลาดเช้าค่ะ
ใช้ตาชั่งแบบบโบราณด้วยค่ะ
มีของกิน ของใช้เสื้อผ้า ตลาดใหญ่ค่ะ
ชาวบ้านนั่งเรือมาตลาดค่ะ
ต่อในคอมเม้นท์ที่ 3 จ้าาา
ต่อค่ะ หลังจากเดินตลาดนัด ก็ได้เวลากลับห้อง เก็บของเดินทางกันต่อ
ซื้อตั๋วเรือก่อนค่ะ
นั่งทานอาหารเช้าแถวๆท่าเรือ
ชมวิวจากร้าน
ได้เวลาก็ไปขึ้นเรือค่ะ อำลาเมืองงอย เราว่าด้วยรอบเรือที่จำกัดเวลาแล้ว ถ้าจะเที่ยวเมืองงอย ต้องมากกว่า 1คืนค่ะ
แต่เราต้องนั่งเรือกลับหนองเขียว เพราะแผนคือเราจะนอนหนองเขียว 2 คืน
วิวระหว่างทางสวยค่ะ
ถึงหนองเขียวแล้วเดินหาที่พักค่ะ
มาครั้งแรกอาจ งง ว่าต้องพักทางไหนดี แจ๊คแนะนำว่า ให้เดินข้ามสะพานไปค่ะ
จะใกล้ทางขึ้นจุดชมวิวผาแดงและเป็นย่านร้านอาหาร และที่พักเยอะ แต่ฝั่งที่เรายังไม่ได้ข้ามสะพานจะเป็นย่านที่มีร้านค่ะ ร้านขายของชำ
แจ๊คไปได้ที่พักแถวๆสะพาน ข้ามสะพานไปแล้วเจอเลย คืนละ50,000กีบ
ช่วงเย็นออกไปเดินสำรวจค่ะ หาทางขึ้นจุดชมวิว
น้องๆน่ารักมากๆค่ะ แจ๊คเดินๆถ่ายรูปอยู่ น้องๆวิ่งมาทักทาย สะบายดีๆๆ
ช่วงเย็น กิจกรรมที่นี่คือ ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานค่ะ
ยามค่ำคืนของหนองเขียวค่ะ
DAY-4 เช้านี้เราจะไปหาเป้าหมายของทริปนี้ นั่นคือจุดชมวิวผาแดงค่ะ
เดินออกจากที่พัก ตี 5 ครึ่ง เริ่มสว่างแล้วค่ะ
ตั๋ว 20,000กีบค่ะ
ฟ้าก็ขาวๆ นะ สิ่งที่กลัวที่สุดคือฟ้าปิด 5555 แต่ไม่เป็นไร เราจะอยู่ 2 คืน ถ้าวันนี้พลาด เราจะขึ้นรอบสองพรุ่งนี้
เส้นทางของวันนี้
ครึ่งทางแล้วเด้อ
เหนื่อยมากจ้า เมื่อไรจะถึง เดินไปก้บ่นไปคนเดียวค่ะ ทำไมมีเราเดินอยู่คนเดียว
คิดว่าคนอื่นเขาน่าจะขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน แล้วฟ้าก็ปิด เอาน่ามาแล้ว ต้องไปให้ถึง
แต่ๆๆๆๆๆ เดินๆไป ช่วงหนึ่งมองออกไป กรี้สเลยค่ะ
วิ่งจ้าาาาา ฟ้าเปิด
เจอป้ายนี้โคตรดีใจ
และแล้วเราก็ถึงแล้วค่ะ ว๊าวววววววว
เห็นวิวข้างหน้ามันว๊าวมากๆค่ะ ว๊าวไปอีกคือ บนนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากแจ๊คค่ะ
ศาลานี่กำลังก่อสร้าง น่าจะปรับปรุง เดิมทีสามารถขึ้นมานอนที่นี่ได้ ติดต่อร้านนวดสสบาย สบาย
แต่ช่วงนี่น่าจะนอนบนนี้ไม่ได้ เพราะกำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
อลังกาลงานหมอก
มีเราอยู่คนเดียว ตั้งกล้องถ่ายตัวเองได้สบายๆ ไม่ต้องเขิน อิอิ
ขออภัยถ้ารูปจะเยอะไปนิดนึง
ครั้งหนึ่งอยากให้ลองมาค่ะ
ช่วง 8 โมง หมอกเริ่มไปละค่ะ
หมอกเริ่มจากไป แต่ความสวยงามก็ยังคงอยู่
แจ๊คลงเขาประมาณ 9 โมงเช้า กับความกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าข้าไม่ต้องมาซ่อม
ตอนลงเขา เดินสวนกับช่างที่มาทำศาลาข้างบน
ลงไปอีกเจอนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกกำลังเดินขึ้นมา ประมาน 4 คน ดีใจจังเจอผู้คนบ้างแล้ว
หลังจากลงจากจุดชมวิว แวะหาอะไรทาน ซื้อตั๋วรถกลับหลวงพระบางสำหรับพรุ่งนี้
เราสามารถจองตั๋วตามร้านขายทัวร์ ร้านเช่ามอไซค์ได้ค่ะ แต่ก็จะราคาสูงกว่าเราไปซื้อเอง เขาจะรวมค่ารถสองแถวด้วยเลย
วันเดินทางจะมีสองแถวมารับไปที่ท่ารถค่ะ
จริงๆจะไปซื้อเอง โบกรถสองแถวไปได้ค่ะ แต่ด้วยความขี้เกียจ และแดดร้อน เลยใช้เงินแก้ปัญหาค่ะ 5555 แพงกว่ากันไม่มากหรอก ซื้อในราคา 60,000 กีบ
หลังจากได้ตั๋วแล้วแล้วเข้าที่พัก นอนยาวๆเลยค่ะ วันนี้พักผ่อนเต็มที่ จบภารกิจสำคัญของเราด้วยความปลื้มปริ่มใจ
กิจกรรมยามเย็นก็เช่นเคย ชมแสงเย็นที่สะพานหนองเขียว
DAY 5 11.10.62 เวลา 5 วัน มันผ่านไปไวมากๆวันนี้เราต้องเดินทางไปหลวงพระบางเพื่อจะเดินทางต่อกลับกทม.
ขากลับเป็นรถบัสค่ะ จะนั่งเบียดๆกันหน่อยรถออกประมาณ 9 โมง รถมาส่งที่คิวรถสายเหนือเวลาประมาณเที่ยงวัน
และแจ๊คนัดพี่คนขับรถให้มารับที่คิวรถ เมื่อวานพี่ทักไลน์มาถามว่ากลับกี่โมง
รับที่ไหน คือน่ารักมาก พี่ไม่ลืมหนู รถมารับเราคนเดียวที่คิวรถ ราคา 50,000 กีบ ไม่บวกเพิ่ม
มาถึงสนามบิน มีเวลาเยอะค่ะ ทานข้าว แลกเงินคืน แล้วค่อยไปเช็คอิน ด้านในหลังจากผ่านด่านเข้าไปแล้ว
ก็มีร้านค้าร้านอาหารมากมายค่ะจะเข้าไปทานข้างในก็ได้ ได้เวลาก็ขึ้นเครื่อง อำลาหลวงพระบางค่ะ
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ชอบมากๆค่ะ ชอบความธรรมชาติ ความเงียบ ความเก่า เดิมๆ
ถือว่าเดิมมากเลยนะคะ ถ้าเทียบกับเมืองท่องเที่ยวหลายที่ของบ้านเรา
วิวสวย การเดินทางสะดวก ถึงแม้จะใช้เวลามากไปหน่อย ^^
ถ้ามีเวลาเยอะๆ อยากหาที่สงบๆ พักผ่อน อยู่กับตัวเอง หรือเอาโน๊ตบุ๊คสักเครื่องไปนั่งทำงาน แนะนำเลยค่ะ
ถึงดอนเมืองกว่าจะผ่านด่านออกมา รอรถก็ 6 โมงกว่าๆ
เย็นนี้มีลุ้น คือก่อนออกจากห้องลืมกุญแจ แต่ก็มีกุญแจสำรองในรถซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าใช่กุญแจห้องอันนี้มั้ย
คือเปลี่ยนลูกบิดบ่อยค่ะ ที่มันบีบหัวใจมากคือเราต้องเข้าห้องเพื่อเก็บกระเป๋าไปขึ้นรถทัวร์ไปเชียงใหม่รอบ 2 ทุ่ม
โอ้ยยยยยยยยยย ดอนเมืองไปสะพานควายทำไมรถติดจัง สุดท้าย กลับถึงห้อง เข้าห้องได้คร๊าาา
ทุ่มกว่าๆเก็บกระเป๋าอย่างไว นั่งมอไซค์ไปนครชัยแอร์ ทันจ้าาาา
แจ๊คขอจบเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ ไว้เท่านี้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม หวังว่ารีวิวนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครสักคนออกเดินทาง
ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเดินทาง
สักวันเธออาจมาอยู่ในเรื่องราวของเรา แล้วพบกันใหม่ค่ะ
แจ๊ค นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
นักเดินทางตัวน้อย
วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 10.43 น.