ชีวิตคืออะไร ? เราเกิดมาเพื่ออะไร ?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อสัก 1 ปีที่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่หลายๆอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา แม่จากเราไปเมื่อต้นปี 58 หลังจากท่านป่วยเรื้อรังมานาน คนรอบๆข้างล้มหายตายจากไปด้วยโรคภัย ด้วยอุบัติเหตุ... ความตายช่างอยู่ใกล้ตัวเรานัก ตระหนักได้ดังนั้น สาวห้าววัย 30++ อย่างเรา ก็เกิดมีคำถามจุดประกายขึ้นมาในสมองเล็กๆนี้ว่า นอกเหนือจากการทำประโยชน์ให้กับสังคมและคนรอบข้างแล้ว ฉันอยากทำอะไรให้กับชีวิตตัวเองบ้าง ? อะไรที่ทำ ณ ตอนนี้ได้เลย อะไรที่ทำแล้วจะไม่เสียดาย หากต้องหมดลมหายใจในวันพรุ่งนี้ ? .... คำตอบประดังพรั่งพรูเข้ามา แต่มีสิ่งหนึ่ง โดดเด้งขึ้นมาเป็นพระเอกของงานนี้ ความฝันสนิมเกาะของฉัน คือ " ฉันอยากออกเดินทาง ถ่ายภาพ ณ 10 ประเทศในฝัน และฉันอยากเริ่มต้นทำมันทันที " แม้ฝันมันจะใหญ่ไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยในที่สุด เราก็ได้เริ่มนับ 1 !!!
ประเทศญี่ปุ่นถูกเราเลือกให้เป็นเป้าหมายแรก อย่างไม่ลังเล ด้วยปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบัน ช่างเอื้อต่อผู้มีรายได้จำกัดแต่ฝันโตอย่างเรายิ่งนัก


ขอสวัสดีทุกท่านอย่างเป็นทางการค่ะ ทั้งชาว Blue Planet และ ท่านผู้มีเกียรติที่บังเอิญหลงเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้


ขออธิบายอีกนิดว่า กระทู้นี้จะเป็นไปในทิศทาง ดังต่อไปนี้ค่ะ

- เป็นการเล่าเรื่องของเรา ระหว่างที่ใช้เวลาที่ ภูมิภาค คิวชูเหนือ ในระยะเวลา 2 วันนิดๆค่ะ

- เราตั้งใจจะเล่าเรื่องผ่านภาพถ่าย ซึ่งเราจัดเป็นกลุ่ม ตามสิ่งที่อยากเห็น อยากถ่าย ดังนั้น สถานที่ในภาพอาจจะสลับไปสลับมา ไม่ว่ากันเนาะ

- กระทู้นี้ ไม่ใช่การรีวิวข้อมูลการเดินทาง แต่จะพยายามลงรายละเอียดการเดินทางไปยังสถานที่ในภาพนั้นๆไว้ในสปอยย์ของแต่ละภาพนะคะ

- เราจะแบ่ง Part การเล่าเป็น 3 ตอน เพื่อไม่ให้กระทู้ยาวมากเกินไป เพราะภาพค่อนข้างเยอะค่ะ (กระทู้นี้เป็นตอนแรก)

- เนื่องจากเราเน้นท่องเที่ยวโดยการถ่ายภาพเป็นหลัก จึงขออนุญาตุ Tag ห้องกล้องด้วยนะคะ

- นี่คือการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา และเป็นการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกด้วย ข้อมูลใดที่ลงไว้ มีผิดเพี้ยนอย่างไร ท่านผู้รู้สามารถเสริมให้ ผู้น้อยคนนี้จะยินดีมากๆค่ะ


Destination : North Kyushu, Japan

Period : March 21-23, 2016

Equipments : Fujifilm X-E2, XF18-135 and XF 35 f1.4


Kokura ต้อนรับเราด้วย ฟ้าใสๆ



Things to see ข้อที่ 1 : ผู้คน วิถีชีวิต


การเที่ยววันธรรมดาแบบเรา จะสังเกตว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น สวนสาธารณะ ประเภทชมนก ชมไม้ เรามักพบเจอคนอยู่ 3 กลุ่ม เรียงลำดับจากมากไปน้อยคือ ผู้สูงอายุ (60%) , ครอบครัวเด็กเล็ก (30%) และหนุ่มสาวรวมถึงวัยอื่นๆ (10%) แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะบางเมืองท่องเที่ยวเล็กๆอย่าง Mojiko ช่วงบ่ายถึงเย็น เราเจอเด็กวัยรุ่นและหนุ่มสาววัยทำงานเดินกันขวักไขว่

ผู้สูงอายุที่นี่ ดูกระฉับกระเฉง แข็งแรงดีเหลือเกิน ตาม Botanic Garden เราจะเจอคุณลุง คุณป้า ช่างภาพ กับอุปกรณ์ครบมือ เสียกดชัตเตอร์รัวๆ ดังกันสนั่นหวั่นไหว และรถเมล์ก็เหมือนจะเป็นพาหนะที่ผู้สูงอายุชื่นชอบเป็นพิเศษ


คู่รักรุ่นใหญ่ ชมนก ชมไม้

ความหวาน ท่ามกลางธรรมชาติ

สถานที่ : Shiranoeshokubutsu park, Kitakyushu

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Local train ไปลงสถานี Mojiko แล้วต่อรถเมล์สาย 41 (ป้ายรถเมล์อยู่หน้าสถานี) เดินเท้าต่ออีก 3 นาที

มีอะไรน่าสนใจ : สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งซากุระ และไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาล มี trekking เบาๆรอบสวนด้วยค่ะ แต่เดินสบาย ผู้สูงอายุเดินได้ไม่มีปัญหา


คู่รักรุ่นใหญ่ ชมเมือง และเซลฟี่ บันทึกความทรงจำร่วมกัน

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน


เด็กๆญี่ปุ่น น่ารัก น่าแกล้ง

สถานที่ : Shiranoeshokubutsu park, Kitakyushu

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Local train ไปลงสถานี Mojiko แล้วต่อรถเมล์สาย 41 (ป้ายรถเมล์อยู่หน้าสถานี) เดินเท้าต่ออีก 3 นาที

มีอะไรน่าสนใจ : สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งซากุระ และไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาล มี trekking เบาๆรอบสวนด้วยค่ะ แต่เดินสบาย ผู้สูงอายุเดินได้ไม่มีปัญหา


เจ้าหนูจอมซน วิ่งเล่นไปมา ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายโดนจับมาเป็นนายแบบ

สถานที่ : Shiranoeshokubutsu park, Kitakyushu

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Local train ไปลงสถานี Mojiko แล้วต่อรถเมล์สาย 41 (ป้ายรถเมล์อยู่หน้าสถานี) เดินเท้าต่ออีก 3 นาที

มีอะไรน่าสนใจ : สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งซากุระ และไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาล มี trekking เบาๆรอบสวนด้วยค่ะ แต่เดินสบาย ผู้สูงอายุเดินได้ไม่มีปัญหา


เจ้าตัวเล็ก ออกมารับแสงยูวี

ตอนเดินในสวน เราเจอภาพครอบครัวเด็กเล็กแบบนี้ เกือบสิบครอบครัวเลยทีเดียว

สถานที่ : Shiranoeshokubutsu park, Kitakyushu

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Local train ไปลงสถานี Mojiko แล้วต่อรถเมล์สาย 41 (ป้ายรถเมล์อยู่หน้าสถานี) เดินเท้าต่ออีก 3 นาที

มีอะไรน่าสนใจ : สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งซากุระ และไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาล มี trekking เบาๆรอบสวนด้วยค่ะ แต่เดินสบาย ผู้สูงอายุเดินได้ไม่มีปัญหา


ระหว่างที่รอรถเมล์ที่ Kitsuki เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เด็กๆ เลิกจากโรงเรียนพอดี วินาทีนั้นเหมือนว่า วิญญาณ พี่เอ ศุภชัยเข้าร่าง ยกกล้องกดชัตเตอร์รัวๆ แอบส่องเด็กเข้าวงการ ฮ่าๆ

ผมโตแล้ว ผมเดินกลับบ้านเองครับ

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน


คุณแม่มารับ

เจ้าหนูคนนี้ โตขึ้นต้องออกไปสะพายกล้องท่องโลกแน่นอน กระเป๋าฉายแววมากๆค่ะ

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน


เมือง Kitsuki นอกจากจะเป็นเมืองเเห่งปราสาทแล้ว ยังถูกขนานนามว่าเป็น Little Kyoto แห่ง คิวชู ด้วย เนื่องจากลักษณะของบ้านเมืองแบบเก่า รวมถึงบ้านซามูไรและบ้านคหบดีต่างๆที่ได้รับการอนุรักษณ์ไว้และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ได้เข้าชม สุดท้ายสิ่งที่ถือเป็นเสน่ของเมืองนี้ที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกเดินทางมาที่นี่ก็คือ สาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโนค่ะ ร้านเช่ากิโมโนมีให้เลือกหลายร้านและเป็นที่นิยมของนักเที่ยวเป็นอย่างมาก

สองสาวผู้มากับความสดใส

ตอนเหลือบไปเห็นสองสาวนี้แว้บแรก เข้าใจว่าเป็นนักท่องเที่ยวจีนหรือเกาหลี แต่พอยกกล้องขึ้นถ่าย สองสาวก็คุยมุ้งมิ้งหัวเราะคิกคักกันเป็นภาษา japanese พร้อมกับโปรยยิ้มอันสดใสแบบในภาพมาให้เราทันที

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน


สาวๆคนไหน ก็คงอยากใส่กิโมโน

นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในชุดกิโมโน เป็นความงามที่แปลกตาดีไม่น้อย

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน



คุณยายกับบัวรดน้ำ

ถนนสายหลัก ในตัวเมือง Kitsuki ตามหน้าบ้านและหน้าร้านค้าต่างๆ จะมีกระถางดอกไม้เล็กๆแบบในภาพเรียงรายอวดดอกกันทุกหลัง เข้ากับหน้า Spring ดีเหลือเกิน เห็นแล้วเพลินตา เพลินใจ

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน



คุณลุงประจำบ้านซามูไร

นอกจากชุดของคุณลุงแล้ว ความน่ารักอีกอย่างก็คือ ความพยายามในการอธิบายทุกๆอย่างภายในบ้านให้เราเข้าใจด้วยภาษาญี่ปุ่นและภาษามือ คุณลุงคงเห็นว่าเราพยายามตั้งใจฟังเช่นกัน ก่อนกลับคุณลุงจึงอาสาถ่ายภาพให้เราคู่กับมุมต่างๆภายในบ้านไว้เป็นที่ระลึก และก่อนจากกันเราก็ไม่ลืมขอเก็บภาพคุณลุงไว้เช่นกัน

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน



คุณป้าผู้ตระเตรียมหัวไชเท้า

ขณะเดินเล่นรอบๆเมือง Kitsuki ในหลืบเล็กๆของบ้านหลังหนึ่ง เราแอบเห็นคุณป้าที่กำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมหัวไชเท้าลงตระกร้า เราตัดสินใจเดินเข้าไป ยิ้มกว้างๆให้ ผายมือไปที่ตะกร้าหัวไชเท้านั้น พร้อมกับยกกล้องขึ้นถ่าย คุณป้ายิ้มและเกรงว่าเราจะถ่ายภาพไม่สะดวก จึงรีบทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ เราบอกไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากถ่ายคุณป้าร่วมกับหัวไชเท้าพวกนี้ได้มั้ยคะ (แปลจากภาษามือล้วนๆ) คุณป้าเก็ทภาษามือเราเร็วมาก และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เราถ่ายภาพและคุยเรื่องหัวไชเท้ากับคุณป้าสักพัก ก็ขอบคุณและขอตัวจากมา

สถานที่ : Kitsuki , Oita

การเดินทาง : จากสถานี Kokura นั่ง Sonic Nichirin ไปลงสถานี Kitsuki แล้วต่อรถเมล์หน้าสถานีอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ (กันความผิดพลาด เราใช้วิธีเอาภาพที่เซพจากอินเตอร์เน็ตให้คนขับดู แล้วพอถึงป้ายคนขับก็จะจอดและบอกให้เราลง อิอิ)

มีอะไรน่าสนใจ : ทางเดินหินอันลาดชัน 2 ฝั่ง โดยมีถนนคั่นกลาง , บ้านซามูไรเก่าหลายหลัง, บ้านคหบดีเก่า, บ้านเมืองน่ารักๆ และสาวๆนักท่องเที่ยวในชุดกิโมโน



ไอ้หนุ่มจอมเขวี้ยง

ระหว่างเดินเล่นแถวๆ Tenjin สายตาก็เหลือบไปเห็นหนุ่มคนนี้ เราอดไม่ได้จึงหาที่นั่งเพื่อนั่งดูการรับส่งลูกระหว่างชายหนุ่มกับเพื่อนที่อยู่อีกฝั่ง ดูหน้าตาท่าทางจริงจังเป็นอย่างมาก และกางเกงรัดติ้วตัวนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเขวี้ยงและรับแต่อย่างใด

สถานที่ : Tenjin Chuo Park , Tenjin, Fukuoka


Wine Bar และ Cafe' จุ๋มจิ๋ม

หน้าโรงแรมที่พักย่าน Tenjin (Hotel Ascent) มีบาร์เล็กๆน่ารัก อยู่ร้านหนึ่ง มีหนุ่มสาวแวะเวียนมาจิบเครื่องดื่มอยู่เรื่อยๆ

หน้าโรงแรม Hotel Ascent Fukuoka


แก๊งค์จักรยาน

ภาพนี้ถ่ายตอน 5 ทุ่ม ในขณะที่กำลังยืนรอคิวหน้าร้านราเมน Shin Shin (ซอยหลังโรงแรม) สักพักมีเสียงคุยโวยวายจากทางหน้าร้าน ผู้ชายตัวโตๆ รอยสักเต็มแขน เต็มคอ (ไม่รู้ว่าส่วนอื่นๆมีหรือไม่ ก็อากาศมันหนาว) หน้าตาท่าทางเหมือนหลุดออกมาจากหนังยากูซ่ายังไงยังงั้นเลย เดินไปคว้าจักรยานคนละคัน แยกย้ายกันปั่นไปคนละทิศละทาง ฮ่าๆๆๆ ยากูซ่าปั่นจักรยาน

สถานที่ : ซอยหลังโรงแรม Hotel Ascent Fukuoka , Tenjin, Fukuoka



Things to see ข้อที่ 2 : รถไฟ


การได้ไปสัมผัสรถไฟที่ญี่ปุ่น เป็นหัวข้ออันดับต้นๆที่นึกถึง ทริปนี้เราได้นั่ง รถหลายประเภท ทั้งรถไฟ รถเมล์ และแท็กซี่ ในส่วนของรถไฟก็ได้ลองใช้บริการทั้ง Shinkansen , Limited Express และรถไฟหวานเย็น เป็นการเดินทางที่ตื่นตาตื่นใจมากสำหรับหญิงไทยที่ห่างไกลความศิวิไลย์เช่นเรา

Nozomi สวยคม ว่องไวดุจสายฟ้า

จากสถานี Hataka ไปยังสถานี Kokura เรายอมควักเงิน 2,110 เยน เพื่อให้ได้สัมผัสกับ Shinkansen ขบวนนี้ สักครั้งในชีวิต (JR North Kyushu Pass ใช้ขึ้น Shinkansen สายนี้ไม่ได้) แม้จะใช้เวลาแค่ 16 นาทีในการอยู่บนขบวน แต่ถือเป็น 16 นาทีที่ควรค่าแก่การจดจำมากๆ

สถานที่ : สถานี Kokura หลังออกจากขบวน


Kyushu Railway

ว่ากันว่ารถไฟในแถบคิวชูจะบรรจงตกแต่งทั้งภายนอกและภายในรถไฟให้สวยงามเป็นเอกลักษณ์ เช่นขบวน Aso Boy, Yufuin และขบวนที่วิ่งไปสายคิวชูใต้เป็นต้น คราวนี้เรายังไม่ได้สัมผัสขบวนดังกล่าว หวังไว้แต่คราวหน้าคงไม่พลาดแน่นอน

สถานที่ : สถานี Kokura


ชานชาลาอันแสนเหงา

ชานชาลานี้ดูเงียบเหงา ไร้ผู้คน แต่ความจริงแล้วคนอื่นๆต่างเข้าไปรับความอบอุ่นจากฮีทเตอร์ใน Rest Area กันค่ะ มีแต่เรานี่แหละลั้ลลาถ่ายรูปจนลืมความหนาว

สถานที่ : สถานี Beppu


การมี Pass ใช้ทำให้เราสามารถเข้าออกสถานีได้อย่างไร้กังวล ที่สถานี Beppu เราแวะออกมาทักทายอนุสาวรีย์คุณลุง Shiny และจุ่มมือคลายหนาวที่บ่อออนเซนมือ แล้วก็กลับเข้าไปสถานีอีกรอบ

สถานที่ : สถานี Beppu


Mojiko ผู้น่ารัก

Mojiko Retro Town เป็นเมืองท่าที่มีกลิ่นอายตะวันตกปะปนอยู่ค่อนข้างมาก เดินไปทางไหนของเมืองก็จะพบอะไรน่ารักๆเก๋ๆเต็มไปหมด (ในตอนหน้าจะมีภาพเมืองนี้มาให้ชมกันค่ะ) ชานชาลาเล็กๆในสถานีก็น่ารักไม่แพ้ในตัวเมือง

สถานที่ : สถานี Mojiko


Moji กระทัดรัด น่าฟัดน่ากอด

สถานี Moji ชื่อคล้ายๆกับ Mojiko ห่างกันแค่ 2 สถานี จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตก และแสงสีทองก็ยั่วยวนเสียจนเราต้องลงจากรถไฟ เพื่อถ่ายภาพนี้

สถานที่ : สถานี Moji


รวมมิตร ชานชาลาบ้านนอก

ชานชาลาตามเมืองเล็กๆ เป็นที่ชื่นชอบของเรามาก มันให้ทั้งความรู้สึกน่าเอ็นดู และเหงาอย่างบอกไม่ถูก

ภาพซ้ายบนและล่าง จากสถานี Mojiko

ภาพขวาบนจากสถานี Kitsuki

ภาพขวาล่างจากสถานี Moji ที่ชานชาลานี้แอบมีร้านอุด้งขายด้วยล่ะ


รถไฟวิ่งอยู่หลังทุ่งดอกเรพสีเหลือง

ไม่รู้ภาพเหล่านี้ไปติดอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เราหมายมั่นปั้นมือว่า มาญี่ปุ่นคราวนี้ ต้องมีภาพแบบนี้กลับไปให้ได้ ทั้งที่ในแพลนยังไม่สามารถหาโลเคชั่นดังกล่าวได้เลย จะด้วยโชคช่วยหรืออย่างไร ขณะที่นั่งรถไฟผ่านสถานี Kitsuki เหลือบไปเห็นข้างทางเป็นทุ่งดอกเรพบานสะพรั่ง เลยทำการปักหมุดไว้ และหลังจากเที่ยวในเมือง Kitsuki เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินตามหมุดเพื่อไปหาเจ้าดอกเหลืองๆนี้กัน

แค่ได้ภาพแบบนี้กลับเมืองไทย ก็สบายใจแล้ว

สถานที่ : จากสถานี Kitsuki เดินตามถนนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1.5 กม

แถมหน้าตรงชัดๆอีกภาพค่ะ


ภายใน

เข้ามาภายในรถไฟ ยังไม่ทันจะได้ที่นั่ง มองซ้าย แลขวา อะไรก็ดูแปลกตาไปเสียหมด

บางขบวนระยะทางสั้นๆ 5-10 นาที เราเลือกที่จะไปยืนชมวิวตรงระหว่างขบวน

บางขบวนต้องนั่งยาว เข้ามาหาที่นั่งด้านในดีกว่านะคะ

คุณลุงกับแสงแบบนี้ นั่งท่านี้ เงียบๆ เท่ๆ

ระหว่างรอรถไฟออกจากชานชาลา เจอแสงเงาและSign ที่น่าสนใจ ก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพไว้

และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ การได้กินอะไรๆบนรถไฟ ชมวิวไป ฟังเสียงประกาศในรถไฟไป สุขใจนักเอย

ปิดท้ายภาพรถไฟ ด้วย Subway ภายในสถานี Hakata ค่ะ


Things to see ข้อที่ 3 : อาหารและเครื่องดื่ม


ปกติแล้วเวลาไปเที่ยวที่ไหน มักจะทำลิสต์ร้านอาหารที่น่าสนใจ ไว้ในแพลนด้วย แต่การมาครั้งนี้เราจะตามใจปาก ตามใจท้องไปเรื่อยๆ คิดสิ่งที่อยากลองไว้คร่าวๆ ได้แก่ เบียร์ (มาอันดับแรกเลย 55) ซอฟต์ครีม ฮากาตะราเมน กาแฟร้านสะดวกซื้อ เอกิเบน ลองร้านแบบ Izakaya(ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น) และร้าน Yatai ที่ Fukuoka

ผลสรุปออกมาว่าใน 2-3 วันที่อยู่ที่นั่น กินไปหลายมื้อ ถ่ายภาพไว้บ้าง ไม่ได้ถ่ายบ้าง(เพราะเหนื่อยและหิวจัด) เรามี 6 อันดับที่อยากนำเสนอเป็นแนวทางให้กับท่านอื่นๆ ว่ามีอะไรน่าลิ้มลองบ้าง ไปดูกันค่ะ

ปล. เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ


อันดับที่ 6 กาแฟ Starbuck ในร้านสะดวกซื้อ (ราคา 2xx เยน)

รสชาติสำหรับเราอาจเรียกได้ว่ากลางๆค่อนไปทางจืด แต่ทำไมติดอันดับ 6 น่ะหรอ ก็เพราะเมื่อคุณพกมันไปจิบ ในรถไฟ หรือในสวนดอกไม้ กับอากาศเย็นๆ มันเพิ่มรสชาติขึ้นมาได้อีกโข และคู่ควรในการติดอันดับ 6 มากๆค่ะ


อันดับที่ 5 เบียร์กระป๋องหรือขวดก็ได้ ในร้านสะดวกซื้อ (ราคา 1xx-2xx เยน)

คนชอบเบียร์อย่างเรา พอเห็นตู้แช่เบียร์ในร้านพวกนี้ สวรรค์แท้ๆเลยค่ะ ฮี่ๆ และที่สำคัญเบียร์ญี่ปุ่น (ตัวที่ไม่ใช่ Larger) เท่าที่ลองมาคือ นุ่มมากๆ คล้ายๆเบียร์เบลเยี่ยมเลย หลักการในการเลือกซื้อ(ที่คิดเอาเอง) คือ มองหากระป๋องสีทองๆ เล็งหาคำว่า Malt และสุดท้ายถ้ามีคำว่า premuim ยิ่งแพง ยิ่งนุ่ม ฮ่าๆๆ

ปล. ใครมียี่ห้อไหน ชื่นชอบ หรือหลักการเลือกซื้อแบบอื่นๆ แนะนำได้นะคะ


อันดับที่ 4 ฮากาตะราเมน ร้าน Shin Shin

อยู่เมืองไทย กินราเมนได้ครึ่งชามจะเริ่มเลี่ยน บางร้านก็น้ำซุปเค็ม แต่พอมาลองชิมร้านนี้ หลงรักเลยค่ะ น้ำซุปกระดุกหมู ไม่เค็ม กลมกล่อม ไม่เลี่ยน และเส้นนุ่มมากๆ ซดร้อนๆตอนอากาศหนาวๆ น้ำยายไหย ฮืออออ

ร้านนี้ ตอนหารูปในกูเกิ้ล เห็นต่อแถวเป็นสิบๆเมตร ตอนไปก็เลยเลือกไปช่วงดึกๆ (5ทุ่ม) รอคิวประมาณ 10 นาทีค่ะ สาขาที่ไปกินอยู่ Tenjin ในซอยหลังโรงแรม Hotel Ascent ค่ะ


อันดับที่ 3 Mojiko Retro Beer

เบียร์ตัวนี้ เหมือนจะเห็นวางขายเฉพาะที่ Mojiko (ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูลค่ะ) รสนุ่ม จิบเพลิน ราคาแอบแพงนิดนึง(5xx เยน) แต่เทียบกับรสชาติและบรรยากาศในการจิบเบียร์ไป ชมเมืองเก๋ๆไป วินาทีนั้นเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมจริงๆค่ะ


อันดับที่ 2 ร้านอาหารแบบ Yatai

สิ่งที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้ไปร้านแบบนี้เพราะ "บรรยากาศ" ล้วนๆเลยค่ะ โดยคำว่าบรรยากาศที่ว่านั้น ประกอบไปด้วย ที่นั่งแคบๆ นั่งแบบไหล่ชนไหล่, เสียงคนญี่ปุ่นคุยกันตลอดเวลา, ควันปิ้งย่างอาหารที่ฟุ้งอยู่ภายใน เสมือนเอฟเฟคคอนเสิร์ตบี้ เดอะสตาร์ แต่นั่นแหละค่ะ เสน่ห์ของร้านแบบนี้ นี่ยังไม่นับรสชาติและการบริการของร้านที่ดีมากๆ แนะนำเลยว่า ห้ามพลาด!!

ร้านแบบนี้มีเฉพาะใน Fukuoka นะคะ ย่านTenjin มีหลายร้านให้เลือกค่ะ


อันดับที่ 1 ตึ่งตึงตึ๊งงงงง !!! ร้าน Izakaya

อย่าเรียกว่าชอบ เรียกว่าหลงรัก จะใกล้เคียงกว่า กับร้าน Izakaya หรือร้านเหล้าแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ลักษณะของร้านก็คือเป็นร้านขายอาหารแบบกับแกล้ม ประเภทของปิ้งย่าง ของทอด และมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นสาเก และเบียร์ไว้บริการค่ะ

เราลองสั่งหมูย่างและไก่ย่างเสียบไม้ (Yakitori) มาลองกิน หน้าตาธรรมดามาก แต่พอชิมคำแรก โอ้โห้ววววววว อร่อยมากกกกกก (ก.ไก่ 3พันตัว) อร่อยจนต้องหันไปสบตากับเจ้าของร้านแล้วเอ่ยปากดังๆไปว่า "โออิฉิ"

ร้านที่เราไปนั่ง อยู่ที่ Kokura ใกล้ๆกับโรงแรม Hotel Relief เสียดายที่จำชื่อร้านไม่ได้ ค่ะ

ร้านนี้ทำเราประทับใจมาก ก็เลยให้มาเป็นอันดับที่ 1 ขออนุญาตเล่ายาวๆนะคะ

การที่เราไปคนเดียว มีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าจะเข้าร้านไหน จะถูกจัดให้ไปนั่งตรงบาร์เสมอ บางคนอาจไม่ชอบ แต่เราชอบมาก เพราะได้แอบมองการทำงานต่างๆของเชฟและลูกมือได้ และขณะที่เรากำลังถ่ายรูปขวดสาเกที่วางเรียงรายตรงหน้าบาร์ เสียงคุณลุงที่นั่งข้างๆเรา ก็พูดขึ้นมาว่า สาเกะ !! พร้อมกับชี้ไปที่ขวดสาเกที่อยู่ตรงหน้าคุณลุง แล้วก็พูดอะไรอีกเยอะแยะเป็นภาษาญี่ปุ่น เดาว่าแกคงอธิบายสรรพคุณต่างๆนาๆของสาเกให้เราฟัง เราก็พยักหน้าเออออยิ้มตามไป ในขณะเดียวกับที่คุณลุงขอแก้วจากคุณป้ามา 1 ใบ และบรรจงรินสาเกใส่แก้วนั้น พร้อมกับยื่นมาให้เรา ด้วยมารยาทเราเลยจิบไป 1 ที โอ้วคุณลุงคะ มันแรงมาก ฉุนขึ้นจมูกเลย ลุงคงสังเกตสีหน้าเราอยู่เลยจัดการให้คุณป้าหน้าบาร์ เติมน้ำเปล่าผสมให้มันเจือจางลง ตายล่ะ เบียร์ที่สั่งมาก็ยังไม่หมด นี่ต้องรับผิดชอบแก้วของคุณลุงอีก 1 แก้ว นึกขึ้นได้ เพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างทานข้าวและดื่ม ก่อนมาญี่ปุ่น เราได้ลง App Google translate ไว้นี่นา เห็นเป็นการดีที่จะนำมาทดลองใช้ในสถานการณ์แบบนี้ ว่าแล้วก็เริ่มต้นบทสนทนากับคุณลุงผ่าน App ดังกล่าว ด้วยประโยคแรกว่า พรุ่งนี้หนูจะไปเที่ยว Beppu ค่ะคุณลุง แล้วหลังจากนั้นเราก็คุยกันอยู่นาน หลายๆเรื่อง เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เราในที่นี้หมายถึง คุณลุงรินสาเก คุณพ่อ คุณแม่ และลูกที่อยู่หลังเคาเตอร์บาร์ด้วย ต้องขอบคุณ Google ที่ทำ App นี้ออกมา แม้มันจะผิดเพี้ยน จากความถูกต้องอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ช่วยเป็นสะพานเชื่อมให้เราได้มีบทสนทนาท่ามกลางเสียงหัวเราะ เป็นเวลาเกือบ 2 ชม.

ก่อนจากมา คุณลุงเขียนชื่อเมือง Beppu เป็นภาษาญี่ปุ่นให้เรา เขียนชื่อร้านอาหารที่อยากให้ไปลอง เขียนชื่อเมนูเนื้อม้า ใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ เสียดายที่เราทำมันหายไปตอนไหนไม่รู้ คืนนั้นอาจเมาสาเก ก็เป็นได้ 555 ด้วยความประทับใจ ทำให้เราเลือกร้าน Izakaya ร้านนี้เป็นอันดับ 1 สำหรับเรื่องอาหารการกินค่ะ

บรรยากาศภายในร้าน

อย่าลืมสั่งเบียร์มาทานกับกับแกล้มนะคะ


และแล้วกระทู้ ตอนที่ 1 : ผู้คน รถไฟ อาหารเครื่องดื่ม ก็จบลงเพียงเท่านี้

หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง สำหรับผู้ที่มีแพลนจะเดินทางไปถ่ายรูปที่ คิวชูเหนือนะคะ

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้ากับภาพพร้อมเรื่องเล่าของ สถานที่ท่องเที่ยว ศาลเจ้า และอะไรๆที่เจแป๊น เจแปน


สวัสดีค่ะ



Black Salmon

 วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.25 น.

ความคิดเห็น