สวัสดีครับ ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว ผมคิดว่าหลายๆคนคงเริ่มมีแผนการลาพักร้อน หรือแผนออกเดินทางท่องเทียวพักผ่อน ในช่วงปลายปีกันเยอะมาก ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ มนุษย์เงินเดิน พนักงาน office แบบเราๆ การได้ลาพักร้อนเป็นอะไรที่แบบมีความสุขที่สุดแล้วก็ว่าได้ 5555

การเดินทางในครั้งนี้ ผมเลือกเส้นทางที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนช่วงปลายปี หรือเดือนธันวาคมของประเทศไทย นั่นคือจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือจะเรียกว่า Road Trip ก็ได้ครับ เราใช้เวลาในทริปนี้ทั้งหมด 5 วัน 4 คืน จะไปที่ไหนกันบ้างตามมาอ่านไปพร้อมกันครับ



ทริกเล็กๆ และการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

  1. เช็ครถก่อนออกเดินทาง : เนื่องจากเดินทางไกล ควรเช็ครถให้พร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำ ไฟ หรือน้ำมันเครื่องต่างๆ
  2. เช็คร่างกายให้พร้อม : แน่นอนว่าเราจะสนุกและมีความสุขกับการเที่ยวมากที่สุด หากร่างกายเราแข็งแรงและไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก่อนออกเดินทาง
  3. เช็คสถานที่เที่ยว : การวางแผนก่อนออกเดินทางเป็นเรื่องสำคัญ ว่าควรจะไปจุดไหนก่อนหรือหลัง จะได้ไม่เสียเวลาวกรถไปมา และเกิดสับสนระหว่างการเดินทาง
  4. เช็คห้องว่างสำหรับการเข้าพัก : ไม่ใช่มีเพียงแค่เราที่จะเข้าพักที่นั้นๆ ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผู้คนล้านแปดแย่งชิงที่พักที่ใครๆก็ต้องการ เพราะฉะนั้นจองให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
  5. เช็คเงินในกระเป๋า และอื่นๆ : สิ่งสำคัญที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องเงินๆทองๆนี่แหละครับ ควรมีการวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันให้พอดีกับการเดินทาง และทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

.... เริ่มออกเดินทาง ....


Day 1 : สรุปแพลนคร่าวๆตามนี้
- ขับรถไปยังตัวเมืองเชียงใหม่
- มื้อเช้าที่ร้าน โกเผือกโกดำ
- เช็คอินเข้าที่พัก คืนที่1 เชียงใหม่
- พิฆเนศวรเทวาลัย
- มื้อเที่ยง ร้านข้าวซอยนิมมานท์
- คาเฟ่มีใจให้มัทฉะ - Magokoro Tea
- ดอกมากาเร็ตสีม่วง สวนป้าจวนลุงใจ๋
- มื้อค่ำ + ถนนคนเดินประตูท่าแพ


วันแรกของการเดินทาง 8 ธันวาคม 2562 ผมและเพื่อนสนิทเดินทางกันแค่ 2 คน ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ออกเดินทางจาก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เวลาประมาณตีหนึ่ง หรือ 01:00 น. จริงๆแล้วอยากออกช้ากว่านี้ แต่ด้วยความที่ตื่นเต้น เลยนอนตื่นเร็วกว่ากำหนดไปสองชั่วโมง แต่ก็ไม่เป็นไร ตื่นแล้วก็ไปกันเลย 5555

สามารถเปิด GPS เพื่อนำทางไปยัง จังหวัดเชียงใหม่ได้เลย เพื่อไม่ให้งงก็สามารถระบุพิกัดปลายทางให้ชัดเจน อย่างเช่นผมเลือกพิกัด ประตูท่าแพ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากต้นทาง เพียงแค่ 420 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น แนะนำให้พักรถบ่อยๆสำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยขับรถไกล หรือขับรถกลางคืน

ควรแวะพักประมาณ 200-300 กิโลเมตร/ครั้ง ถ้าง่วงก็แวะล้างหน้าและกินกาแฟสักงีบและค่อยขับต่อไปยังปลายทาง กลางคืนรถแทบจะน้อยมาก แต่ก็ต้องใช้ความระวังเป็นอย่างมาก ขับไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบ เชียงใหม่อยู่ไม่ไกล แค่ตั้งใจไปเดี่ยวก็ถึงครับ คิดไว้เพียงแค่นี้ก็พอ 55555

เราถึงเมืองเชียงใหม่เวลาประมาณ 6 โมงเช้า และจุดหมายแรกของเราในวันนี้คือการไปกินมื้อเช้าที่ร้าน โกเผือกโกดำ

ร้านโกเผือกโกดำ : ร้านอาหารเช้าในเมืองเชียงใหม่ ร้านเล็กๆตกแต่งแนววินทจ เน้นเมนูง่ายๆเช่น เมนูไข่กระทะ ก่วยจั๊บญวน ไฮไลท์คือขนมปังนึ่งสังขยา 4 รสชาติ ทานคู่กับชาร้อนๆ โกโก้ร้อนๆ เสริฟพร้อมความหนาวแบบฟินๆ ร้านเปิดเวลา 07:30 น. แต่เปิดให้รับบัตรคิวแต่แต่ 7 โมงตรง ใครมาช้าก็รอคิววนไป

คิวใครถึงก่อนก็มีสิทธิ์เลือกที่นั่งมุมสวยๆก่อนนะครับ ส่วนตัวผมมาถึงคิวแรก เป็นไปได้ยังไง 555 ขอตัวไปสั่งออเดอร์ก่อนนะครับ

พิกัด : บ้านแม่น้ำ ซ.3 อ.เมืองเชียงใหม่ เข้าซอย The habour จนสุดซอย เจอร้านจะอยู่ตรงสามแยกพอดีครับ ร้านเปิดเวลา 07:30 - 14:00 น. สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 062 442 4611

หลังจากนั่งชิวๆ กับมื้อเช้าแสนอร่อย จุดหมายต่อไปคือเข้าที่พัก เพื่อขอเช็คอินเข้าก่อนกำหนด และด้วยความที่เจ้าของห้องพักใจดี ก็ให้เราสามารถเช็คอินก่อนกำหนดได้ด้วย ดีใจมากมาย เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ ตื่นนอนก็ขับรถออกมาเลย เลยของีบเอาแรงสัก 2-3 ชั่วโมงแล้วเดี่ยวออกเที่ยวกันต่อ

สำหรับที่พักคืนแรกในวันนี้ เราพักกันที่ Zz house เพื่อนๆสามารถค้นหาห้องพักและราคาได้จากเว็บไซต์นี้ครับ Booking.com หรือคลิกลิงค์ : https://www.booking.com

เที่ยงแล้วเริ่มหิวอีกครั้ง ออกจากที่พักก็เดินทางต่อไปย่านนิมมาน เพราะพิกัดต่อไปคือมื้อเที่ยงที่ ร้านข้าวซอย นิมมาน นั่นนเองครับ แต่ก่อนถึงนิมมาน แวะไหว้ขอพรองค์พระพิฆเนศ กันที่พิฆเนศวรเทวาลัย ในเมืองเชียงใหม่กันก่อนครับ เพื่อเสริมสร้างบุญบารมีให้กับตัวเอง

ร้านข้าวซอยนิมมานท์ : เป็นร้านข้าวซอยชื่อดังที่สุดในเมืองเชียงใหม่ เห็นรีวิวทุกๆที่เขียนว่าเด็ดก็ลองมาชิมกันดูว่าจะจริงตามที่รีวิวได้บอกไว้หรือไม่ บรรยากาศร้านดูดี ดูแพง ทันสมัย มีการจัดระเบียบคิวที่ดีเป็นระบบ รอไม่นาน ด้านในมีโต๊ะทั้งโซนที่เป็นห้องแอร์ และ Open air

เมนูเด็ดของร้านที่พลาดไม่ได้เลย คือข้าวซอยเนื้อตุ๋นและข้าวซอยไก่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวต่างชาติ เข้ามาลองชิมรสชาติอาหารจากที่นี่ รวมถึงผมด้วยครับ

พิกัด : นิมมานท์ ซอย 7 , มาตามพิกัดใน Gps ไม่หลงแน่นอนครับ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ร้านเปิดเวลา 11:00 - 21:00 น. สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 053 894 881

ของคาวเสร็จแล้ว ต้องตบด้วยของหวานถูกไหมครับ วันนี้เป็นทริปตะลุยกินก็ว่าได้ เพราะหลังจากออกจากร้านข้าวซอยนิมมานแล้ว ไปต่อของหวานกันที่ร้านคาเฟ่มีใจให้มัทฉะ ชิมชาเขียวแบบออริจิ และโมจิแบบนุ่มลิ้น

ร้านคาเฟ่มีใจให้มัทฉะ : เป็นร้านคาเฟ่ในสวนสวยสไตญี่ปุ่น หน้าร้านสวยสะดุดตามากๆ เหมือนยกร้านจากญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ ด้านในมีสวน มุมพักผ่อนเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ที่โตเกียว มีที่นั่งทั้งแบบ Indoor และ Out door สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า

พิกัด : ตั้งอยู่บนถนน ศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ เลยสี่แยกไนท์บาซ่ามาทางแม่น้ำปิง ประมาณ 200 เมตร สามารถเปิด Gps ไม่หลงแน่นอนครับ ร้านเปิดเวลา 10:00 - 18:00 น. สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 081 583 2544 หรือ Facebook เพจชื่อร้าน

นั่งพักผ่อน จิบชาเขียวแบบออริจิ กันแบบฟินๆเสร็จแล้ว เรามีนัดกันต่อที่สวนดอกไม้ ดอกมากาเร็ตสีม่วง สวนป้าจวนลุงใจ๋ กำลังแบ่งบานให้ได้ชื่นชม อันนี้ยอมรับว่ามาตามรีวิว 5555 แต่ทำใจเอาไว้แล้วว่าคนต้องเยอะแน่ๆเพราะด้วยที่มีกระแสแรงมากกับที่นี่ และตรงกับวันหยุดสัปดาห์อีก

มาถึงคนก็เยอะจริงๆด้วย มีค่าเข้าบริการคนละ 50 บาท ที่จอดฟรี มีน้ำดื่มสมุนไพรให้บริการฟรี และมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

พิกัด : Gps พิกัด สวนป้าจวนลุงใจ๋ ตั้งแต่ซอยทางเข้าจากถนนใหญ่ จะมีป้ายบอกตลอดทาง l ไปางเดียวกับ i Love Flower Farm ไม่ต้องจอง ! วอล์คอินเเข้าไปได้เลยครับ เปิดตลอดวัน

ถ่ายรูปกันประมาณ 200 รูปเป็นที่น่าพอใจ ร่างกายก็เริ่มหิวข้าวเย็นขึ้นมาอีกครั้ง ออกจากสวนดอกไม้เกือบ 6 โมงเย็น ตั้ง Map ประตูท่าแพ เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ มีถนนคนเดินท่าแพ ต้องบอกว่ารถติดโคตรๆ ถ้าใครพักแถวประตูท่าแพนี่โชคดีมากๆครับ เพราะเดินได้สะดวก แต่ถ้าใครไม่ได้อยู่แถวนี้ละก็ขับรถวนๆไปครับ หาที่จอดยากมาก เข้าออก วนในวอยหลายๆซอยกว่าจะเจอ แต่ในที่สุดก็วนจนได้จอดครับ อิอิ

ถนนคนเดินท่าแพ : เป็นถนนคนเดินและแหล่งจำหน่ายสิ้นค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นของพื้นเมืองและอาหารการกินต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจมาเดินเล่นกันมากในช่วงกลางคืน

พิกัด : บริเวณประตูเมืองท่าแพ มีเฉพาะวันอาทิตย์ เริ่มเวลาประมาณ 17:00 - 22:00 น.

กลับจากถนนคนเดินท่าแพ ก็ตั้ง Map กลับที่พักเลยครับ เพราะวันนี้ออกเที่ยวมาทั้งวันแล้ว กินเยอะด้วย ร่างกายเริ่มอ่อนหล้าคิดถึงเตียงนุ่มๆ 555 เดี่ยวพรุ่งนี้ออกตะลุยเที่ยวในเชียงใหม่กันต่ออีก 1 วัน เต็มๆ สำหรับวันนี้ Have a good night krab


Day 2 : สรุปแพลนคร่าวๆตามนี้

- สวนป่าดอยบ่อหลวง
- จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ บ้านถวาย
- ดินเนอร์ซาซิมิ ร้านดิบดี ซูชิ คาเฟ่


วันที่ 2 ของการเดินทาง 9 ธันวาคม 2562 วันนี้แพลนไม่เยอะ แต่ใช้เวลาเดินทางทั้งวัน เพราะแต่ละที่อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ที่แรกของวันนี้คือ สวนป่าดอยบ่อหลวง เป็นสวนป่าสน ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บนเนินเขาที่สวยงาม จริงๆแพลนของเราคือการได้มานอนพักที่นี่

ด้วยความที่ห้องพักมีไม่เยอะ และถูกนักท่องเที่ยวจองเต็มทุกหลัง เลยไม่สามารถเข้าพักที่นี่ได้ ด้วยความที่ชอบธรรมชาติ เลยคุยกับเพื่อนว่าเอาวะไม่ได้พักยังไงก็ให้ได้มาสัมผัสบรรยากาศว่าจะสวยงามเหมือนที่รีวิวทุกๆรีวิว เขาเขียนให้อ่านกันจริงๆหรือไม่

สวนป่าดอยบ่อหลวง : สถานที่พักผ่อน พักสมองปล่อยวาง หลีกหนีความวุ่นวาย ใกล้ชิดธรรมชาติ ในบรรยากาศผ่อนคลาย อากาศเย็นตลอดปี มีที่พักหลากหลายแบบให้ได้เลือกสรรค์ตามใจชอบ

พิกัด : อำเภอฮอด Gps พิกัดสวนป่าดอยบ่อหล่วง ประมาณ 2 ชม.จากตัวเมืองเชียงใหม่ สามารถโทรติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองห้องพักได้ที่เบอร์ : 092 586 9215 ในเวลา 09:00 - 18:00 น.

กลับลงมาจากสวนป่าดอยบ่อหลวง ขับกลับมาในเมืองเชียงใหม่ จะผ่านอำเภอ หางดง มีสถานที่ให้แวะพักผ่อนกันอีกแล้วครับคุณผู้ชม .... ฮาๆๆๆ นั่นคือร้านค่าเฟ่ริมนา จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ บ้านถวาย นั่นเองครับ

Jungle De Cafe Baan Tawai : จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ บ้านถวาย บรรยากาศชิวๆท่ามกลางทุ่งนาอันกว้างใหญ่ มองออกไปรอบๆมีวิวภูเขาอยู่ไกลๆ สาขา บ้านถวายเป็นสาขาที่ 3 ของเครือข่าย Jungle De Cafe กาแฟราคาหลักสิบ รสชาติหลักร้อย และวิวหลักล้าน พร้อมเมนูอาหารหลากหลายให้ได้ลองชิม

พิกัด : บ้านถวาย ต.ขุนคง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เข้ามาบ้านเส้นถวาย 2 ฝั่งคลอง ไปตาม Gps ได้เลยครับ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 - 23:00 น. (ครัวปิด 2 ทุ่ม) สามารถโทรติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 081 9989291

ชมวิวถ่ายรูปกันพอหายเหนื่อย ขับรถกลับเข้ามายังที่พักในเมืองเชียงใหม่ เพื่อเช็คอินเข้าที่พัก คืนที่ 2 เราไม่ได้พักที่เดียวกับคืนแรก เลยจำเป็นต้องมาเช็คอินเข้าที่พักกันก่อน และเดี่ยวค่ำๆค่อยออกไปหาอะไรกินกันต่อครับ คืนนี้พักที่ Hai hostel ซึ่งจองออนไลน์มาจากเว็บไซต์ Booking.com เหมือนเดิมครับ

มื้อค่ำวันนี้เรามีนัดดินเนอร์ซาซิมิ ร้านดิบดี ซูชิ คาเฟ่ เอาจริงก็มาตามรีวิวนั่นแหละครับ เขาว่าดีก็อยากมาลองชิมเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง คืนนี้เรามีนัดกับหนุ่มน้อย เป็นญาติสนิทของเพื่อนที่มาด้วยกัน มาเที่ยวเชียงใหม่ทุกปี ก็แวะมาเจอกันทุกปี น้องน่ารักมากๆครับ

ร้านดิบดี ซูชิ คาเฟ่ : เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บาร์ ตกแต่งร้านให้คงามรู้วึกเมือนนั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารที่ญี่ปุ่น มีจำนวนโต๊ะไม่มากนัก เมนูอาหารสไตล์ซูชิบาร์ ซาซิมิ เมนูปลาดิบต่างๆ เมนูบุฟเฟ่มีให้เลือก 2 ราคา เริ่มต้นที่ 499 บาท/คน แซลม่อนชิ้นใหญ่ สด สะอาด รับรองความฟินครับ

พิกัด : Gps พิกัดร้าน ถ.อัษฎาธร ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12:00 - 22:00 น. สำรองจองโต๊ะหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 084 658 7771 หรือผ่านเพจ Facebook ร้านดิบดี ซูชิ คาเฟ่

กลับจากมื้อค่ำวันนี้ แบบอิ่มมากๆๆๆ ก.ล้านตัว กลับมาพักผ่อนที่พัก ซึ่งอยู่ชั้น 5 แบบไม่มีลิ๊ฟ อื้อหือที่กินเข้าไปแทบอ๊วกออกมา 555 ได้แต่เก็บไว้เพราะเสียดายเพราะราคาไมได้ถูกเลย เอาเป็นว่าต้องรีบนอนเพราะมีแพลนตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปแม่ฮ่องสอนกันต่อครับ


Day 3 : สรุปแพลนคร่าวๆตามนี้

- ออกเดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน
- ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่
- (ปางอุ๋ง) โครงการพระราชดำริปางตอง2
- เข้าพักที่หมู่บ้านรักไทย

วันที่ 3 ของการเดินทาง 10 ธันวาคม 2562 วันนี้เราตื่นเช้ามากๆประมาณ 05:00 น. และออกเดินทางไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพิกัดแรกของวันนี้ คือหมู่บ้านจ่าโบ่ อำเภอปางมะผ้า ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว

ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 190 กิโลเมตร เส้นทางเป็นทางคดเคี้ยวตลอดเวลา คนข้างๆโปรดระวังอาจอ้วกได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 555


บ้านจ่าโบ่ เป็นชื่อของชุมชนเล็กๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวลาหู่ ที่ย้ายมาจากห้วยยาว นำโดยนายจ่าโบ่ ไพรเนติธรรม เลยกลายเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้ "อาบูดายา" ภาษาลาหู่ แปลว่า สวัสดี (อ้างอิง : K.jasminta MTai.com)

หมู่บ้านจ๋าโบ : จุดหมายแรกของการเดินทางในวันนี้คือร้าน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เราถึงในเวลาประมาณ 9 โมงเช้า ซึ่งหมอกเริ่มหายไปหมดแล้ว แต่ถ้าใครอยากเจอหมอกหนาๆบริเวณนี้แนะนำให้นอนพักที่นี่ เขาจะที่พักแบบ โฮมสเตย์ให้เลือกมากมาย ราคาถูกหลักร้อยวิวหลักล้าน แต่เราไม่ได้พักที่นี่ มาช่วงสายๆวิวไม่มีหมอกก็สวยไปอีกแบบครับ

พิกัด : Gps พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ เปิด 07:00 - 16:00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 096 195 2685

นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีร้าน Coffee จ่าโบ่ ที่อร่อยและแม่ค้าปากหวานมากๆ อยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวเลยนะครับ สามารถแวะชิมโกโก้ร้อนๆ กาแฟร้อนๆ ให้ร่างกายได้อุ่นๆ และยังมีวิวสวยๆ มุมถ่ายรูปแบบเกร๋ๆ หวาดเสียวๆ ให้ได้ลองนั่งถ่ายรูปกันเยอะแยะไปหมด ใครมาที่นี่แล้วต้องมาลองชิมกันดูนะครับ

ใช้เวลาอยู่ที่หมู่บ้านจ่าโบ่ ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จุดหมายต่อไปคือ (ปางอุ๋ง) หรือโครงการพระราชดำริปางตอง2 นั่นเอง เสียดายที่เราไม่ได้มาถึงเช้าเลยไม่ได้เจอกับ ห่านคู่รัก และไอหมอกยามเช้าที่สะท้อนแสงแดดขึ้นมาเป็นไออุ๋นๆ ให้ได้สัมผัสกันในตอนเช้า แต่แค่ได้แวะมาถ่ายรูปและเดินเล่นก็ถือว่าได้มาถึงแล้ว ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง : ตั้งอยุ่ในหมู่บ้านรวมไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดขึ้นจาก ในหลวง ร.9 และราชินี ทรงเป็นห่วงความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อยในระแวกนี้ จึงมีพระราชดำริให้พํมนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพของคนกลุ่มน้อยเหล่านี้ รวมถึงการสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่ตรงนี้อีกด้วย

ช่วงปลายปีแบบนี้เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะด้วยอากาศที่หนาวและสบายแล้ว ปางอุ๋งยังเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา มีลานกางเต้นในสวนสน มาถึงก่อนมีสิทธิ์เลือกจุดกางเต้นก่อน อีกทั้งยังมีห้องพักโฮมสเตย์ของหมู่บ้านบริเวณทางเข้าอ่างเก็บน้ำมากมาย ราคาไม่แพงด้วย และสามารถสั่งเนื้อย่าง หมูกระทะ เข้ามาทานหน้าเต้นท์ที่พักได้

พิกัด : Gps พิกัด(ปางอุ๋ง) หรือโครงการพระราชดำริปางตอง2 หากลงเครื่องจากแม่ฮ่องสอน เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเพียงเท่านั้นเอง

เวลาประมาณ บ่าย 3 ขับรถออกมาจากทางเข้าปางอุ๋ง เจอสามแยกในหมู่บ้าน จุดนี้จะเป็นทางแยกไปบ้านรักไทย และเข้าในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เราก็เลี้ยวซ้ายตาม Map หรือป้ายบอกทางได้เลย เพราะปลายทางของเราในวันนี้คือ หมู่บ้านรักไทย เราจะนอนพักค้างกันที่นี่คืนนี้ครับ

หมู่บ้านรักไทย : เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ที่อพยพมาอยู่ที่นี่ ในหมู่บ้านยังคงวัฒนธรรมแบบชาวจีนอย่างเหนียวแน่น มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย มีอาหารการกินแบบผู้คนจีนยูนนาน ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อ เห็นทีจะเป็นชา เช่น ชาชิง ชาอู่หลง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ช่วงธันวาคมถึงกุมภาพันธุ์ อากาศจะหนาวเย็นเป็นพิเศษ ถึงขั้นเลขตัวเดียวเลยก็มี

พิกัด : Gps พิกัดบ้านรักไทยแม่ฮ่องสอน จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้ถนนหมายเลข 108 เส้นทางคดเคี้ยว โค้งเยอะ แต่มีป้ายบอกตลอดทาง

เราพักกันที่ ยูนนานรักไทยรีสอร์ท เป็นที่พักในเครือของ ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท เป็นที่พักที่ขึ้นชื่ออันดับต้นๆเมื่อพูดถึง หมู่บ้านรักไทย ที่นี่ ค่าห้องพักก็ไม่แพงแล้วแต่ช่วงที่เข้าพัก อาหารเช้าสามารถเข้าใช้บริการได้ที่ ร้านอาหารลีไวน์รักไทย และสามารถเดินเข้าชมสวนรอบๆใน ลีไวน์รักไทยรีสอร์ทได้ด้วย

เนื่องจากวันนี้มาถึงบ่ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้เข้าไปเดินเล่นในสวนชา ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท แต่ก็สามารถเดินสำรวจเส้นทาง แวะชิมชาตามร้านขายของรอบๆหมู่บ้านรักไทย จนมาเจอมุมนั่งพักและชมวิวที่ร้าน Coffee ที่นี่ แวะกินชาไข่มุกที่อร่อยมากๆ เจ้าของร้านใจดีเอาชาร้อนๆมาให้ชิมตั้งหลายรสชาติ รับรองอร่อยจนได้หิ้วกลับมาฝากคนที่บ้านแน่นอนครับ

ตกเย็นเดินเล่นรอบๆหมู่บ้านรักไทย และกินมื้อค่ำที่ร้านอาหาร ลีไวน์รักไทย สำหรับคนที่เข้าพักที่ ยูนนานรักไทย สามารถใช้คูปองส่วนลดอาหารจากร้านได้ 5% ถือว่าคุ้มสุดคุ้มเลยทีเดียว วิวที่ร้านอาหารดีมาก มองออกไปจะเจอกับอางเก็บน้ำที่วิวสวยมาก บวกกับข้าวที่อร่อยสมกับราคา แนะนำให้มาลองชิมได้ครับ

อิ่มจากมื้อค่ำ และเดินย่อยซื้อของฝากกันบริเวณรอบๆ จากนั้นก็เดินกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนด้วยอากาศที่หนาวมากๆ เอาจริงอยากให้ที่ห้องมีฮิตเตอร์มากๆ 555 จนเกือบจะไม่อาบน้ำนอน แต่ถ้าไม่อาบคนข้างๆไม่ให้กอดแน่ๆ อะล้อเล่น ..... ลากันไปพักผ่อนสำหรับคืนนี้นะครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้าราตรีสวัสดิ์ครับ


Day 4 : สรุปแพลนคร่าวๆตามนี้
- ชมวิวยามเช้ารอบๆบริเวณหมู่บ้านรักไทย
- ชมสวนชา ขั้นบันได ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท
- มื้อเช้าที่ร้านอาหารลีไวน์รักไทย
- ร้านกาแฟ ลีไวน์รักไทย
- วัดพระธาตุดอยกองมู
- ร้านอาหาร Cocolino ปาย
- สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
- เข้าที่พัก คืนที่ 4 บ้านกระทิสด
- มื้อค่ำ + ถนนคนเดินปาย

วันที่ 4 ของการเดินทาง 11 ธันวาคม 2562 ตื่นเช้ามาด้วยอากาศที่หนาวมากๆ ประมาณ 7 โมงเช้า อากาศประมาณ 7 องศา จริงๆตื่นเช้ากว่านี้ก็ได้ แต่หมอกจะปกคลุมหนามาก มองออกไปนอกห้องแทบจะไม่เห็นอะไร เลยขอชิวๆหน่อยละกันวันนี้ไม่ต้องรีบมาก

ก่อนเข้ากินอาหารเช้าที่ ร้านอาหารลีไวน์รักไทย เราแวะเดินเข้าไปที่สวนชาของ ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท ที่นี่จะเป็นรีสอร์ทส่วนบุคคุล คนที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่ หรือไม่ได้รับอนุญาติก็ไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ อนุญาตให้เข้าได้แค่ชมสวนบริเวณรอบนอกเท่านั้น

จริงๆอยากพักที่นี่มากๆ ขนาดโทรมาจองล่วงหน้าเป็นเวลา 4 เดือนก็ยังถูกจองเต็มที่ห้องพักครับ สงสัยถ้ามาอีกรอบหน้าต้องจองยาวเป็นปีเลยจ้า

ได้มุมถ่ายรูปสวยๆเป็นที่น่าประทับใจแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเช้าฟรี ที่ร้านอาหารลีไวน์รักไทย เป็นอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ เพียงแค่ยื่นคูปองอาหารเช้า ก็สามารถต่อแถวรอตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่อั้นครับ

แนะนำเลยที่พลาดไม่ได้ คือมันโถ มีความทอดกรอบนอกนุ่มใน จนต้องเดินไปหยิบมาเพิ่ม ทานคู่กับนมข้นหวานๆ และชาร้อนๆ บวกกับไออุ่นที่ขึ้นมาจากน้ำ คือแบบบรรยากาศสุดโรแมนติกเลยครับ

อิ่มแล้วก็เดินมายังร้าน คอฟฟี่ลีไวน์ อันเลื่องชื่อของบ้านรักไทย ตรงนี้เป็นท่าเรือที่สามารถใช้บริการนั่งชมวิวในอ่างเก็บน้ำได้ครับ สามารถติดต่อ สำรองจองรอบลงเรือได้จากพนักงานที่ร้าน คอฟฟี่ลีไวน์ได้เลยครับ ส่วนตัวผมมีเวลาน้อยเลยไม่ได้ใช้บริการในครั้งนี้

บริเวณร้านมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก เราออกจากหมู่บ้านรักไทยเวลาประมาณเกือบๆ 10 โมงเช้า เพื่อเที่ยวต่อกันครับ

วัดพระธาตุดอยกองมู : เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ตั้งอยู่บนดอยกองมู ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง

วัดพระธาตุดอยกองมู เดิมมีชื่อเรียดว่า วัดปลายดอย ประกอบไปด้วยพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ ดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นวิวภูมิประเทศและตัวเมืองแม่ฮ่อนสอนได้อย่างชัดเจน

ด้านหลังหากหันมองไปจะเป็นทางวิ่งขึ้นลง ของสนามบินแม่ฮ่องสอน ที่ตอนนี้มีสายการบิน Bangkok Airways ทำการบินเส้นทาง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เป็นประจำทุกวัน
พิกัด : ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทีเบอร์ : 053 611 221

จริงๆ ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเองยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สะพานซูตองเป้ หรือวัดต่างๆ แต่ครั้งนี้ขอแวะเที่ยวแม่ฮ่องสอนเพียงแค่นี้ก่อน เดินทางกันต่อไปยังตัวอำเภอเมืองปาย จุดหมายของเราคือไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารวิวหลักล้าน ที่ร้าน Cocolino ครับ

ร้านอาหาร Cocolino : ก่อนอื่นต้องบอกไว้เลย ว่าร้านนี้วิวสวยมาก แต่ทางขึ้นก็ชันมากๆเช่นกัน กล่าวคือ ร้านตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่มองออกไปรอบๆเป้นวิวทุ่งนาขั้นบันได และโอบล้อมไปด้วยภูเขาแบบ 360 องศา รู้สึกว่าจะมีลานกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ รายละเอียดติดต่อกับทางร้านได้เลยจ้า

ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาววิวรอบๆก็จะออกเป็นโทนสีน้ำตาลหน่อยๆ ถ้ามาช่วงหน้าฝนน่าจะเขียวๆกว่านี้ครับ ที่ร้านจะบริการเป็นอาหารจานหลัก และมีเครื่องดื่ม รวมถึงเค้กให้ได้เลือกชิมกันหลายๆรสชาติ

พิกัด : Gps พิกัดร้าน Cocolino , (จากเมืองปายไปทางปางมะผ้าประมาณ 6 กิโลเมตร) เปิดบริการทุกวัน เวลา 09:00 - 19:00 น. โทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 061 798 4835

อิ่มจากอาหารเที่ยง และนั่งพักผ่อนกันจนถึงเวลาประมาณ บ่าย 3 โมงเย็น ขับรถต่อไปยังจุดหมายถัดไป สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จริงๆขับรถผ่านตั้งแต่วันแรกที่มาแม่ฮ่องสอน แต่ยังไม่ได้แวะเพราะกลัวจะเสียเวลาตอนไปบ้านจ่าโบ่ เลยมาแวะวันนี้เลยละกัน

ช่วงเวลาประมาณ บ่าย 3 ไม่ต้องพูดถึงครับ อากาศก็ร้อนแบบแดดช่วงบ่ายทุกคนน่าจะนึกภาพออก เลยไม่ค่อยได้รูปที่สวยมากเท่าไหร่ แต่ก็ประทับใจนะครับ เมื่อมาถึงและได้อ่านประวัติศาสตร์การก่อสร้างสะพานของที่นี่ อยาให้เพื่อนๆได้มีโอกาสมาเดินเล่นนะครับ


สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย : ตั้งอยู่ริมถนนสาย 1095 บริเวณกิโลเมตรที่ 88 ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปาย สะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนประตูสู่อำเภอปาย สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่น (อ้างอิง และอ่านเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์นี้นะครับ : https://bit.ly/2S819bt)

พิกัด : ริมถนนสาย 1095 บริเวณกิโลเมตรที่ 88 ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปาย

เข้าพักคืนที่ 4 ที่นี่ครับ บ้านกระทิสด ได้ยินรีวิวจากหลายๆสำนักว่าที่พักแห่งนี้มีความชิคมากๆ บรรยากาศโดยรอบคือดีย์ และที่ตั้งก็อยู่ใกล้กับถนนคนเดิน แค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี่มีบ้านต้นไม้เพียงแค่ 1 หลังเท่านั้น ราคาก็ไม่แพงมาก และมีห้องพักสไตล์ล๊อฟให้เลือกอีกหลายๆแบบ

เข้าชมห้องพักและสำรองได้จากเว็บไซต์ Booking.com หรือสามารถติดต่อผ่านทาง Chat Facebook เพจ บ้านกระทิสด ปาย ได้เลยครับ ( อันนี้ไม่ได้ค่ารีวิวนะครับ แต่ถ้าให้ไปพักฟรีรอบหน้าก็ยินดีมากๆครับ 5555 ) หรือกดเข้าที่ลิ้งค์นี้ได้เลยครับ : https://www.facebook.com/baankatisod/

ได้เวลาอาหารค่ำอีกแล้ว วันนี้เราจะไปเดินตะลุยกินมื้อค่ำกันที่ ถนนคนเดินปาย ครับ อยู่ไม่ไกลจากที่พักเพียงขับรถแค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ที่จอดรถก็ไม่ได้หายาก ขับไปก็จอดระแวกใกล้เคียงทางเข้าถนนคนเดินได้เลยครับ ของกินมีเยอะมากๆ หลากหลายรูปแบบ

ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเป็นของทานเล่น ชาวต่างชาตินิยมเข้ามาเที่ยวในปายมากแทบจะ 70% ที่เดินสวนกันไปมาล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ทำเอาผมอิ่มจนพุงกาง ตังในกระเป๋าแทบจะหมดกันเลยจริงๆครับ เพราะของกินน่ากินทุกอย่าง และรสชาตอาหารก็อร่อยด้วย แนะนำครับ ต้องมาลองเดินเล่น อากาศดีมาก และไม่วุ่นวายเหมือนถนนคนเดินเชียงใหม่เลย 

กลับมาพักที่ห้องพักบ้านกระทิสด คืนนี้ที่พักออกจะเงียบเหงา อาจเป็นเพราะไม่ได้อยู่ช่วงวันหยุดสัปดาห์คนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ปกติที่เคยเห็นในเพจ ก็จะมีดนตรีสดบ้าง แต่คืนนี้ไม่มี มีเพียงเพลงชิวๆให้ได้นั่งผ่อนคลายบริเวณรอบๆที่พักเพียงเท่านั้น

นั่งชมดาว ผิงกองไฟให้ร่างกายได้เพิ่มความอบอุ่นสัก แค่นี้ก็พอแล้ว กลับเข้าห้องเพื่อพักผ่อนเตรียมตัวเที่ยวพรุ่งนี้เช้ากันต่อครับ Have a good night .... ""


Day 5 : สรุปแพลนคร่าวๆตามนี้
- ชมทะเลหมอกหยุนไหลยามเช้า
- หมู่บ้านจีนยูนนาน บ้านสันติชน
- เดินทางกลับอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย
- จบทริป เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน

วันที่ 5 ของการเดินทาง 12 ธันวาคม 2562 วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวของเราแล้วนะครับ ด้วยร่างกายที่อ่อนหล้าต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ไม่สามารถตื่นเช้า เพื่อไปชมทะเลหมอกที่หยุนไหลได้ทันในเวลา 6 โมงเช้า เราจึงตัดออกไปจากโปรแกรมครับ

แต่ก็ไม่เป็นไรยังมีที่ให้สามารถเที่ยวเล่นได้อีกหนึ่งที่ก่อนกลับออกจากปาย นั่นคือหมู่บ้านจีนยูนนาน บ้านสันติชล ตั้งอยู่ทางขึ้นชมทะเลหมอกหยุนไหลนั่นเองครับ ไม่ได้ขึ้นข้างบน แต่มาแวะกินอาหารเช้าตรงบริเวณใกล้ๆก็ยังดีครับ

สามารถเดินถ่ายรูปเล่นตามจุดต่างๆของหมู่บ้าน มีชิงช้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว รวมถึงขี่ม้า และสมารถเช่าชุดเดินถ่ายรูปกับกำแพงเมืองจีนแบบจำลองได้อีกด้วย ใครจะหาซื้อของฝากก้สามารถซื้อได้จากร้านค้าที่มีเยอะมากๆจากที่นี่ได้เลยครับ


ออกจากหมู่บ้านสันติชล จีนยูนนานประมาณ 10 โมงเช้า ตั้งพิกัด Gps ปลายทางอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ขับรถยาวๆจากตัวอำเภอปาย ประมาณ 520 กิโลเมตร ขับรถประมาณ 8 ชั่วโมงนิดๆ ขับเรื่อยๆด้วยความเร็วประมาณ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง พักรถทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้รู้สึกชดชื่นตลอดเวลา แปปเดียวก็ถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพครับ

ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็อยากมีเวลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดทำงานของตัวเอง ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวของประเทศไทยเรา ภาคเหนือเป็นสถานที่ที่สามารถให้ความสดชื่น เติมพลังในช่วงวันหยุดของเพื่อนๆได้เป็นอย่างดีครับ ผมขอแนะนำให้ลองออกเดินทางสักครั้ง หลายคนอาจกลัวที่จะเดินทางแต่ผมว่าถ้าได้ลองครั้งแรก ครั้งที่สอง สามจะตามมาแน่นอนครับ ผมเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้สำหรับนักเดินทางทุกๆคนนะครับ

จริงๆการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่ได้มีเพียงแค่นี้นะครับ ยังมีสถานที่สวยๆอีกมากมายให้เพื่อนๆได้ออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง นี่เป็นเพียงแค่บางส่วน และด้วยเวลาที่จำกัดเพียง 5 วัน 4 คืน สำหรับผม แค่นี้ก็ถือว่าเยอะมากๆแล้ว ไว้เดี่ยวถ้ามีโอกาสมรอบหน้าสัญญาว่าจะเก็บที่ใหม่ๆ ให้ครบตามรุ่นพี่ที่เคยรีวิวไว้แน่นอนครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านจนจบบันทึกการเดินทางของผมในครั้งนี้นะครับ หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดผมขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย จะปรับปรุงพัฒนาการเขียนให้ดียิ่งขึ้นไปครับ หากมีเวลาไม่ได้ออกเดินทางไปไหน สัญญาจะอัปเดตบันทึกการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ให้เพื่อนได้อ่านเป็นประสบการณ์เป็นประจำทุกๆสัปดาห์นะครับ

สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่พึ่งอ่านรีวิวของผมครั้งแรกจากโพสนี้ สามารถตามอ่านบันทึกของผมย้อนหลังทั้งหมด ได้จากลิ้งค์นี้นะครับ : https://th.readme.me/u/เขียดคุง

ฝากกดลไท์ กดหัวใจ และกดแชร์ รวมถึงติดตามการออกเดินทางของผมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ขอตัวไปตามหา Inspyratons ในการเขียนบันทึกการเดินทางครั้งหน้าแปปนึงนะครับ แล้วเจอกันใหม่จ้าวววววว


@เขียดคุง in เชียงใหม่/แม่ฮ่องสอน 2019

เซน เท่านั้น

 วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.40 น.

ความคิดเห็น