วันที่ 1 ขับรถเที่ยว เบตง ยะลา
วันที่ 2 อัยเยอร์เวง
และ ฆูนุงซีลีปัต
เช้าวันที่สาม
หลังจากเสพบรรยากาศบนยอดฆูนุงซีลีปัต มาเต็มปอด ก็ลงจากเขา เพื่อไปแช่บ่อน้ำร้อนแช่น้ำให้ชื่นใจ (หลังจากไม่ได้อาบน้ำมา 1 วันเต็มๆ) ก่อนถึงบ่อน้ำร้อน ต้องหาอะไรเย็นๆชื่นใจทานกันก่อน
เฉาก๊วย กม.4 เจ้าแรก บ้านไม้ดั้งเดิม ถ้วยละ 10 บาท
อีกครั้งกับเดอะแกงค์
นอกจากเฉาก๊วยหรือวุ้นดำแล้ว ที่ร้านยังมีขนมถ้วย ซึ่งมีคนฝากขาย ก่อนทานจะต้องใช้ช้อนบี้ๆ แล้วใส่กระเทียมเจียว ใส่ซอสสีดำๆ ใช้ไม้ตักเข้าปาก รสชาติแปลก อร่อยดี น่าจะจัดเป็นอาหารคาว
ได้เวลาเดินทางต่ออีกแล้ว
บ่อน้ำพุร้อนเบตง
เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อยู่ห่างตัวเมืองเบตงไปตาม ทางหลวงหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ประมาณ 5 กิโลเมตร และแยกเข้าไปตามทางเข้าบ่อน้ำร้อนอีกประมาณ 7 กิโลเมตร มีอาคารสำหรับพักค้างคืน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก
ก่อนที่คนจะลงแช่น้ำ ซื้อไข่มาแช่ก่อน แช่ไว้ประมาณ 7 นาทียกขึ้นมายังเป็นไข่มะตูมนะคะ คิดว่าจะต้องแช่นานกว่านี้ ก็เลยนำไปแช่ทิ้งไว้ระหว่างรอคนแช่น้ำ สุดท้ายท้ายสุด ยกขึ้นมาก็ยังไม่สุกค่ะ สงสัยจะแช่ผิดบ่อ เพราะที่นี่มีบ่อสำหรับแช่ไข่หลายบ่อ
ถึงเวลาแช่คนบ้าง แต่เท่าที่สังเกตุ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาแช่เท้ากัน ฮึๆๆ
อย่านานกว่านี้เลย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า (ที่นี่มีบริการห้องอาบน้ำ ตรงโซนสระว่ายน้ำด้วย)
เพราะมื้อกลางวัน วันนี้ ข้าวมันไก่เบตง รอพวกเราอยู่ ค้นหาผ่านกูเกิ้ล มีอยู่หลายร้าน เลือกร้านนี้ล่ะกัน
ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตง เส้นทางเข้าเมืองเบตงจะอยู่ก่อนถึงหอนาฬิกา
ขอบอกว่า ท่านใดที่ไม่ทานหนังไก่อย่าเผลอสั่งไม่เอาหนังนะคะ อิอิ เจ้าของร้านที่นี่บอกว่าไก่เบตง นะครับ ทำไมสั่งไม่เอาหนัง (คือจะบอกว่าไก่เบตงหนังบางมากๆ แต่คนไม่ทานก็คือไม่ทานล่ะนะ ^__^) เนื้อไก่นุ่มอร่อยดีค่ะ ไม่มีรูปนะคะ หิว รีบทานไปหน่อยค่ะ 555 ราคาจานละ 45-50 บาท 4 คนก็ประมาณ 500 บาท (แต่มื้อนี้ทานฟรีนะคะ ขอบคุณน้องหน่อยกับน้องยาค่ะ)
ตื่นเช้ามาหลายวัน เริ่มจะอ่อนล้า ขอพักเอาแรงก่อนค่ะ วันนี้เข้าพักที่โรงแรมโมเดิร์นไทย อยู่ระหว่างหอนาฬิกา กับโฟโต้โฮสเทล (ที่นี่ห้องพักจะไม่ปลอดบุหรี่นะคะ คนแพ้บุหรี่จะแย่นิสสสค่ะ)
หลังจากได้เติมพลังไป 1 งีบใหญ่ๆ ก็พร้อมออกเดินทางต่อค่ะ มาถึงเบตง ยังไม่ได้เข้าวัดขอพรเลย
วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง อ.เบตง
วัดพุทธาธิวาสเดิมชื่อวัดเบตง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ มีเนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา
ภายในวัดพุทธาธิวาสมีบรรยากาศร่มรื่น ทัศนียภาพงดงามไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น อาทิ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ เป็นพระธาตุเจดีย์แบบศรีวิชัยประยุกต์ สูง 39.90 เมตร พระธาตุเจดีย์องค์ประธานอยู่ตรงกลาง มีเจดีย์บริวารอยู่โดยรอบ พระวิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ภายในประดิษฐาน รูปเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ถัดจากวัดจะเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดคือ โรงเรียนจงฝามูลนิธิ มีชื่อเดิมว่า “โรงเรียนจงฝา” ได้จัดตั้งมาประมาณ 90 กว่าปีแล้ว แต่ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2492
จัดตั้งขึ้นโดยพ่อค้าประชาชนชาวอำเภอเบตง เดิมมีฐานะเป็นโรงเรียนราษฎร์ของเอกชน มีนาย ไล่เลี่ยง ฟัดเป็นเจ้าของ และนายอึ่งฟันงี่ แซ่อึ่ง เป็นผู้จัดการ นายวิชิต ยุ่นยะสิทธิ์ เป็นครูใหญ่คนแรก ประมาณปี พ.ศ. 2466 ได้เปิดทำการสอนครั้งแรก ที่สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนจงฝามูลนิธิ
ประมาณปี พ.ศ.2511 ได้โอนกิจการของโรงเรียน ให้กับมูลนิธิอำเภอเบตง และเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น “จงฝามูลนิธิ”
ปัจจุบันโรงเรียนได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิและอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ อำเภอเบตง การดำเนินการสอน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 วิชาที่สอนคือ วิชาสามัญ และภาษาจีนกลาง
ออกจากโรงเรียน ก็จะไปวัดกวนอิม
วัดกวนอิม เป็นสถานที่ตั้งศาลเจ้าอันเป็นที่ประดิษฐานของเทพสำคัญ ๆ หลายองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หว่าโก่วเซียนชื่อ ขงจื้อ เป็นต้น และยังมีสถาปัตยกรรมของเจดีย์ 7 ชั้น วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2508 จากภายในบริเวณวัดซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเบตงได้อีกด้วย
เวลาเปิดปิด ทุกวัน 7.30-17.30 น.
อีกจุดไฮไลท์แห่งเมืองเบตง ป้ายใต้สุดสยาม เป็นป้ายประเทศไทยกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย มีเอกลักษณ์ลายเส้นแผนที่ประเทศไทยสีทองโดดเด่นสลักบนป้ายหินอ่อน
ซุ้มประตู้ข้ามชายแดนสุดสยาม
ป้ายฝั่งเมเลเซีย และไทย
ผ่านไปทางสนามกีฬา แวะชมวิวยามเย็นบ้าง
สนามกีฬา กลางเมืองเบตง เป็นสนามกีฬากลางหุบเขา
ลักษณะเด่น เป็น สนามกีฬากลางหุบเขากว่า 120 ไร่, สวนสุขภาพและจุดชมทัศนียภาพที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเบตงได้ มีกีฬาหลากหลายประเภท ให้ผู้ที่มาออกกำลังกายได้เล่นกัน
หรือหากใครชอบออกกำลังกายแบบใกล้ชิดสัมผัสธรรมชาติ ก็สามารถมาออกกำลังกายที่ สวนสุขภาพได้ สวนแห่งนี้ร่มรื่นไปด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศอันสดชื่นของธรรมชาติ จะวิ่งก็สบาย จะปั่นจักรยานก็สะดวก ทั้งยังเป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ในระดับความสูงที่สุดในบรรดาสนามกีฬาแห่งอื่นๆ ทั้งหมดของประเทศไทย
ในบริเวณถัดไปก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์และถัดจากพิพิธภัณฑ์จะมีรูปปั้นมือ สองมือที่ประกบกันเป็นรูปหัวใจให้ถ่ายภาพด้วย
หิวแล้ว ร้านไหนดีร้านไหนดี อ่านในบางรีวิวแนะนำร้านนี้
เมนูแรกที่สั่งคือ เมนูที่ทำจากปลาจีนในสายน้ำไหล ปรากฎว่าร้านนี้ไม่มีค่ะ (อ้าว รีวิวหนึ่งบอกว่าทานจากร้านนี้ ฮาๆๆๆ) งั้นขอเมนูแนะนำจากทางร้านค่ะ
กบภูเขาทอดกระเทียม คะแนนความอร่อย 10/10 ค่ะ
แกงส้มกบนากับดอกดาหลา
เคราหยก ทานคู่กับเผือก
เพ่งเคยทานครั้งแรก แต่ไม่ค่อยจะโดนค่ะ มันจะเลี่ยนๆเอือนๆ แต่เผือกอร่อยค่ะ โดยส่วนตัวนะคะ
เอ้า ชนค่ะ
ค่าเสียหายมื้อนี้ 1200 บาท
เป้าหมายต่อไปคือโรตี ตรงหอนาฬิกา แต่ขอเวลาเดินย่อยแปีบ นะคะ
พาเดอะแก้งค์ เดินลอดอุโมงค์อีกสักรอบค่ะ
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
เป็นเส้นทางอุโมงค์สำหรับเดินยรถ ตลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-มา ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร ผิวจราจรคู่ กว้าง 7เมตร ทางเท้าเดินกว้างข้างละ 1 เมตร ความเร็วรถสามารถวิ่งได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544 สามารถเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมชมถ่ายรูปกันได้ แต่ก็ระวังรถที่วิ่งไปมาด้วย
ลักษณะพิเศษ ในช่วงค่ำคืนจะสวยงามมากๆ ในอุโมงค์จะเปิดไฟหลากหลายสีประดับไว้จึงทำให้มีแสงไฟที่สวยงาม ที่ตั้งของอุโมงค์อยู่ ณ บริเวณถนนอมรฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรงผ่านสวนสาธารณะออกสู่ถนน บริเวณหน้าสวนนก
เราก็เดินมาจนออกอุโมงค์ด้านหน้าสวนนก ช่วงที่ไปจะมีขายของ ปาเป้า มีสวนสนุกสำหรับเด็ก
เดินตามทางเรื่อยๆ จนสามารถมาออกด้านข้างพิพิธภัณฑ์ และด้านข้างอุโมงค์ฯ
เจอคนโดนไก่จิกด้วย 555
ยามค่ำคืนยังมีจุดถ่ายภาพอีกมากมาย เดินขึ้นลงเนินเขากันเป็นว่าเล่น (คนที่นี่สุขภาพแข็งแรงแน่ๆเลย)
มหัศจรรย์เมืองเบตง มาแล้วต้องหลงใหล
มาจบที่หอนาฬิกา ถ่ายกับตู้ไปรษณีย์ ที่ใหญ่ที่สุด (ตู้เก่า) เพราะตอนนี้มีตู้ใหม่ ใหญ่กว่าอยู่ที่สำนักงานเทศบาล
และที่รอคอยคือ โรตีหอนาฬิกา ร้านดังเดิม โรตีมีความอร่อยคือกรอบ หอมหวานเนย นม น้ำตาล อร่อยถูกใจนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ต้องรอคิวกันทีเดียว
วันนี้ทั้งสนุก ทั้งอิ่ม คืนนี้ต้องนอนหลับสบายแน่นอนนนน
พรุ่งนี้เช้าเจอกันค่ะ
วันนี้ขอบคุณ น้องยา น้องหนึ่งสำหรับแอบถ่าย สวยๆนะคะ
Paikannaka
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.32 น.