สวัสดีเพื่อนๆในห้อง Readme.me และนักอ่านบันทึกการเดินทางทุกคนนะครับ ใครที่กำลังสงสัยว่าผมหายไปไหนประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้อัปเดตรีวิวให้ได้อ่านกัน ผมจะบอกว่าผมอกหักครับ ... >< 

อกหักในที่นี่ ไม่ได้อกหักจากคนรักนะครับ แต่อกหักจากทริปที่ผมกำลังจะออกเดินทางในไม่กี่วันข้างหน้านี้ นั่นก็คือทริปหลังลาออกจากงาน ผมแพลนไปเที่ยวประเทศจีนไว้ 10 วัน แต่ด้วยสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ที่ทุกคนทราบข่าวกันดีอยู่แล้วนั้น ทำให้ผมต้องยกเลิกการเดินทางทั้งหมดในครั้งนี้ ซึ่งบอกเลยว่าผเตรียมตัวพร้อมออกเดินทางทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทำวีซ่าจีน จองที่พัก ไฟท์บินภายในประเทศ บลาๆๆๆ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน ไว้มีโอกาสดีๆเราคงได้ไปเที่ยวกันใหม่ แฮร่ (ปลอบใจตัวเอง) 5555

อย่างที่บอกนะครับ ว่าจริงๆแล้วผมมีบินไปเที่ยวจีน แต่ต้องยกเลิกการเดินทางจากกรงเทพฯไปยังคุนหมิง แต่ไฟท์บินภายในประเทศไทย ไม่สามารถยกเลิกหรือทำการคืนเงินได้ เราจึงจำเป็นต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ และหาที่พักผ่อน เพื่อปลอบใจตัวเองในครั้งนี้ ดีกว่าทิ้งตั๋วไว้เฉยๆ ทุกคนคิดแบบนั้นมั้ยครับ 555 จึงทำให้เกิดบันทึกการเดินทางในครั้งนี้ จากสนามบินเลย ไปยัง สนามบินดอนเมือง วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563

ตารางการบิน เลย-กรุงเทพ (AIRASIA)

  1. FD3543   12:10 น. - 13:10 น.
  2. FD3549   18:00 น. - 18:55 น.

    ...... เริ่มต้นการเดินทาง ......

    เราออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว จากอำเภอภูเรือ ไปยังสนามบินเลย ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมือง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงพอดี ช่วงบ่ายประมาณ 4 โมงเย็นในเมืองเลยรถเริ่มทยอยติดเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเย็นวันศุกร์ที่ผู้คนกำลังทยอยกันเดินทางกลับบ้านด้วย ควรเผื่อเวลาเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ต้องเดินทาง

    ถึงทางเข้าสนามบินเลย ถ้ามาจากในเมืองจะเป็น 3 แยกไฟแดง รอเลี้ยวขวาเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารและอาคารจอดรถ พูดถึงเรื่องที่จอดรถของสนามบินเลยสักนิด พื้นที่ค่อนข้างจะคับแคบ ลานจอดรถบริเวณถนนลาดยางมีเพียงแค่ 4 แถวเท่านั้น ถ้าเต็มก็ต้องวนไปจอดตามลานต้นไม้ข้างๆ

    ลงจากรถลากกระเป๋าสัมภาระเข้าอาคารผู้โดยสาร สนามบินเลยเป็นสนามบินเล็กๆ มีอาคารเดียว ผู้โดยสารขาเข้าและขาออกใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึงทางออกแล้ว เชื่อว่าในอนาคตหากมีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น ผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น จะมีการพัฒนา ขยายให้ใหญ่กว่านี้แน่นอนครับ

    เข้ามาข้างในอาคารผู้โดยสาร มองหาเคาเตอร์เช็คอิน วันนี้เราจะเดินทางโดยสายการบินใครๆก็บินได้ นั่นคือ Thai Airasia นั่นเองครับ (ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรทั้งนั้น) 555 เคาเตอร์เช็คอินของแอเอเชีย จะเปิดใหบริการ 2 ช่องครับ เจ้าหน้าที่ทำการเช็คอินและคอยช่วยเหลือกันเร็วมาก ต่อแถวไม่นานครับ

    เช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะออกบัตรโดยสาร หรือ Borading Pass ให้กับเรา ในนี้จะระบุประตูทางออกขึ้นเครื่อง ไฟท์บินของเรา เวลาบิน รวมถึงระบุที่นั่งบนเครื่องให้กับเราอย่างชัดเจน

    นั่งรอเวลาใกล้เรียกขึ้นเครื่อง เราก็เดินเข้าไปยังห้องผู้โดยสารขาออก ก่อนเดินเข้าไปข้างในเตรียมบัตรประชาชน + บอดดิ้งพาส ของเราให้เรียบร้อย จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเอกสารการเดินทาง ว่าข้อมูลตรงกับผู้เดินทางหรือไม่ และทำการแสกนกระเป๋า แครี่ออน ที่เราจะนำติดตัวขึ้นอากาศยานไปอีกครั้ง

    (ผมเคยบอกในรีวิวนั่งเครื่องบินเสมอ ว่าห้ามนำของเหลวที่มีปริมาณมากกว่า 100 ML ขึ้นเครื่องบิน ไม่อย่างนั้นจะโดนเจ้าหน้าที่นำไปทิ้งโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) หวังว่าเพื่อนๆคงจะไม่ลืมกันนะครับ

    ประตูทางออกขึ้นเครื่องของสนามบินเลย จะมีทั้งหมด 2 ประตู และประตูทางออก A คือประตูที่เราจะใช้บริการเพื่อเดินขึ้นเครื่องในวันนี้ครับ นั่งรอวนไปจนกว่าเครื่อจะมา บรรยากาศในห้องนั่งรอเครื่องออกก็สบายมากครับ เหมือนไม่นานมานี้ได้มีการปรับปรุงห้องผู้โดยสารไปแน่ๆ สัมผัสได้จากความใหม่ของห้องนี้

    รอไม่นานเครื่องบิน แอเอเชียก็ลงจอดตามกำหนดเวลา ด้วยความที่เป็คนชอบอะไรเกี่ยวกับเครื่องบินมาก ก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปสวยๆมาฝากให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ

    เจ้าหน้าที่ประกาศเรียกผู้โดยสารตามลำดับแถว จากนั้นเดินไปขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารที่ใกล้ประตูหน้าก็ขึ้นด้านหน้า ผู้โดยสารที่นั่งหลังเครื่องก็สามารถเดินขึ้นทางบรรไดหลังได้ ถือว่าสะดวกมากๆ ไม่ต้อรอแถวนานด้วย

    โบกมือลาสนามบินเลย โดยการหันหน้าเซลฟี่ตัวเอง กับป้ายอาคารสนามบินด้านหลัง เดี่ยวได้เจอกันอีกแน่นอนครับ เพราะชอบมาเมืองเลย คนเลยน่ารักนะจ้าวววว อิอิ

    ทันเก็บรูปมุมบังคับของเจ้าเครื่องบินมาฝากครับ เป็นเจ้า Airbus A320-200 ทะเบียนมองไม่เห็น วันนี้อากาศดีมากๆครับ มองเห็นพระอาทิตย์กำลังจพตกดิน มีแสงแดดแ่แนๆกับสายลมเย็นๆพัดผ่าน

    เดินเข้ามาในเครื่องบิน วันนี้สุ่มที่นั่งได้หมายเลข 9D , 9F เจ้า A320 ลำนี้ จัดที่นั่งเป็นแถวละ 6 ที่นั่ง โดยจะเป็นฝั่งละ 3-3 ผู้โดยสารค่อนข้างจะเต็มลำครับวันนี้ ความรู้สึกเมื่อยืดขาสำหรับผู้โดยสารสูง 175 อย่างผมนี่นั่งสบายเลยครับ

    ผู้โดยสารขึ้นครบตามจำนวน ลูกเรือสาธิตวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อย่างรวดเร็ว และเครื่องก็บินขึนตามกำหนดเวลา 18:00 น.

    เครื่องไต่ระดับความสูงคงที่ สัญญาณรัดเข็มขัดก็ดับลง มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นช่วงวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เป็น Sunset ที่สวยงามมากๆ ใครอยากเจอแบบนี้แนะนำบินช่วงเวลานี้นะครับ

    ลูกเรือเริ่มทยอยให้บริการอาหารบนเที่ยวบิน สำหรับคนที่จอมาล่วงหน้าก็เอาบอดดิ้งพาสให้เจ้าหน้าที่ดู ก็สามารถรับบริการอาหารได้เลยครับ ส่วนผมขอผ่านการสั่งอาหารบนเครื่องในเที่ยวบินนี้ครับ เพราะเป็นแค่เที่ยวบินระยะทางสั้นๆ ยังไมา่หิวเท่าไหร่เลยขอตัวงีบดีกว่าครับ

    แอบสำรวจตระกร้าหน้าที่นั่งจะมีนิตยาสารของสายการบินประจำเดือนให้ได้อ่านเพลินๆ รวมถึงของที่ระลึกจากเที่ยวบิน และใบชี้แจงในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน นำมาอ่านเพื่อประดับความรู้ทั่วไปก็ดีะครับ 555

    จะเห็นได้ว่าผู้คนโดยสารบนเครื่องบินในครั้งนี้ ใช้เมสปิดปากเพื่อป้องกันเชื่อโรคกันทุกคน เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างเข้าวิกฤตย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโคโรน่า หรือแม้กระทั่งฝุ่น PM 2.5 ป้องกันไว้ก่อนปลอดภัยที่สุดครับ

    สัญญาณรัดเข็มขัดดังขึ้น เครื่องบินค่อยๆลดระดับเพื่อลงจอดที่สนามบินดอนเมือง จะเห็นได้ว่าการเดินทางครั้งนี้สั้นมาก ยังไม่ทันได้งีบหลับเดี่ยวก็จะถึงปลายทางแล้ว โดยรวมๆเมื่อเครื่องบินอยู่บนฟ้าแค่ประมาณ 40 นาทีเพียงเท่านั้นเอง

    เครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมือง ในเวลาท้องถิ่นประมาณ 18:45 น. เห็นมั้ยครับว่าใช้เวลาเดินทางสั้นๆเพียง 45 นาที เท่านั้นเอง

    วันนี้เครื่องไม่ได้จอดเทียบงวงครับ นั่นคือต้องนั่งรถ Shuttle ของสนามบินเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารอีกที แต่ก็รอไม่นานครับ รถบัสมารอรับตั้งแต่เครื่องยังไม่ลงจอดแล้ว

    ขออนุญาติคนในภาพด้วยนะครับ จะเห็นได้ว่าทุกคนใส่แมสเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับตัวเอง ยังไงก็ขอให้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ นั่งบัสเข้ามายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าหลัก (อาคาร2) เพื่อรอรับกระเป๋าที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบินครับ

    หลายคนคงสงสัยว่ากระเป๋าเราจะถูกส่งมายังสายพานหมายเลขไหน ให้เรามองหาจอรอบๆตัวเราครับ จะแสดง Row ที่สายพานจะลำเลียงกระเป๋าของเรามาจากสนามบินต้นทาง ง่ายๆครับยินรอแปปเดียวกระเป๋าก็จะถูกส่งมายังหน้าเราแล้ว

    รับกระเป๋า และเดินตรงไปยังทางออก จะเจอกับป้ายขนาดใหญ่ Welcome To DMK ใครจะต่อรถ Taxi หรือให้ญาติมารับก็แล้วแต่ความสะดวกเลยนะครับ อ้อจะบอกว่าประตูทางออกสำหรับผู้โดยสายขาเข้าภายในประเทศ อาคาร 2 จะอยู่ที่ประมาณ ประตู 11-12 นะครับ

    เป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางในครั้งนี้ครับ เส้นทางเมืองเลย - ดอนเมือง ไฟท์บินระยะสั้นๆเพียงแค่ประมาณ 50 นาทีเท่านั้น หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลการเดินทางในเส้นทางนี้นะครับ

    ส่วนใครอยากได้โปรโมชั่นดีๆจากสายการบิน Airasia อย่าลืมเข้าไปสมัครสมาชิก และติดตามโปรโมชั่นได้จากหน้าเว็บไซต์ของสายการบิน แอเอเชียนะครับ หรือคลิกลิ้งค์ www.airasia.com (ปล.บอกอีกรอบว่าไม่ได้ค่าโมษณา ใครมีแนวทางสอนหน่อยครับ) 5555

    เดี่ยวครั้งหน้าจะเป็นการเดินทางเพื่อไปพักผ่อนหลังจากอกหักจากทริปจีน และหวังว่าไวรัสโควิดที่กำลังระบาดจะหายเร็วๆ จะเป็นเส้นทางไหน ที่ไหน รออ่านและติดตามไปพร้อมกันนะครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกๆกำลังให้ที่ส่งให้ #เขียดคุง นักเขียนฝึกหัดตัวน้อยๆด้วยนะครับ Have a good Night จ้าาา


    #เขียดคุง

    เซน เท่านั้น

     วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 21.23 น.

    ความคิดเห็น