สวัสดีค่ะ ทริปนี้เรามีจุดมุ่งหมายคือ "ซาปา" เราจะไปฝ่าสายหมอกกัน 3 คืน 4 วัน กับงบหลักพัน!!! (ค่าใช้จ่ายสรุปให้ท้ายกระทู้นะคะ) จองข้ามปีกับสายการบินหางแดง ที่จัดโปรทุกปี ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับก็คนละประมาณ 3,500 บาท ขาไปเราบินจากภูเก็ต-ดอนเมือง-ฮานอย ส่วนขากลับก็ฮานอย-ดอนเมือง-ภูเก็ต ทริปเที่ยววันที่ 05-09 กุมภาพันธ์ 2020 การเดินทางทุกอย่างเราจองกับ Agent นี้ https://www.facebook.com/nguyen.huong.7967 จัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย แนะนำดีมาก
Day 1 - 05/02/2020
นอนบนรถไฟ ฮานอย-ซาปา
ก่อนการเดินทางต้องแลกเงินก่อนนะคะ จากเงินไทยเป็นดอลล่าร์ (USD) เราแลกของ ValuePlus เรทราคาค่อนข้างดีค่ะ ส่วนซิมการ์ดไม่ได้ซื้อค่ะ เราซื้อ Package เสริมของ DTAC “Go Tralvel” ความเร็ว 7GB ใช้งานได้ 10 วัน ราคา 399 บาท เป็นสัญญานเน็ตของ VIETTEL ความเร็วอยู่ในเกณฑ์ดีเลยค่ะ แนะนำ หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมือง-ฮานอย ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
ฮานอย สนามบินนอยไบ (NOI BAI) ก่อนหน้านั้นทาง Agent ได้แอ้ดไลน์ ID เพื่ออัพเดทว่าเราถึงไหนแล้ว และให้ไปรอตรงไหนยังงัย 👍🏻 เราไปแลกเงินก่อนออกไปเจอคนขับรถ มีเงินกันเป็นล้าน (ดอง) รถไฟเราออก 22.00 น. จึงรีบทำเวลากันนิดนึง ออกจาก Gate ก็หาคนขับที่ถือป้ายชื่อเราค่ะ ถึงตอนนี้อุณหภูมิประมาณ 11 องศา ต้องหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ละ เราออกจากจากสนามบินไปสถานีรถไฟก็ประมาณ 40 นาที ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการบีบแตรมาก 555 ระหว่างทางนี่บีบกันสนั่น ถ้าเป็นที่ไทย คงได้มีเรื่องกันบ้างละค่ะแบบนี้ 😆 เราถึงสถานีรถไฟในเวลาเฉียวฉิวมาก แล้วก็จะมีน้องผู้ชายเดินมารับละเราก็จ่ายเงินทั้งหมดตาม Voucher ที่ได้จาก Agent กับเค้าได้เลยค่ะ น้องบริการดีมาก ทั้งลากกระเป๋า พาไปส่งถึง Cabin เลย
ดูภายนอกก็เฉยๆนะ แต่เข้าไปในห้องรู้สึกว้าว เพราะไม่เคยนั่งรถไฟมาก่อน น่าตื่นเต้นดี 😊 ในCabin ก็จะมี4เตียง บน 2 ล่าง 2 พร้อมน้ำดื่มฟรีค่ะ
ตอนที่รถไฟออกแล้ว เค้ามีบริการขายขนม น้ำดื่ม มาม่า เบียร์ต่างๆ เราก็จัดมาม่า+ขนมนิดหน่อย แต่ไม่ลืมที่จะหยิบเบียร์ฮานอยมาลอง เห็นหลายๆกระทู้ว่าเด็ดเหลือเกิน 555 กระป๋องละ 40,000 ดองค่ะ รสชาติไม่ต่างจากลีโอบ้านเราเท่าไหร่นะ 😋
ที่นอนไม่แข็งมาก มีผ้าห่มอุ่นๆ ส่วนใครที่กลัวแบตหมด เค้าก็มีรูเสียบให้ค่ะ ไม่ต้องกังวล 😆 ระหว่างเดินทางเราก็กึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะตอนที่รถไฟจอดตามชานชาลาจะจอดแรงนิดนึง แต่คนอื่นๆหลับกันสนิทเลยค่ะ 555
Day 2 - 06/02/2020
เดินทางตั้งแต่ 22.00-06.00 น. ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ก็เตรียมตัวเก็บของ ล้างหน้าแปรงฟันบนรถไฟ บนรถไฟมีห้องน้ำค่ะ แต่น้ำเย็นมาก แนะนำเอาน้ำขวดเราไปใช้แทนจะดีกว่านะคะ 😂
หลังจากที่เจอคนขับรถแล้วก็เดินทางต่ออีก 1 ชั่วโมงถึงโรงแรมที่เราจองไว้ ราคาคืนละ 765 บาท รวมอาหารเช้าค่ะ ถึงโรงแรมตอนเกือบแปดโมงเช้า โชคดีมาก ที่โรงแรมให้ Early Check in 🙏🏼
“Sapa Eden Mountain View”
โรงแรมขนาดเล็กที่อยู่ในเมืองซาปา จองไว้สองห้อง ได้ห้องติดกัน อยู่ชั้นเดียวกับล้อบบี้ แต่ข้อเสียคือไม่มีฮีทเตอร์ให้ในห้องนะคะ มีแต่เครื่องที่สอดไว้ในที่นอนที่ทำให้เราอุ่นเวลานอน ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร แต่เวลานอนก็คืออุ่นมาก แต่ลุกออกจากที่นอนเสื้อกันหนาวสองตัวยังเอาไม่อยู่เลย 555
วิวด้านหลังห้องค่ะ
“Fansipan Terrace Cafe & Homestay”
มาถึงก็ต้องมองหาอาหารเช้าค่ะ มาสะดุดตาร้านนี้ ตกแต่งน่ารัก มีโซนด้านนอกเคล้าหมอก กับด้านในร้านอุ่นๆค่ะ วิวสวยๆ
กาแฟไข่เวียดนาม (Vietnamese Egg Coffee)
ใครไม่ลองชิมเมนูนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเวียดนามนะคะ 😆 กลิ่นหอมละมุน ดื่มแล้วได้กลิ่นไข่ แต่ไม่คาว หอม หวาน รสชาตินุ่มลิ้นมากค่ะ
ตามด้วยอาหารเช้าของเวียดนาม "เฝอ"
วิวจากที่ร้านค่ะ
หลังจากที่อิ่มแล้วก็เดินกันต่อค่ะ อากาศเย็นๆ เดินชมเมืองซาปา ชิวมากค่ะ หนาวจนควันออกปากกันเลย😆 ใครมาช่วงนี้ก็เตรียมเสื้อผ้า ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า มากันด้วยนะคะ หรือถ้ามาซ์้อที่นี่ก็ได้ค่ะ ราคาไม่แพง และสว่นใหญ่ก็ขายแต่เสื้อกันหนาวกันค่ะ เราซื้อถุงมือ 2 คู่ 100 บาทไทยค่ะ ที่นี่ขับรถคนละเลนส์กับที่ไทยนะคะ เผื่อใครมาเช่ารถจะได้ไม่งง
สถานีต่อไป..ถ้าไม่ไปก็เหมือนกับมาไม่ถึงซาปานะคะ “ฟานซิปัน”
"ฟานซีปัง (เวียดนาม: Phan Xi Păng) เป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน" ซึ่งวันนี้เราจะไปพิชิตยอดเขากันค่ะ แต่เราจะไม่เดินขึ้นนะคะ! เดินมาที่ SUN PLAZA ค่ะ ที่ที่เราต้องไปซื้อตั๋ว เดิน 10 นาทีจากร้านกาแฟค่ะ
ค่าตั๋วคนละ 1,000,000 ดองค่ะ (1,350 บาาท) เราเลือกซื้อแบบนั่ง 3 ต่อค่ะ แต่ถ้าใครอยากเดินจากจุดสิ้นสุด Cable Car ไปถึงยอดเขา ก็จ่ายแค่ 850,000 ดองค่ะ (เก็บตั๋วให้ดีนะคะ อย่าทำหาย)
จุดแรกเป็นรถไฟรางสไตล์ยุโรป ตรงนี้นั่งเพื่อที่จะไปต่อที่ Cable Car ค่ะ
ช่วงต่อที่ต้องนั่ง Cable Car ค่ะ และนี่คือที่มาของชื่อกระทู้ “ซาปา...เมืองแห่งสายหมอก” ค่ะ ❤️
ออกจากสายหมอกมาก็เริ่มจะเห็นเมืองซาปา และนาขั้นบันไดแล้ว นี่ถ้ามาก่อนช่วงเก็บเกี่ยวคงสวยกว่านี้แน่ๆค่ะ
นั่ง Cable Car ประมาณ 30 นาที ก็มาถึงจุดที่ 2 ที่บอกไปตอนแรกว่าถ้าซื้อตั๋วมาลงแค่จุดนี้ ก็ต้องเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที ก็จ่ายแค่ 850,000 ดอง แต่อากาศมันหนาวเกินกว่าที่เราจะเดินค่ะ 555 เราแค่ออกมาเก็บภาพนิดหน่อย แต่ภาพที่ได้มันไม่เป็นแบบที่คิดไว้เลย 🙄🤣
แถ่นแท้นนนนน !!!!!
ณ ตอนนั้นอุณหภูมิ 0 องศาค่ะ ทั้งลม ทั้งหมอก ชาไปทั้งตัว ยังดีที่มีศาลเจ้าให้เข้าไปหลบหนาวได้สักพักนึง พอได้อบอุ่นค่ะ ไหนๆก็มาแล้ว ขอพรกันสักหน่อย 🙏🏼
ไปต่อค่ะ เดินไปขึ้นรถรางจุดสุดท้ายค่ะ ใช้เวลา 2 นาที เราก็มาถึงกันแล้วค้า...ฟานซิปัน เราคือผู้พิชิต ! กับความสูง 3,143 เมตร ปล.ภูมิใจเหมือนเดินขึ้นมาเอง 5555
หมอกก็จะประมาณนี้แหละค่ะ
ณ ตอนนั้น ไม่ไหวแล้วกับความหนาว อยู่บนยอดเขาได้ประมาณ 15 นาที เราเดินต่อกันไม่ไหวจริงๆค่ะ เพราะหมอกหนามาก มองไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยตัดสินใจว่า ลงกันเถอะ! ตั๋วซื้อมาหมดแล้ว ใช้ให้คุ้มค่ะ ... เราลงมาจนถึงสถานีรถราง แวะถ่ายรูปสวนดอกไม้กันนิดนึง หมอกก็ยังเยอะเหมือนเคย
See you next time ka ฟานซิปัน 5555 ถ้ามีโอกาสคงจะกลับมาช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ชาวบ้านบอกว่านาขั้นบันไดจะสวย ยอดเขาฟานซิปันจะเห็นวิวสวยมากๆ
ตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้ว เดินออกจาก Sun Plaza ก็เล็งร้านริมถนนเลย ตรงข้ามห้าง สั่งไข่ปิ้ง + พิซซ่าเวียดนาม รสชาติถูกปากมากๆ อันนี้แค่รองท้อง ไข่ 4 ฟอง พิซซ่า 2 น่าจะหมดไป 80,000 ดอง
พร้อมไปต่อ เราไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์แถวๆนั้น 2 คัน + เติมน้ำมัน รวม 500,000 ดอง คืนรถได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม ที่นี่ระบบจองเค้าไม่เหมือนบ้านเราค่ะ คือไม่ว่าจะเช่าตอนไหนก็ต้องคืนไม่เกินสองทุ่ม มัดจำก็เป็น Passport 1 เล่มค่ะ
Cat Cat Village (หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต)
ขี่รถลงเขากัน ชมวิวไปเรื่อย ประมาณ 10 นาที ก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน จ่ายค่าเข้า คนละ 70,000 ดอง (94 บาท) และก็จะได้แผนที่เดินในหมู่บ้าน ตอนนั้นถึงหมู่บ้านกั๊ต กั๊ต ประมาณ 15.30 น. เดินในหมู่บ้าน แวะถ่ายรูป แวะกิน ก็ประมาณสามชั่วโมงกว่าค่ะ
เดินเข้าไปก็จะเจอบ้านของชาวม้ง เลี้ยงหมู หมา กา ไก่ สวนผักที่ปลูกกันแทบทุกบ้าน ที่สำคัญผักต้นใหญ่ และดูน่ากินมาก วิวก็สวยได้อีก น่าอยู่มากๆ ร้านขายของที่ระลึกก็มีอยู่ตลอดทาง ของราคาถูก เหมาะกับเป็นของฝาก ^^
ก็ Romantic ดีนะ อิอิ...
มุมผักตบชวาก็ดีสวยไปอีกแบบ
เดินจนมาถึงน้ำตกในหมู่บ้าน ชอบตรงนี้มาก ทั้งน้ำตก อากาศเย็นๆ ทั้งคนหมู่บ้าน ทุกอย่างมันดูลงตัว
สะพานมือน่ารักๆ ทำคล้ายที่ดานังค่ะ
มื้อนี้ฝากท้องในหมู่บ้านนี่แหละค่า มองซ้ายมองขวา ข้ามสะพานมาก็เจอเลย Cat Cat Riverside
ดูเผินๆก็เหมือนร้านข้าวทั่วไป แต่บอกเลยเรื่องความอร่อยให้เต็ม10จ้า ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้ แนะนำให้สั่งไก่ชุดตามรูปข้างล่างนี้!! #Recommended จำชื่อเมนูไม่ได้ละ แต่เด็ดจริง สั่งไก่ครึ่งตัว เค้าจะมีผัก, ข้าวสวย ละก็ข้าวย่างเป็นแท่งกลมๆ จิ้มกับถั่ว อร่อยบอกต่อค่าาา ส่วนเครื่องดื่มก็ไม่พ้นกาแฟอุ่นๆ คนละแก้วค่ะ กินไป ฟินไป กับอากาศเย็นๆ กินไก่ย่างจากเตาร้อนๆ น้องชาวม้งเห็นเราหนาว ก็เลยเอาเครื่องฮีทเตอร์มาคลายหนาวให้ อิอิ ถึงตอนนี้รูปถ่ายมีแค่นี้ค่ะ กินอย่างเดียว 555 ค่าเสียหายมื้อนี้หมดไปประมาณ 350,000 ดอง (480บาท) อิ่ม😋
อิ่มแล้ว ก็ยังเดินชมวิว ถ่ายรูปได้อีกเยอะ พอดูเวลา หกโมงละจ้า เดินกันเพลินมาก บริเวณทางออกก็จะมีสะพานไม้ค่ะ จากตรงนี้ ใครเดินต่อไม่ไหว ก็จะมีบริการวินมอเตอร์ไซต์ค่ะ ไม่รู้ว่ากี่บาท แต่คิดว่าคงไม่แพงค่ะ
หลังจากกลับห้องพักผ่อน เวลา 20.30 น. ก็ได้เวลามื้อค่ำค่ะ ซึ่งเราจะไปกิน แซลม่อนหม้อไฟ กับอุณหภูมิ 9 องศา ร้านที่เราจะไปชื่อร้าน “O Quy Ho” ค่ะ เดินจากโรงแรมก็ประมาณ 10 นาที
"O Quy Ho"
ขออภัย ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมาค่ะ .. ชุดแซลม่อนหม้อไฟ เค้ามีให้เลือกสำหรับ 2 ท่าน และ 4 ท่าน ราคาต่างกันประมาณ 200,000 ดอง เราไปกัน 4 คน แต่หม้อไฟสั่งชุดสำหรับ 2 ท่านค่ะ แล้วสั่งเมนูอื่นมาลองทานดูด้วย สำหรับชุดหม้อไฟ จะได้แซลม่อน 1 จาน ละก็มีผักให้อีก 1 จาน ค่ะ สั่งข้าวสวยเพิ่ม 1 หม้อค่ะ เครื่องดื่มแนะนำให้สั่งโค้กนะคะ โค้กซาปาอร่อยอ่ะ ที่เด็ดสุดคือ โค้กใส่น้ำแข็งก้อนเดียว อยู่ได้เกือบสองชั่วโมง 🤣
เราสั่งชุดซาชิมิเพิ่ม 1 ชุด แล้วก็หมูทอด (คล้ายๆหมูทอดตะไคร้บ้านเรา แต่น่าจะใช้เป็นหมูป่า เพราะเนื้อเหนียวนิดหน่อย แต่อร่อยดีค่ะ)
*คำเตือน* ใครทานซาชิมิ อย่าเทวาซาบิเยอะนะคะ เพราะวาซาบิเวียดนามขึ้นหู ขึ้นตามาก 555 แฟนเราชอบกินวาซาบิ ยังเกือบร้องค่ะ 🤣
มุมนี้ถ่ายจากชั้นสองของร้านค่ะ เห็นได้เลยว่าที่ซาปาจะเน้นเล่นสี เล่นไฟหน้าร้าน ดูสดใสทุกร้านค่ะ .. นั่งกันอยู่ 2 ชั่วโมง มื้อนี้ถ้าจำไม่ผิดหมดไปประมาณ 900,000 ดองค่ะ (1,200 บาท)
@23.00 น. หมอกลงหนักมาก อุณหภูมิก็ลดลงเรื่อยๆ ก็เดินกลับโรงแรมกัน แต่เวลานี้ยังมีน้องๆเด็กม้งตัวเด็กๆ มาขายของกันอยู่เลย
ตรงนี้เป็นลานกิจกรรมของที่นี่ค่ะ หมอกหนามาก
Day 3 - 07/02/2020
Good Morning Sapa
Breakfast ของที่นี่ก็จะเป็น "เฝอ" แล้วก็จะมีของจำพวกผัก ผลไม้ ขนมปังค่ะ
เช้คเอ้ากันตอน 10 โมงเช้า ฝากกระเป๋าไว้ที่ล้อบบี้ เช้านี้เราจะไปเดินเล่นชมเมืองตอนเช้าๆ กันค่ะ รูปล่างก็คือลานกิจกรรมของที่นี่ค่ะ ที่เมื่อคืนหมอกลงหนามาก เช้านี้สดใสเลยค่ะ
เดินขึ้นมาอีกนิดก็จะเป็น The Stone Chursh ค่ะ
เด็กน้อยม้งแก้มแดงๆมาอีกแล้วค่า ตามติดเป็นลูกเลยรอบนี้ 555
เดินต่อกันมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาทีก็ถึง Sapa Lake ค่ะ ตลอดทางก็ยังได้ยินเสียงแตรกันไม่ขาดสาย 🤣
Viet Emotion
ร้านอาหารสไตล์อินเตอร์ค่ะ มีทั้งอาหารพื้นเมือง พิซซ่า สปาเก็ตตี้ มีครบค่ะ หน้าร้านและในร้านตกแต่งน่ารัก สีสันสดใส อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมค่ะ มื้อนี้เลยเปลี่ยนมาทานอะไรเลี่ยนๆบ้าง 555
อิ่มแล้ว เที่ยวต่อได้อีกนิด เพราะวันนี้เราต้องออกจากโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถบัสนอน ตอน 20.30 น. เรายังเหลือเวลาอีกเยอะ เลยตกลงกันว่าเช่ามอเตอร์ไซต์กันอีกสักวัน เราตั้งใจว่าจะไปหมู่บ้าน Muong Hoa Valley แต่ก็งงกับจีพีเอส แต่ขับไปเรื่อยๆก็เจอทางเข้าหมู่บ้าน Ta Van เค้าจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ค่ะ เสียค่าเข้าไปคนละ 75,000 ดอง (100บาท/คน) แต่บอกเลยว่าไม่เสียเที่ยว ที่มาทางนี้ เพราะรูปภาพหน้าปกของกระทู้ก็คือหมู่บ้าน Ta Van ค่ะ ขี่ลงเขามาเรื่อยๆ วิวสวยๆ อากาศสดชื่นมากๆค่ะ
Ta Van
ทางเข้าหมู่บ้าน Ta Van
ในหมู่บ้าน Ta Van ไม่คึกคักเท่า Cat Cat Village ค่ะ เพราะว่าที่นี่มีพื้นที่กว้างกว่าเยอะมาก ถ้าให้เดินคงไม่ไหว ขี่รถชมวิวในหมู่บ้านดีกว่าค่ะ. Ta Van จะเห็นนาขั้นบันไดชัดเจนค่ะ แต่ช่วงที่เราไปก็จะมีแต่โคลนนิดหน่อย
ขี่รถไปเรื่อย จนก่อนทางออกหมู่บ้านมาสะดุดตาร้านกาแฟ Mi Coffee ร้านกาแฟน่ารักๆในหมู่บ้าน กาแฟหอมกลุ่น ยกให้ร้านนี้เลยค่ะ
ฝากความทรงจำไว้ที่ร้านสักหน่อย ใครไปเจอของเรา เอามาแชร์กันได้นะคะ ❤️
ออกจากหมู่บ้าน Ta Van ตั้งใจจะไป Ham Rong Mountain แต่หมอกลงเร็วและเยอะมาก คิดว่าถ้าไปคงไม่ได้ภาพสวยๆกลับมาแน่ ไปนั่งรอล้อบบี้โรงแรมอุ่นๆดีกว่า แต่ระหว่างรอก็หาอะไรกินรองท้องนิดหน่อย เลยจัด หม่าล่าซาปาค่ะ แอบแพงไปหน่อย ไม้ละ 30,000 ดอง (40บาท) ที่ไทยบ้านเราแค่ 10-20 บาทเอง
หมอกขนาดนี้ไม่ไปไหนแล้วค่า.. 555
พอถึงเวลาก็นั่งรถแท็กซี่จากโรงแรมไปขึ้นรถบัสก็ 40,000 ดองค่ะ ประมาณ 10 นาที น้องฟานจองให้ ถูกมากๆ เรามาถึงสถานีของ Greenbus ก็จะมี Agent พาเราไปเอาตั๋ว ได้ที่นั่งใกล้ๆกันแหละ เค้าเลือกให้เราเองนะคะ พอถึงเวลาสี่ทุ่ม ทางพนักงานก็ให้เราขึ้นรถบัส แต่เค้าให้ถอดรองเท้าใส่ถุงที่เค้าเตรียมให้ ละก็ให้น้ำคนละหนึ่งขวด ถือขึ้นไปไว้ที่นั่งเราได้เลยค่ะ
คืนที่ 3 นอนบนรถบัส
เรากับแฟนได้ที่นั่งชั้นบน ตอนแรกคิดว่าจะไม่เมารถ สุดท้ายต้องกินยาค่ะ นั่งข้างบนเวียนหัวมากๆ 5555
*จากซาปาไปฮานอย ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ เพราะเราถึงฮานอยตอนเกือบตี4 และเราก็จองโรงแรมไว้เพื่อที่จะไปนอนเอาแรง แล้วค่อยเช้คเอ้าตอนเที่ยง*
Day 4 - 08/02/2020
At Hanoi
ถึงตรงนี้อ่านกันยาวนิดนึงนะคะ เพราะเป็นความปลอดภัยเพื่อไม่ให้ใครโดนแบบเรา
มันคือเรื่องที่คิดว่าจะไม่เกิดกับตัวเราแน่ๆ แต่มันก็เกิดค่ะ โดนโกง ซึ่งรถบัสมาถึงฮานอย คนขับรถก็แจ้งว่าถ้าใครจะนอนบนรถต่อก็ได้ หรือใครจองโรงแรมไว้แล้วก็เตรียมข้าวของลงจากรถได้เลย เราก็ลงเลยค่ะ และตรงนี้ไปโรงแรมเราไม่ได้จองรถค่ะ เพราะเอเจ้นแจ้งว่าไม่ไกล ซึ่งในตอนนั้น อึนๆมึนๆ เพราะเพิ่งตื่น ก็มีแท็กซี่เดินมา “ถามว่าเอามั้ยแท็กซี่มิเตอร์” เราก็คิดว่าเอาก็ได้ เป็นมิเตอร์ ไม่โดนโกงหรอก บวกกับว่าเราไม่ได้เปิดจีพีเอสตั้งแต่แรกว่าจากตรงนี้ไปโรงแรมที่จองมันไกลแค่ไหน พอขึ้นรถไป ก็บอกชื่อโรงแรมเสร็จสรรพ นั่งรถไปไม่ถึง 2 นาที เรามองไปที่มิเตอร์ คุณพระ!!! 140.00 นั่นคือ 140,000 ดอง (188บาท) อะไรแว๊ 😤 เราก็สังเกตมิเตอร์มันขึ้นแบบพรวดพราดมากจ้า นี่ก็คุยกับพี่อีกคนละ โดนโกงแน่ พอถึงทางเข้าโรงแรม ปาเข้าไป 300,000 ดอง (403บาท) ในเวลาแค่ 5 นาที!! อ่านไม่ผิดค่ะ 5 นาทีจริงๆ ทีนี้ล่ะ พี่ที่ไปด้วยก็เริ่มก่อนเลย
พี่ : ยู นี่มันโกงกันชัดๆ 300,000 เราไม่จ่ายแน่นอน มิเตอร์ยูมันวิ่งเร็วมาก
แท็กซี่ : เนี่ย เธอดู มันขึ้น 300,000
พี่ : No !! จ่ายแค่ 150,000 ดอง จะเอามั้ย?
แท็กซี่ : โนๆๆ 300,000 ดอง
เรา : แค่ 5 นาที 300,000 ดอง มันเป็นไปไม่ได้ เราจะจ่ายแค่ 150,000 จะเอาหรือไม่เอา หลังจากพูดเสร็จเราก็จะเปิดประตูรถ แต่นางล้อคจ้า ไม่ให้ลง !! แต่สุดท้ายนางก็ยอมที่ 150,000 ดอง (200บาท) รู้สึกโมโหตัวเองด้วย ที่ไม่ยอมเปิดจีพีเอสตั้งแต่แรก ไม่งั้นเดินเองคงไม่โดนแบบนี้ คิดว่าถ้ามาคนเดียวหรือแค่ผู้หญิงสองคน ไม่น่าจะจบง่ายๆแบบนี้แน่ค่ะ ใครไปก็ระวังกันนิดนึงนะคะ
THE TOURNESOL
พักเรื่องโดนโกงไว้แค่นั้นค่ะ เราจองที่นี่ไว้ 1 คืน ห้องสำหรับ 4 คน ราคา 640,636 ดอง (840บาท)
ทางเข้าดูน่ากลัวนิดๆนะคะ ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนเช้าค่ะ
ก่อนมาเช็คอิน ทางเจ้าของ Inbox มาถามก่อนแล้ว ว่าจะถึงตอนไหน ยังงัย เราก็บอกไปว่าตีสี่กว่าๆ เค้าก็แจ้งรหัสเปิดประตู และรายละเอียดทุกอย่างให้หมดค่ะ เปิดประตูเข้ามาก็เจอเป็นห้องรับแขกแบบนี้ค่ะ ข้างๆก็จะเป็นครัว
ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักไว้ แต่เป็นห้อง 2 เตียงใหญ่ แยกเป็นสองห้อง แต่ไม่มีประตูปิดแบบ connecting นะคะ ละก็มี 1 ห้องน้ำ ความสะอาด และสิ่งของเครื่องใช้มีให้ครบ คุ้มค่าราคามากค่ะ
ตอนเช้าตื่นกันประมาณ 9 โมง อาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับวางเงินค่าห้องไว้ในห้อง ตามที่เจ้าของแจ้งรายละเอียดไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ ปล.เจ้าของใจเด็ดมากค่ะ มีใครเคยเช้คเอ้าออกไปทั้งที่ยังไม่ได้จ่ายเงินรึป่าวก็ไม่รู้นะ
เช้านี้ที่ฮานอย
เรามีเวลาอีกประมาณครึ่งวัน ก่อนที่จะไปขึ้นเครื่อง ตื่นกันแล้วก็เดินกันไปที่ออฟฟิตของเอเจ้นที่เราจองรถ และเอากระเป๋าฝากไว้ที่นั่นค่ะ หลังจากนั้นก็หาของกิน อากาศวันนี้ครึ้มๆ มีฝนปรอยเล็กๆน้อยๆค่ะ
ไหนๆก็มาถึงฮานอยต้องจัดอาหารกลางวันของที่นี่ค่ะ ร้านนี้แนะนำเช่นเคย อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิต เดินมาประมาณ 10 นาทีค่ะ
Bun Cha
รสชาติออกหวานๆแปลกดี กินกับขนมจีนเข้ากันมาก หมูเค้าก็หมักนุ่ม อร่อยเลยค่ะ #Recommended เราสั่ง Bun Cha มา4 ถ้วย แล้วก็ป่อเปี๊ยะปูทอด หมดไปประมาณ 150,000ดอง (200บาท)
วันนี้เราเน้นเดิน ดูจากจีพีเอสเอาค่ะ ตั้งใจจะไปสุสานลุงโฮค่ะ (Ho Chi Minh Mausoleum) ระหว่างทางก็แวะชม พิพิธภัณฑ์ทหารเวียดนามค่ะ ดูขลังและเก่าแก่มาก
แวะจิบกาแฟที่ Cong Caphe ค่ะ มีหลายสาขานะคะ ที่ซาปาก็มี ใครที่ชื่นชอบกาแฟเข้มๆแนะนำร้านนี้แหละค่ะ เข้มจริง น้องๆพนักงานก็แต่งตัวคล้ายๆทหาร ดูเก๋ดีค่ะ ตกแต่งร้านแบบเก่าๆ ดูมีสเน่ห์ดีมาก
เดินต่อกันอีก ละก็มาถึงละจ้าาาา สุสานลุงโฮ ก่อนเข้าต้องเข้าเครื่องตรวจอาวุธ คล้ายๆ ที่สนามบินอ่ะค่ะ ไฟแช้คก็เอาเข้าไปไม่ได้นะ ค่อนข้างเข้มงวด
ใกล้ๆกันจะมีวัดเจดีย์เสาเดียว ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมค่ะ
ออกจากวัดเจดีย์เสาเดียว ปลายทางคือจะเดินไปเจดีย์เฉินก๊วกค่ะ ดูจีพีเอสแล้วเดิน 20 นาที เรายังไหว ก็เดินกันต่อค่ะ ระหว่างทางก็เดินดูอะไรไปเรื่อย แต่ก็ยังไม่พ้นเสียงแตร ที่ยังดังจนชินหู
West Lake (เวสต์เลค)
เจดีย์เฉินก๊วก
อายุเก่าแก่เกือบ 1,500 ปี เจดีย์เฉินก๊วกเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอย สักการะพระพุทธรูปและแท่นบูชา สถูปทรงสูง และแผ่นจารึก (ศิลาจารึกแห่งเกียรติยศ) ทางประวัติศาสตร์และศิลปะของเวียดนาม (อ้างอิงข้อมูลจาก expedia )
ขอพรไหว้พระกันแล้ว ถึงเวลาเราต้องกลับไปขึ้นรถตอน 17.30 น. ก็เลยเรียก Grab Taxi ไปลง St. Joseph's Cathedral ประมาณ 10 นาที 50,000 ดองค่ะ
St. Joseph's Cathedral
17.30 น. คนขับรถก็มารับไปส่งที่สนามบินค่ะ จบทริปนี้แบบสวยงาม ❤️ #เลิฟซาปา #เลิฟฮานอย #เลิฟเวียดนาม
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้แบบเข้าใจง่ายนะคะ ยอดเงินดองคือยอดรวม4คนนะคะ
-ค่าเดินทางที่จ่ายกับเอเจ้น 202 USD : 6,296 บาท (1,574/คน)
Day 1 - 05/02/2020 นอนบนรถไฟไปซาปา
-ของกินบนรถไฟ 120,000ดอง (40/คน)
Day 2 - 06/02/2020 นอนที่ Sapa Eden Mountain View
-Fansipan Terrrace 500,000 ดอง (168/คน)
-ตั๋วขึ้นFansipan 4,000,000 ดอง (1,340/คน)
-รองท้องพิซซ่าเวียดนาม+ไข่ต้ม 80,000 ดอง (25/คน)
-ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 500,000 ดอง (168/คน)
-ค่าเข้า Cat Cat Village 280,000 ดอง (93/คน)
-มื้อกลางวันที่ Cat Cat Riverside 350,000 ดอง (120/คน)
-O Quy Ho แซลม่อนหม้อไฟ 900,000 ดอง (300/คน)
Day 3 - 07/02/2020 นอนบนรถบัส+The Tournesol
-Viet Emotion 800,000 ดอง (265/คน)
-ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 500,000 ดอง (168/คน)
-ค่าเข้าหมู่บ้าน Ta Van 300,000 ดอง (100/คน)
-Mi Coffee 200,000 ดอง (67/คน)
-หมาล่าซาปา+อาหารเย็น 800,000 ดอง (268/คน)
-ค่าห้องที่ Sapa Eden Mountain View 1,140,000 ดอง (380/คน)
Day 4 - 08/02/2020 บินกลับกทม.ช่วงค่ำ
-ค่าแท็กซี่ 150,000 ดอง (50/คน)
-ค่าห้องที่ The Tournesol 640,636 ดอง (214/คน)
-Bun Cha 150,000 ดอง (50/คน)
-Cong Caphe 140,000 ดอง (47/คน)
-Grab Taxi จากเจดีย์เฉินก๊วกมาโบสถ์ St.Joseph 50,000 ดอง (15/คน)
-มื้อค่ำที่ฮานอย 500,000 ดอง (168/คน)
รวม 5,620 บาท/คน
**ค่าใช้จ่ายอาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างนะคะ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยค่ะ**
ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า จะปรับปรุงการเขียนให้ดีกว่านี้นะ 555 ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านจากใจเจ้าของกระทู้เลยค่ะ ❤️
เที่ยวไปเรื่อย
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 20.13 น.