ภาคเหนือคือภาคที่ดูดวิญญาณการท่องเที่ยวจริงๆ ไม่มีปีไหนที่จะไม่แพลนขึ้นไปสูดกลิ่นอายของขุนเขาที่นั่น วันพักร้อนที่มีอยู่ส่วนใหญ่ก็อุทิศไปกับการเที่ยวนี่ล่ะค่ะ เริ่มเข้าหน้าหนาว(เอิ่ม! แต่สำหรับกรุงเทพฯ แล้วนั้นก็หนาวแบบจั๊กแร้เปียกอ่ะค่ะคุณ) พวกเราอ้วนผอมและสามีอ้วนก็ได้จัดทริปไปเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนกัน ก่อนไปก็เล็งจองเครื่องช่วงโปร เช่ารถช่วงมีโปร คนมีฐานะอย่างเราทุกอย่างต้องโปร เมื่อทุกอย่างที่เป็นโปรมาเป็นของเราแล้วก็เริ่มเดินทางได้
ที่แรกของการเยือนเชียงใหม่คือไปเดิน trekking เบาๆ ที่อินทนนท์ตรงกิ่วแม่ปาน ก่อนเข้าไปเดินน้องไกด์ไล่ให้ไปซื้อน้ำก่อน จัดการเรื่องน้ำเสร็จก็เริ่มออกเดิน เดินได้ยังไม่ถึง 50 เมตร เพื่อนอ้วนก็เปลี้ยแล้วค่ะคุณ นางถอดใจจะเดินกลับให้ได้ ส่วนดิฉันก็ไล่ให้สามีนางพานางกลับแต่ดิฉันขอเดินต่อ(ไม่ได้ไม่รักเพื่อน แต่ที่นี่คือที่ที่ฉันอยากมาเดินหลายครั้งแล้ว ฉันจะกลับไม่ด๊าย) แต่สามีนางไม่ยอมกลับ เลยต้องเดินไปหยุดไป แต่ต้องขอบคุณในการเดินช้าเป็นหอยทากของนางเพราะมันทำให้เราได้ภาพสวยๆ เยอะเลย
กระดึบออกจากป่ามาได้ก็เข้าพักที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ราคาที่พักแค่ 1,500 บาท แต่ได้ที่พักเยี่ยมบรรยากาศสวย และบริการดีราวกับจ่าย 5,000 บาท เรียกว่าสุดคุ้มโดยเฉพาะอาหารเช้าที่อร่อยมาก พวกเรากินจนจุก อันที่จริงอย่าเรียกว่ากินเลยต้องเรียกว่ายัด คือกินกันจนกินข้าวเที่ยงไม่ได้ เดินขึ้นมานั่งบนรถแทบจะต้องร้องขอชีวิตอยากจะให้มันย่อยเร็วๆ หนักท้องมาก
จากนั้นก็มุ่งหน้าตามหาโครงการหลวงแม่ลาน้อยที่แม่ฮ่องสอน ขับรถตาม Google map ไปเรื่อยๆ ขึ้นเขาไปลึกมากแล้วอยู่ๆ คุณกูเกิ้ลก็สั่งให้เราเลี้ยว แม่เจ้า! ทางที่นางให้เราเลี้ยวไปยังกะโลกพระจันทร์ แถมดูแนวโน้มแล้วจะเป็นทางขาดซะด้วย พวกเราเลยถอนรถกลับออกมา นางกูก็เลยหาเส้นทางให้พวกเราใหม่ คราวนี้ขึ้นไปจนแทบจะอยู่บนยอดเขาอยู่แล้วเส้นทางแทบจะเรียกได้ว่าไม่เป็นเส้นทาง เล็กมากและแทบจะไม่มีรอยรถมาผ่านเลย(ทางเกวียนยังดูดีกว่า) หมู่บ้านก็ไม่มี หาคนหาสัตว์ก็ไม่มี มันเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตมาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ มองหน้ากันประมาณว่าเอาไงดี นำ้มันก็จะหมด ตัดสินใจกลับรถด้วยการถอยรถเข้าพงไม้เพราะถนนมันแคบจนไม่มีที่จะกลับรถ ขับกลับมาเป็นชั่วโมงถึงเจอหมู่บ้าน จอดถามทางกลายเป็นว่าชาวบ้านพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ จ๊ะ! ไม่รู้เรื่องกันจ๊ะ ขับกันต่อจ๊ะ ขับมาสักพักเจอโรงเรียนเพื่อนอ้วนขอไปเข้าห้องน้ำเพราะทนมาเป็นเวลานาน เพื่อนกลับมาพร้อมกับเส้นทางที่ครูใหญ่บอกว่าพวกเราหลงมาไกลมาก(แป่ว!) เริ่มต้นเส้นทางใหม่ตามที่ครูใหญ่บอกพร้อมกับน้ำมันที่กำลังมาถึงขีดสุดท้าย ขับมาซักพักก็เริ่มงงกับเส้นทางอีกแล้ว พอดีเจอ อบต. เลยลงไปถาม เจ้าหน้าที่น่ารักมาก(เพิ่ม ก.ไก่ เข้าไปอีกล้านตัว) ต้อนรับแนะนำเส้นทางด้วยอัธยาศัยที่พวกเราแทบจะคุกเข่าฟังด้วยความเกรงใจในความดีแล้วยังจะหาข้าวหาปลาให้กินอีก แต่ก่อนที่พวกเราจะลาเจ้าหน้าที่ไปก็ถามว่า "ลงไปถึงข้างล่างต้องใช้นำ้เยอะไหมน้ำมันจะหมดแล้ว" เจ้าหน้าที่เดินมาดูเข็มน้ำมันพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะบอกว่า "พอได้" อ่ะอุ่นใจขึ้นเปราะหนึ่ง สรุปวันนี้ไม่เจอโครงการหลวงฯ จ๊ะเราตัดสินใจเข้าที่พักที่เฮินไต รีสอร์ทเลย ก็ได้แต่ทำใจว่าวันนี้คือวันขับรถผจญภัยเล่นบนเขาสูง(ฮ่าๆ) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "การเชื่อ Google map มากอาจทำให้น้ำมันหมดบนเขา" (ฮ่าๆๆๆ)
เช้าวันถัดมาเราก็ตามหาโครงการหลวงแม่ลาน้อยกันต่อ คราวนี้เจอค่ะเส้นทางไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเล๊ยคุณ Google map ขา เฮ้อ! วิวระหว่างที่ขึ้นไปก็สวยไม่น้อยเลย อ่อ จะบอกว่าสายชิวสายกาแฟจะขับรถต่อไปเที่ยวบ้านห้วยห้อมก็ได้นะคะอยู่ไม่ไกลจากโครงการหลวงฯ เลย แต่ทางเราต้องไปทุ่งดอกบัวตองต่อเลยต้องขอข้ามไปในครั้งนี้
ออกจากโครงการหลวงฯ ก็ไปต่อที่ทุ่งดอกบัวตองที่กำลังบานเหลืองอยู่เต็มเขา โชคดีที่วันนั้นอากาศดีท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใส(ถึงแม้บางช่วงจะมีเมฆเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่นาน)ตัดกับสีเหลืองของดอกบัวตองที่กำลังเบ่งบานแข่งกันงามเต็มที่
เย็นวันนั้นเราไปพักกันที่ปางมะผ้าเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปชมทะเลหมอกที่บ้านจ่าโบ่ การมาดูทะเลหมอกที่นี่ไม่จำเป็นต้องมาเช้าเลยค่ะพวกเรามาถึงที่เกือบ 8 โมงแต่หมอกนี่ยังเยอะลอยขาวนวลแทรกกับเขาสูงสวยงามมาก จะบอกว่าการที่คุณได้มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวและกาแฟที่นี่มันอิ่มตั้งแต่ก่อนคุณจะได้กินซะอีก คือมันอิ่มใจกับวิวงามๆ รอบตัวนั่นเอง
และเราก็มาปิดทริปที่ห้วยน้ำดัง มาถึงเอาเกือบเที่ยงแต่ก็ยังเห็นหมอกจางๆ ที่กระจายอยู่รอบๆ วันนี้เป็นวันที่ปิดทริปเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนได้ดีมากๆ ก็แบบนี้ไงที่ทำให้ต้องจัดทริปขึ้นเหนือทุกปี
Titi goaround
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 15.53 น.