สวัสดีครับเพื่อนๆ นี่เป็นการเดินทางมายัง "ภูทับเบิก" รอบที่นับไม่ถ้วนของผมอีกครั้ง โดยปกติแล้วผมจะมาเยือนที่นี่ในหน้าหนาวซะส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูครับ เพราะมีทริปๆนึงที่ทำให้ผมชอบการเดินทางเที่ยวในหน้าฝน ก็เลยลองมาพิชิตทับเบิกในหน้าฝนดูบ้าง แล้วมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย แต่ก็มีในบางจุดที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า "ทับเบิก" เปลี๊ยนไป๊...



สายฝนทำให้ธรรมชาติดูมีชีวิตชีวา ดูเขียวขจี ชุ่มฉ่ำ และชุ่มชื่น นี่แหละครับจึงทำให้ผมหลงไหลในการเดินทางเที่ยวในหน้าฝนที่หลายๆคนอาจจะมองว่าเปียกแฉะไม่น่าเที่ยวเอาเสียเลย แต่ตรงกันข้ามกับผมที่มันไม่ใช่อุปสรรค์อะไรเลย ในการรีวิวครั้งนี้ของผมจะไม่เน้นไปที่มุมมหาชนอย่างที่ใครๆหลายๆคนเคยเห็น แต่ผมจะโพสในมุมมองที่อาจจะหาดูได้น้อย โดยเน้นไปที่ธรรมชาติที่แตกต่างและวิถีชีวิตดูบ้าง ซึ่งทริปนี้ผมมีเวลาอยู่ที่นี่แค่ครึ่งวันเองครับ



ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมเป็นคนถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยใส่ใจกับการปรับตั้งค่านู้นนี่นั้น ประมาณว่าเจอปุ๊บถ่ายปั๊บ มั่วๆกันไป เลยทำให้ภาพออกมาดูธรรมดาๆ เพราะการเดินทางแต่ละครั้งของผมไม่เน้นที่ภาพว่าจะออกมายังไง แต่เน้นที่ความทรงจำที่มีต่อภาพนั้นซะมากกว่าฮ่ะ ^^



สำหรับใครที่อยากจะติดตามการเดินทางของผม เข้าไปส่องดูที่เพจได้นะครับ
https://www.facebook.com/wanderaroundthailand

ทับเบิกช่วงหลังๆมานี้บูมมาก ใครๆก็อยากจะลองมาสัมผัส ผมเองก็มาบ่อย ปีละ3-4ครั้งก็เห็นจะได้ แต่ครั้งนี้ได้มาช่วงฝน ได้เห็นบรรยากาศที่แตกต่างจากหน้าหนาวโดยสิ้นเชิง มองดูสายฝนที่กำลังหยอกล้อกับต้นไม้นานาพันธุ์ มันทำให้ผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ


ก่อนจะขึ้นไปยังยอดภูทับเบิก ขับผ่านร้านกาแฟร้านหนึ่งที่ชื่อว่า "Small Ville" เห็นบรรยากาศสวยดี ก็เลยต้องแวะเก็บภาพ พร้อมสั่งกาแฟมานั่งกินบรรยากาศ ประมาณว่าขอ Slow life ที่นี่แปร๊บบบ


แวะสั่งสักแก้วนั่งดูบรรยากาศไปเพลินๆพร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศ โชคดีที่วันนี้มีหมอกผมให้ได้เห็นบ้าง


แค่เห็นสายหมอกก็ถือว่าคุ้มค่ากับการมาแล้วครับ ถึงวันนี้จะมีฝนตกลงมาเรื่อยๆก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเซ็ง แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นซะมากกว่า ที่ทริปนี้เต็มไปด้วยความฉุ่มฉ่ำ


หลังจากนั่งชมวิวที่ร้านกาแฟเสร็จ ผมก็ขับรถขึ้นมาเรื่อยๆ ขับมาช้าๆ เปิดกระจกกินลม ชมวิว (ใครไม่ทำถือว่าเชยนะ เพราะใครๆเขาก็ทำกัน ฮ่าๆๆประหยัดแอร์ได้ดีเลยทีเดียว) บรรยากาศมันโครตจะฟินน


ในระหว่างเส้นทางเราก็จะเจอกับจุดชมวิวสวยๆมากมาย ผมเริ่มตื้นเต้นมากขึ้น เพราะยิ่งขับรถมาสูงเท่าไหร่ เราก็จะเริ่มเห็นภาพสวยๆมากยิ่งขึ้น ผมแวะเกือบทุกจุด ไม่อยากพลาดแม้แต่จุดเดียวเลยครับ



บรรยากาศมันฟิน ใครๆก็อยากใช้เวลาสัมผัสนานๆ บรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถเห็นกันได้ทุกวันนะครับ แล้วแต่จังหวะจริงๆ ผมเองก็ถือว่าโชคดีที่มาได้เห็นครับ


เสร็จจากจุดนี้ ขับรถขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะเจอกับอีก1จุด ที่ใครขับรถผ่านก็ต้องจอดแวะ ผมเองก็ไม่รอช้า รีบจับกล้องวิ่งลงจากรถชนิดที่แบบไม่ห่วงรถเลยครับ ฮ่าๆๆ เพราะภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันยั่วยวนผมซะเหลือเกิ๊นน


ในระหว่างเส้นทางก่อนจะถึงยอดภู ผมก็แวะเรื่อยๆครับ ตามstep ตรงนี้เป็นจุดชมวิวสุดฮิตอีกหนึ่งจุดครับ ผมเองก็จำชื่อไม่ได้ จะมีศาลาน้อยๆอยู่พร้อมกับโขดหิน2โขด ให้เราได้ขึ้นไปยืนเก็บภาพเท่ห์ๆกัน


ถ่ายไปถ่ายมา ท้องเริ่มหิว คิดในใจว่าถึงยอดภูเมื่อไหร่ จะวิ่งหาซื้อมาม่าต้มยำมาซดน้ำร้อนๆทันที


ขับมาจนถึงยอดภู ในที่สุดก็ได้กินอาหารที่อร่อยที่สุด และขึ้นชื่อของที่นี่ ฮ่าๆๆ เป็นมาม่าที่อร่อยที่สุด (เพราะความหิว)


นั่งกินมาม่าไป ชมวิวไป เห็นภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของที่นี่มากยิ่งขึ้น ที่นี่เริ่มเต็มไปด้วยที่พักมากมาย กลายเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ ดูแออัดเอามากๆ


สักพักเหลือบไปเห็นเด็กน้อยผู้น่ารักคนหนึ่ง ไม่รอช้า รีบไปขอถ่ายภาพเช่นเคย น่ารักมากๆครับ


สักพักมองไปไกลๆ สายฝนเริ่มจะมาอีกแล้ว ต้องรีบกิน รีบหาที่หลบด่วน เพราะทั้งลมก็แรง นั่งอยู่ตรงนี้ไม่น่ารอด ฮ่าๆๆ


ได้เวลาออกเดินทางเพื่อเก็บภาพต่อ โดยย้อนกลับลงทางเดิมครับ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปยังหอวัดอุณภูมิ เพราะคนเยอะเกินไป รถก็เยอะ ผมเลยเลือกที่จะเก็บบบรยากาศระหว่างเส้นทางเอาครับ ขับรถลงมาเจอหมู่บ้านนึง เลยแวะเดินเล่นสักหน่อย


เด็กๆเดินจับมือกัน น่ารักจุง


ในระหว่างนั้นเห็นร้านแห่งหนึ่งมีคนเยอะแยะมากมาย ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปถาม ได้คำตอบว่าที่นี่กำลังมีงานศพครับ ^^


หลังจากเดินเล่น ถ่ายภาพในหมู่บ้านนี้เสร็จ ก็ได้เวลาที่ผมจะต้องลงจากเขาเพื่อเดินทางต่อแล้วครับ ระหว่างทางจะลงผมก็ยังแวะเก็บภาพมาให้ชม พูดง่ายๆก็คือ เสียดายถ้าไม่ได้เก็บภาพ เพราะบรรยากาศของวันนี้มีดูสดชื่นไปหมด


เอาเป็นว่าทับเบิกช่วงฝนน่าเที่ยวมากๆครับ อยากให้เพื่อนๆลองมาเปลี่ยนบรรยากาศแบบผมดู เพราะจริงๆแล้วทับเบิกมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ไม่ใช่แค่มาดูทะเลหมอกหรือกะหล่ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงมีวิถีชิวิตให้เราได้เรียนรู้อีกหลายหมู่บ้าน เอาไว้ผมกลับมาอีก จะตระเวณรีวิวหมู่บ้านเล็กๆเหล่านี้แน่นอนครับ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาชมกระทู้ของผมจนจบ ฮ่าๆ ขออภัยที่รูปไม่เยอะ หากผิดพลาดตรงไหน ขออภัยด้วยนะครับ



สำหรับใครที่อยากจะติดตามการเดินทางของผม เข้าไปส่องดูที่เพจได้นะครับ
https://www.facebook.com/wanderaroundthailand

Freelance บ้าเที่ยว

 วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 10.54 น.

ความคิดเห็น