w9yjhf56ts4f

ทีแรกทริปนี้ตั้งใจจะไปประเทศลาววางแผนหาข้อมูลที่เที่ยวลาวเสร็จสรรพเรียบร้อย อยู่มาวันหนึ่งเปิดเฟซบุ๊กมาเจอตั๋วไป-กลับญี่ปุ่นราคา 8,120 บาท เลยทักไปปรึกษาเพื่อน 3 คนว่า ระหว่างลาวกับญี่ปุ่นผมควรไปไหนดี เพื่อนทั้ง 3 ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ญี่ปุ่น” ผมเลยตัดสินใจแบบกะทันหันจองตั๋ว 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง และวางแผนหาข้อมูลทั้งหมดภายใน 2 สัปดาห์ !!!

สอบถามเพิ่มเติมหรือแวะเข้าไปทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/Khunjaos-Backpacker-537827246272283/

Chapter 1
กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ ซิตี้

Day 1

7 December 2019

ทริปนี้ผมเดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ได้ตั๋วมาในราคาไปกลับกรุงเทพฯ-นาริตะ 8,120 บาท แวะต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ ซิตี้ และขากลับแวะต่อเครื่องที่ดานัง


ด้วยความที่ตื่นเต้นกลัวตกเครื่อง เงินก็ยังไม่ได้แลกสักบาท ผมออกจากบ้านตั้งแต่ 03:00 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 07:00 แต่เวลาเครื่องออกนั้นคือ 11:20 มารอตั้งแต่ไก่โห่เลยทีเดียว ๕๕๕ พอมาถึงก็หาแลกเงิน โดยที่วิธีการแลกของผมคือ แลกเงินบาทเป็นเงินเยนในบัตร Travel Card ของธนาคารกรุงไทย เสร็จแล้วนำบัตร Travel Card นั้นมาแลกเป็นเงินสดสกุลเยนที่ธนาคารกรุงไทย สาขา สนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆ ส่วนเงินสดที่ผมแลกไปนั้นเพียงแค่ 28,000 เยนเท่านั้น และแลกเงินเวียดนามไปอีก 500,000 ด่อง

ผมได้ทำการ Check-in ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อดีก็คือเราสามารถเลือกที่นั่งได้ฟรีและไม่ต้องไปต่อคิวเคาน์เตอร์ปกติให้มาต่อคิวเคาน์เตอร์ที่ Check-in ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแถวนี้คนจะน้อยมาก ๆ ทำให้ไม่ต้องรอนาน ผมถามพี่พนักงาน Check-in ว่าเราหยุดต่อเครื่องที่สนามบินโฮจิมินห์ ซิตี้ แล้วสามารถออกจากสนามบินได้ไหม คำตอบคือออกได้ เพราะเราได้ Boarding Pass 2 ใบ คือ สุวรรณภูมิ-โฮจิมินห์ซิตี้ และ โฮจิมินห์ซิตี้-นาริตะ และสามารถไปรอรับกระเป๋าที่ญี่ปุ่นได้เลย

ระหว่างที่อยู่บนเครื่องเจอพี่คนหนึ่งชาวเวียดนามอายุกลางคนอัธยาศัยดีมากชวนคุยตั้งแต่ขึ้นเครื่อง พี่แกเหมือนมาทำธุรกิจที่กรุงเทพฯกำลังจะกลับบ้านที่เวียดนาม ผมก็ถามพี่แกว่าเป็นคนโฮจิมินห์เหรอ พี่แกก็บอกว่าไม่ ๆ บ้านแกอยู่ห่างจากโฮจิมินห์ไปทางเหนือ ซึ่งผมก็จำชื่อเมืองไม่ได้แล้ว ที่แกล้ง ๆ ถามก็เพราะว่าเผื่อแกจะเป็นไกด์นำเที่ยวหรือพาเที่ยวชมเมืองสักหน่อย ๕๕๕ แต่แกก็แนะนำว่าถ้ามาที่นี่แล้วต้องไปชมพิพิธภัณฑ์สงครามนะ ผมก็บอกอ๋อ ๆ เดี๋ยวไป เพราะที่มานี่ไม่ได้วางแผนเลยว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

8jo5jnh8b80d
u6zpm9ieei3j

13:00 แลนดิ้งที่สนามบินโฮจิมินห์ เร็วกว่าเวลาที่กำหนด 10 นาที จากนั้นเดินออกมาที่จุดตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคนก็เยอะมาก ๆ เยอะมาก ๆ จริง ๆ และผมก็พยายามจะถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่า ผมรอต่อเครื่องแล้วออกจากสนามบินได้ไหม ยังไม่ได้ทันจะอ้าปากถามเลยครับ พี่เจ้าหน้าที่ก็ชี้ไปให้เข้าแถวผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง ๕๕๕

rebin45gf4o8

เดินออกมานอกสนามบินเปิด Google Map ค้นหาพิพิธภัณฑ์สงคราม จากนั้นก็ถามพี่พนักงานขายตั๋วรถบัสว่าผมจะไปที่นี่ ราคารถบัส 20,000 ด่อง หลังจากก้าวขึ้นรถก็บอกพี่คนเก็บตั๋วว่า ผมจะไปที่นี่พร้อมยื่นแมพให้ดู พอถึงแล้วบอกผมด้วยนะ พี่แกก็ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี พอถึงที่หมายพี่แกก็เรียกให้เราลงจากรถ

srnuojb1a403

ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์คนละ 40,000 ด่อง ส่วนมากมีแต่ฝรั่งที่มาดูพิพิธภัณฑ์สงครามนี้

5ck4blnst88c
1kypwhrk1bwi
6w97cw3bp1br
6ztls61nuz06

หลังจากนั้นก็ค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าที่โฮจิมินห์มีที่ไหนที่ควรไปบ้าง จากนั้นก็ปักหมุดลงใน Google Map และเดิน เดินถ่ายรูปตามจุดที่กำหนดไว้ คิดดูแล้วก็บ้ามากตอนนั้น คงจะเหนื่อยน่าดู ๕๕๕ พอตกเย็นไปเดินที่ย่าน ฟาม งู เหลา ร้านเหล้าเบียร์เยอะมาก ผมเดินอยู่นานและเลือกร้านที่ไม่มีคน และก็ไม่มีคนจริง ๆ ครับ มีผมโต๊ะเดียว

n2vvqa6wag6k
gqkd140u9bwo
ahgl0mlqmmyq
tkbo9u050u0n
wunziuzs6r54
u62o98627ygq
uwukil4etofs
fwk0gzhwltmq
la2hfl87kegc
e1j1iehbrdt8

จากนั้นก็นั่งรถเมล์จากเมืองเข้าสนามบิน

และแน่นอนคืนนี้ผมนอนที่สนามบิน เพราะว่าถ้านอนในเมืองแล้วกลัวมาไม่ทันเที่ยวบินในตอนเช้า ซึ่งในสนามบินมีที่นอนอยู่ 2 แบบคือ นอนฟรีและเสียเงิน แต่คุณต้องมีบอร์ดดิ้วพาสเข้าไปยังเกตก่อน ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองและจุดจรวจด้านความปลอดภัยเข้ามายัง Gate เพราะที่นอนอยู่ที่ประมาณ Gate 21-25 ส่วนที่นอนด้านนอกผมไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ถ้าให้แนะนำนอนโรงแรมดีที่สุดครับ แต่ถ้าสายลุยและต้องการประหยัดงบแบบผมก็นอนสนามบินเลยครับไม่แย่อย่างที่คิด

cg800y9lj4dw

Chapter 2
โฮจิมินห์ ซิตี้ - นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น

Day 2

8 December 2019

เช้านี้ผมอาบน้ำที่สนามบิน ห้องอาบน้ำอยู่บริเวณ Gate 21-25 เดินลงไปข้างล่างเลย และแน่นอนว่าอาบฟรี ตอนเช้า ๆ คนน้อยมาก

0vk4eb3ormt5

06:10 เดินทางจากสนามบิน Tan Son Nhat (เตินเซินเญิ้ต) มุ่งหน้าสู่สนามบิน Narita ประเทศญี่ปุ่น พอเครื่องบินไต่ระดับได้สักพักแอร์โฮสเตสก็เอาอาหารมาเสิร์ฟมีให้เลือกทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น ไหน ๆ ก็จะไปญี่ปุ่นแล้วครั้งนี้ผมเลยเลือกแบบญี่ปุ่นให้คุ้นปากสักหน่อย

zi44ztu66srr
m6oermz9014o
clndwkl1yv3p
a1xdlhoq0z5y
dc9nfaank5mt

จิบไวน์ชมวิวเบา ๆ บนเครื่อง

a2a572wmhxl8

เห็นภูเขาไฟฟูจิไหม สำหรับใครที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิบนเครื่องบิน เที่ยวบินขาไปให้เลือกที่นั่งฝั่งด้านซ้ายของลำ และขากลับจากญี่ปุ่นให้เลือกที่นั่งฝั่งด้านขวา แต่ครั้งนี้เครื่องบิน บินห่างจากภูเขาไฟมาก ทำให้เห็นแค่นิดเดียว แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้เห็นเลย

fxsogkppwell

ถึงสนามบินนาริตะเวลา 13:20 ตามเวลาท้องถิ่น

yq896g4hd5wx
9r6u9l0t0nlm
5io81qdfyrg5

ก้าวแรกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความตื่นเต้นว่ามาคนเดียวจะเข้าประเทศได้ไหม ผมได้เตรียมเอกสารแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ใบจองที่พัก ใบประกันการเดินทาง เงินสด และบัตรเครดิต เตรียมเพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดูเมื่อขอตรวจดูเอกสารดังกล่าว พอเข้าจุดตรวจคนเข้าเมือง คนก่อน ๆ หน้าเป็นชาวต่างชาติประเทศอื่น ๆ พี่เจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ถามคำถามซักคำ แป๊บเดียวก็ผ่าน ๆ ไปได้ พอมาถึงคิวผม พี่เจ้าหน้าที่เปิดพาสปอร์ตตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย เพราะผมเพิ่งไปทำพาสปอร์ตมาใหม่ (อันเดิมเหลืออายุไม่ถึง 6 เดือน) พี่เจ้าหน้าที่ก็ถามคำถามทั่วไปแต่ก็นานมาก ๆ เมื่อเทียบกับคนอื่น เช่น มาญี่ปุ่นครั้งแรกใช่ไหม มากับใคร แล้วไปพักที่ซัปโปโรเหรอ ... จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่านไปได้โดยที่ไม่ได้ขอดูเอกสารเลย

จุดพีคและตื่นเต้นที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ !!!

หลังจากที่ผมหยิบกระเป๋าจากจุดรับกระเป๋ามาแล้ว เดินตรงมาที่ด่านศุลกากร เหมือนเดิมครับ ชาวต่างชาติก่อนหน้าเดินผ่านได้อย่างสบาย ส่วนพอถึงคิวผมนั้น พอผมยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่คนนี้ก็วิทยุสื่อสารเลยครับ เรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมา เขาก็เอาหนังสือเหมือนเป็นแฟ้มเล่มหนึ่งมาให้ผมดู แล้วเปิดไปที่หน้ายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และชี้ไปทีละอันแล้วถามผมว่าคุณไม่ได้มีของพวกนี้เข้ามาใช่ไหม แล้วผมก็ยืนยันว่าไม่มีสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเขาก็ขอผมตรวจค้นอย่างละเอียดโดยพาเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่สองคนผู้หญิงกับผู้ชาย และพี่เจ้าหน้าที่ก็เอาแฟ้มเดิมมาถามผมอีกรอบว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายเหล่านี้ไหม ถามย้ำอยู่ 2-3 รอบได้ จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายก็ตรวจร่างกายผมแบบละเอียดเลยครับ แต่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้านะครับ พี่แกให้ผมถอดรองเท้า แล้วแกก็เอามือล้วงเข้าไปในรองเท้าแล้วก็มาคลำ ๆ บริเวณเท้าผมอีก ตอนนั้นยอมรับว่าเท้าผมค่อนข้างมีกลิ่น ยังสงสารพี่แกอยู่เลยครับ ๕๕๕ ส่วนพี่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงค้นกระเป๋าทุกใบ ทุกซอกทุกมุม แล้วพอดีแกก็เห็นพาสปอร์ตเล่มเก่าของผมพี่แกเลยถามว่าทำไมมี 2 เล่ม และเล่มเดิมยังไม่หมดอายุ ผมก็เลยบอกไปว่า พาสปอร์ตไทยถ้าวันหมดอายุไม่ถึง 6 เดือน ไม่สามารถออกจากประเทศได้ และก็เหมือนแกก็ไม่เข้าใจที่ผมพูด พยายามอธิบายอยู่นาน ระหว่างการตรวจค้นนั้นพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายถามผมอย่างละเอียดมากกกกกก เท่าที่ผมจำได้ มาทำอะไร มากี่วัน มากับใคร ทำไมมาคนเดียว นักท่องเที่ยวคนอื่นส่วนมากเขามากับเพื่อนหรือมากับครอบครัว ทำไมคุณจองตั๋วช้าจัง หมายถึงไม่จองล่วงหน้านาน ๆ (อย่างที่บอกเป็นทริปกะทันหัน) คุณทำงานอะไร ผมก็ยื่นรูปให้ดูและพี่แก็ถามละเอียดมากเกี่ยวกับงานของผม และผมก็ยื่นแผนการเดินทางให้ดู มีแผนการเดินทาง ประกันการเดินทาง ตั๋วที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และเขาก็ถามว่าทำแผนการเดินทางทั้งหมดเองเหรอ (เขาถึงกับตกใจเพราะแผนผมไปหลายที่มาก ๕๕๕) และพี่เขาก็ขอดูกระเป๋าเงิน อย่างที่บอกผมมีเงินสดแค่ 28,000 เยน และบัตรเครดิต 2 ใบ บัตรพรีเพด 2 ใบ และที่สำคัญทุกสิ่งที่ผมตอบคำถามพี่แกก็จดไว้หมดเลย กลับมาที่พี่ผู้หญิง บอกผมว่าขอเอากระเป๋าไปตรวจสแกน ผมก็ยินดี (กลับมาคิดย้อนหลังถ้ามีคนแอบยัดยาหรือสิ่งผิดกฎหมายในกระเป๋าผมจะเป็นยังไงนะ เพราะ 1.กระเป๋าผมถูกพักที่เวียดนาม 1 คืน ไม่รู้ว่าผู้ประสงค์ไม่ดีจะแอบยัดอะไรไว้หรือเปล่า 2.ตอนพี่เจ้าหน้าที่เอาไปตรวจ ผมไม่ได้เดินออกไปด้วย เผื่อเซอร์ไพรส์มีคนแอบยัดอะไรระหว่างนั้น คงซวยแย่เลย แต่ก็ดีที่ทุกอย่างผ่านพ้นมาได้) และหลังจากนั้นพี่แกก็เก็บกระเป๋าให้ และกล่าวคำขอโทษอย่างสุภาพ และพาผมเดินออกจากห้องตรวจเพื่อเข้าสู่ทางออกผู้โดยสารขาเข้า รวม ๆ เวลาที่โดนตรวจค้นและตอบคำถาม ราว ๆ 1 ชั่วโมงครับ!!! (ระหว่างที่พี่เจ้าหน้าที่ถามพี่แกถามอย่างสุภาพและไม่มีอาการรุนแรงจนน่ากลัวแต่อย่างใด ต้องขอชื่นชมพี่เจ้าหน้าที่ครับ อ่อนโยนและสุภาพจริง ๆ ) นับว่าเป็นการเข้าประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ผมค่อนข้างเสีย Self อยู่เหมือนกัน (อารมณ์เหมือน ฉันมาทำอะไรที่นี่ อยากกลับบ้าน อยากร้องไห้) ในใจตอนนั้นอารมณ์อยากเที่ยวก็ลดลงไปเยอะเลยครับ ช่างเป็นการต้อนรับเข้าประเทศที่โคตรเซอร์ไพรส์ของคนบาปอย่างผมจริง ๆ เลย ๕๕๕

“สนามบินนาริตะทุกซอกมุม”

14:20 – 06:50 กว่า 16 ชั่วโมงที่ผมอยู่ที่สนามบินนาริตะ เพื่อที่จะรอขึ้นเครื่องไปซัปโปโร ผมได้ไปสำรวจทุก Terminal ของสนามบินนาริตะ นั่ง Airport Shuttle Bus จาก Terminal 1 ไป Terminal 2 และเดินไปยัง Terminal 3 เพื่อสำรวจจุด Check in ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็นั่งบัสกลับมาที่ Terminal 1 เดินไปเรื่อย ๆ จนบังเอิญเจอจุดชมเครื่องบิน ผมบอกเลยว่าผมเดินเยอะมากจริง ๆ ในสนามบินนาริตะ จนจำทางได้เลยแหละ ส่วนคืนนี้นั้นผมนอนที่สนามบินบริเวณเก้าอี้ในอาคารมีผู้โดยสารหลายคนเลยที่นอนสนามบินเหมือนกัน และบอกเลยว่าค่อนข้างปลอดภัยเพราะมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตลอด แต่ถ้าให้แนะนำผมว่านอนโรงแรมเถอะ ๕๕๕ (มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมนั่งรอเพื่อต่อเครื่องตอนดึก ๆ มีพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คน มาขอดูพาสปอร์ต และก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ต้องใช้ Google Translate สื่อสารกัน แล้วก็ถามผมว่าขอจดข้อมูลไปได้ไหม ตอนนั้นผมบริสุทธิ์ใจก็ตอบไปว่าได้ ๆ ครับ พอพี่แกจดเสร็จผมก็ถามไปว่าเอาข้อมูลผมไปทำไม พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกแค่ว่า ไม่ต้องห่วงจะเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ กลับมาคิดย้อนหลัง เขาจะเอาข้อมูลเราไปทำอะไรหรือเปล่านะ เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เสีย Self อีกแล้ว ในใจคิดว่าผมทำอะไรผิดดดด อยากกลับบ้านนน ๕๕๕)

ข้าวมื้อแรก ณ ประเทศญี่ปุ่น

u7j9d2r9e82p

จุดชมเครื่องบิน

rch864svchl5
yf1ziuvy8nf0
zuur1ykmo53t
t9wlfugnv0bu
lgk8noozkx2b

ที่นอนคืนนี้

41q74swperby

Chapter 3
นาริตะ - ซัปโปโร

Day 3

9 December 2019

เช้าวันนี้ผมได้ฝากกระเป๋าใบนึงไว้ที่สนามบิน เพราะผมแบกขึ้นเครื่องได้เพียง 7 กิโลกรัม ได้ฝากไว้ที่ Locker อัตโนมัติ ราคา 300 เยนต่อวัน สามารถฝากได้สูงสุด 8 วัน (มีราคา 300 , 400 และ 500 เยน ตามขนาดของตู้ ของผม 300 เยน สามารถใส่กระเป๋าแบ็คแพ็คของผมได้สบายเลย)

05:00 ผมออกมาจาก Terminal 1 นั่ง Airport Shuttle Bus ไปยัง Terminal 3 เพื่อไป Check in ขึ้นเครื่อง เที่ยวบิน นาริตะ-ซัปโปโร (ผมจองล่วงหน้าแค่ 5 วัน ราคาไปกลับ 3,205 บาท จองผ่าน Trip.com โดยเที่ยวบินขาไปได้ของสายการบิน Jetstar และขากลับของสายการบิน Spring Japan) หลังจาก Check in เสร็จเดินเข้าจุดตรวจสัมภาระ และเดินไป Gate ซึ่งเดินไกลมาก ๆ ควรเผื่อเวลาด้วยนะครับ สายการบิน Jetstar ก่อนขึ้นเครื่องได้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องของทุกคนว่าเกิน 7 กิโลกรัมหรือไม่ ผมคิดถูกแล้วที่ไม่แบกกระเป๋ามาหมด ไม่งั้นได้เสียตังค์เพิ่มแน่ ๆ ๕๕๕

d6nh0mg5o859
r367goyvhacj

07:00 ครั้งนี้ผมไม่ได้เลือกที่นั่งระบบเลือกให้ได้นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉิน พอไปถึงที่นั่งปุ๊บพี่แอร์โฮสเตส พูดภาษาอังกฤษเร็วมากและยื่นเอกสารให้ผมใบหนึ่ง ผมทำหน้างง และพี่แกก็พูดอีก เร็วมากเหมือนเดิม ผมก็ทำหน้างงอีก (เพราะฟังไม่ทัน) พี่แกเลยถามว่า "แล้วคุณเข้าใจภาษาอะไร" ผมก็บอกว่าอังกฤษ สรุปแกบอกว่า คุณนั่งประตูที่นั่งทางออกฉุกเฉิน กรุณาอ่านคู่มือการเปิดประตูเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

และเหตุการณ์ระหว่างเครื่องกำลัง Taxi มีผู้โดยสารคนหนึ่งไม่รู้ว่าต้นเรื่องเป็นอย่างไร แต่พี่แกคนนั้นไม่ยอมมาที่นั่งตัวเอง (น่าจะเป็นผู้โดยสารชาวจีน) ได้ยินแต่เสียงแอร์โฮสเตสบอกว่า "ถ้าคุณไม่กลับไปที่นั่งของคุณ เราจะไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้" (ผมคิดว่ามีคนป่วยและจะนำเครื่องกลับไปยังอาคารผู้โดยสาร) ตอนนั้นแอบเซ็งนิด ๆ เพราะเครื่องค่อนข้างดีเลย์แล้ว สุดท้ายพี่ผู้โดยสารคนนั้นก็กลับไปนั่งที่เดิมของตนเอง และหลายคนในเครื่องก็พร้อมใจกันปรบมือ เพราะจะได้นำเครื่องขึ้นบินแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้สาเหตุอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ๕๕๕

m4fypws9oa4c

08:45 เครื่องลงจอดยังสนามบิน New Chitose (นิว ชิโทเสะ ทีแรกผมอ่านว่า นิว ชีโทส ๕๕๕) กับอุณหภูมิขณะนั้น -5 องศาเซลเซียส จากนั้นผมรีบเดินออกมาที่ยังอาคารผู้โดยสารเพื่อสัมผัสอากาศติดลบแรกในชีวิต และ หิมะแรกในชีวิต ซึ่งมันหนาวมาก ๆ และนี่คือหิมะแรกที่ผมได้เห็นใกล้ ๆ กับตา และเดินชมสนามบินสักเล็กน้อย ทีแรกจะไปชมเครื่องบินบริเวณจุดชมเครื่องบินแต่เห็นป้ายติดประกาศว่าปิดให้เข้าชมช่วงฤดูหนาว แอบเสียใจอยู่นิดนึง แต่ก็ได้แค่ชมวิวบริเวณศูนย์อาหาร

iw27ajpsvnan
lm7aty2m8gbj
omximk292xqe
y4qx9cr7unae

จากนั้นเดินไปหาวิธีเข้าเมืองซัปโปโร ซึ่งมี 2 วิธีคือ รถบัสกับรถไฟ รถบัสราคา 1,100 เยน สามารถใช้บัตร IC Card แตะขึ้นบนรถได้เลย ส่วนรถไฟจากสนามบินถึงซัปโปโรราคา 1,150 เยน สามารถใช้บัตร IC แตะขึ้นรถได้เหมือนกัน แต่ทีแรกผมไม่รู้ว่าสามารถใช้บัตรแตะขึ้นรถได้เลย ผมเลยไปตู้อัตโนมัติเพื่อซื้อตั๋ว และนี่ก็เป็นบรรยากาศระหว่างทางเข้าเมืองซัปโปโร

u7rqqhhj49ry
6u23hhtch2vs
q7aeh61x4gic
8862jfqzc93r

10:30 ถึงสถานีซัปโปโร วันนี้ผมพักที่ Social Hostel 365 เป็นโฮสเทล ห้องรวม ห้องน้ำรวม ราคาคืนละ 438.13 บาท จองผ่าน agoda อยู่ห่างจากสถานี Sapporo 2 กิโลเมตร และแน่นอนผมเลือกวิธีการเดิน!!! ผมเดินมาเรื่อย ๆ ชมวิวเมืองและถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ อากาศตอนนั้น -3 องศาเซลเซียส และผมได้นำกระเป๋ามาฝากไว้ที่โฮสเทลเพราะโฮสเทลเปิดให้ Check in เวลา 15:00 จากนั้นได้เดินเท้ามาที่ Odori Park และ Sapporo TV Tower ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร

lbq6zo1kyzme
9hlz3ps1opix
obmp394n6085
5wyc0qucf31t
micvdpta4jnv
y1fmv74uie8o
fklpimcx8ahu
dz2mujfj3e6c
558qro2uqtbl
vbsy6xehhwfa
zyekpklj06dz

ทริปนี้ผมต้องการประหยัดที่สุด ผมจึงเลือกกินอาหารที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้นเพราะราคาถูกและพอกินได้ ร้านสะดวกซื้อที่นี่มี 7-Eleven , Lawson และ Family Mart ซึ่งมีพอ ๆ กันเลย ต่างจากบ้านเราที่ส่วนมากมีแต่ 7-Eleven

hj2gtodkisnx
pznpizjr43d6

หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่พัก Social Hostel 365 และงีบพักจนถึงเวลาประมาณ 19:00

2mqzwt7ph4ww
vu8g0ismybzs
eynpau3es007

แผนแบบกะทันหันก็เกิดขึ้นอีก ผมเสิร์ชหาข้อมูลที่เที่ยวในซัปโปโร ก็เจอ Chocolate Factory ซึ่งอยู่ห่างจากโฮสเทลประมาณ 8 กิโลเมตร กับการเดินทางใช้เวลา 30 นาที ผมรีบแต่งตัวเดินออกมาจากโฮสเทลท่ามกลางอากาศหนาว ๆ อุณหภูมิเลขตัวเดียว แล้วรีบเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด วิธีการเดินทางของผมก็คือใช้ Google Map อยากไปที่ไหนก็ค้นหาที่นั่น และนำทางโดยเลือกวิธีการเดินทางโดยรถสาธารณะ Google Map จะบอกทุกอย่างตั้งแต่เดินไปขึ้นสถานีรถไฟที่ไหน ขบวนรถจะมากี่โมง และขึ้นที่ชานชาลาไหน ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Nishi Juitchome ถึงสถานี Miyanosawa ราคา 290 เยน สามารถใช้บัตร IC แตะผ่านได้เลยสะดวกสบายมาก

ถึง Chocolate Factory เวลา 19:36 และเดินเข้าไปถ่ายรูปภายใน Shiroi Koibito Park ส่วน Chocolate Factory นั้นปิดไปแล้ว ใครจะไปให้ศึกษาเวลาเปิดปิดไปด้วยนะครับ ส่วน Shiroi Koibito Park ปิดเวลา 20:00 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 นาที ผมก็เดินถ่ายรูปจนทั่ว ซึ่งบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่สวยงามมากเลยครับ วันที่ผมไปคนน้อยมากอาจจะเป็นเพราะกำลังจะปิดแล้วก็ได้

7xcobyg7qyk1
u0w3gh60npjo
4hj3l4ovjuxk
t882akgh5ozc
xikxahl7i7el
ug7rx6xqq2o2
8kjhk3557vft
oxduo7kuiie6
47qbegrdk0ci

จากนั้นผมก็เดินทางจาก Chocolate Factory ขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Miyanosawa ไปยังสถานี Odori Park  ราคา 290 เยน และได้ไปถ่ายบรรยากาศยามค่ำคืนของ Sapporo TV Tower ซึ่งสวยงามไปอีกแบบ

zzd8phqry5y8
q0x3htuiobr2
7s3w1906nlkq
ky1jqe9dafoe
jx97y9518xj7

ภายในสวนโอโดริ จะมีซุ้มถ่ายภาพฟรี!!! เราก็ได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ ถ่ายรูปฟรีเชิญด้านนี้ครับ นักท่องเที่ยวก็พากันไปต่อแถวกันเยอะเลย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พอต่อแถวเสร็จปุ๊บ มีเจ้าหน้าที่อีกคนมาแจ้งว่า เราถ่ายรูปให้ฟรีนะครับ จะได้เป็นฟรีเป็นแผ่นเล็ก ๆ ถ้าอยากได้แผ่นใหญ่สามารถซื้อเพิ่มได้เลยนะครับ ไอ้เราก็จะถอนตัวออกจากแถวไม่ได้ละ ก็เลยต่อแถวถ่าย ๆ ไป พอถ่ายเสร็จก็จะได้บัตรมาให้ไปรับรูปที่บริเวณด้านข้าง เราก็เอาว่ะ มาถึงขนาดนี้แล้วซื้อก็ซื้อ เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ !!! ก็เข้าไปต่อแถวรับรูปแผ่นใหญ่พร้อมจ่ายเงิน 1,300 เยน ส่วนถ้าใครไม่ต้องการอย่างที่บอกเขามีรูปเล็ก ๆ ให้ฟรีนะครับ หรือสามารถไปดาวน์โหลดไฟล์ภาพของเราได้ตามลิงก์ที่เขาแนบให้ (เสียตังค์) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของฟรีไม่มีในโลกนะครับ ๕๕๕

e9ey1u23s15v

จากนั้นก็ไปเดินย่าน Susukino และเดินกลับโฮสเทล

7psnn7af70az
mbzoelfhvdbm

ผมกลับมายังโฮสเทลนั่งเล่นภายในห้องนั่งเล่นของโฮสเทลเปิดฮีตเตอร์นั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว จุดประสงค์ที่มาซัปโปโรนี้คืออยากจะเจอหิมะตกสักครั้ง ผมเปิดแอป เปิดเน็ต ค้นหาข้อมูลว่าคืนนี้หิมะจะตกไหม ปรากฏว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมนั่งรอแล้วรอเล่าเพื่อให้หิมะตก ด้วยความที่อยากเห็นหิมะตกมาก ผมเดินออกไปด้านนอก ไปยังย่าน Susukino อีกครั้ง ซึ่งระทางไปกลับก็ประมาณ 2 กิโลเมตร กลับมาที่โฮสเทล รอแล้วรอเล่าจนถึงเวลาเกือบตี 3 ก็ไม่มีวี่แววว่าหิมะจะตก

vzdc47alt9iy
2bir5mq9vupk

Chapter 4
ซัปโปโร - โอตารุ

Day 4

10 December 2019

เช้าวันนี้หลักจากที่ Check out ได้ฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทล และแผนปุบปับมาอีกแล้วผมได้ค้นหาข้อมูลสถานที่เที่ยวในซัปโปโร ผมได้เดินไปยัง Sapporo Beer Museum ซึ่งระยะทางจากโฮสเทลไป Sapporo Beer Museum นั้นประมาณ 4 กิโลเมตรครับ ได้โปรดอย่าทำตาม ๕๕๕

ผมออกจากโฮสเทลประมาณ 10:30 ถึง Sapporo Beer Museum ประมาณ 12:30 เดินกันขาลากเลยทีเดียว ระหว่างทางได้แวะที่ตลาดปลานิโจ ก็มีขายของพวกอาหารสด อาหารทะเลทั่วไปครับ

hohdod9gmiwp
cmp816ipt7hu
bl1xgu2wglon
upmyxmat0wk6

อาหารเช้าของผมวันนี้ได้ Family Mart เป็นที่พึ่ง

0lkh8my024cs

ระหว่างเดินไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ หิมะเริ่มละลายครับ

qadsmvhw5qbf
7mu54ll2x4z6
pqo9djg7htk5
iwl11ld6jl8w

ประเทศญี่ปุ่นนี่ก็แปลกไปอีกแบบ พิพิธภัณฑ์เบียร์ สาเก มีให้เห็นกันทั่วไป โดยไม่ได้มีการห้าม การแบนเหมือนประเทศไทย เขารู้สึกเหมือนเป็นความภูมิใจของประเทศเขา คงจะเป็นเพราะเขาสอนให้เด็กหรือผู้คนรู้ว่าเบียร์คืออะไรและจะไปยุ่งกับมันตอนไหน ไม่ใช่ให้มาลองผิดลองถูกเอง

8gum2gts3xj7
p9hcpvar99v3
dze2otum0f1u
hr951r5h8r7l
7bwjg5c22bmz
9i091rk0g0br
v6p06thxyw2f
abm8m689zygp
s2a46032mc8z
fd03eh0mjinx
8owb14wfspzu
rsck28gasbio

หลังจากที่ได้ชิมเบียร์ซัปโปโรแล้วนั้นผมก็ได้นั่งรถบัสมายัง Odori Park ค่าโดยสาร 210 เยน และยังต้องเดินกลับไปเอากระเป๋าที่โฮสเทลอีก

h8lrf3cfj2rt

จากนั้นผมก็ค้นหาเส้นทางจากซัปโปโรไปยังโอตารุ มี 2 วิธีคือ นั่งรถไฟและรถบัส ผมจึงเลือกวิธีที่ถูกที่สุดคือนั่งรถบัส ปรากฏว่าขึ้นรถบัสผิดคันครับ !!! (คนบาปก็งี้ ๕๕๕) ผมนั่งอยู่บนรถบัสแล้วเอาแผนที่ไปให้พี่คนญี่ปุ่นที่อยู่ข้าง ๆ ผมแล้วถามว่า ผมจะไปโอตารุ รถบัสคันนี้ไปโอตารุไหม พี่แกพูดอังกฤษไม่ได้เลย ผมต้องใช้วิธีแปลโดยใช้ Google Translate สรุปได้ว่า รถคันนี้ไม่ได้ไปโอตารุจ้า  แผนต่อไป ผมเปลี่ยนใจไม่นั่งรถบัสไปแล้ว ค้นหาเส้นทางใหม่ รถบัสไปจอดป้ายไหนที่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุดจะลงสถานีรถไฟนั้น โชคช่างเข้าข้างซะเสียจริง รถบัสไปจอดที่สถานีรถไฟ Teine พอดี ผมรีบขอบคุณพี่ญี่ปุ่นคนข้าง ๆ ซึ่งแกก็เหมือนจะยังงง ๆ อยู่ แล้วรีบก้าวขาลงจากรถบัสทันใด พอเข้ามายังสถานีรถไฟดูราคาจากสถานี Teine ไปยังสถานี Otaru ราคา 540 เยน รีบหยิบบัตร Suica แตะเข้าไปในชานชาลาอย่างรีบเร่ง โดยที่ไม่รู้ว่าชานชาลาไหนไปโอตารุ ผมรีบลงบันไดมาเพื่อขึ้นรถไฟ โดยที่ไม่รู้ว่าขบวนนี้จะไปไหน พอผมก้าวขาเข้าไปในรถไฟ ผมรีบถามคนในนั้นว่ารถคันนี้ไปโอตารุไหม พี่คนญี่ปุ่นคนหนึ่งไม่ตอบอะไร แล้วรีบผายมือให้ผมออกจากรถไฟอย่างรีบเร่ง ในใจแกคงบอกว่า “ไม่ใช่ ๆ ให้ออกไปจากขบวนนี้ก่อนที่ประตูจะปิด” แต่พี่แกคงพูดไม่ทัน (ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เห็นภาพแต่จังหวะนั้นผมฮาตัวเองมาก ๕๕๕)

รถบัสที่ผมนั่งผิดมา

jl4corjg6a56

สถานี Teine

mctagl678r78

ผมถึงโอตารุเวลา 13:40 หลังจากลงจากรถไฟ ผมรีบเดินหาที่พักที่จองผ่าน agoda คืนนี้ผมพักที่ The Green Otaru เป็นโฮสเทล ห้องรวม ห้องน้ำรวม ตกคืนละ 310.02 บาท โฮสเทลอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Otaru ประมาณ 400 เมตร จะมีอยู่ 2 ตึก คือตึกหลัก เหมือนจะเป็นโรงแรม และตึกรองที่อยู่ตรงกันข้ามจะเป็นโฮสเทล

jzvaqqp0hgyb
devps84druck
06tfjt05fnpq

ผมได้ทำการ Check in ที่ Main Building (ตึกหลัก) ของโฮสเทล จากนั้นก็ได้ Key card เพื่อที่จะเข้าไปยังอีกตึกที่อยู่ตรงกันข้าม ซึ่งผมหาทางเข้าอยู่นานมาก ๕๕๕ โฮสเทลนี้เป็นโฮสเทลที่ดีมาก สะอาด เตียงกว้างมาก ถึงจะเป็นห้องรวมแต่ก็กั้นเป็นห้อง ๆ อย่างกับห้องส่วนตัว ถือว่าคุ้มค่ามากกับราคานี้

kabysu0gmvbj

ตอนกลางคืนผมได้เดินไปสถานที่สุดฮิตที่พลาดไม่ได้ของเมืองโอตารุ นั่นก็คือ คลองโอตารุ ซึ่งก็อยู่ห่างจากโฮสเทลเพียง 700 เมตร ระหว่างทางก็เป็นพื้นหิมะที่กำลังจะละลายเดินค่อนข้างจะลำบากนิดนึง

c7z5qsus0q26
69y1c8hq6e46
y428x5gew3ds
2niot0u170rh
9djrouuzk00c
kgrbxnwjjy03
xpabtj6p8tpq
370uz5ulckgy
9ul42bovixz3
qf3wxr49tp1q

และร้านสะดวกซื้อที่ผมชอบที่สุดคือ Family Mart ร้านนี้แทบทุกสาขาจะมีโต๊ะให้ทานอาหาร และร้านสะดวกซื้อแทบทุกที่ในญี่ปุ่นจะมีห้องน้ำให้ด้วย (แต่ไม่ได้ลองเข้า ๕๕๕)

xxur3jqy4wj5

Chapter 5
โอตารุ - ชิโทเสะ

Day 5

11 December 2019

เช้านี้ผมตั้งใจจะไปดูคลองโอตารุตอนกลางวัน แต่โชคไม่เข้าข้างไม่มีแดดเลย แถมหิมะก็กำลังจะละลายอีกด้วย ทำให้ถ่ายรูปคลองโอตารุเช้านี้ไม่ค่อยสวยเลยครับ

2o81cw7rvegc
wrjafansywux
rgq4l4clvhlu
mq7e2kdc2gce
sngrevowgp1n
5yo4kip6l7gt

หลังจากที่ชมวิวเมืองโอตารุเสร็จผมมุ่งหน้าเข้าสู่ซัปโปโรอีกครั้ง ครั้งนี้เลือกเดินทางโดยรถบัส สถานีรถบัสตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ ผมก็ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อจองตั๋ว สรุปว่าเราสามารถจ่ายเงินผ่านบัตร Suica บนรถได้เลยครับ ค่าโดยสารรถบัส จากโอตารุถึงซัปโปโร ราคา 620 เยน ระหว่างทางได้เห็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น เห็นถนนหนทาง แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วครับสำหรับผม ใครที่จะมาโอตารุ ขามาอาจจะนั่งรถไฟ ชมวิวริมทะเล ส่วนขากลับอาจนั่งรถบัสชมวิวก็ไม่เลวเลยนะครับ อ้อ ทั้งรถบัสและรถไฟมีฟรีไวไฟตลอดทางครับผม

be2sa8xg9qdy
bqzukgtpm60r
52y9pfvpgyxu

ผมถึงสถานีซัปโปโรประมาณ 09:30 จากนั้นเดินทางจากซัปโปโรไปชิโทเสะด้วยรถไฟ ราคา 970 เยน วันนี้ผมเลือกนอนที่เมืองชิโทเสะ เพราะผมกลัวว่าผมจะเดินทางไปสนามบินไม่ทันในตอนเช้าและถือโอกาสชมเมืองชิโทเสะไปด้วย ถึงชิโทเสะประมาณ 10:50 และได้ซื้ออาหารมากินก่อนที่จะเดินไปยังโฮสเทล ในวันที่ผมมาเมืองชิโทเสะยังเต็มไปด้วยหิมะ แต่พอผมมานอนที่ชิโทเสะหิมะละลายหมดแล้วครับ (คนบาปจริง ๆ )

ctwyq79xbjqa
l2vxb2epf00o
bqprn5qim9wr
dez8v339dvxw
gdi06waaqe00

วันนี้ผมพักที่ Air Hostel LCC จองได้ราคา 501.53 บาท เป็นโฮสเทลห้องรวม ห้องน้ำรวม ดีมาก มีห้องนั่งเล่น ฟรีอาหารเช้า แถมผมไปถึงประมาณเกือบเที่ยงก็ให้ Check in เข้าที่พักได้เลย

7h9useynp9ut
d168az7l0wkf
09l3tdyew41n
pxqyih41te93

หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักแล้วผมก็ได้เดินสำรวจเมืองชิโทเสะ เป็นเมืองที่เงียบมาก ผู้คนไม่พลุกพล่าน และถือว่าปลอดภัยมากเลยทีเดียว ผมสังเกตเห็นเด็กเล็ก ๆ น่าจะเป็นเด็กระดับประถมต้น สามารถเดินเท้ากลับบ้านได้ด้วยตนเอง ข้ามถนนเอง โดยที่ไม่ต้องกลัวรถชน หรือ ไม่ต้องกลัวคนแปลกหน้ามาทำอะไรมิดีมิร้าย ผมได้เดินจากที่พักไปยัง Salmon Hometown Chitose Aquarium ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 2 กิโลเมตร พอเดินไปถึงเจอค่าเข้าประมาณ 800 เยน ผมเลยไม่เข้าครับ เพราะตอนนั้นคิดว่าแพงและไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่ จึงเดินไปนั่งชมวิวที่สวนสาธารณะข้าง ๆ อควาเรียม แต่เสียดายมากถ้ามีหิมะเมืองคงสวยกว่านี้ ผมนั่ง ๆ อยู่แบบเงียบมากกกก เงียบมาก ๆ ไม่มีคนเลย ยังสงสัยเมืองนี้คนเขาไปไหนกัน หรือหนาวอยู่แต่ในบ้าน

9p88zmpf0q7m
rjqzhnjd09fa
c82afwwu291r
ctkwrrxi18hn
gbb73zcu0894
wn3opxqics7b
c9a5bu0ksaku

ช่วงตอนเย็นระหว่างเดินกลับโฮสเทลผมได้แวะร้านหนังสือชื่อดังของเมืองชิโทเสะ เป็นร้านหนังสือที่ใหญ่มาก ข้างล่างขายหนังสือ ชั้นบนขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแผ่นซีดีต่าง ๆ

slp36scr4ko7
5kuh2qwep9vy

จากนั้นระหว่างทางก็ได้แวะเข้าไปชมร้านขายสินค้ามือสองของประเทศญี่ปุ่น มีหลายอย่างมากกก ได้เดินชมเมืองแค่นี้ก็พอแล้วสัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น

opwocwgyv3kk
innbnn7z7xg4
wfnn9rkwhxfc

ข้อความเด็ดที่โฮสเทล แต่วันนั้นไม่มีใครอยู่ให้คุยด้วยเลยสักคนครับ ๕๕๕

a03d24dh2jny

อาหารคืนนี้ฝากท้องไว้กับ Seven

4r5zujubmmif

Chapter 6
ชิโทเสะ - โตเกียว

Day 6

12 December 2019

วันนี้รีบตื่นแต่เช้าเก็บข้าวของ มากินอาหารเช้าที่โฮสเทลมีไว้ให้ ก็คือกาแฟ และขนมปัง โดยที่ทำเองทุกอย่าง เห็นสีเหลือง ๆ นั่นไหมครับมันคือมายองเนส ผมคิดว่ามันเป็นนมข้ม เอามาบีบกินกับขนมปังเฉย ๕๕๕

xfv0j6eozwdd

น้ำดื่มที่ญี่ปุ่นสามารถเปิดดื่มจากก๊อกได้เลยนะครับ แต่ผมกล้าดื่มเฉาะที่มีป้ายเขียนไว้ว่าดื่มได้ แต่ถ้าอันไหนไม่มีป้ายติดไว้ไม่กล้าดื่ม

ju2zy7t8kx5n

ผมออกจากโฮสเทลประมาณ 07:15 เดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Chitose เพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบิน New Chitose ผมถึงสนามบินประมาณ 08:00 รีบเดินไปหาเค้าเตอร์ Check in แต่ยังไม่เปิดมาเร็วเกินไป ๕๕๕ หลังจากที่รอไปสักพักถึงเวลา Check in ผมก็ไป Check in ที่ตู้อัตโนมัติ ขากลับผมเดินทางด้วยสายการบิน Spring Japan เครื่องออกเวลาประมาณ 10:00

3v2q2ox8qqzu
nu82i5uyiqu9
5h5qhfq0cef3
skwwii11h9a8
hvbarra7ozhd
pcvqec2cv8sy
3pdxy0p2vxd3
3y810w01xzrj
w9oi0crmjsmx

ผมเช็กในแอปพยากรณ์อากาศ หิมะที่โอตารุ ซัปโปโรและชิโทเสะก็เริ่มตกทันทีที่ผมถึงโตเกียว เราพลาดหิมะไปเพียงนิดเดียว แหม! อะไรจะเป็นคนบาปขนาดนี้เนี่ย !!!

ถึงโตเกียวประมาณ 11:40 ผมรีบไปหาอะไรทานที่ร้านสะดวกซื้อและไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์อัตโนมัติ ทั้งหมดที่ฝากไป 4 วันเป็นเงิน 1,200 เยน

5e2qfejcs268
fky9w6fdcz9f

ผมเลือกเดินทางเข้าโตเกียวด้วยรถบัสของบริษัท Keisei ราคา 1,000 เยน ซื้อตั๋วที่ Terminal 1 และได้ซื้อบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินแบบไม่จำกัด Tokyo Subway 72 hrs. ราคา 1,500 เยน และเดินออกมาป้ายรถบัส บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ผมเลือกลงที่สถานีโตเกียวเพราะไม่รู้ว่าจะไปลงไหนดี

uldxrjxxp52q
vcywf3f8o3xh
rvrnwj34ztux
vjj4t2plrgoe
g5zzqzdaon78
g1ut84cfgbor

หลังจากที่ถึงโตเกียวผมเปิด Google Map ที่พักที่ผมจองไว้ นั่นก็คือ Hostel EAST57 ASAKUSABASHI ได้มาในราคา 371.50 บาทต่อคืน และนำทางไปยังที่นั่น ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินโดยใช้บัตร Subway Pass อย่างที่ผมเคยบอก การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินในโตเกียวค่อนข้างง่ายแต่เดินเยอะไปนิด เพียงแค่เดินไปตามที่ Google Map บอก เช่น ให้ไปขึ้นที่ชานชาลาที่เท่าไหร่ เหลือเวลาอีกกี่นาทีรถไฟจะมา ซึ่งตรงเวลามาก ๆ พอไปถึงโฮสเทลผมก็นั่งรอเวลา Check in คือเวลา 16:00 ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมโฮสเทลในญี่ปุ่นถึงให้ Check in ช้าจัง

c832itnuuuw6
tbo3672bm03m
2knu4ek202lu

หลังจากที่ Check in เก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมได้เดินทางไปยังสถานีโตเกียว เพื่อสำรวจเส้นทาง พอไปถึงสถานีโตเกียว ปรากฏว่าหลงทางครับ สถานีใหญ่มากกก คนเยอะมากกกกกกก เดินวนเดินหาอยู่นานเลย

- ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ -

ผมตัดสินใจซื้อ JR Tokyo Wide Pass เพื่อเดินทางไปยัง Kawaguchiko , Nikko และ Gala Yuzawa โดยที่ภารกิจซื้อตั๋วไม่ง่ายเลยครับ ผมเดินหาในสถานีโตเกียวอยู่นานมากว่ามันไปซื้อที่ไหน (เพราะศึกษาข้อมูลไปน้อยมาก) ครั้งแรกผมเดินเข้าไปจุดขายตั๋วของ JR แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าที่นี่ซื้อ JR Wide Pass ไม่ได้ ให้ไปอีกที่หนึ่ง ผมก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ย้ำนะครับว่าเดินไปมั่ว ๆ เพราะหลง และไม่รู้ทางเลย จากนั้นก็ไปเห็นจุดขาย JR Pass พอดี จึงเข้าไปสอบถามพี่เจ้าหน้าที่ และทำการซื้อ JR Wide Pass ด้วยบัตร SCB Planet ที่แลกเงินไว้เพียงเล็กน้อย ราคาของ Pass นี้คือ 10,800 เยน สามารถขึ้นรถไฟได้ภายในเขตที่กำหนดซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ที่ผมจะไป และที่สำคัญสามารถขึ้น Shinkansen ได้ด้วย

b9b6ia2mblc2
tp034geiuh2e

หลังจากที่ซื้อ JR Tokyo Wide Pass แล้ว ผมก็ขอให้เจ้าหน้าที่จองตั๋วไป Kawaguchiko เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิให้ในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยที่ขึ้นรถไฟที่สถานี Shinjuku ด้วยรถไฟ ขบวน Fuji Excursion 1 เที่ยวเวลา 08:30 และขากลับเวลา 17:38

i7owyw89ptaq

หลังจากที่จองตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเกิดความสงสัยว่าถ้าไปสถานี Shinjuku แล้วจะเดินทางไปต่อยังไง ผมเลยไปสำรวจเส้นทางนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีโตเกียวไปสถานีชินจูกุ สถานีเป็นสถานีปราบเซียนอีกแล้วครับ ใครไม่หลงผมขอนับถือจริง ๆ ๕๕๕ ผมเดินสำรวจอยู่นาน คนก็เยอะไม่แพ้สถานีโตเกียวเลย เพื่อความแน่ใจผมเลยไปถามเจ้าหน้าที่ว่าพรุ่งนี้ผมจะไป Kawaguchiko ให้ไปขึ้นรถที่ไหน พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกข้อมูลให้เรียบร้อยผมก็สบายใจว่าพรุ่งนี้ให้มาขึ้นที่ตรงนี้ ๆ

w9bwmzwl0jhw

หลังจากที่ออกจากสถานีชินจูกุแล้วผมก็ทำเรื่องบ้า ๆ นิดหน่อยอีกแล้ว ในเมื่อผมมีบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินไม่จำกัด 72 ชั่วโมง ผมเลยเดินลงไปสถานีรถไฟใต้ดินแล้วสุ่มว่าจะขึ้นรถไฟขบวนไหน โดยที่ไม่รู้เป้าหมาย คือ ถ้าผมมองนาฬิกา ณ เวลานั้น นาทีเป็นเลขคี่ผมจะขึ้นรถไฟที่ชานชาลาด้านซ้าย ถ้านาทีเป็นเลขคี่ผมจะขึ้นรถไฟที่ชานชาลาด้านขวา ๕๕๕ ฟังดูแล้วบ้านิด ๆ แต่ผมก็ทำจริง ๆ ครับ นั่งรถไฟใต้ดินไม่มีจุดหมาย

พอนั่งไปได้สักพักเลยนึกขึ้นได้ว่าต้องไปจุดสำคัญ ๆ ในโตเกียวเพื่อไปให้เห็นกับตาที่แรกผมเลือกไปที่ Tokyo Tower ซึ่งก็นั่งรถไฟใต้ดินไปอีกเหมือนเดิมครับ จากนั้นก็ไปที่ Tokyo Sky Tree โดยทั้งหมดนี้ผมพึ่ง Google Map ทั้งนั้น

Tokyo Tower

v5oul40hsp79
9elfcgy40b2p
ldrdcysk1jws
0425wp7pikif
foc4ywwp1f3n
bdqr9c6wn2kq

Tokyo Sky Tree

9haadi27iynu
45eco5qjxyi5
gzajlohzkjul
2nr6kkpmtlyq

จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับที่พัก

69u3y1m1m9g6
eikj88sc89uc

Chapter 7
คาวากูจิโกะ (ฟูจิในฝัน)

Day 7

13 December 2019

วันนี้ผมรีบตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมายังสถานี Shinjuku เพื่อนั่งรถไฟ Fuji Excursion 1 ไปยังสถานี Kawaguchigo เพื่อไปชมภูเขาไฟฟูจิในฝัน ซึ่งเป็นใครก็ไม่พลาดเมื่อมาญี่ปุ่นต้องได้เห็นภูเขาไฟฟูจิสักครั้ง

riamynis70ko
hter6wdlnto3
n4oo7vdrk07h
ric0ve92qrik
gbgr8o3e3uo3

รถไฟออกจากสถานีเวลา 08:30 และถึงที่สถานี Kawaguchiko เวลาประมาณ 10:22 พอไปถึงแล้วโชคช่างเข้าข้างผมจริงจริ๊งงงง วันนี้ฟ้าปิดจ้า (แต้มบุญน้อยจริง ๆ ) ผมเดินวนไปวนมา รอบ ๆ สถานีรถไฟ ผู้คนก็ช่างเยอะซะเหลือเกิน ท้องฟ้าก็ไม่เป็นใจ ผมครุ่นคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดี จะไปริมทะเลสาบ จะเช่าจักรยาน หรือจะนั่งรถบัสรอบทะเลสาบ หรือจะไปเจดีย์แดงชูเรโตะที่เขานิยมไปกัน

yzsep3r84n17
mbhvczr62rjp

ผมตัดสินใจเดินผ่าฝูงชนรีบไปที่เคาน์เตอร์แล้วรีบบอกพี่เจ้าหน้าที่ว่าผมขอยกเลิกตั๋วขากลับได้ไหม และขอตั๋วที่กลับไปยังโตเกียวเร็วที่สุด พี่เจ้าหน้าที่ก็ทำให้ จากนั้นผมรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังโตเกียว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาถึงได้ประมาณ 20 นาที !!! แผนในหัวของผมตอนนั้นคือ กลับไปตั้งหลักที่โตเกียวแล้วพรุ่งนี้มาใหม่ เพราะถ้าเที่ยววันนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแน่ เพราะฟ้าปิดมาก

1a29eiy4ygk0
j505bjlfn5yb

ขบวนที่ผมรีบขึ้นมานี้เป็นรถไฟท้องถิ่นซึ่งจะจอดทุกสถานี ย้ำทุกสถานี ๕๕๕ กว่าจะถึงโตเกียวก็ประมาณ 3 ชั่วโมง ผมเลยเปลี่ยนแผนใหม่ พอได้ยินบนรถไฟประกาศว่าคุณสามารถเปลี่ยนรถไฟไปยัง Yokohama ได้ที่สถานีนี้ ผมรีบลงจากรถไฟแล้วเปลี่ยนแผนกะทันหันไป Yokohama ในทันทีทันใด ๕๕๕

vy9hhff09sao

พอถึง Yokohama ผมก็เดินไปที่พิพิธภัณฑ์ราเมง ค่าเข้าชมคนละ 310 เยน

u0ovrth9jafr
lz35oc0fyhyh
9l4d33uj2gb1
axjdzs0dmbuk
urxiran954km
ied56il7440e
yetc3e9cbxdj
foqjmc3ia2zh
tz44rdgd7zom
yt3jk9hcahhb
3g6zo6oenwh9
uebi11squatr
kwt4sk9btg2m

จากนั้นก็ออกมากินราเมงที่ Family Mart เพราะราคาถูก ๕๕๕

m5vshk38qcpc

และผมก็ค้นหาเส้นทางเพื่อไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ Kirin ที่นีดีมาก เข้าชมฟรี ภายในจะบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่จะมีเครื่องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พี่เจ้าหน้าที่บริการดีมาก ทีแรกพี่เจ้าหน้าที่เดินมาทักทายผมและบอกว่าจะเป็นไกด์นำทัวร์ในครั้งนี้ เพราะเห็นผมเป็นคนต่างชาติพี่เขาเลยเข้ามาทักทายมั้ง การชมโรงงานเบียร์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และสุดท้ายมีเบียร์ให้ชิมฟรีด้วย ดีมาก ๆ เลย ใครมา Yokohama แนะนำมาที่นี่ครับ

ehrl8dmd0vxs
kusc9j9fxiis
vdj9pimrc584
u64u90qg39ni
jccvo5hsoti2
hpflb54chh8o
z1l7absujvz1

จากนั้นไปชมวิวยามค่ำคืนของ Yokohama ก่อนนั่งรถไฟกลับโตเกียว โดยที่ค่ารถไฟนั้นไม่ได้จ่าย เพราะเราสามารถใช้ JR Tokyo Wide Pass ได้

cdxkkbiiy7z1
yqxgg8335tbs
589aat9ki7hw
u7wpvdy1556e

พอกลับมาถึงโตเกียวผมก็ไปสถานที่แห่งหนึ่งที่อยากเห็นมาก ๆ นั่นคือ ห้าแยกชิบูย่า ๕๕๕ ก็ได้ไปเดินข้ามถนนท่ามกลางผู้คนมากมาย ตื่นเต้นดีได้มาเห็นกับตา จากนั้นผมก็กลับไปยังโฮสเทลเพื่อนอนพักผ่อนเอาแรง

hclnmpv2onf9
vc4t7em6et7i
h9lsrny5ual0
pvgcu3npvaa2

คืนนี้ผมนอนที่ Hostel EastBlue Kasai Tokyo ราคา 315.30 บาทต่อคนต่อคืน

8dd6xiq68nsd
wglhl53wa9e1
37v1c6lfnibb
mvmqgz6yimw1

Chapter 8
Nikko เมืองมรดกโลก

Day 8

14 December 2019

เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้นั่ง Shinkansen รถไฟหัวกระสุน ผมรีบตื่นและรีบมายังสถานีโตเกียวเพื่อนั่งรถไฟ Shinkansen ไปเมือง Nikko เมืองมรดกโลก รถไฟออกเวลา 07:32 ตรงเวลามาก ๆ และไปลงที่สถานี UTSUNOMIYA จากนั้นก็ต่อรถไฟสาย Nikko ไปยังเมือง Nikko การเดินทางไม่ยากเลย มองป้าย เดินตามป้าย ถ้าไปไม่ถูกจริง ๆ ค่อยถามเจ้าหน้าที่

c8aibyjr6mry
vd0ez43e1di5
r9rsh7kdw6bs
p0jr9o29zcak

อาหารมื้อเช้าวันนี้

46qx8g729bjp

ระหว่างทางจากสถานี Tokyo ไปสถานี UTSUNOMIYA

hy1nn1jrcz2v

รถไฟสาย Nikko

nqzwwoib4j4x
0mksgwi0mm08

หน้าสถานีรถไฟ JR Nikko

uvxd8gl61c3v
isryfsmy7fl1
96r8mebx6php
lwawh2qmptkc

ตามที่ได้อ่านรายละเอียดการเที่ยวเมือง Nikko คร่าว ๆ ให้ไปซื้อ Bus Pass ราคา 500 เยน ซึ่งจะพาเราไปยัง โซนมรดกโลก สะพานแดงชินเคียว ศาลเจ้าโทโชกุ หลังจากที่ซื้อ Bus Pass ผมก็นั่งรถบัสไปแบบมั่ว ๆ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาการเดินทางแบบละเอียด ๕๕๕

qzmb4segdae0
qbvfp2em9ar0
vb6yvh3ri0jt
yxawbjtlr8p7
zic3z3lwltmj
6efu6ei698n6
5uz4p27h3wu3
qiyximbtfpdp
yynz249g1ee6
5que86k6q779
u9o2x5ckmon0
8oknwdlkeuaj
h49aunl6m1he
yx38uiu81ujo
q98o3voo6qv6
cqu5m97tqh73
1732y6numubr
y9b0b1vq3hjq
d5eerc2jjqlo
gjjmltcv018p
50jb1q70m81x
fld8v5zs5xze
peauu7x85r2i
zq0xmlb4ttbx

หลังจากเดินชมมรดกโลก เมือง Nikko อย่างเต็มอิ่มผมก็นั่งรถไฟกลับเข้ามายังโตเกียวและเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งคืนนี้ผมขอพักที่ ... ขอไม่บอกชื่อโฮสเทลแล้วกันครับ

ihrkxzb051sn
ebiinm4teh14

วิวระหว่างเดินไปโฮสเทล

6vcscelfurwh

หลังจากที่ Check in เข้าที่พักเก็บข้าวเก็บของ ก็ไปหาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อมากิน

vjjqkj9340a4
cd7r6vh8s6co

ผมคิดในใจว่าตั้งแต่มาญี่ปุ่นโฮสเทลทุกโฮสเทลที่ผมไปพักดีหมด ประทับใจทั้งนั้น จนมาถึงวันนี้เหตุการณ์ที่โคตรระทึกก็ได้เกิดขึ้น!!!

เวลา ประมาณ 00:10 ผมก็กำลังจะนอนเพื่อเก็บแรงไว้ลุยต่อในวันพรุ่งนี้ ปรากฏว่า มีเสียงสัญญาณเตือนเป็นเสียงกริ่งดังทั่วห้อง ทุกคนภายในห้องพากันแตกตื่น ผมรีบลุกออกจากที่นอนแล้วไปเปิดไฟ พี่คนญี่ปุ่นคนหนึ่งก็รีบไปที่จุดที่เสียงกริ่งมันดัง พยายามจะแก้ไขและปิดมันแต่มันก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น ผู้เข้าพักบางคนเก็บกระเป๋า ใส่เสื้อผ้า และไม่มีการบอกกล่าวว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่ถามเพื่อนร่วมห้องที่เป็นฝรั่งว่า เกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกัน เสียงกริ่งก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น และมีบางคนรีบลงลิฟต์ไปยังชั้น 1 ส่วนผมก็ใส่เสื้อผ้าเสื้อกันหนาวเตรียมอพยพ ตอนนี้อยู่ในห้องเหลือไม่กี่คนแล้ว ตอนนั้นผมยอมรับว่าตื่นเต้น ตื่นตระหนกมาก ได้ยินมาว่าไฟไหม้ห้ามใช้ลิฟต์ผมก็ไม่กล้าใช้ ผมกับเพื่อนฝรั่งคนหนึ่งรีบวิ่งไปบันไดหนีไฟ มองดูรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีควันหรือเหตุไฟไหม้ ผมก็ชวนเพื่อนชาวฝรั่งด้วยความสติแตกนิดหนึ่งว่า เราต้องออกไปจากที่นี่ แต่ฝรั่งคนนั้นก็ชวนคุยไปเรื่อย ถามผมว่าคุณมาจากประเทศไทยใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ ก็ยังงง ๆ ว่าเขารู้ได้ไงว่าผมมาจากประเทศไทย สักพักเราเดินกลับเข้าไปที่ห้องเหมือนเดิม เสียงสัญญาณเตือนดับไป และก็ดังขึ้นมาอีก !!! ในใจตอนนั้นอยากลงไปข้างล่างทางบันไดแต่ไม่มีเพื่อนเดินลงไป ก็เลยยังอยู่ภายในห้อง สักพักรถดับเพลิงมาจ้า ตอนนั้นยิ่งสติแตก กูไม่อยู่แล้ววววรถดับเพลิงมาขนาดนี้ ผมตัดสินใจรีบลงลิฟต์คนเดียว!!! โอ้ยยย ถ้าลิฟต์ค้างขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย ๕๕๕ แต่มาคิดกลับไปแล้วเราไม่ควรลงลิฟต์มาเลย เพราะถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้จริง ๆ ไฟดับ คงตายแน่ ๆ พอลงมาด้านล่างเจอแขกผู้เข้าพักและผู้ร่วมชะตากรรมเต็มด้านล่างเลยจ้าเลยจ้า พี่เจ้าหน้าที่พนักงานดับเพลิง ก็วิ่งไปวิ่งมาไม่รู้ว่าทำอะไร และไม่รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ น้ำตาจะไหล พอเหตุการณ์สงบกลับขึ้นไปนอนต่ออย่างหวาดระแวง สรุปคืนนี้ได้นอน 01:30 จ้า

4mjdrjaxapqs

Chapter 9
Yuzawa ฉันต้องเห็นหิมะตก

Day 9

15 December 2019

เดินทางจากที่พักไปสถานี TOKYO

k8n93wysk6i8
qz1ctq8az7u8

ผมได้ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่สถานี ราคา 400 เยน ต่อวัน

1i7a9t3quiv5

เป้าหมายวันนี้ผมคือ Gala Yuzawa เป็น Ski Resort ที่คนไทยนิยมไปมากที่สุด อยู่ใกล้โตเกียวเพียง 90 นาที โดยนั่งรถไฟ Shinkansen กำหนดการเดิมนั้น Gala Yuzawa จะเปิดในวันที่ 15 ธันวาคม 2019 แต่ปรากฏว่าเลื่อนเปิดเป็นวันที่ 16 ธันวาคม 2019 เนื่องจากหิมะน้อย โชคช่างเข้าข้างจริงจริ๊งงงงง ก่อนมาผมอุตส่าห์เลื่อนการเดินทางเพื่อที่จะมาให้ทันวัน Gala Yuzawa เปิด แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน (คนบาป 2019 จ้าาา ๕๕๕)

shf15l8hkvqt
2jiy700phq7c

นั่ง Shinkansen อีกครั้ง

7cm6thz4izwt
m0hx2ik5brz6
voc4u9v8h6jb

ไมโลติดกระเป๋ามาจากประเทศไทย

1nd7b0iat0fd
lkdye12t8rc4

วิวข้างทาง ภูเขาไฟฟูจิ จากระยะไกลลลล

q453v1t10eho

ถึงสถานี Echigo Yuzawa ประมาณ 11:12

61bbhz7w3c2p
5338c42n3wsx
o8ciy172ci3a
w6keyt799mkx
z2npjlo7rtcw

ผมจึงเปลี่ยนแผนไป Ski Resort ที่ใกล้สถานีรถไฟที่สุดคือ Yuzawa Kogen เพราะดูในเว็บแล้วเปิดวันที่ 15 ธันวาคม 2019 และไม่เห็นประกาศเลื่อนเปิด พอไปถึงปรากฏว่าเปิดให้ขึ้นแค่ Ropeway และลานสกี ลานหิมะ ก็ยังไม่เปิดเช่นกัน ผมเลยนั่ง Ropeway เพื่อไปชมวิวบนภูเขา ซึ่งค่า Ropeway ไป-กลับคนละ 2,200 เยน

qsq353lmjb27
skghmqagoy06
0jz7grw37bq7
vo8v37m2p1xz
k91d9tr6c21r

Ropeway

5eiwaanpmzqn
a35bhvnp272i
w6h2vo0qw0b0
js9nhnf6liej
ly645gk11axt
6z9k3euvc65k
lz91o3xagyfo
znnm83b4q6mg
85lct2lkmo6n
w4kr8j6i8666
8xpddd2nw5wq
mwwq9rve6i2r
84ubw1fnjp9o
noeyqmenmwj2
9ad692o5l9j2

จากนั้นก็เดินกลับสถานี Echigo Yuzawa

wlxtoaa3foar
lfs69fndm6vn
xa5pdcsmbtzz

และแวะกินราเม็งที่สถานี

23392aflxy6r
9472n2dcfpnr
5zbulpyuudgq

หลังจากที่เดินเที่ยวเมือง Yuzawa จนขาลากแล้วผมก็เดินทางกลับโตเกียวโดยนั่ง Shinkansen เช่นเดิม

0w5p90i9w6vy
vbwtyfenb1ag
3zpi9hjold8e
j50tpvxljri7
1hde7fk7dwvu

เพื่อการใช้ Tokyo Wide Pass ให้คุ้มค่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายผมได้นั่งรถไฟ Narita Express (N’EX) ไปยังสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องกลับในวันพรุ่งนี้ ซึ่งปกติค่ารถไฟ (N’EX)  ประมาณ 1,530 เยน (ไม่แน่ใจราคาเหมือนกันครับ) ส่วนคืนนี้นั้นผมนอนที่สนามบิน!!! อย่าทำตาม ไม่ใช่ไม่ปลอดภัยนะ ปลอดภัยมาก ๆ มีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตลอดเวลา แต่มันนอนไม่สบาย

u6fjh0pcogyt
sue1zo7uws4f
9ewc93pt9qmc
zoxyvxgg7qdr

เป็นทริปแรกที่ผมอยากกลับบ้านมาก เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเหงา และที่สำคัญเงินจะหมด ผมรออยู่ที่สนามบินตั้งแต่เวลา 18:00 - 07:00 ของอีกวัน เรียกได้ว่าเดินแทบจะทุกซอกทุกมุมของสนามบิน จนรู้ทางหมด และที่สำคัญขาแทบลาก

ระหว่างที่รอนั้นผมนึกขึ้นได้ว่ามีหนังเรื่องหนึ่งที่มีคนติดอยู่ในสนามบินเป็นเวลาหลายเดือน นั่นก็คือเรื่อง The Terminal ผมนั่งดูหนังเรื่องนี้จนจบและให้กำลังใจตัวเองว่ายังมีคนที่ติดอยู่ในสนามบินนานกว่าเรา ๕๕๕

และอาหารสำหรับเย็นนี้

lfysh4yr3nnh

Chapter 10
กลับบ้านนนนนน

Day 10

16 December 2019

วันนี้ที่ผมรอคอย หลังจากตื่นที่สนามบินรีบมาโหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์สายการบิน Vietnam Airline โดยที่ผมได้ Check in และเลือกที่นั่ง ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว พอเสร็จก็เดินไปยัง Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง ครั้งนี้ผมต่อเครื่องที่สนามบินดานัง ประเทศเวียดนาม เที่ยวบินนี้เป็นเครื่องบิน Airbus A321 เครื่องเล็ก แต่อาหารเครื่องดื่มยังมีพร้อม

rxvwjt0bcz1d
u3wevt7i85o8
ziioazjzdx52

ครั้งนี้ผมจองที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งขวาเพื่อที่จะได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิก่อนกลับ แต่สิ่งที่ได้ จ้า ริมหน้าต่าง แต่มีหน้าต่างเพียงนิดเดียว คนบาป 2019 จริง ๆ ๕๕๕

3jff5vcsohds
b070dt9p00yt
ksf1zlugm7pt

วิวภูเขาไฟฟูจิขากลับ ซึ่งเครื่องบินบินห่างมาก ๆ

ot3uwwk21v6c

ณ สนามบินดานัง ระหว่างที่จะต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ หลังจากที่ลงจากเครื่องเสร็จแล้วมีเจ้าหน้าที่มายืนรอเพื่อพาเราไปต่อเครื่อง ทุกคนเข้าสู่กระบวนการสแกนกระเป๋าและสแกนร่างกายอีกครั้ง ส่วนผมนั้นเจ้าหน้าที่ได้สแกนเจอ Power Bank ของผมขนาด 30,000 mAh และยังไม่ได้บอกได้กล่าวอะไรผม ให้ผมยืนรอ จนผู้โดยสารคนสุดท้ายสแกนเสร็จ

bdq8c334maxs
6i1dtephe01c

ผมก็ยังไม่ได้ถามว่าทำไมถึงกักตัวผมไว้ เจ้าหน้าที่ก็เอาพาสปอร์ต บอร์ดิ้งพาสและ PowerBank ของผมไป และพาผมไปจุดสแกนอีกที่หนึ่ง และบอกให้ผมรอ โดยที่ผมยังไม่ได้ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรออยู่นานมาก และไม่รู้เจ้าหน้าที่เขาไปทำอะไร ในใจคิดว่าเอา PowerBank ไปเลยแล้วรีบเอาพาสปอร์ตกับบอร์ดิ้งพาสผมคืนมา ผมรออยู่สักพักกำลังจะเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าตอนไหนจะเสร็จเพราะผมมีเวลาต่อเครื่องเพียง 50 นาที สักพักพี่เจ้าหน้าที่ก็เอา พาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส และ PowerBank มาคืน โดยที่ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น และผมก็ไม่ได้ถามเพราะรีบด้วย

จากนั้นรีบวิ่งไปที่ Gate 4 เพราะทีแรกพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เที่ยวบินของเราเปลี่ยนจาก Gate 2 เป็น Gate 4 พอไปถึงไม่เจอใครสักคนครับ!!! ในป้ายก็บอกว่าไปที่อื่น ไม่ได้ไปกรุงเทพฯ ตายแล้วผมจะมาตกเครื่องที่เวียดนามไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน!!!

จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ Gate 2 แล้วก็เจอผู้คนมากมาย พร้อมป้ายบอกว่า Gate 2 นี้ไปกรุงเทพฯ เลยโล่งใจมาหน่อย แหม! พี่พนักงานไม่น่าบอกเลยว่าเปลี่ยน Gate สุดท้ายก็กลับมา Gate เดิม ใจหายใจคว่ำหมด (ประเด็นคืนตอนนั้นผมติดจุดตรวจอยู่คนเดียวไง แล้วผู้โดยสารที่ต่อเครื่องด้วยกันก็หายไปหมด น้ำตาจะไหล) ช่างเป็นทริปคนบาป 2019 ที่แท้ทรู

jlv3t8iwsr2z
s9cimf6nsyk9
l71bcx38kh4n
f9bezznfy09z

ถึงประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ

89x4i8hws2z4
kynryr97bx8b

Chapter 11
สรุปค่าใช้จ่าย

91q28l4vh40o

Day 1

7 December 2019

- ค่ารถจากบ้าน - สนามบินสุวรรณภูมิ 165 บาท

- รถบัสสนามบิน Tan Son Nhat – พิพิธภัณฑ์สงคราม 20,000 ด่อง (26.76 บาท)

- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สงคราม 40,000 ด่อง (53.52 บาท)

- ขนมหวาน 35,000 ด่อง (46.83 บาท)

- เบียร์และอาหารเย็น 110,000 ด่อง (147.18 บาท)

- ค่ารถบัสตัวเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ เข้าสนามบิน 20,000 ด่อง (26.76 บาท)

- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท

Day 2

8 December 2019

- อาหารเที่ยงจาก LAWSON 459 เยน (131.96 บาท)

- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท

Day 3

9 December 2019

- ล็อกเกอร์ (9 Dec. 19) 300 เยน (86.25 บาท)

- อาหารเช้า 281 เยน (80.78 บาท)

- รถไฟจากสถานี New Chitose Airport - สถานี Sapporo 1,150 เยน (330.61 บาท)

- อาหารกลางวัน 503 เยน (144.61 บาท)

- รถไฟจากสถานี Nishi Juitchome - สถานี Miyanosawa 290 เยน (83.37 บาท)

- รถไฟจากสถานี Miyanosawa - สถานี Odori 290 เยน (83.37 บาท)

- ค่าถ่ายภาพจากงาน illumination Sapporo 1,300 เยน (373.74 บาท)

- อาหารเย็น 632 เยน (181.69 บาท)

- ค่าที่พัก Social Hostel 365 438.13 บาท

Day 4

10 December 2019

- อาหารเช้า 554 เยน (159.27 บาท)

- เบียร์ Sapporo 300 เยน (86.25 บาท)

- รถบัส Sapporo Beer Museum – Odori 210 เยน (60.37 บาท)

- รถบัส Odori - สถานี Teine 340 เยน (97.75 บาท)

- รถไฟสถานี Teine - สถานี Otaru 540 เยน (155.24 บาท)

- อาหารเย็น 539 เยน (154.96 บาท)

- ค่าที่พัก Otaru Green Hotel 310.02 บาท

Day 5

11 December 2019

- อาหารเช้า 381 เยน (109.53 บาท)

- รถบัส สถานี Otaru - สถานี Sapporo 620 เยน (178.24 บาท)

- รถไฟ สถานี Sapporo - สถานี Chitose 970 เยน (278.87 บาท)

- อาหารกลางวัน 731 เยน (210.16 บาท)

- อาหารเย็น 937 เยน (269.38 บาท)

- ค่าที่พัก Air Hostel LCC 501.53 บาท

Day 6

12 December 2019

- รถไฟ สถานี Chitose - สถานี New Chitose Airport 270 เยน (77.62 บาท)

- อาหารกลางวัน 407 เยน (117.01 บาท)

- ล็อกเกอร์ (10-12 Dec. 19) 900 เยน (258.74 บาท)

- รถบัส Narita Airport – Tokyo 1,000 เยน (287.49 บาท)

- Tokyo Subway 72-hour Ticket 1,500 เยน (431.24 บาท)

- อาหารเย็น 636 เยน (182.84 บาท)

- Tokyo Wide Pass 10,180 เยน (2,926.65 บาท)

- ค่าที่พัก Hostel EAST57 ASAKUSABASHI 371.50 บาท

Day 7

13 December 2019

- ฝากกระเป๋าที่โฮสเทล (13 Dec. 19) 300 เยน (86.25 บาท)

- อาหารเช้า 341 เยน (98.03 บาท)

- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ราเม็ง 310 เยน (89.12 บาท)

- อาหารกลางวัน 645 เยน (185.43 บาท)

- อาหารเย็น 774 เยน (222.52 บาท)

- ค่าที่พัก Hostel EastBlue Kasai Tokyo 315.30 บาท

Day 8

14 December 2019

- ฝากกระเป๋าที่โฮสเทล 300 เยน (86.25 บาท)

- อาหารเช้า 220 เยน (63.25 บาท)

- Nikko Bus Pass 500 เยน (143.75 บาท)

- อาหารกลางวัน 602 เยน (173.07 บาท)

- อาหารเย็น 682 เยน (196.07 บาท)

- ซักผ้า 500 เยน (143.75 บาท)

- ค่าที่พัก Hostel … 465.46 บาท

Day 9

15 December 2019

- ล็อกเกอร์ที่สถานี Tokyo 400 เยน (115.00 บาท)

- Rope Way 2,200 เยน (632.48 บาท)

- อาหารกลางวัน 590 เยน (169.62 บาท)

- อาหารเย็น 686 เยน (197.22 บาท)

- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท

Day 10

16 December 2019

- กาแฟ 140 เยน (40.25 บาท)

- ค่ารถจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับบ้าน 239 บาท

รวม

- ค่าเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – นาริตะ, ญี่ปุ่น 8,120 บาท

- ค่าเครื่องบินไป-กลับ นาริตะ, ญี่ปุ่น – ซัปโปโร, ญี่ปุ่น 3,205 บาท

- ค่าซิม Sim2Fly AIS เอเชีย 6 GB 10 Days 291 บาท

- ค่าประกันเดินทาง Cigna 10 วัน (โปรโมชั่น บัตร VISA) 0 บาท

- ค่าอุปกรณ์กันหนาว 2,234 บาท

- ค่าเดินทาง (ทางบก) 6,224.57 บาท

- ค่าอาหาร 3,367.91 บาท

- ค่าที่พัก 2,401.94 บาท

- ค่าฝากกระเป๋า 632.49 บาท

- อื่น ๆ (ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ค่าซักผ้า ค่าถ่ายภาพ) 660.13 บาท

รวมทั้งหมด 27,137.04 บาท !!!

* หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงจาก Webull (1 กุมภาพันธ์ 2563)

ความคิดเห็น