![](/f/31244/5e5b7149dc3ca22ab8e39309.jpg)
ทีแรกทริปนี้ตั้งใจจะไปประเทศลาววางแผนหาข้อมูลที่เที่ยวลาวเสร็จสรรพเรียบร้อย อยู่มาวันหนึ่งเปิดเฟซบุ๊กมาเจอตั๋วไป-กลับญี่ปุ่นราคา 8,120 บาท เลยทักไปปรึกษาเพื่อน 3 คนว่า ระหว่างลาวกับญี่ปุ่นผมควรไปไหนดี เพื่อนทั้ง 3 ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ญี่ปุ่น” ผมเลยตัดสินใจแบบกะทันหันจองตั๋ว 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง และวางแผนหาข้อมูลทั้งหมดภายใน 2 สัปดาห์ !!!
สอบถามเพิ่มเติมหรือแวะเข้าไปทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/Khunjaos-Backpacker-537827246272283/
Chapter 1
กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ ซิตี้
Day 1
7 December 2019
ทริปนี้ผมเดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ได้ตั๋วมาในราคาไปกลับกรุงเทพฯ-นาริตะ 8,120 บาท แวะต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ ซิตี้ และขากลับแวะต่อเครื่องที่ดานัง
ด้วยความที่ตื่นเต้นกลัวตกเครื่อง เงินก็ยังไม่ได้แลกสักบาท ผมออกจากบ้านตั้งแต่ 03:00 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 07:00 แต่เวลาเครื่องออกนั้นคือ 11:20 มารอตั้งแต่ไก่โห่เลยทีเดียว ๕๕๕ พอมาถึงก็หาแลกเงิน โดยที่วิธีการแลกของผมคือ แลกเงินบาทเป็นเงินเยนในบัตร Travel Card ของธนาคารกรุงไทย เสร็จแล้วนำบัตร Travel Card นั้นมาแลกเป็นเงินสดสกุลเยนที่ธนาคารกรุงไทย สาขา สนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆ ส่วนเงินสดที่ผมแลกไปนั้นเพียงแค่ 28,000 เยนเท่านั้น และแลกเงินเวียดนามไปอีก 500,000 ด่อง
ผมได้ทำการ Check-in ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อดีก็คือเราสามารถเลือกที่นั่งได้ฟรีและไม่ต้องไปต่อคิวเคาน์เตอร์ปกติให้มาต่อคิวเคาน์เตอร์ที่ Check-in ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแถวนี้คนจะน้อยมาก ๆ ทำให้ไม่ต้องรอนาน ผมถามพี่พนักงาน Check-in ว่าเราหยุดต่อเครื่องที่สนามบินโฮจิมินห์ ซิตี้ แล้วสามารถออกจากสนามบินได้ไหม คำตอบคือออกได้ เพราะเราได้ Boarding Pass 2 ใบ คือ สุวรรณภูมิ-โฮจิมินห์ซิตี้ และ โฮจิมินห์ซิตี้-นาริตะ และสามารถไปรอรับกระเป๋าที่ญี่ปุ่นได้เลย
ระหว่างที่อยู่บนเครื่องเจอพี่คนหนึ่งชาวเวียดนามอายุกลางคนอัธยาศัยดีมากชวนคุยตั้งแต่ขึ้นเครื่อง พี่แกเหมือนมาทำธุรกิจที่กรุงเทพฯกำลังจะกลับบ้านที่เวียดนาม ผมก็ถามพี่แกว่าเป็นคนโฮจิมินห์เหรอ พี่แกก็บอกว่าไม่ ๆ บ้านแกอยู่ห่างจากโฮจิมินห์ไปทางเหนือ ซึ่งผมก็จำชื่อเมืองไม่ได้แล้ว ที่แกล้ง ๆ ถามก็เพราะว่าเผื่อแกจะเป็นไกด์นำเที่ยวหรือพาเที่ยวชมเมืองสักหน่อย ๕๕๕ แต่แกก็แนะนำว่าถ้ามาที่นี่แล้วต้องไปชมพิพิธภัณฑ์สงครามนะ ผมก็บอกอ๋อ ๆ เดี๋ยวไป เพราะที่มานี่ไม่ได้วางแผนเลยว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
![](/f/31244/5e5b7142dc3ca22ab8e39300.jpg)
![](/f/31244/5e5b7148dc3ca22ab8e39308.jpg)
13:00 แลนดิ้งที่สนามบินโฮจิมินห์ เร็วกว่าเวลาที่กำหนด 10 นาที จากนั้นเดินออกมาที่จุดตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคนก็เยอะมาก ๆ เยอะมาก ๆ จริง ๆ และผมก็พยายามจะถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่า ผมรอต่อเครื่องแล้วออกจากสนามบินได้ไหม ยังไม่ได้ทันจะอ้าปากถามเลยครับ พี่เจ้าหน้าที่ก็ชี้ไปให้เข้าแถวผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b7147dc3ca22ab8e39307.jpg)
เดินออกมานอกสนามบินเปิด Google Map ค้นหาพิพิธภัณฑ์สงคราม จากนั้นก็ถามพี่พนักงานขายตั๋วรถบัสว่าผมจะไปที่นี่ ราคารถบัส 20,000 ด่อง หลังจากก้าวขึ้นรถก็บอกพี่คนเก็บตั๋วว่า ผมจะไปที่นี่พร้อมยื่นแมพให้ดู พอถึงแล้วบอกผมด้วยนะ พี่แกก็ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี พอถึงที่หมายพี่แกก็เรียกให้เราลงจากรถ
![](/f/31244/5e5b7143dc3ca22ab8e39303.jpg)
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์คนละ 40,000 ด่อง ส่วนมากมีแต่ฝรั่งที่มาดูพิพิธภัณฑ์สงครามนี้
![](/f/31244/5e5b7143dc3ca22ab8e39301.jpg)
![](/f/31244/5e5b7143dc3ca22ab8e39302.jpg)
![](/f/31244/5e5b7144dc3ca22ab8e39304.jpg)
![](/f/31244/5e5b7145dc3ca22ab8e39305.jpg)
หลังจากนั้นก็ค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าที่โฮจิมินห์มีที่ไหนที่ควรไปบ้าง จากนั้นก็ปักหมุดลงใน Google Map และเดิน เดินถ่ายรูปตามจุดที่กำหนดไว้ คิดดูแล้วก็บ้ามากตอนนั้น คงจะเหนื่อยน่าดู ๕๕๕ พอตกเย็นไปเดินที่ย่าน ฟาม งู เหลา ร้านเหล้าเบียร์เยอะมาก ผมเดินอยู่นานและเลือกร้านที่ไม่มีคน และก็ไม่มีคนจริง ๆ ครับ มีผมโต๊ะเดียว
![](/f/31244/5e5b7146dc3ca22ab8e39306.jpg)
![](/f/31244/5e5b714adc3ca22ab8e3930a.jpg)
![](/f/31244/5e5b714adc3ca22ab8e3930b.jpg)
![](/f/31244/5e5b714cdc3ca22ab8e3930d.jpg)
![](/f/31244/5e5b714adc3ca22ab8e3930c.jpg)
![](/f/31244/5e5b714ddc3ca22ab8e3930f.jpg)
![](/f/31244/5e5b714cdc3ca22ab8e3930e.jpg)
![](/f/31244/5e5b714edc3ca22ab8e39310.jpg)
![](/f/31244/5e5b714fdc3ca22ab8e39311.jpg)
![](/f/31244/5e5b714fdc3ca22ab8e39312.jpg)
จากนั้นก็นั่งรถเมล์จากเมืองเข้าสนามบิน
และแน่นอนคืนนี้ผมนอนที่สนามบิน เพราะว่าถ้านอนในเมืองแล้วกลัวมาไม่ทันเที่ยวบินในตอนเช้า ซึ่งในสนามบินมีที่นอนอยู่ 2 แบบคือ นอนฟรีและเสียเงิน แต่คุณต้องมีบอร์ดดิ้วพาสเข้าไปยังเกตก่อน ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองและจุดจรวจด้านความปลอดภัยเข้ามายัง Gate เพราะที่นอนอยู่ที่ประมาณ Gate 21-25 ส่วนที่นอนด้านนอกผมไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ถ้าให้แนะนำนอนโรงแรมดีที่สุดครับ แต่ถ้าสายลุยและต้องการประหยัดงบแบบผมก็นอนสนามบินเลยครับไม่แย่อย่างที่คิด
![](/f/31244/5e5b7151dc3ca22ab8e39314.jpg)
Chapter 2
โฮจิมินห์ ซิตี้ - นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
Day 2
8 December 2019
เช้านี้ผมอาบน้ำที่สนามบิน ห้องอาบน้ำอยู่บริเวณ Gate 21-25 เดินลงไปข้างล่างเลย และแน่นอนว่าอาบฟรี ตอนเช้า ๆ คนน้อยมาก
![](/f/31244/5e5b7153dc3ca22ab8e39318.jpg)
06:10 เดินทางจากสนามบิน Tan Son Nhat (เตินเซินเญิ้ต) มุ่งหน้าสู่สนามบิน Narita ประเทศญี่ปุ่น พอเครื่องบินไต่ระดับได้สักพักแอร์โฮสเตสก็เอาอาหารมาเสิร์ฟมีให้เลือกทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น ไหน ๆ ก็จะไปญี่ปุ่นแล้วครั้งนี้ผมเลยเลือกแบบญี่ปุ่นให้คุ้นปากสักหน่อย
![](/f/31244/5e5b7150dc3ca22ab8e39313.jpg)
![](/f/31244/5e5b7152dc3ca22ab8e39315.jpg)
![](/f/31244/5e5b7153dc3ca22ab8e39317.jpg)
![](/f/31244/5e5b7153dc3ca22ab8e39316.jpg)
![](/f/31244/5e5b7156dc3ca22ab8e3931a.jpg)
จิบไวน์ชมวิวเบา ๆ บนเครื่อง
![](/f/31244/5e5b7156dc3ca22ab8e3931b.jpg)
เห็นภูเขาไฟฟูจิไหม สำหรับใครที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิบนเครื่องบิน เที่ยวบินขาไปให้เลือกที่นั่งฝั่งด้านซ้ายของลำ และขากลับจากญี่ปุ่นให้เลือกที่นั่งฝั่งด้านขวา แต่ครั้งนี้เครื่องบิน บินห่างจากภูเขาไฟมาก ทำให้เห็นแค่นิดเดียว แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้เห็นเลย
![](/f/31244/5e5b7154dc3ca22ab8e39319.jpg)
ถึงสนามบินนาริตะเวลา 13:20 ตามเวลาท้องถิ่น
![](/f/31244/5e5b7158dc3ca22ab8e3931c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7158dc3ca22ab8e3931d.jpg)
![](/f/31244/5e5b7159dc3ca22ab8e3931e.jpg)
ก้าวแรกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความตื่นเต้นว่ามาคนเดียวจะเข้าประเทศได้ไหม ผมได้เตรียมเอกสารแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ใบจองที่พัก ใบประกันการเดินทาง เงินสด และบัตรเครดิต เตรียมเพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดูเมื่อขอตรวจดูเอกสารดังกล่าว พอเข้าจุดตรวจคนเข้าเมือง คนก่อน ๆ หน้าเป็นชาวต่างชาติประเทศอื่น ๆ พี่เจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ถามคำถามซักคำ แป๊บเดียวก็ผ่าน ๆ ไปได้ พอมาถึงคิวผม พี่เจ้าหน้าที่เปิดพาสปอร์ตตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย เพราะผมเพิ่งไปทำพาสปอร์ตมาใหม่ (อันเดิมเหลืออายุไม่ถึง 6 เดือน) พี่เจ้าหน้าที่ก็ถามคำถามทั่วไปแต่ก็นานมาก ๆ เมื่อเทียบกับคนอื่น เช่น มาญี่ปุ่นครั้งแรกใช่ไหม มากับใคร แล้วไปพักที่ซัปโปโรเหรอ ... จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่านไปได้โดยที่ไม่ได้ขอดูเอกสารเลย
จุดพีคและตื่นเต้นที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ !!!
หลังจากที่ผมหยิบกระเป๋าจากจุดรับกระเป๋ามาแล้ว เดินตรงมาที่ด่านศุลกากร เหมือนเดิมครับ ชาวต่างชาติก่อนหน้าเดินผ่านได้อย่างสบาย ส่วนพอถึงคิวผมนั้น พอผมยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่คนนี้ก็วิทยุสื่อสารเลยครับ เรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมา เขาก็เอาหนังสือเหมือนเป็นแฟ้มเล่มหนึ่งมาให้ผมดู แล้วเปิดไปที่หน้ายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และชี้ไปทีละอันแล้วถามผมว่าคุณไม่ได้มีของพวกนี้เข้ามาใช่ไหม แล้วผมก็ยืนยันว่าไม่มีสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเขาก็ขอผมตรวจค้นอย่างละเอียดโดยพาเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่สองคนผู้หญิงกับผู้ชาย และพี่เจ้าหน้าที่ก็เอาแฟ้มเดิมมาถามผมอีกรอบว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายเหล่านี้ไหม ถามย้ำอยู่ 2-3 รอบได้ จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายก็ตรวจร่างกายผมแบบละเอียดเลยครับ แต่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้านะครับ พี่แกให้ผมถอดรองเท้า แล้วแกก็เอามือล้วงเข้าไปในรองเท้าแล้วก็มาคลำ ๆ บริเวณเท้าผมอีก ตอนนั้นยอมรับว่าเท้าผมค่อนข้างมีกลิ่น ยังสงสารพี่แกอยู่เลยครับ ๕๕๕ ส่วนพี่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงค้นกระเป๋าทุกใบ ทุกซอกทุกมุม แล้วพอดีแกก็เห็นพาสปอร์ตเล่มเก่าของผมพี่แกเลยถามว่าทำไมมี 2 เล่ม และเล่มเดิมยังไม่หมดอายุ ผมก็เลยบอกไปว่า พาสปอร์ตไทยถ้าวันหมดอายุไม่ถึง 6 เดือน ไม่สามารถออกจากประเทศได้ และก็เหมือนแกก็ไม่เข้าใจที่ผมพูด พยายามอธิบายอยู่นาน ระหว่างการตรวจค้นนั้นพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายถามผมอย่างละเอียดมากกกกกก เท่าที่ผมจำได้ มาทำอะไร มากี่วัน มากับใคร ทำไมมาคนเดียว นักท่องเที่ยวคนอื่นส่วนมากเขามากับเพื่อนหรือมากับครอบครัว ทำไมคุณจองตั๋วช้าจัง หมายถึงไม่จองล่วงหน้านาน ๆ (อย่างที่บอกเป็นทริปกะทันหัน) คุณทำงานอะไร ผมก็ยื่นรูปให้ดูและพี่แก็ถามละเอียดมากเกี่ยวกับงานของผม และผมก็ยื่นแผนการเดินทางให้ดู มีแผนการเดินทาง ประกันการเดินทาง ตั๋วที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และเขาก็ถามว่าทำแผนการเดินทางทั้งหมดเองเหรอ (เขาถึงกับตกใจเพราะแผนผมไปหลายที่มาก ๕๕๕) และพี่เขาก็ขอดูกระเป๋าเงิน อย่างที่บอกผมมีเงินสดแค่ 28,000 เยน และบัตรเครดิต 2 ใบ บัตรพรีเพด 2 ใบ และที่สำคัญทุกสิ่งที่ผมตอบคำถามพี่แกก็จดไว้หมดเลย กลับมาที่พี่ผู้หญิง บอกผมว่าขอเอากระเป๋าไปตรวจสแกน ผมก็ยินดี (กลับมาคิดย้อนหลังถ้ามีคนแอบยัดยาหรือสิ่งผิดกฎหมายในกระเป๋าผมจะเป็นยังไงนะ เพราะ 1.กระเป๋าผมถูกพักที่เวียดนาม 1 คืน ไม่รู้ว่าผู้ประสงค์ไม่ดีจะแอบยัดอะไรไว้หรือเปล่า 2.ตอนพี่เจ้าหน้าที่เอาไปตรวจ ผมไม่ได้เดินออกไปด้วย เผื่อเซอร์ไพรส์มีคนแอบยัดอะไรระหว่างนั้น คงซวยแย่เลย แต่ก็ดีที่ทุกอย่างผ่านพ้นมาได้) และหลังจากนั้นพี่แกก็เก็บกระเป๋าให้ และกล่าวคำขอโทษอย่างสุภาพ และพาผมเดินออกจากห้องตรวจเพื่อเข้าสู่ทางออกผู้โดยสารขาเข้า รวม ๆ เวลาที่โดนตรวจค้นและตอบคำถาม ราว ๆ 1 ชั่วโมงครับ!!! (ระหว่างที่พี่เจ้าหน้าที่ถามพี่แกถามอย่างสุภาพและไม่มีอาการรุนแรงจนน่ากลัวแต่อย่างใด ต้องขอชื่นชมพี่เจ้าหน้าที่ครับ อ่อนโยนและสุภาพจริง ๆ ) นับว่าเป็นการเข้าประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ผมค่อนข้างเสีย Self อยู่เหมือนกัน (อารมณ์เหมือน ฉันมาทำอะไรที่นี่ อยากกลับบ้าน อยากร้องไห้) ในใจตอนนั้นอารมณ์อยากเที่ยวก็ลดลงไปเยอะเลยครับ ช่างเป็นการต้อนรับเข้าประเทศที่โคตรเซอร์ไพรส์ของคนบาปอย่างผมจริง ๆ เลย ๕๕๕
“สนามบินนาริตะทุกซอกมุม”
14:20 – 06:50 กว่า 16 ชั่วโมงที่ผมอยู่ที่สนามบินนาริตะ เพื่อที่จะรอขึ้นเครื่องไปซัปโปโร ผมได้ไปสำรวจทุก Terminal ของสนามบินนาริตะ นั่ง Airport Shuttle Bus จาก Terminal 1 ไป Terminal 2 และเดินไปยัง Terminal 3 เพื่อสำรวจจุด Check in ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็นั่งบัสกลับมาที่ Terminal 1 เดินไปเรื่อย ๆ จนบังเอิญเจอจุดชมเครื่องบิน ผมบอกเลยว่าผมเดินเยอะมากจริง ๆ ในสนามบินนาริตะ จนจำทางได้เลยแหละ ส่วนคืนนี้นั้นผมนอนที่สนามบินบริเวณเก้าอี้ในอาคารมีผู้โดยสารหลายคนเลยที่นอนสนามบินเหมือนกัน และบอกเลยว่าค่อนข้างปลอดภัยเพราะมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตลอด แต่ถ้าให้แนะนำผมว่านอนโรงแรมเถอะ ๕๕๕ (มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมนั่งรอเพื่อต่อเครื่องตอนดึก ๆ มีพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คน มาขอดูพาสปอร์ต และก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ต้องใช้ Google Translate สื่อสารกัน แล้วก็ถามผมว่าขอจดข้อมูลไปได้ไหม ตอนนั้นผมบริสุทธิ์ใจก็ตอบไปว่าได้ ๆ ครับ พอพี่แกจดเสร็จผมก็ถามไปว่าเอาข้อมูลผมไปทำไม พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกแค่ว่า ไม่ต้องห่วงจะเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ กลับมาคิดย้อนหลัง เขาจะเอาข้อมูลเราไปทำอะไรหรือเปล่านะ เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เสีย Self อีกแล้ว ในใจคิดว่าผมทำอะไรผิดดดด อยากกลับบ้านนน ๕๕๕)
ข้าวมื้อแรก ณ ประเทศญี่ปุ่น
![](/f/31244/5e5b715adc3ca22ab8e3931f.jpg)
จุดชมเครื่องบิน
![](/f/31244/5e5b715fdc3ca22ab8e39326.jpg)
![](/f/31244/5e5b715adc3ca22ab8e39320.jpg)
![](/f/31244/5e5b715bdc3ca22ab8e39322.jpg)
![](/f/31244/5e5b715bdc3ca22ab8e39321.jpg)
![](/f/31244/5e5b715ddc3ca22ab8e39323.jpg)
ที่นอนคืนนี้
![](/f/31244/5e5b715ddc3ca22ab8e39324.jpg)
Chapter 3
นาริตะ - ซัปโปโร
Day 3
9 December 2019
เช้าวันนี้ผมได้ฝากกระเป๋าใบนึงไว้ที่สนามบิน เพราะผมแบกขึ้นเครื่องได้เพียง 7 กิโลกรัม ได้ฝากไว้ที่ Locker อัตโนมัติ ราคา 300 เยนต่อวัน สามารถฝากได้สูงสุด 8 วัน (มีราคา 300 , 400 และ 500 เยน ตามขนาดของตู้ ของผม 300 เยน สามารถใส่กระเป๋าแบ็คแพ็คของผมได้สบายเลย)
05:00 ผมออกมาจาก Terminal 1 นั่ง Airport Shuttle Bus ไปยัง Terminal 3 เพื่อไป Check in ขึ้นเครื่อง เที่ยวบิน นาริตะ-ซัปโปโร (ผมจองล่วงหน้าแค่ 5 วัน ราคาไปกลับ 3,205 บาท จองผ่าน Trip.com โดยเที่ยวบินขาไปได้ของสายการบิน Jetstar และขากลับของสายการบิน Spring Japan) หลังจาก Check in เสร็จเดินเข้าจุดตรวจสัมภาระ และเดินไป Gate ซึ่งเดินไกลมาก ๆ ควรเผื่อเวลาด้วยนะครับ สายการบิน Jetstar ก่อนขึ้นเครื่องได้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องของทุกคนว่าเกิน 7 กิโลกรัมหรือไม่ ผมคิดถูกแล้วที่ไม่แบกกระเป๋ามาหมด ไม่งั้นได้เสียตังค์เพิ่มแน่ ๆ ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b715edc3ca22ab8e39325.jpg)
![](/f/31244/5e5b715fdc3ca22ab8e39327.jpg)
07:00 ครั้งนี้ผมไม่ได้เลือกที่นั่งระบบเลือกให้ได้นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉิน พอไปถึงที่นั่งปุ๊บพี่แอร์โฮสเตส พูดภาษาอังกฤษเร็วมากและยื่นเอกสารให้ผมใบหนึ่ง ผมทำหน้างง และพี่แกก็พูดอีก เร็วมากเหมือนเดิม ผมก็ทำหน้างงอีก (เพราะฟังไม่ทัน) พี่แกเลยถามว่า "แล้วคุณเข้าใจภาษาอะไร" ผมก็บอกว่าอังกฤษ สรุปแกบอกว่า คุณนั่งประตูที่นั่งทางออกฉุกเฉิน กรุณาอ่านคู่มือการเปิดประตูเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
และเหตุการณ์ระหว่างเครื่องกำลัง Taxi มีผู้โดยสารคนหนึ่งไม่รู้ว่าต้นเรื่องเป็นอย่างไร แต่พี่แกคนนั้นไม่ยอมมาที่นั่งตัวเอง (น่าจะเป็นผู้โดยสารชาวจีน) ได้ยินแต่เสียงแอร์โฮสเตสบอกว่า "ถ้าคุณไม่กลับไปที่นั่งของคุณ เราจะไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้" (ผมคิดว่ามีคนป่วยและจะนำเครื่องกลับไปยังอาคารผู้โดยสาร) ตอนนั้นแอบเซ็งนิด ๆ เพราะเครื่องค่อนข้างดีเลย์แล้ว สุดท้ายพี่ผู้โดยสารคนนั้นก็กลับไปนั่งที่เดิมของตนเอง และหลายคนในเครื่องก็พร้อมใจกันปรบมือ เพราะจะได้นำเครื่องขึ้นบินแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้สาเหตุอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b715fdc3ca22ab8e39328.jpg)
08:45 เครื่องลงจอดยังสนามบิน New Chitose (นิว ชิโทเสะ ทีแรกผมอ่านว่า นิว ชีโทส ๕๕๕) กับอุณหภูมิขณะนั้น -5 องศาเซลเซียส จากนั้นผมรีบเดินออกมาที่ยังอาคารผู้โดยสารเพื่อสัมผัสอากาศติดลบแรกในชีวิต และ หิมะแรกในชีวิต ซึ่งมันหนาวมาก ๆ และนี่คือหิมะแรกที่ผมได้เห็นใกล้ ๆ กับตา และเดินชมสนามบินสักเล็กน้อย ทีแรกจะไปชมเครื่องบินบริเวณจุดชมเครื่องบินแต่เห็นป้ายติดประกาศว่าปิดให้เข้าชมช่วงฤดูหนาว แอบเสียใจอยู่นิดนึง แต่ก็ได้แค่ชมวิวบริเวณศูนย์อาหาร
![](/f/31244/5e5b7162dc3ca22ab8e3932c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7161dc3ca22ab8e39329.jpg)
![](/f/31244/5e5b7162dc3ca22ab8e3932a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7162dc3ca22ab8e3932b.jpg)
จากนั้นเดินไปหาวิธีเข้าเมืองซัปโปโร ซึ่งมี 2 วิธีคือ รถบัสกับรถไฟ รถบัสราคา 1,100 เยน สามารถใช้บัตร IC Card แตะขึ้นบนรถได้เลย ส่วนรถไฟจากสนามบินถึงซัปโปโรราคา 1,150 เยน สามารถใช้บัตร IC แตะขึ้นรถได้เหมือนกัน แต่ทีแรกผมไม่รู้ว่าสามารถใช้บัตรแตะขึ้นรถได้เลย ผมเลยไปตู้อัตโนมัติเพื่อซื้อตั๋ว และนี่ก็เป็นบรรยากาศระหว่างทางเข้าเมืองซัปโปโร
![](/f/31244/5e5b7164dc3ca22ab8e3932e.jpg)
![](/f/31244/5e5b7164dc3ca22ab8e3932d.jpg)
![](/f/31244/5e5b7165dc3ca22ab8e3932f.jpg)
![](/f/31244/5e5b7166dc3ca22ab8e39330.jpg)
10:30 ถึงสถานีซัปโปโร วันนี้ผมพักที่ Social Hostel 365 เป็นโฮสเทล ห้องรวม ห้องน้ำรวม ราคาคืนละ 438.13 บาท จองผ่าน agoda อยู่ห่างจากสถานี Sapporo 2 กิโลเมตร และแน่นอนผมเลือกวิธีการเดิน!!! ผมเดินมาเรื่อย ๆ ชมวิวเมืองและถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ อากาศตอนนั้น -3 องศาเซลเซียส และผมได้นำกระเป๋ามาฝากไว้ที่โฮสเทลเพราะโฮสเทลเปิดให้ Check in เวลา 15:00 จากนั้นได้เดินเท้ามาที่ Odori Park และ Sapporo TV Tower ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
![](/f/31244/5e5b7166dc3ca22ab8e39331.jpg)
![](/f/31244/5e5b7167dc3ca22ab8e39332.jpg)
![](/f/31244/5e5b7169dc3ca22ab8e39335.jpg)
![](/f/31244/5e5b7168dc3ca22ab8e39333.jpg)
![](/f/31244/5e5b7168dc3ca22ab8e39334.jpg)
![](/f/31244/5e5b716adc3ca22ab8e39336.jpg)
![](/f/31244/5e5b716ddc3ca22ab8e3933b.jpg)
![](/f/31244/5e5b716bdc3ca22ab8e39337.jpg)
![](/f/31244/5e5b716cdc3ca22ab8e39339.jpg)
![](/f/31244/5e5b716cdc3ca22ab8e39338.jpg)
![](/f/31244/5e5b716edc3ca22ab8e3933c.jpg)
ทริปนี้ผมต้องการประหยัดที่สุด ผมจึงเลือกกินอาหารที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้นเพราะราคาถูกและพอกินได้ ร้านสะดวกซื้อที่นี่มี 7-Eleven , Lawson และ Family Mart ซึ่งมีพอ ๆ กันเลย ต่างจากบ้านเราที่ส่วนมากมีแต่ 7-Eleven
![](/f/31244/5e5b716cdc3ca22ab8e3933a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7170dc3ca22ab8e3933e.jpg)
หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่พัก Social Hostel 365 และงีบพักจนถึงเวลาประมาณ 19:00
![](/f/31244/5e5b7171dc3ca22ab8e3933f.jpg)
![](/f/31244/5e5b7171dc3ca22ab8e39340.jpg)
![](/f/31244/5e5b7170dc3ca22ab8e3933d.jpg)
แผนแบบกะทันหันก็เกิดขึ้นอีก ผมเสิร์ชหาข้อมูลที่เที่ยวในซัปโปโร ก็เจอ Chocolate Factory ซึ่งอยู่ห่างจากโฮสเทลประมาณ 8 กิโลเมตร กับการเดินทางใช้เวลา 30 นาที ผมรีบแต่งตัวเดินออกมาจากโฮสเทลท่ามกลางอากาศหนาว ๆ อุณหภูมิเลขตัวเดียว แล้วรีบเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด วิธีการเดินทางของผมก็คือใช้ Google Map อยากไปที่ไหนก็ค้นหาที่นั่น และนำทางโดยเลือกวิธีการเดินทางโดยรถสาธารณะ Google Map จะบอกทุกอย่างตั้งแต่เดินไปขึ้นสถานีรถไฟที่ไหน ขบวนรถจะมากี่โมง และขึ้นที่ชานชาลาไหน ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Nishi Juitchome ถึงสถานี Miyanosawa ราคา 290 เยน สามารถใช้บัตร IC แตะผ่านได้เลยสะดวกสบายมาก
ถึง Chocolate Factory เวลา 19:36 และเดินเข้าไปถ่ายรูปภายใน Shiroi Koibito Park ส่วน Chocolate Factory นั้นปิดไปแล้ว ใครจะไปให้ศึกษาเวลาเปิดปิดไปด้วยนะครับ ส่วน Shiroi Koibito Park ปิดเวลา 20:00 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 นาที ผมก็เดินถ่ายรูปจนทั่ว ซึ่งบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่สวยงามมากเลยครับ วันที่ผมไปคนน้อยมากอาจจะเป็นเพราะกำลังจะปิดแล้วก็ได้
![](/f/31244/5e5b7173dc3ca22ab8e39341.jpg)
![](/f/31244/5e5b7174dc3ca22ab8e39343.jpg)
![](/f/31244/5e5b7173dc3ca22ab8e39342.jpg)
![](/f/31244/5e5b7175dc3ca22ab8e39344.jpg)
![](/f/31244/5e5b7175dc3ca22ab8e39345.jpg)
![](/f/31244/5e5b7176dc3ca22ab8e39346.jpg)
![](/f/31244/5e5b7177dc3ca22ab8e39348.jpg)
![](/f/31244/5e5b7177dc3ca22ab8e39347.jpg)
![](/f/31244/5e5b717adc3ca22ab8e3934b.jpg)
จากนั้นผมก็เดินทางจาก Chocolate Factory ขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Miyanosawa ไปยังสถานี Odori Park ราคา 290 เยน และได้ไปถ่ายบรรยากาศยามค่ำคืนของ Sapporo TV Tower ซึ่งสวยงามไปอีกแบบ
![](/f/31244/5e5b7178dc3ca22ab8e39349.jpg)
![](/f/31244/5e5b717bdc3ca22ab8e3934d.jpg)
![](/f/31244/5e5b717adc3ca22ab8e3934c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7179dc3ca22ab8e3934a.jpg)
![](/f/31244/5e5b717cdc3ca22ab8e3934e.jpg)
ภายในสวนโอโดริ จะมีซุ้มถ่ายภาพฟรี!!! เราก็ได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ ถ่ายรูปฟรีเชิญด้านนี้ครับ นักท่องเที่ยวก็พากันไปต่อแถวกันเยอะเลย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พอต่อแถวเสร็จปุ๊บ มีเจ้าหน้าที่อีกคนมาแจ้งว่า เราถ่ายรูปให้ฟรีนะครับ จะได้เป็นฟรีเป็นแผ่นเล็ก ๆ ถ้าอยากได้แผ่นใหญ่สามารถซื้อเพิ่มได้เลยนะครับ ไอ้เราก็จะถอนตัวออกจากแถวไม่ได้ละ ก็เลยต่อแถวถ่าย ๆ ไป พอถ่ายเสร็จก็จะได้บัตรมาให้ไปรับรูปที่บริเวณด้านข้าง เราก็เอาว่ะ มาถึงขนาดนี้แล้วซื้อก็ซื้อ เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ !!! ก็เข้าไปต่อแถวรับรูปแผ่นใหญ่พร้อมจ่ายเงิน 1,300 เยน ส่วนถ้าใครไม่ต้องการอย่างที่บอกเขามีรูปเล็ก ๆ ให้ฟรีนะครับ หรือสามารถไปดาวน์โหลดไฟล์ภาพของเราได้ตามลิงก์ที่เขาแนบให้ (เสียตังค์) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของฟรีไม่มีในโลกนะครับ ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b717ddc3ca22ab8e3934f.jpg)
จากนั้นก็ไปเดินย่าน Susukino และเดินกลับโฮสเทล
![](/f/31244/5e5b717ddc3ca22ab8e39350.jpg)
![](/f/31244/5e5b717edc3ca22ab8e39351.jpg)
ผมกลับมายังโฮสเทลนั่งเล่นภายในห้องนั่งเล่นของโฮสเทลเปิดฮีตเตอร์นั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว จุดประสงค์ที่มาซัปโปโรนี้คืออยากจะเจอหิมะตกสักครั้ง ผมเปิดแอป เปิดเน็ต ค้นหาข้อมูลว่าคืนนี้หิมะจะตกไหม ปรากฏว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมนั่งรอแล้วรอเล่าเพื่อให้หิมะตก ด้วยความที่อยากเห็นหิมะตกมาก ผมเดินออกไปด้านนอก ไปยังย่าน Susukino อีกครั้ง ซึ่งระทางไปกลับก็ประมาณ 2 กิโลเมตร กลับมาที่โฮสเทล รอแล้วรอเล่าจนถึงเวลาเกือบตี 3 ก็ไม่มีวี่แววว่าหิมะจะตก
![](/f/31244/5e5b717edc3ca22ab8e39353.jpg)
![](/f/31244/5e5b717edc3ca22ab8e39352.jpg)
Chapter 4
ซัปโปโร - โอตารุ
Day 4
10 December 2019
เช้าวันนี้หลักจากที่ Check out ได้ฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทล และแผนปุบปับมาอีกแล้วผมได้ค้นหาข้อมูลสถานที่เที่ยวในซัปโปโร ผมได้เดินไปยัง Sapporo Beer Museum ซึ่งระยะทางจากโฮสเทลไป Sapporo Beer Museum นั้นประมาณ 4 กิโลเมตรครับ ได้โปรดอย่าทำตาม ๕๕๕
ผมออกจากโฮสเทลประมาณ 10:30 ถึง Sapporo Beer Museum ประมาณ 12:30 เดินกันขาลากเลยทีเดียว ระหว่างทางได้แวะที่ตลาดปลานิโจ ก็มีขายของพวกอาหารสด อาหารทะเลทั่วไปครับ
![](/f/31244/5e5b7180dc3ca22ab8e39354.jpg)
![](/f/31244/5e5b7181dc3ca22ab8e39355.jpg)
![](/f/31244/5e5b7182dc3ca22ab8e39357.jpg)
![](/f/31244/5e5b7182dc3ca22ab8e39356.jpg)
อาหารเช้าของผมวันนี้ได้ Family Mart เป็นที่พึ่ง
![](/f/31244/5e5b7182dc3ca22ab8e39358.jpg)
ระหว่างเดินไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ หิมะเริ่มละลายครับ
![](/f/31244/5e5b7184dc3ca22ab8e3935a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7184dc3ca22ab8e39359.jpg)
![](/f/31244/5e5b7185dc3ca22ab8e3935b.jpg)
![](/f/31244/5e5b7187dc3ca22ab8e3935d.jpg)
ประเทศญี่ปุ่นนี่ก็แปลกไปอีกแบบ พิพิธภัณฑ์เบียร์ สาเก มีให้เห็นกันทั่วไป โดยไม่ได้มีการห้าม การแบนเหมือนประเทศไทย เขารู้สึกเหมือนเป็นความภูมิใจของประเทศเขา คงจะเป็นเพราะเขาสอนให้เด็กหรือผู้คนรู้ว่าเบียร์คืออะไรและจะไปยุ่งกับมันตอนไหน ไม่ใช่ให้มาลองผิดลองถูกเอง
![](/f/31244/5e5b7186dc3ca22ab8e3935c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7188dc3ca22ab8e3935e.jpg)
![](/f/31244/5e5b7189dc3ca22ab8e39360.jpg)
![](/f/31244/5e5b718adc3ca22ab8e39361.jpg)
![](/f/31244/5e5b718cdc3ca22ab8e39363.jpg)
![](/f/31244/5e5b7189dc3ca22ab8e3935f.jpg)
![](/f/31244/5e5b718adc3ca22ab8e39362.jpg)
![](/f/31244/5e5b718cdc3ca22ab8e39364.jpg)
![](/f/31244/5e5b718ddc3ca22ab8e39365.jpg)
![](/f/31244/5e5b718edc3ca22ab8e39366.jpg)
![](/f/31244/5e5b718edc3ca22ab8e39367.jpg)
![](/f/31244/5e5b7190dc3ca22ab8e3936a.jpg)
หลังจากที่ได้ชิมเบียร์ซัปโปโรแล้วนั้นผมก็ได้นั่งรถบัสมายัง Odori Park ค่าโดยสาร 210 เยน และยังต้องเดินกลับไปเอากระเป๋าที่โฮสเทลอีก
![](/f/31244/5e5b7190dc3ca22ab8e39368.jpg)
จากนั้นผมก็ค้นหาเส้นทางจากซัปโปโรไปยังโอตารุ มี 2 วิธีคือ นั่งรถไฟและรถบัส ผมจึงเลือกวิธีที่ถูกที่สุดคือนั่งรถบัส ปรากฏว่าขึ้นรถบัสผิดคันครับ !!! (คนบาปก็งี้ ๕๕๕) ผมนั่งอยู่บนรถบัสแล้วเอาแผนที่ไปให้พี่คนญี่ปุ่นที่อยู่ข้าง ๆ ผมแล้วถามว่า ผมจะไปโอตารุ รถบัสคันนี้ไปโอตารุไหม พี่แกพูดอังกฤษไม่ได้เลย ผมต้องใช้วิธีแปลโดยใช้ Google Translate สรุปได้ว่า รถคันนี้ไม่ได้ไปโอตารุจ้า แผนต่อไป ผมเปลี่ยนใจไม่นั่งรถบัสไปแล้ว ค้นหาเส้นทางใหม่ รถบัสไปจอดป้ายไหนที่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุดจะลงสถานีรถไฟนั้น โชคช่างเข้าข้างซะเสียจริง รถบัสไปจอดที่สถานีรถไฟ Teine พอดี ผมรีบขอบคุณพี่ญี่ปุ่นคนข้าง ๆ ซึ่งแกก็เหมือนจะยังงง ๆ อยู่ แล้วรีบก้าวขาลงจากรถบัสทันใด พอเข้ามายังสถานีรถไฟดูราคาจากสถานี Teine ไปยังสถานี Otaru ราคา 540 เยน รีบหยิบบัตร Suica แตะเข้าไปในชานชาลาอย่างรีบเร่ง โดยที่ไม่รู้ว่าชานชาลาไหนไปโอตารุ ผมรีบลงบันไดมาเพื่อขึ้นรถไฟ โดยที่ไม่รู้ว่าขบวนนี้จะไปไหน พอผมก้าวขาเข้าไปในรถไฟ ผมรีบถามคนในนั้นว่ารถคันนี้ไปโอตารุไหม พี่คนญี่ปุ่นคนหนึ่งไม่ตอบอะไร แล้วรีบผายมือให้ผมออกจากรถไฟอย่างรีบเร่ง ในใจแกคงบอกว่า “ไม่ใช่ ๆ ให้ออกไปจากขบวนนี้ก่อนที่ประตูจะปิด” แต่พี่แกคงพูดไม่ทัน (ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เห็นภาพแต่จังหวะนั้นผมฮาตัวเองมาก ๕๕๕)
รถบัสที่ผมนั่งผิดมา
![](/f/31244/5e5b7190dc3ca22ab8e39369.jpg)
สถานี Teine
![](/f/31244/5e5b7190dc3ca22ab8e3936b.jpg)
ผมถึงโอตารุเวลา 13:40 หลังจากลงจากรถไฟ ผมรีบเดินหาที่พักที่จองผ่าน agoda คืนนี้ผมพักที่ The Green Otaru เป็นโฮสเทล ห้องรวม ห้องน้ำรวม ตกคืนละ 310.02 บาท โฮสเทลอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Otaru ประมาณ 400 เมตร จะมีอยู่ 2 ตึก คือตึกหลัก เหมือนจะเป็นโรงแรม และตึกรองที่อยู่ตรงกันข้ามจะเป็นโฮสเทล
![](/f/31244/5e5b7191dc3ca22ab8e3936c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7194dc3ca22ab8e3936f.jpg)
![](/f/31244/5e5b7194dc3ca22ab8e3936e.jpg)
ผมได้ทำการ Check in ที่ Main Building (ตึกหลัก) ของโฮสเทล จากนั้นก็ได้ Key card เพื่อที่จะเข้าไปยังอีกตึกที่อยู่ตรงกันข้าม ซึ่งผมหาทางเข้าอยู่นานมาก ๕๕๕ โฮสเทลนี้เป็นโฮสเทลที่ดีมาก สะอาด เตียงกว้างมาก ถึงจะเป็นห้องรวมแต่ก็กั้นเป็นห้อง ๆ อย่างกับห้องส่วนตัว ถือว่าคุ้มค่ามากกับราคานี้
![](/f/31244/5e5b7193dc3ca22ab8e3936d.jpg)
ตอนกลางคืนผมได้เดินไปสถานที่สุดฮิตที่พลาดไม่ได้ของเมืองโอตารุ นั่นก็คือ คลองโอตารุ ซึ่งก็อยู่ห่างจากโฮสเทลเพียง 700 เมตร ระหว่างทางก็เป็นพื้นหิมะที่กำลังจะละลายเดินค่อนข้างจะลำบากนิดนึง
![](/f/31244/5e5b7196dc3ca22ab8e39370.jpg)
![](/f/31244/5e5b7196dc3ca22ab8e39371.jpg)
![](/f/31244/5e5b7198dc3ca22ab8e39374.jpg)
![](/f/31244/5e5b7198dc3ca22ab8e39373.jpg)
![](/f/31244/5e5b719adc3ca22ab8e39376.jpg)
![](/f/31244/5e5b7198dc3ca22ab8e39372.jpg)
![](/f/31244/5e5b7199dc3ca22ab8e39375.jpg)
![](/f/31244/5e5b719bdc3ca22ab8e39377.jpg)
![](/f/31244/5e5b719cdc3ca22ab8e39378.jpg)
![](/f/31244/5e5b719ddc3ca22ab8e3937a.jpg)
และร้านสะดวกซื้อที่ผมชอบที่สุดคือ Family Mart ร้านนี้แทบทุกสาขาจะมีโต๊ะให้ทานอาหาร และร้านสะดวกซื้อแทบทุกที่ในญี่ปุ่นจะมีห้องน้ำให้ด้วย (แต่ไม่ได้ลองเข้า ๕๕๕)
![](/f/31244/5e5b719cdc3ca22ab8e39379.jpg)
Chapter 5
โอตารุ - ชิโทเสะ
Day 5
11 December 2019
เช้านี้ผมตั้งใจจะไปดูคลองโอตารุตอนกลางวัน แต่โชคไม่เข้าข้างไม่มีแดดเลย แถมหิมะก็กำลังจะละลายอีกด้วย ทำให้ถ่ายรูปคลองโอตารุเช้านี้ไม่ค่อยสวยเลยครับ
![](/f/31244/5e5b719fdc3ca22ab8e3937d.jpg)
![](/f/31244/5e5b719edc3ca22ab8e3937b.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a1dc3ca22ab8e3937f.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a0dc3ca22ab8e3937e.jpg)
![](/f/31244/5e5b719edc3ca22ab8e3937c.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a1dc3ca22ab8e39380.jpg)
หลังจากที่ชมวิวเมืองโอตารุเสร็จผมมุ่งหน้าเข้าสู่ซัปโปโรอีกครั้ง ครั้งนี้เลือกเดินทางโดยรถบัส สถานีรถบัสตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ ผมก็ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อจองตั๋ว สรุปว่าเราสามารถจ่ายเงินผ่านบัตร Suica บนรถได้เลยครับ ค่าโดยสารรถบัส จากโอตารุถึงซัปโปโร ราคา 620 เยน ระหว่างทางได้เห็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น เห็นถนนหนทาง แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วครับสำหรับผม ใครที่จะมาโอตารุ ขามาอาจจะนั่งรถไฟ ชมวิวริมทะเล ส่วนขากลับอาจนั่งรถบัสชมวิวก็ไม่เลวเลยนะครับ อ้อ ทั้งรถบัสและรถไฟมีฟรีไวไฟตลอดทางครับผม
![](/f/31244/5e5b71a2dc3ca22ab8e39381.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a3dc3ca22ab8e39382.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a4dc3ca22ab8e39383.jpg)
ผมถึงสถานีซัปโปโรประมาณ 09:30 จากนั้นเดินทางจากซัปโปโรไปชิโทเสะด้วยรถไฟ ราคา 970 เยน วันนี้ผมเลือกนอนที่เมืองชิโทเสะ เพราะผมกลัวว่าผมจะเดินทางไปสนามบินไม่ทันในตอนเช้าและถือโอกาสชมเมืองชิโทเสะไปด้วย ถึงชิโทเสะประมาณ 10:50 และได้ซื้ออาหารมากินก่อนที่จะเดินไปยังโฮสเทล ในวันที่ผมมาเมืองชิโทเสะยังเต็มไปด้วยหิมะ แต่พอผมมานอนที่ชิโทเสะหิมะละลายหมดแล้วครับ (คนบาปจริง ๆ )
![](/f/31244/5e5b71a4dc3ca22ab8e39384.jpg)
![](/f/31244/5e5b71aadc3ca22ab8e3938b.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a6dc3ca22ab8e39386.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a5dc3ca22ab8e39385.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a7dc3ca22ab8e39387.jpg)
วันนี้ผมพักที่ Air Hostel LCC จองได้ราคา 501.53 บาท เป็นโฮสเทลห้องรวม ห้องน้ำรวม ดีมาก มีห้องนั่งเล่น ฟรีอาหารเช้า แถมผมไปถึงประมาณเกือบเที่ยงก็ให้ Check in เข้าที่พักได้เลย
![](/f/31244/5e5b71a7dc3ca22ab8e39388.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a8dc3ca22ab8e39389.jpg)
![](/f/31244/5e5b71a8dc3ca22ab8e3938a.jpg)
![](/f/31244/5e5b71abdc3ca22ab8e3938d.jpg)
หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักแล้วผมก็ได้เดินสำรวจเมืองชิโทเสะ เป็นเมืองที่เงียบมาก ผู้คนไม่พลุกพล่าน และถือว่าปลอดภัยมากเลยทีเดียว ผมสังเกตเห็นเด็กเล็ก ๆ น่าจะเป็นเด็กระดับประถมต้น สามารถเดินเท้ากลับบ้านได้ด้วยตนเอง ข้ามถนนเอง โดยที่ไม่ต้องกลัวรถชน หรือ ไม่ต้องกลัวคนแปลกหน้ามาทำอะไรมิดีมิร้าย ผมได้เดินจากที่พักไปยัง Salmon Hometown Chitose Aquarium ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 2 กิโลเมตร พอเดินไปถึงเจอค่าเข้าประมาณ 800 เยน ผมเลยไม่เข้าครับ เพราะตอนนั้นคิดว่าแพงและไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่ จึงเดินไปนั่งชมวิวที่สวนสาธารณะข้าง ๆ อควาเรียม แต่เสียดายมากถ้ามีหิมะเมืองคงสวยกว่านี้ ผมนั่ง ๆ อยู่แบบเงียบมากกกก เงียบมาก ๆ ไม่มีคนเลย ยังสงสัยเมืองนี้คนเขาไปไหนกัน หรือหนาวอยู่แต่ในบ้าน
![](/f/31244/5e5b71aadc3ca22ab8e3938c.jpg)
![](/f/31244/5e5b71abdc3ca22ab8e3938e.jpg)
![](/f/31244/5e5b71addc3ca22ab8e3938f.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b0dc3ca22ab8e39394.jpg)
![](/f/31244/5e5b71afdc3ca22ab8e39393.jpg)
![](/f/31244/5e5b71addc3ca22ab8e39390.jpg)
![](/f/31244/5e5b71addc3ca22ab8e39391.jpg)
ช่วงตอนเย็นระหว่างเดินกลับโฮสเทลผมได้แวะร้านหนังสือชื่อดังของเมืองชิโทเสะ เป็นร้านหนังสือที่ใหญ่มาก ข้างล่างขายหนังสือ ชั้นบนขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแผ่นซีดีต่าง ๆ
![](/f/31244/5e5b71aedc3ca22ab8e39392.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b0dc3ca22ab8e39395.jpg)
จากนั้นระหว่างทางก็ได้แวะเข้าไปชมร้านขายสินค้ามือสองของประเทศญี่ปุ่น มีหลายอย่างมากกก ได้เดินชมเมืองแค่นี้ก็พอแล้วสัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น
![](/f/31244/5e5b71b2dc3ca22ab8e39396.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b5dc3ca22ab8e3939b.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b4dc3ca22ab8e3939a.jpg)
ข้อความเด็ดที่โฮสเทล แต่วันนั้นไม่มีใครอยู่ให้คุยด้วยเลยสักคนครับ ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b71b6dc3ca22ab8e3939c.jpg)
อาหารคืนนี้ฝากท้องไว้กับ Seven
![](/f/31244/5e5b71b3dc3ca22ab8e39397.jpg)
Chapter 6
ชิโทเสะ - โตเกียว
Day 6
12 December 2019
วันนี้รีบตื่นแต่เช้าเก็บข้าวของ มากินอาหารเช้าที่โฮสเทลมีไว้ให้ ก็คือกาแฟ และขนมปัง โดยที่ทำเองทุกอย่าง เห็นสีเหลือง ๆ นั่นไหมครับมันคือมายองเนส ผมคิดว่ามันเป็นนมข้ม เอามาบีบกินกับขนมปังเฉย ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b71b3dc3ca22ab8e39399.jpg)
น้ำดื่มที่ญี่ปุ่นสามารถเปิดดื่มจากก๊อกได้เลยนะครับ แต่ผมกล้าดื่มเฉาะที่มีป้ายเขียนไว้ว่าดื่มได้ แต่ถ้าอันไหนไม่มีป้ายติดไว้ไม่กล้าดื่ม
![](/f/31244/5e5b71b3dc3ca22ab8e39398.jpg)
ผมออกจากโฮสเทลประมาณ 07:15 เดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Chitose เพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบิน New Chitose ผมถึงสนามบินประมาณ 08:00 รีบเดินไปหาเค้าเตอร์ Check in แต่ยังไม่เปิดมาเร็วเกินไป ๕๕๕ หลังจากที่รอไปสักพักถึงเวลา Check in ผมก็ไป Check in ที่ตู้อัตโนมัติ ขากลับผมเดินทางด้วยสายการบิน Spring Japan เครื่องออกเวลาประมาณ 10:00
![](/f/31244/5e5b71b8dc3ca22ab8e3939e.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b8dc3ca22ab8e3939d.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b8dc3ca22ab8e3939f.jpg)
![](/f/31244/5e5b71b9dc3ca22ab8e393a0.jpg)
![](/f/31244/5e5b71bbdc3ca22ab8e393a4.jpg)
![](/f/31244/5e5b71badc3ca22ab8e393a1.jpg)
![](/f/31244/5e5b71bcdc3ca22ab8e393a5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71badc3ca22ab8e393a3.jpg)
![](/f/31244/5e5b71badc3ca22ab8e393a2.jpg)
ผมเช็กในแอปพยากรณ์อากาศ หิมะที่โอตารุ ซัปโปโรและชิโทเสะก็เริ่มตกทันทีที่ผมถึงโตเกียว เราพลาดหิมะไปเพียงนิดเดียว แหม! อะไรจะเป็นคนบาปขนาดนี้เนี่ย !!!
ถึงโตเกียวประมาณ 11:40 ผมรีบไปหาอะไรทานที่ร้านสะดวกซื้อและไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์อัตโนมัติ ทั้งหมดที่ฝากไป 4 วันเป็นเงิน 1,200 เยน
![](/f/31244/5e5b71c1dc3ca22ab8e393aa.jpg)
![](/f/31244/5e5b71bedc3ca22ab8e393a6.jpg)
ผมเลือกเดินทางเข้าโตเกียวด้วยรถบัสของบริษัท Keisei ราคา 1,000 เยน ซื้อตั๋วที่ Terminal 1 และได้ซื้อบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินแบบไม่จำกัด Tokyo Subway 72 hrs. ราคา 1,500 เยน และเดินออกมาป้ายรถบัส บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ผมเลือกลงที่สถานีโตเกียวเพราะไม่รู้ว่าจะไปลงไหนดี
![](/f/31244/5e5b71bfdc3ca22ab8e393a8.jpg)
![](/f/31244/5e5b71bfdc3ca22ab8e393a7.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c1dc3ca22ab8e393a9.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c5dc3ca22ab8e393af.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c2dc3ca22ab8e393ad.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c2dc3ca22ab8e393ab.jpg)
หลังจากที่ถึงโตเกียวผมเปิด Google Map ที่พักที่ผมจองไว้ นั่นก็คือ Hostel EAST57 ASAKUSABASHI ได้มาในราคา 371.50 บาทต่อคืน และนำทางไปยังที่นั่น ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินโดยใช้บัตร Subway Pass อย่างที่ผมเคยบอก การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินในโตเกียวค่อนข้างง่ายแต่เดินเยอะไปนิด เพียงแค่เดินไปตามที่ Google Map บอก เช่น ให้ไปขึ้นที่ชานชาลาที่เท่าไหร่ เหลือเวลาอีกกี่นาทีรถไฟจะมา ซึ่งตรงเวลามาก ๆ พอไปถึงโฮสเทลผมก็นั่งรอเวลา Check in คือเวลา 16:00 ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมโฮสเทลในญี่ปุ่นถึงให้ Check in ช้าจัง
![](/f/31244/5e5b71c2dc3ca22ab8e393ac.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c3dc3ca22ab8e393ae.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c7dc3ca22ab8e393b2.jpg)
หลังจากที่ Check in เก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมได้เดินทางไปยังสถานีโตเกียว เพื่อสำรวจเส้นทาง พอไปถึงสถานีโตเกียว ปรากฏว่าหลงทางครับ สถานีใหญ่มากกก คนเยอะมากกกกกกก เดินวนเดินหาอยู่นานเลย
- ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ -
ผมตัดสินใจซื้อ JR Tokyo Wide Pass เพื่อเดินทางไปยัง Kawaguchiko , Nikko และ Gala Yuzawa โดยที่ภารกิจซื้อตั๋วไม่ง่ายเลยครับ ผมเดินหาในสถานีโตเกียวอยู่นานมากว่ามันไปซื้อที่ไหน (เพราะศึกษาข้อมูลไปน้อยมาก) ครั้งแรกผมเดินเข้าไปจุดขายตั๋วของ JR แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าที่นี่ซื้อ JR Wide Pass ไม่ได้ ให้ไปอีกที่หนึ่ง ผมก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ย้ำนะครับว่าเดินไปมั่ว ๆ เพราะหลง และไม่รู้ทางเลย จากนั้นก็ไปเห็นจุดขาย JR Pass พอดี จึงเข้าไปสอบถามพี่เจ้าหน้าที่ และทำการซื้อ JR Wide Pass ด้วยบัตร SCB Planet ที่แลกเงินไว้เพียงเล็กน้อย ราคาของ Pass นี้คือ 10,800 เยน สามารถขึ้นรถไฟได้ภายในเขตที่กำหนดซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ที่ผมจะไป และที่สำคัญสามารถขึ้น Shinkansen ได้ด้วย
![](/f/31244/5e5b71c5dc3ca22ab8e393b0.jpg)
![](/f/31244/5e5b71c7dc3ca22ab8e393b1.jpg)
หลังจากที่ซื้อ JR Tokyo Wide Pass แล้ว ผมก็ขอให้เจ้าหน้าที่จองตั๋วไป Kawaguchiko เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิให้ในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยที่ขึ้นรถไฟที่สถานี Shinjuku ด้วยรถไฟ ขบวน Fuji Excursion 1 เที่ยวเวลา 08:30 และขากลับเวลา 17:38
![](/f/31244/5e5b71c7dc3ca22ab8e393b3.jpg)
หลังจากที่จองตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเกิดความสงสัยว่าถ้าไปสถานี Shinjuku แล้วจะเดินทางไปต่อยังไง ผมเลยไปสำรวจเส้นทางนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีโตเกียวไปสถานีชินจูกุ สถานีเป็นสถานีปราบเซียนอีกแล้วครับ ใครไม่หลงผมขอนับถือจริง ๆ ๕๕๕ ผมเดินสำรวจอยู่นาน คนก็เยอะไม่แพ้สถานีโตเกียวเลย เพื่อความแน่ใจผมเลยไปถามเจ้าหน้าที่ว่าพรุ่งนี้ผมจะไป Kawaguchiko ให้ไปขึ้นรถที่ไหน พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกข้อมูลให้เรียบร้อยผมก็สบายใจว่าพรุ่งนี้ให้มาขึ้นที่ตรงนี้ ๆ
![](/f/31244/5e5b71c8dc3ca22ab8e393b4.jpg)
หลังจากที่ออกจากสถานีชินจูกุแล้วผมก็ทำเรื่องบ้า ๆ นิดหน่อยอีกแล้ว ในเมื่อผมมีบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินไม่จำกัด 72 ชั่วโมง ผมเลยเดินลงไปสถานีรถไฟใต้ดินแล้วสุ่มว่าจะขึ้นรถไฟขบวนไหน โดยที่ไม่รู้เป้าหมาย คือ ถ้าผมมองนาฬิกา ณ เวลานั้น นาทีเป็นเลขคี่ผมจะขึ้นรถไฟที่ชานชาลาด้านซ้าย ถ้านาทีเป็นเลขคี่ผมจะขึ้นรถไฟที่ชานชาลาด้านขวา ๕๕๕ ฟังดูแล้วบ้านิด ๆ แต่ผมก็ทำจริง ๆ ครับ นั่งรถไฟใต้ดินไม่มีจุดหมาย
พอนั่งไปได้สักพักเลยนึกขึ้นได้ว่าต้องไปจุดสำคัญ ๆ ในโตเกียวเพื่อไปให้เห็นกับตาที่แรกผมเลือกไปที่ Tokyo Tower ซึ่งก็นั่งรถไฟใต้ดินไปอีกเหมือนเดิมครับ จากนั้นก็ไปที่ Tokyo Sky Tree โดยทั้งหมดนี้ผมพึ่ง Google Map ทั้งนั้น
Tokyo Tower
![](/f/31244/5e5b71cadc3ca22ab8e393b6.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cbdc3ca22ab8e393b7.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cadc3ca22ab8e393b5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cbdc3ca22ab8e393b8.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ccdc3ca22ab8e393b9.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cddc3ca22ab8e393ba.jpg)
Tokyo Sky Tree
![](/f/31244/5e5b71cedc3ca22ab8e393bb.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cfdc3ca22ab8e393be.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cfdc3ca22ab8e393bc.jpg)
![](/f/31244/5e5b71cfdc3ca22ab8e393bd.jpg)
จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับที่พัก
![](/f/31244/5e5b71d2dc3ca22ab8e393c1.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d3dc3ca22ab8e393c2.jpg)
Chapter 7
คาวากูจิโกะ (ฟูจิในฝัน)
Day 7
13 December 2019
วันนี้ผมรีบตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมายังสถานี Shinjuku เพื่อนั่งรถไฟ Fuji Excursion 1 ไปยังสถานี Kawaguchigo เพื่อไปชมภูเขาไฟฟูจิในฝัน ซึ่งเป็นใครก็ไม่พลาดเมื่อมาญี่ปุ่นต้องได้เห็นภูเขาไฟฟูจิสักครั้ง
![](/f/31244/5e5b71d2dc3ca22ab8e393c0.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d2dc3ca22ab8e393bf.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d5dc3ca22ab8e393c3.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d5dc3ca22ab8e393c4.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d7dc3ca22ab8e393c6.jpg)
รถไฟออกจากสถานีเวลา 08:30 และถึงที่สถานี Kawaguchiko เวลาประมาณ 10:22 พอไปถึงแล้วโชคช่างเข้าข้างผมจริงจริ๊งงงง วันนี้ฟ้าปิดจ้า (แต้มบุญน้อยจริง ๆ ) ผมเดินวนไปวนมา รอบ ๆ สถานีรถไฟ ผู้คนก็ช่างเยอะซะเหลือเกิน ท้องฟ้าก็ไม่เป็นใจ ผมครุ่นคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดี จะไปริมทะเลสาบ จะเช่าจักรยาน หรือจะนั่งรถบัสรอบทะเลสาบ หรือจะไปเจดีย์แดงชูเรโตะที่เขานิยมไปกัน
![](/f/31244/5e5b71d7dc3ca22ab8e393c7.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d8dc3ca22ab8e393c8.jpg)
ผมตัดสินใจเดินผ่าฝูงชนรีบไปที่เคาน์เตอร์แล้วรีบบอกพี่เจ้าหน้าที่ว่าผมขอยกเลิกตั๋วขากลับได้ไหม และขอตั๋วที่กลับไปยังโตเกียวเร็วที่สุด พี่เจ้าหน้าที่ก็ทำให้ จากนั้นผมรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังโตเกียว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาถึงได้ประมาณ 20 นาที !!! แผนในหัวของผมตอนนั้นคือ กลับไปตั้งหลักที่โตเกียวแล้วพรุ่งนี้มาใหม่ เพราะถ้าเที่ยววันนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแน่ เพราะฟ้าปิดมาก
![](/f/31244/5e5b71d6dc3ca22ab8e393c5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71d8dc3ca22ab8e393c9.jpg)
ขบวนที่ผมรีบขึ้นมานี้เป็นรถไฟท้องถิ่นซึ่งจะจอดทุกสถานี ย้ำทุกสถานี ๕๕๕ กว่าจะถึงโตเกียวก็ประมาณ 3 ชั่วโมง ผมเลยเปลี่ยนแผนใหม่ พอได้ยินบนรถไฟประกาศว่าคุณสามารถเปลี่ยนรถไฟไปยัง Yokohama ได้ที่สถานีนี้ ผมรีบลงจากรถไฟแล้วเปลี่ยนแผนกะทันหันไป Yokohama ในทันทีทันใด ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b71dadc3ca22ab8e393ca.jpg)
พอถึง Yokohama ผมก็เดินไปที่พิพิธภัณฑ์ราเมง ค่าเข้าชมคนละ 310 เยน
![](/f/31244/5e5b71dadc3ca22ab8e393cb.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dbdc3ca22ab8e393cc.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dcdc3ca22ab8e393cd.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dcdc3ca22ab8e393ce.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dedc3ca22ab8e393d0.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dedc3ca22ab8e393d1.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dfdc3ca22ab8e393d2.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e0dc3ca22ab8e393d3.jpg)
![](/f/31244/5e5b71dedc3ca22ab8e393cf.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e2dc3ca22ab8e393d5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e1dc3ca22ab8e393d4.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e2dc3ca22ab8e393d6.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e5dc3ca22ab8e393d9.jpg)
จากนั้นก็ออกมากินราเมงที่ Family Mart เพราะราคาถูก ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b71eadc3ca22ab8e393e0.jpg)
และผมก็ค้นหาเส้นทางเพื่อไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ Kirin ที่นีดีมาก เข้าชมฟรี ภายในจะบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่จะมีเครื่องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พี่เจ้าหน้าที่บริการดีมาก ทีแรกพี่เจ้าหน้าที่เดินมาทักทายผมและบอกว่าจะเป็นไกด์นำทัวร์ในครั้งนี้ เพราะเห็นผมเป็นคนต่างชาติพี่เขาเลยเข้ามาทักทายมั้ง การชมโรงงานเบียร์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และสุดท้ายมีเบียร์ให้ชิมฟรีด้วย ดีมาก ๆ เลย ใครมา Yokohama แนะนำมาที่นี่ครับ
![](/f/31244/5e5b71e8dc3ca22ab8e393dc.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e4dc3ca22ab8e393d8.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e4dc3ca22ab8e393d7.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e6dc3ca22ab8e393da.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e7dc3ca22ab8e393db.jpg)
![](/f/31244/5e5b71e8dc3ca22ab8e393dd.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ebdc3ca22ab8e393e1.jpg)
จากนั้นไปชมวิวยามค่ำคืนของ Yokohama ก่อนนั่งรถไฟกลับโตเกียว โดยที่ค่ารถไฟนั้นไม่ได้จ่าย เพราะเราสามารถใช้ JR Tokyo Wide Pass ได้
![](/f/31244/5e5b71e8dc3ca22ab8e393de.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ecdc3ca22ab8e393e3.jpg)
![](/f/31244/5e5b71eadc3ca22ab8e393df.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ebdc3ca22ab8e393e2.jpg)
พอกลับมาถึงโตเกียวผมก็ไปสถานที่แห่งหนึ่งที่อยากเห็นมาก ๆ นั่นคือ ห้าแยกชิบูย่า ๕๕๕ ก็ได้ไปเดินข้ามถนนท่ามกลางผู้คนมากมาย ตื่นเต้นดีได้มาเห็นกับตา จากนั้นผมก็กลับไปยังโฮสเทลเพื่อนอนพักผ่อนเอาแรง
![](/f/31244/5e5b71eddc3ca22ab8e393e4.jpg)
![](/f/31244/5e5b71efdc3ca22ab8e393e6.jpg)
![](/f/31244/5e5b71efdc3ca22ab8e393e5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71efdc3ca22ab8e393e8.jpg)
คืนนี้ผมนอนที่ Hostel EastBlue Kasai Tokyo ราคา 315.30 บาทต่อคนต่อคืน
![](/f/31244/5e5b71efdc3ca22ab8e393e7.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f1dc3ca22ab8e393e9.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f2dc3ca22ab8e393eb.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f1dc3ca22ab8e393ea.jpg)
Chapter 8
Nikko เมืองมรดกโลก
Day 8
14 December 2019
เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้นั่ง Shinkansen รถไฟหัวกระสุน ผมรีบตื่นและรีบมายังสถานีโตเกียวเพื่อนั่งรถไฟ Shinkansen ไปเมือง Nikko เมืองมรดกโลก รถไฟออกเวลา 07:32 ตรงเวลามาก ๆ และไปลงที่สถานี UTSUNOMIYA จากนั้นก็ต่อรถไฟสาย Nikko ไปยังเมือง Nikko การเดินทางไม่ยากเลย มองป้าย เดินตามป้าย ถ้าไปไม่ถูกจริง ๆ ค่อยถามเจ้าหน้าที่
![](/f/31244/5e5b71f3dc3ca22ab8e393ec.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f3dc3ca22ab8e393ed.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f4dc3ca22ab8e393ee.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f5dc3ca22ab8e393f0.jpg)
อาหารมื้อเช้าวันนี้
![](/f/31244/5e5b71f6dc3ca22ab8e393f1.jpg)
ระหว่างทางจากสถานี Tokyo ไปสถานี UTSUNOMIYA
![](/f/31244/5e5b71f5dc3ca22ab8e393ef.jpg)
รถไฟสาย Nikko
![](/f/31244/5e5b71f6dc3ca22ab8e393f2.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f8dc3ca22ab8e393f3.jpg)
หน้าสถานีรถไฟ JR Nikko
![](/f/31244/5e5b71f8dc3ca22ab8e393f4.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f8dc3ca22ab8e393f5.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f9dc3ca22ab8e393f6.jpg)
![](/f/31244/5e5b71f9dc3ca22ab8e393f7.jpg)
ตามที่ได้อ่านรายละเอียดการเที่ยวเมือง Nikko คร่าว ๆ ให้ไปซื้อ Bus Pass ราคา 500 เยน ซึ่งจะพาเราไปยัง โซนมรดกโลก สะพานแดงชินเคียว ศาลเจ้าโทโชกุ หลังจากที่ซื้อ Bus Pass ผมก็นั่งรถบัสไปแบบมั่ว ๆ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาการเดินทางแบบละเอียด ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b71f9dc3ca22ab8e393f8.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fadc3ca22ab8e393f9.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fbdc3ca22ab8e393fc.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fadc3ca22ab8e393fa.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fadc3ca22ab8e393fb.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fbdc3ca22ab8e393fd.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fcdc3ca22ab8e393fe.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fddc3ca22ab8e393ff.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fddc3ca22ab8e39400.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fddc3ca22ab8e39402.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fddc3ca22ab8e39401.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fedc3ca22ab8e39403.jpg)
![](/f/31244/5e5b71fedc3ca22ab8e39404.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ffdc3ca22ab8e39406.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ffdc3ca22ab8e39405.jpg)
![](/f/31244/5e5b71ffdc3ca22ab8e39407.jpg)
![](/f/31244/5e5b7200dc3ca22ab8e39408.jpg)
![](/f/31244/5e5b7201dc3ca22ab8e3940a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7201dc3ca22ab8e3940c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7201dc3ca22ab8e39409.jpg)
![](/f/31244/5e5b7201dc3ca22ab8e3940b.jpg)
![](/f/31244/5e5b7202dc3ca22ab8e3940d.jpg)
![](/f/31244/5e5b7203dc3ca22ab8e3940e.jpg)
![](/f/31244/5e5b7204dc3ca22ab8e39410.jpg)
หลังจากเดินชมมรดกโลก เมือง Nikko อย่างเต็มอิ่มผมก็นั่งรถไฟกลับเข้ามายังโตเกียวและเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งคืนนี้ผมขอพักที่ ... ขอไม่บอกชื่อโฮสเทลแล้วกันครับ
![](/f/31244/5e5b7203dc3ca22ab8e3940f.jpg)
![](/f/31244/5e5b7204dc3ca22ab8e39411.jpg)
วิวระหว่างเดินไปโฮสเทล
![](/f/31244/5e5b7205dc3ca22ab8e39413.jpg)
หลังจากที่ Check in เข้าที่พักเก็บข้าวเก็บของ ก็ไปหาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อมากิน
![](/f/31244/5e5b7205dc3ca22ab8e39414.jpg)
![](/f/31244/5e5b7205dc3ca22ab8e39415.jpg)
ผมคิดในใจว่าตั้งแต่มาญี่ปุ่นโฮสเทลทุกโฮสเทลที่ผมไปพักดีหมด ประทับใจทั้งนั้น จนมาถึงวันนี้เหตุการณ์ที่โคตรระทึกก็ได้เกิดขึ้น!!!
เวลา ประมาณ 00:10 ผมก็กำลังจะนอนเพื่อเก็บแรงไว้ลุยต่อในวันพรุ่งนี้ ปรากฏว่า มีเสียงสัญญาณเตือนเป็นเสียงกริ่งดังทั่วห้อง ทุกคนภายในห้องพากันแตกตื่น ผมรีบลุกออกจากที่นอนแล้วไปเปิดไฟ พี่คนญี่ปุ่นคนหนึ่งก็รีบไปที่จุดที่เสียงกริ่งมันดัง พยายามจะแก้ไขและปิดมันแต่มันก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น ผู้เข้าพักบางคนเก็บกระเป๋า ใส่เสื้อผ้า และไม่มีการบอกกล่าวว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่ถามเพื่อนร่วมห้องที่เป็นฝรั่งว่า เกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกัน เสียงกริ่งก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น และมีบางคนรีบลงลิฟต์ไปยังชั้น 1 ส่วนผมก็ใส่เสื้อผ้าเสื้อกันหนาวเตรียมอพยพ ตอนนี้อยู่ในห้องเหลือไม่กี่คนแล้ว ตอนนั้นผมยอมรับว่าตื่นเต้น ตื่นตระหนกมาก ได้ยินมาว่าไฟไหม้ห้ามใช้ลิฟต์ผมก็ไม่กล้าใช้ ผมกับเพื่อนฝรั่งคนหนึ่งรีบวิ่งไปบันไดหนีไฟ มองดูรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีควันหรือเหตุไฟไหม้ ผมก็ชวนเพื่อนชาวฝรั่งด้วยความสติแตกนิดหนึ่งว่า เราต้องออกไปจากที่นี่ แต่ฝรั่งคนนั้นก็ชวนคุยไปเรื่อย ถามผมว่าคุณมาจากประเทศไทยใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ ก็ยังงง ๆ ว่าเขารู้ได้ไงว่าผมมาจากประเทศไทย สักพักเราเดินกลับเข้าไปที่ห้องเหมือนเดิม เสียงสัญญาณเตือนดับไป และก็ดังขึ้นมาอีก !!! ในใจตอนนั้นอยากลงไปข้างล่างทางบันไดแต่ไม่มีเพื่อนเดินลงไป ก็เลยยังอยู่ภายในห้อง สักพักรถดับเพลิงมาจ้า ตอนนั้นยิ่งสติแตก กูไม่อยู่แล้ววววรถดับเพลิงมาขนาดนี้ ผมตัดสินใจรีบลงลิฟต์คนเดียว!!! โอ้ยยย ถ้าลิฟต์ค้างขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย ๕๕๕ แต่มาคิดกลับไปแล้วเราไม่ควรลงลิฟต์มาเลย เพราะถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้จริง ๆ ไฟดับ คงตายแน่ ๆ พอลงมาด้านล่างเจอแขกผู้เข้าพักและผู้ร่วมชะตากรรมเต็มด้านล่างเลยจ้าเลยจ้า พี่เจ้าหน้าที่พนักงานดับเพลิง ก็วิ่งไปวิ่งมาไม่รู้ว่าทำอะไร และไม่รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ น้ำตาจะไหล พอเหตุการณ์สงบกลับขึ้นไปนอนต่ออย่างหวาดระแวง สรุปคืนนี้ได้นอน 01:30 จ้า
![](/f/31244/5e5b7204dc3ca22ab8e39412.jpg)
Chapter 9
Yuzawa ฉันต้องเห็นหิมะตก
Day 9
15 December 2019
เดินทางจากที่พักไปสถานี TOKYO
![](/f/31244/5e5b7206dc3ca22ab8e39416.jpg)
![](/f/31244/5e5b7207dc3ca22ab8e39418.jpg)
ผมได้ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่สถานี ราคา 400 เยน ต่อวัน
![](/f/31244/5e5b7206dc3ca22ab8e39417.jpg)
เป้าหมายวันนี้ผมคือ Gala Yuzawa เป็น Ski Resort ที่คนไทยนิยมไปมากที่สุด อยู่ใกล้โตเกียวเพียง 90 นาที โดยนั่งรถไฟ Shinkansen กำหนดการเดิมนั้น Gala Yuzawa จะเปิดในวันที่ 15 ธันวาคม 2019 แต่ปรากฏว่าเลื่อนเปิดเป็นวันที่ 16 ธันวาคม 2019 เนื่องจากหิมะน้อย โชคช่างเข้าข้างจริงจริ๊งงงงง ก่อนมาผมอุตส่าห์เลื่อนการเดินทางเพื่อที่จะมาให้ทันวัน Gala Yuzawa เปิด แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน (คนบาป 2019 จ้าาา ๕๕๕)
![](/f/31244/5e5b7208dc3ca22ab8e3941a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7209dc3ca22ab8e3941c.jpg)
นั่ง Shinkansen อีกครั้ง
![](/f/31244/5e5b7207dc3ca22ab8e39419.jpg)
![](/f/31244/5e5b7208dc3ca22ab8e3941b.jpg)
![](/f/31244/5e5b7209dc3ca22ab8e3941d.jpg)
ไมโลติดกระเป๋ามาจากประเทศไทย
![](/f/31244/5e5b720adc3ca22ab8e3941e.jpg)
![](/f/31244/5e5b720adc3ca22ab8e3941f.jpg)
วิวข้างทาง ภูเขาไฟฟูจิ จากระยะไกลลลล
![](/f/31244/5e5b720bdc3ca22ab8e39420.jpg)
ถึงสถานี Echigo Yuzawa ประมาณ 11:12
![](/f/31244/5e5b720cdc3ca22ab8e39422.jpg)
![](/f/31244/5e5b720edc3ca22ab8e39426.jpg)
![](/f/31244/5e5b720cdc3ca22ab8e39421.jpg)
![](/f/31244/5e5b720cdc3ca22ab8e39423.jpg)
![](/f/31244/5e5b720ddc3ca22ab8e39425.jpg)
ผมจึงเปลี่ยนแผนไป Ski Resort ที่ใกล้สถานีรถไฟที่สุดคือ Yuzawa Kogen เพราะดูในเว็บแล้วเปิดวันที่ 15 ธันวาคม 2019 และไม่เห็นประกาศเลื่อนเปิด พอไปถึงปรากฏว่าเปิดให้ขึ้นแค่ Ropeway และลานสกี ลานหิมะ ก็ยังไม่เปิดเช่นกัน ผมเลยนั่ง Ropeway เพื่อไปชมวิวบนภูเขา ซึ่งค่า Ropeway ไป-กลับคนละ 2,200 เยน
![](/f/31244/5e5b720cdc3ca22ab8e39424.jpg)
![](/f/31244/5e5b720fdc3ca22ab8e39428.jpg)
![](/f/31244/5e5b720edc3ca22ab8e39427.jpg)
![](/f/31244/5e5b720fdc3ca22ab8e39429.jpg)
![](/f/31244/5e5b720fdc3ca22ab8e3942a.jpg)
Ropeway
![](/f/31244/5e5b7210dc3ca22ab8e3942b.jpg)
![](/f/31244/5e5b7210dc3ca22ab8e3942c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7211dc3ca22ab8e3942e.jpg)
![](/f/31244/5e5b7212dc3ca22ab8e3942f.jpg)
![](/f/31244/5e5b7212dc3ca22ab8e39430.jpg)
![](/f/31244/5e5b7211dc3ca22ab8e3942d.jpg)
![](/f/31244/5e5b7213dc3ca22ab8e39434.jpg)
![](/f/31244/5e5b7213dc3ca22ab8e39431.jpg)
![](/f/31244/5e5b7213dc3ca22ab8e39433.jpg)
![](/f/31244/5e5b7213dc3ca22ab8e39432.jpg)
![](/f/31244/5e5b7215dc3ca22ab8e39435.jpg)
![](/f/31244/5e5b7216dc3ca22ab8e39436.jpg)
![](/f/31244/5e5b7216dc3ca22ab8e39438.jpg)
![](/f/31244/5e5b7216dc3ca22ab8e39437.jpg)
![](/f/31244/5e5b7216dc3ca22ab8e39439.jpg)
จากนั้นก็เดินกลับสถานี Echigo Yuzawa
![](/f/31244/5e5b7218dc3ca22ab8e3943a.jpg)
![](/f/31244/5e5b7218dc3ca22ab8e3943c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7218dc3ca22ab8e3943b.jpg)
และแวะกินราเม็งที่สถานี
![](/f/31244/5e5b7218dc3ca22ab8e3943d.jpg)
![](/f/31244/5e5b721adc3ca22ab8e3943e.jpg)
![](/f/31244/5e5b721cdc3ca22ab8e39443.jpg)
หลังจากที่เดินเที่ยวเมือง Yuzawa จนขาลากแล้วผมก็เดินทางกลับโตเกียวโดยนั่ง Shinkansen เช่นเดิม
![](/f/31244/5e5b721adc3ca22ab8e3943f.jpg)
![](/f/31244/5e5b721bdc3ca22ab8e39440.jpg)
![](/f/31244/5e5b721bdc3ca22ab8e39441.jpg)
![](/f/31244/5e5b721cdc3ca22ab8e39442.jpg)
![](/f/31244/5e5b721edc3ca22ab8e39445.jpg)
เพื่อการใช้ Tokyo Wide Pass ให้คุ้มค่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายผมได้นั่งรถไฟ Narita Express (N’EX) ไปยังสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องกลับในวันพรุ่งนี้ ซึ่งปกติค่ารถไฟ (N’EX) ประมาณ 1,530 เยน (ไม่แน่ใจราคาเหมือนกันครับ) ส่วนคืนนี้นั้นผมนอนที่สนามบิน!!! อย่าทำตาม ไม่ใช่ไม่ปลอดภัยนะ ปลอดภัยมาก ๆ มีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตลอดเวลา แต่มันนอนไม่สบาย
![](/f/31244/5e5b721ddc3ca22ab8e39444.jpg)
![](/f/31244/5e5b721edc3ca22ab8e39446.jpg)
![](/f/31244/5e5b721edc3ca22ab8e39447.jpg)
![](/f/31244/5e5b721fdc3ca22ab8e3944a.jpg)
เป็นทริปแรกที่ผมอยากกลับบ้านมาก เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเหงา และที่สำคัญเงินจะหมด ผมรออยู่ที่สนามบินตั้งแต่เวลา 18:00 - 07:00 ของอีกวัน เรียกได้ว่าเดินแทบจะทุกซอกทุกมุมของสนามบิน จนรู้ทางหมด และที่สำคัญขาแทบลาก
ระหว่างที่รอนั้นผมนึกขึ้นได้ว่ามีหนังเรื่องหนึ่งที่มีคนติดอยู่ในสนามบินเป็นเวลาหลายเดือน นั่นก็คือเรื่อง The Terminal ผมนั่งดูหนังเรื่องนี้จนจบและให้กำลังใจตัวเองว่ายังมีคนที่ติดอยู่ในสนามบินนานกว่าเรา ๕๕๕
และอาหารสำหรับเย็นนี้
![](/f/31244/5e5b721fdc3ca22ab8e39449.jpg)
Chapter 10
กลับบ้านนนนนน
Day 10
16 December 2019
วันนี้ที่ผมรอคอย หลังจากตื่นที่สนามบินรีบมาโหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์สายการบิน Vietnam Airline โดยที่ผมได้ Check in และเลือกที่นั่ง ผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว พอเสร็จก็เดินไปยัง Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง ครั้งนี้ผมต่อเครื่องที่สนามบินดานัง ประเทศเวียดนาม เที่ยวบินนี้เป็นเครื่องบิน Airbus A321 เครื่องเล็ก แต่อาหารเครื่องดื่มยังมีพร้อม
![](/f/31244/5e5b7222dc3ca22ab8e39450.jpg)
![](/f/31244/5e5b721fdc3ca22ab8e39448.jpg)
![](/f/31244/5e5b7220dc3ca22ab8e3944b.jpg)
ครั้งนี้ผมจองที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งขวาเพื่อที่จะได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิก่อนกลับ แต่สิ่งที่ได้ จ้า ริมหน้าต่าง แต่มีหน้าต่างเพียงนิดเดียว คนบาป 2019 จริง ๆ ๕๕๕
![](/f/31244/5e5b7221dc3ca22ab8e3944d.jpg)
![](/f/31244/5e5b7221dc3ca22ab8e3944c.jpg)
![](/f/31244/5e5b7222dc3ca22ab8e39451.jpg)
วิวภูเขาไฟฟูจิขากลับ ซึ่งเครื่องบินบินห่างมาก ๆ
![](/f/31244/5e5b7222dc3ca22ab8e3944f.jpg)
ณ สนามบินดานัง ระหว่างที่จะต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ หลังจากที่ลงจากเครื่องเสร็จแล้วมีเจ้าหน้าที่มายืนรอเพื่อพาเราไปต่อเครื่อง ทุกคนเข้าสู่กระบวนการสแกนกระเป๋าและสแกนร่างกายอีกครั้ง ส่วนผมนั้นเจ้าหน้าที่ได้สแกนเจอ Power Bank ของผมขนาด 30,000 mAh และยังไม่ได้บอกได้กล่าวอะไรผม ให้ผมยืนรอ จนผู้โดยสารคนสุดท้ายสแกนเสร็จ
![](/f/31244/5e5b7222dc3ca22ab8e3944e.jpg)
![](/f/31244/5e5b7224dc3ca22ab8e39452.jpg)
ผมก็ยังไม่ได้ถามว่าทำไมถึงกักตัวผมไว้ เจ้าหน้าที่ก็เอาพาสปอร์ต บอร์ดิ้งพาสและ PowerBank ของผมไป และพาผมไปจุดสแกนอีกที่หนึ่ง และบอกให้ผมรอ โดยที่ผมยังไม่ได้ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรออยู่นานมาก และไม่รู้เจ้าหน้าที่เขาไปทำอะไร ในใจคิดว่าเอา PowerBank ไปเลยแล้วรีบเอาพาสปอร์ตกับบอร์ดิ้งพาสผมคืนมา ผมรออยู่สักพักกำลังจะเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าตอนไหนจะเสร็จเพราะผมมีเวลาต่อเครื่องเพียง 50 นาที สักพักพี่เจ้าหน้าที่ก็เอา พาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส และ PowerBank มาคืน โดยที่ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น และผมก็ไม่ได้ถามเพราะรีบด้วย
จากนั้นรีบวิ่งไปที่ Gate 4 เพราะทีแรกพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เที่ยวบินของเราเปลี่ยนจาก Gate 2 เป็น Gate 4 พอไปถึงไม่เจอใครสักคนครับ!!! ในป้ายก็บอกว่าไปที่อื่น ไม่ได้ไปกรุงเทพฯ ตายแล้วผมจะมาตกเครื่องที่เวียดนามไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน!!!
จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ Gate 2 แล้วก็เจอผู้คนมากมาย พร้อมป้ายบอกว่า Gate 2 นี้ไปกรุงเทพฯ เลยโล่งใจมาหน่อย แหม! พี่พนักงานไม่น่าบอกเลยว่าเปลี่ยน Gate สุดท้ายก็กลับมา Gate เดิม ใจหายใจคว่ำหมด (ประเด็นคืนตอนนั้นผมติดจุดตรวจอยู่คนเดียวไง แล้วผู้โดยสารที่ต่อเครื่องด้วยกันก็หายไปหมด น้ำตาจะไหล) ช่างเป็นทริปคนบาป 2019 ที่แท้ทรู
![](/f/31244/5e5b7224dc3ca22ab8e39456.jpg)
![](/f/31244/5e5b7224dc3ca22ab8e39455.jpg)
![](/f/31244/5e5b7224dc3ca22ab8e39454.jpg)
![](/f/31244/5e5b7225dc3ca22ab8e39457.jpg)
ถึงประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
![](/f/31244/5e5b7224dc3ca22ab8e39453.jpg)
![](/f/31244/5e5b7227dc3ca22ab8e39459.jpg)
Chapter 11
สรุปค่าใช้จ่าย
![](/f/31244/5e5b7226dc3ca22ab8e39458.jpg)
Day 1
7 December 2019
- ค่ารถจากบ้าน - สนามบินสุวรรณภูมิ 165 บาท
- รถบัสสนามบิน Tan Son Nhat – พิพิธภัณฑ์สงคราม 20,000 ด่อง (26.76 บาท)
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สงคราม 40,000 ด่อง (53.52 บาท)
- ขนมหวาน 35,000 ด่อง (46.83 บาท)
- เบียร์และอาหารเย็น 110,000 ด่อง (147.18 บาท)
- ค่ารถบัสตัวเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ เข้าสนามบิน 20,000 ด่อง (26.76 บาท)
- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท
Day 2
8 December 2019
- อาหารเที่ยงจาก LAWSON 459 เยน (131.96 บาท)
- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท
Day 3
9 December 2019
- ล็อกเกอร์ (9 Dec. 19) 300 เยน (86.25 บาท)
- อาหารเช้า 281 เยน (80.78 บาท)
- รถไฟจากสถานี New Chitose Airport - สถานี Sapporo 1,150 เยน (330.61 บาท)
- อาหารกลางวัน 503 เยน (144.61 บาท)
- รถไฟจากสถานี Nishi Juitchome - สถานี Miyanosawa 290 เยน (83.37 บาท)
- รถไฟจากสถานี Miyanosawa - สถานี Odori 290 เยน (83.37 บาท)
- ค่าถ่ายภาพจากงาน illumination Sapporo 1,300 เยน (373.74 บาท)
- อาหารเย็น 632 เยน (181.69 บาท)
- ค่าที่พัก Social Hostel 365 438.13 บาท
Day 4
10 December 2019
- อาหารเช้า 554 เยน (159.27 บาท)
- เบียร์ Sapporo 300 เยน (86.25 บาท)
- รถบัส Sapporo Beer Museum – Odori 210 เยน (60.37 บาท)
- รถบัส Odori - สถานี Teine 340 เยน (97.75 บาท)
- รถไฟสถานี Teine - สถานี Otaru 540 เยน (155.24 บาท)
- อาหารเย็น 539 เยน (154.96 บาท)
- ค่าที่พัก Otaru Green Hotel 310.02 บาท
Day 5
11 December 2019
- อาหารเช้า 381 เยน (109.53 บาท)
- รถบัส สถานี Otaru - สถานี Sapporo 620 เยน (178.24 บาท)
- รถไฟ สถานี Sapporo - สถานี Chitose 970 เยน (278.87 บาท)
- อาหารกลางวัน 731 เยน (210.16 บาท)
- อาหารเย็น 937 เยน (269.38 บาท)
- ค่าที่พัก Air Hostel LCC 501.53 บาท
Day 6
12 December 2019
- รถไฟ สถานี Chitose - สถานี New Chitose Airport 270 เยน (77.62 บาท)
- อาหารกลางวัน 407 เยน (117.01 บาท)
- ล็อกเกอร์ (10-12 Dec. 19) 900 เยน (258.74 บาท)
- รถบัส Narita Airport – Tokyo 1,000 เยน (287.49 บาท)
- Tokyo Subway 72-hour Ticket 1,500 เยน (431.24 บาท)
- อาหารเย็น 636 เยน (182.84 บาท)
- Tokyo Wide Pass 10,180 เยน (2,926.65 บาท)
- ค่าที่พัก Hostel EAST57 ASAKUSABASHI 371.50 บาท
Day 7
13 December 2019
- ฝากกระเป๋าที่โฮสเทล (13 Dec. 19) 300 เยน (86.25 บาท)
- อาหารเช้า 341 เยน (98.03 บาท)
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ราเม็ง 310 เยน (89.12 บาท)
- อาหารกลางวัน 645 เยน (185.43 บาท)
- อาหารเย็น 774 เยน (222.52 บาท)
- ค่าที่พัก Hostel EastBlue Kasai Tokyo 315.30 บาท
Day 8
14 December 2019
- ฝากกระเป๋าที่โฮสเทล 300 เยน (86.25 บาท)
- อาหารเช้า 220 เยน (63.25 บาท)
- Nikko Bus Pass 500 เยน (143.75 บาท)
- อาหารกลางวัน 602 เยน (173.07 บาท)
- อาหารเย็น 682 เยน (196.07 บาท)
- ซักผ้า 500 เยน (143.75 บาท)
- ค่าที่พัก Hostel … 465.46 บาท
Day 9
15 December 2019
- ล็อกเกอร์ที่สถานี Tokyo 400 เยน (115.00 บาท)
- Rope Way 2,200 เยน (632.48 บาท)
- อาหารกลางวัน 590 เยน (169.62 บาท)
- อาหารเย็น 686 เยน (197.22 บาท)
- ค่าที่พัก (นอนสนามบิน) 0 บาท
Day 10
16 December 2019
- กาแฟ 140 เยน (40.25 บาท)
- ค่ารถจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับบ้าน 239 บาท
รวม
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – นาริตะ, ญี่ปุ่น 8,120 บาท
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ นาริตะ, ญี่ปุ่น – ซัปโปโร, ญี่ปุ่น 3,205 บาท
- ค่าซิม Sim2Fly AIS เอเชีย 6 GB 10 Days 291 บาท
- ค่าประกันเดินทาง Cigna 10 วัน (โปรโมชั่น บัตร VISA) 0 บาท
- ค่าอุปกรณ์กันหนาว 2,234 บาท
- ค่าเดินทาง (ทางบก) 6,224.57 บาท
- ค่าอาหาร 3,367.91 บาท
- ค่าที่พัก 2,401.94 บาท
- ค่าฝากกระเป๋า 632.49 บาท
- อื่น ๆ (ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ค่าซักผ้า ค่าถ่ายภาพ) 660.13 บาท
รวมทั้งหมด 27,137.04 บาท !!!
* หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงจาก Webull (1 กุมภาพันธ์ 2563)
Khunjao Backpacker
วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.