ไป >>> ไม่ไป <<< ไป >>> ไม่ไป <<< ????
เอาไงดี ตอนนี้ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 กำลังระบาดอย่างต่อเนื่อง แล้วเราจะไปเที่ยวเวียดนามได้ไหมหนอ ไม่รีรอรีบหาข้อมูลก่อนไป ป.เวียดนามมีผู้ติดเชื้อ 16 คน หายแล้วเกือบหมด ไทย 35 คน อุ๊แหม่ ไทยน่ากลัวกว่าอีก ส่วนเวียดนามก็ไม่มีคนจีนเที่ยว เลยตัดสินใจไป เพราะรัฐบาลก็ไม่ได้บอกว่า ป.เวียดนามเป็นประเทศเสี่ยง ให้เลี่ยงเดินทาง และบริษัทฯ ก็ยังไม่ประกาศมีแจ้งอะไร ก็ไปสิ หึ หึ
ทริปนี้เราไม่ได้ไปเอง ไปแจมกับกลุ่มคนที่จัดไปเที่ยวกันเอง เลยไม่ต้องหาข้อมูลการเดินทาง ที่พัก รถ ตั๋ว การแลกเงิน จึงสบายไปและเป็นทริปสั้น ๆ ไปแค่ 3 วัน 2 คืน ลงเครื่องปุ๊บก็นั่งรถบัสไปซาปาเลย
ถึงสนามบินฮานอย ก็ต้องซื้อ sim 7 วันราคา 200000 vnd เป็นเงินไทยก็ประมาณ 280 บาท แนะนำให้ซื้อผ่านเวป klook ราคา 204 บาท ปริ้นท์ใบ แล้วไปรับที่เคาร์เตอร์ที่สนามบิน หาไม่ยากค่ะ ประหยัดไปได้เยอะ
ส่วนเรื่องแลกเงิน ก็จัดการแลกไปเลย เราไป 3 วัน แลกไป 5000 บาทไทย ได้เงินเวียดนามมา 3650000 vnd โอ้วววว รวยแล้วเรา (ถ้าแลกเป็นแบงค์ย่อย ๆ ได้ก็จะดี เพราะร้านค้าเล็ก ๆ จะไม่ค่อยมีเงินทอนสักเท่าไหร่ และเวลาเข้าห้องน้ำ แต่ละที่ เค้าจะเก็บค่าเข้า 2000 - 3000 vnd.
****************************
แต่ถ้าใครไปเอง แนะนำเลือกไฟลท์เช้าแล้วก็แวะเที่ยวในย่านเมืองเก่า Hanoi oldtown มีร้านกาแฟให้เลือกนั่งเยอะ ไปไหนก็ให้เรียก grab เอาเพราะถ้าเรียกแท็กซี่ อาจโดนฟันหัวแบะเหมือนที่ใคร ๆ หลายคนโดนมาไม่รู้ด้วยนะเออ
จากฮานอยไปซาปามีวิธีไป 3 วิธี (ตามวิธีที่เราศึกษามานะ ไปจริงอาจมากกว่านี้ก็ได้)
1. นั่งรถไฟนอน 22.00 ไปสว่างที่สถานีลาวไก(Lao Cai) ตอน 6.00 น. และต่อรถบัสไปซาปาอีก 1 ชม. ค่ารถไฟ+บัส ก็เกือบ ๆ พันบาทไทย (นักท่องเที่ยวนิยมวิธีนี้เพราะจะได้นอนไป และเช้ามาก็เที่ยวเลย)
2.นั่งรถบัส / รถตู้ ใช้เวลา ประมาณ 6 ชม. มีหลายเวลาให้เลือกจะธรรมดา หรือ VIP และก็มีหลายราคา
3.หรือถ้าไปหลายคน ก็ เหมารถลีมูซีนไป ค่ารถ 185 usd ถ้าไปหลายคนก็สะดวกสบาย ใช้เวลาเพียง 6 ชม.ก็ถึงแย้ว
******************************
มาต่อกันค่ะ เมื่อจัดการเรื่อง sim เรียบร้อย ก็หาอะไรทานที่สนามบิน ระหว่างรอรถมารับ เพราะเราจะยิงยาวถึงซาปาเลย มื้อนี้ 75000 vnd หน้าตาดีนะ เกือบอร่อย แต่บอกเลยว่าหวานมากกกก
นอกสนามบิน ก็จะอากาศเย็น ๆ สัก 16-17 องศา อือ เหมือนเชียงใหม่หน้าหนาวบ้านเราเลย เย็นดีอ่ะ
ระหว่างทางที่ไปซาปา ข้างทางก็จะเป็นท้องนา ท้องไร่ คล้ายบ้านเรา แต่ต่างตรงที่หมอกเยอะมาก ๆ ขนาดเวลาเที่ยง บ่าย เย็น มึด หมอกยังไม่จางหายไปเลย สวย ๆ
จากสนามบินมาซาปา จริง ๆ ไม่ไกลแค่ 300 กว่ากิโล แต่รถเค้าจำกัดความเร็ว จึงใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง (นี่ขนาดขึ้นทางด่วนนะ ยังขับแค่ 70-80 เอง 55)
ที่แรกที่ผู้จัด จะพาเราไปคือสะพานแก้วมังกรเมฆ (Glass Bridge Rong May) แต่เรามาถึง 15.30 น. มันก็จะเย็น ๆ แล้วเลยไม่ได้ขึ้นกัน (ยกยอดไปวันกลับ)
เลยแวะถ่ายรูปที่ O Quy Ho Mountain Pass จะเป็นร้านอาหาร+กาแฟ เห็นตรงข้ามมีโรงแรมด้วยนะ ใครจะเข้าไปถ่ายรูปต้องซื้อบัตรเข้าราคา 80000 vnd ที่นี่จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยงาม
อุณหภูมิ ตอนนี้ก็ 12 องศา ชุดไม่พร้อมสิ หนาวมาก 55
วันนี้ฟ้าไม่เปิดเลย หมอกปกคลุมตลอด มองไปตรงไหนก็ขาวโพลนไปหมด
ประตูบาหลี เดี๋ยวนี้ทุกที ก็จะทำตาม ๆ กัน เรียกว่าทำตามกระแสกันไปเนอะ เพื่อเรียกนักท่องเที่ยว
ไม่ได้อยู่รอพระอาทิตย์ตกหรอก หมอกเยอะขนาดนี้คงไม่สวยแน่นอน เข้าที่พักดีกว่า แต่ก่อนเข้าแวะหาอะไรรองท้องสักนิด อิ ๆ
ที่ซาปาจะมีร้านแบบนี้เยอะเลย จะมีเก้าอี้ให้นั่งล้อมวงหน้าเตาไฟ แล้วจิบชา กินอะไรร้อน ๆ แก้หนาวกัน
ตามร้านค้า ต่าง ๆ ก็จะมีเจ้าบ้องกัญชานี่ วางขาย เยอะแยะไปหมด ตามร้านอาหารถ้ามาทานก็จะมีให้ดูดฟรี ๆ แต่เราก็ไม่รู้นะ ว่าที่เค้าดูด ๆ กันเป็นกัญชา หรือยาเส้นนะ ใครอยากรู้ต้องไปลองกันเองค่ะ ตำรวจไม่จับเหมือนเมืองไทยแน่นอน ^_^
ถึงที่พัก Sapa Panorama Hotel โรงแรมก็สะอาดดี อยู่ใจกลางเมือง เดินไปไหน สะดวกสบาย แต่อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่เข่าไม่ดี เพราะทางขึ้นต้องเดินขึ้นบันได เล่นเอาหอบเหมือนกัน (แต่ดีนะเรายังสาวสะพรึง เฮ้ย สาวสะพรั่งเลยไม่เป็นไร 55)
ทางเข้า ถ่ายไว้ กลัวขากลับมาจำทางเข้าไม่เจอ
ยิ่งมึด หมอกยิ่งหนา แถมอากาศก็หนาวมาก มิน่าหล่ะ ที่ซาปาเคยมีหิมะตก เพราะหนาวแบบนี้เอง
มาซาปา ต้องมากินหม้อไฟปลาแซลมอน (Lau Ca hoi Sa Pa) Lau = หม้อไฟ Ca = ปลา hoi = แซลมอน
เข้ามาอุ่นเลย
ร้านอาหารที่นี่ดีนะ เราสามารถซื้อเบียร์ นอกร้านไปนั่งกินในร้านได้ด้วย เป็นเมืองไทย โดนปรับไปสิ 55
ผักจะให้เยอะมาก ๆ ชุดหนึ่งเยอะนะ ต้องทานสัก 4-5 คน ถึงจะหมด ส่วนน้ำจิ้มซีฟู้ดเค้าก็ อืมมม เหมือน พริกกะเกลือ บ้านเรา แต่เวลาจะกินให้บีบมะนาวลงไป อือ แปลกดีนะ พกพาสะดวกดี ไม่ต้องใช้ครกตำให้เสียเวลาด้วย 55
โดยรวมก็อร่อยดีนะ แก้หนาวได้ดีทีเดียวเลย มื้อนี้จำราคาไม่ได้แล้ว ไม่รู้กี่แสน ??
ท้องอิ่ม ก็เดินสำรวจเมือง ยามค่ำคืน (ขอรวบภาพ 2 คืนมาไว้รวมกันเลยทีเดียวและขออนุญาตินำภาพถ่ายของเพื่อนในกลุ่มมาลง เพราะเราไม่ได้ถ่ายไว้เลย 55)
ไฟเยอะ ๆ อากาศเย็น ๆ เดินเพลินเลยนะ
มีร้านขายเสื้อผ้ารองเท้า กระเป๋า เยอะแยะ ชุดกันหนาวเพียบ ใครที่ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาก็สามารถมาหาซื้อได้ที่นี่ ราคาไม่แพง 350 บาท ขึ้นไป (ดูเรื่องซิป เรื่องเนื้อผ้ากันเองนะจ๊ะ)
ทุกร้านจะขายสินค้าเหมือน ๆ กัน ร้านไหนพูดไทยได้หน่อย คนไทยก็จะแห่กันไปซื้อแน่นร้านเลย ส่วนเราไม่ถูกใจเสื้อผ้า แต่ถูกใจของกินมากกว่า 555
เกาลัค ที่นี่เค้าถูกดีนะ มี 2 แบบให้เลือก ของจีน 50000 vnd และของซาปา 80000 vnd (อร่อยกว่า)
และเข้าที่พักนอน รุ่งเช้า มาทานอาหารเช้ากัน ก่อนไปเที่ยววันนี้
รวม 2 มื้อเลย
ทานเสร็จก็ไปรอรถมารับ ตรงหอนาฬิกา
ที่ซาปา เมื่อคุณตื่นมา คุณจะพบว่าคุณมีลูกเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัว 55 เด็ก ๆ ชาวเขาที่นี่ จะตื่นเช้า นอนดึก มายืนมาเดินตาม ขายของนักท่องเที่ยวทุกวัน
ถ้าคุณไม่จ่ายเงิน ภาพที่ออกมาจะเป็นแบบนี้ (แม่สอนมาดี)
แต่ถ้าได้เงินปุ๊บ 555
ส่วนที่โตแล้ว และสามารถพูดได้ จะยื่นตุ๊กตาให้เรา แล้วพูดว่า "เอา" เราบอก "ไม่เอา" ก็จะตอบ "เอา" ก็น่ารักดี ว่าไปแล้วก็คิดถึงนะ ตัวแค่นี้ทำมาหากินได้แล้ว เป็นเด็กไทยสิ อยู่กับจอมือถือ หุ หุ
แต่ถึงเวลารถไม่มารับ 555 (เรามาเวียดนาม 2 ครั้ง เจอปัญหาเรื่องรถตลอด ๆ ดีนะที่ผู้จัดยังเป็นมืออาชีพ และสามารถพูดภาษาเวียดนามได้ เลยแก้ปัญหาโดยการเช่ารถตู้ 2 คันแทน รถบัส ที่ไม่ยอมเข้ามารับ อ้างเข้าไม่ได้ ตำรวจจับ เป็นเราคงโดนรถแถวนั้นฟันราคาหัวแบะแน่ ๆ เพราะพูดภาษาเค้าไม่ได้ 55 )
วันนี้เราจะไป หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) และพิชิตยอดเขาฟานซีปัน กัน
ระหว่างไปก็แวะถ่ายรูป ถ้ามาหน้านา คงจะสวยไม่น้อยเลยนะ ^_^
และแวะกินกาแฟ ถ่ายรูปเล่นที่นี่ DAO SPA สวยนะ เป็นที่พัก มีสปา มีร้านกาแฟ มุมถ่ายรูป สวย ๆ มีวิวนาข้าวให้นอนมอง โอ้ว น่ามานอนมาก ๆ
วิวตอนเช้า ๆ คงจะสวยน่าดูนะ
จากนั้นก็ไป หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) ไม่ได้เข้าชมฟรีนะ ต้องเสียค่าเข้า ในเน็ตบอก 70000 vnd แต่ตอนไป เก็บ 80000 vnd สงสัยที่นี่จะปรับราคาได้ตามใจชอบมั๊ง 55
ถ้าเดินครบทุกจุด คงใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ถ้าใครมีเวลา ก็จัดเลย เสียเงินเข้ามาแล้วเนอะ
อารมณ์ประมาณเดินดอยปุย บ้านเรา
สาว ๆ ก็สามารถเช่าชุดชาวเขา ใส่ถ่ายรูปได้
ส่วนเรา เดินไป เดินมา ท้องร้อง จัดสิ 55
และก็ได้เวลาอาหารเที่ยง ก็อร่อยแบบจึด ๆ มื้อนี้ 520000 vnd (แพงเหมือนกันนะเนี่ย ไม่อิ่มด้วยมันเบา ๆ 555) เพราะที่เวียดนามพวกไข่ พวกเนื้อสัตว์ จะราคาแพงมาก ลองมาไทยสิ ราคานี้ได้เต็มโต๊ะเลย
และรถตู้ก็มาส่งเราที่ แถวหอนาฬิกา ที่เดิม และเดินไปขึ้นรถรางกันจ้า (เก็บตั๋วให้ดีหล่ะ อย่าทำหาย บางอันใช้ตอนขากลับอีกนะ)
ตอนนี้สามารถเดินไปขึ้นรถรางที่เมืองซาปาได้เลย ไม่ต้องนั่งรถไปขึ้นที่เคเบิ้ลแล้วค่ะ (ตึกสีเหลือง ๆ นี้มีห้องน้ำให้เข้าฟรีด้วยนะ)
นึกว่าไปขึ้นรถไฟ ในหนังแฮรี่พอตเตอร์ แล้วกันเนอะ
ไปกันเลย ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
ลงรถรางก็เดินต่อไปขึ้นกระเช้าต่อ หมอกมาอีกแล้ว บางช่วงขาวไปหมดเลย 55
จากรถกระเช้า ก็สามารถเดินขึ้นเขาได้ แต่ว่าขาขึ้นมันจะเหนื่อย เราเลยซื้อตั๋ว ขาขึ้น และ เดินขาลง เพื่อ save เข่าตัวเอง 555 ส่วนใครที่เดินไม่ไหว แนะนำให้ซื้อตั๋วไป-กลับได้เลยนะจ๊ะ
ยืมภาพเค้ามาอีกแล้ว
เย้ เราคือผู้พิชิต (ดีใจทำไม ไม่ได้ปีนเขามาซะหน่อยนั่งกระเช้ามาแท้ ๆ 55 ) ฟานซีปันเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน"
ขาลง >>>> หัวเข่าฉัน
เอาน่า ถือว่าเดินลงได้ชมวิวไปเรื่อย ๆ เสียดายถ้ามาเดือนอื่นจะได้เห็นทะเลหมอก และฟ้าเปิด เหมือนในเน็ต
แต่จะว่าไป วิวก็สวยนะ แม้หมอกจะขาว ๆ แบบนี้ ^_^
ลงแล้ว เอ่อ .... จะร่าเริงไปไหน 55 ว่าแต่คนไปไหนหมดหนอ
มื้อเย็น ก็กินเฝออีก อือ ร้านนี้อร่อย กว่าในสนามบินเยอะเลย
เดินเล่นนิดหน่อย แล้วตบด้วย ของเบา ๆ ก่อนนอน ZZzzz
*** คำเตือน แซลมอน เวียดนามทานดิบ ไม่อร่อยนะ เนื้อเหนียว ๆ มีก้างเยอะ ไม่ผ่านนะ ถ้าไปซาปาแนะนำเบียร์ฮานอย ถูกและอร่อยค่ะ
วันที่ 3 ในซาปา เราต้องกลับแล้ว ยังเดินไม่ทั่วเลย อยากเดินตลาดเช้าจุง (สงสัยต้องมีซ่อม) ใช่สิ ก็วันนี้เราจะไปซ่อมที่ สะพานแก้วมังกรเมฆ กันนิ 55
รถจอดตรงนี้ จะมีรถตู้ขับลงมารับ
ซื้อตั๋ว 400000 vnd
เดินเข้าไปขึ้นลิฟท์แก้ว ดูสิว่าจะเสียวไหม
ถามว่าเสียวไหม ตอบเลยไม่ไม่ เพราะลิฟท์คนเยอะ ไม่มีสิทธิ์มองวิวติดแต่คน เอาน่า เดี๋ยวคงจะเสียวกว่านี้แน่
ออกจากลิฟท์ ก็สวมรองเท้าทับไว้ กันลื่น แล้วเดินอ้อมกลับมา เดินที่กระจก หือ เร็วจัง
กระจกมีแต่ฝ้าปกคลุม เพราะหมอกเยอะ เลยทำให้ไม่เสียวมั๊งนะ 55 เดินวนแป๊บเดียวครบแล้ว (สงสัยถ้าอยากเสียวคงต้องไปประเทศจีน ตามที่เราเคยเห็นในคลิป อันนั้นน่าจะเสียวจริง)
พยายามอีก อยากเสียวไง มองลงไปข้างล่าง ก็ไม่เห็นอีก มีเสา มีคานบังตลอด 55 (400000 ฉันซื้อเบียร์ได้ 30 กระป๋องเลยนะเนี่ย)
และก็ยิงยาว ไปสนามบิน แวะกินอาหารรายทาง บั๋นหมี่ หรือแซนด์วิชเวียดนาม 30000 vnd อร่อยดีนะ
กินเฝออีกแล้ว แต่เปล่าหรอก สั่งอีกอย่าง ได้อีกอย่าง แต่ก็เอาแระ เพราะหิว 55 (ไม่อร่อยด้วย) ราคา 50000 vnd
ถึงสนามบิน ก็กินอีก 55 (อันนี้อร่อย)
ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ รุ่งเช้าต้องไปทำงานตามปกติ
..... แต่ว่า มันไม่ปกติสิ เพราะ COVID-19 มันระบาดไปทั่ว ยิ่งใครที่เดินทางไปต่างประเทศ กลับมาจะเป็นที่ต้องเฝ้าระวัง และระแวงสำหรับคนรอบ ๆ ข้าง แม้ประเทศที่เราไป มันไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่สนามบินที่เราไปใช้ มันเสี่ยงไง ซวยดิ !! จะโดนกักตัวอยู่กับบ้าน 14 วันไหม ?
อย่านะ เพราะเราและเพื่อน ๆ ป้องกันกันสุดฤทธิ์ คาดแมส ใช้เจลล้างมือตลอดที่หยิบจับอะไร กินฟ้าทะลายโจรหลังอาหารทุกมื้อ ไม่นะฉันต้องไม่ติดเชื้อกลับมา ท่องไว้ ๆ
และโชคดียังเป็นของเรา เพราะหลังกลับมา บริษัทฯ ออกประกาศ ห้ามพนักงานเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง (ในประกาศมี ป.เวียดนาม ด้วยสิ) ตรูรอดแล้ว ตรูไปก่อนออกประกาศห้าม 55
.... แต่ก็รู้สึกผิดและต้องขอโทษ ที่ต้องทำให้หลาย ๆ คนกลัว ระแวง อาจไม่สบายใจ ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับเรา (ถ้าเป็นเราก็คงไม่กล้าเข้าใกล้คนเพิ่งกลับจาก ตปท.เหมือนกัน ใจเค้า ใจเราเนอะ)
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ร่วมทริปนี้ด้วยกัน ณ วันนี้พวกเรารอดแล้ว เราไม่ต้องเป็นผู้ต้องสงสัยอีกต่อไป แม้จะมีบางคนอาจโดนกักตัวให้อยู่กับบ้าน บางคนโดนบลูลี่ บางคนกลับมาไม่สบาย เราได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วยดีเสมอมา และแล้วพวกเราก็ผ่านมันไปได้ทุกคน... เย้
... เจอกันทริปหน้า หวังว่า เจ้าวายร้าย COVID-19 จะหายไปจากโลกนี้เร็ว ๆ เทอญ สาธุ
แตงโมเนื้อทราย
วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 22.38 น.