บางทีชีวิตมันก็หนักและเหนื่อยอย่างที่เราไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเชื่อว่าหลายคนคงอยากมีช่วงเวลาที่ได้อยู่นิ่งๆ ให้ความสงบของสรรพสิ่งรอบตัวช่วยบำบัดเรา ในวันที่เรารู้สึกแบบนี้มันจะเหนื่อยไปทั้งกายและใจ การออกเดินทางขึ้นดอยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไปอยู่นิ่งๆ อ่านหนังสือ ดูความงามของป่าเขา ลำเนาไพร สายหมกสายหมอก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราได้อยู่ห่างไกลจากผู้คน และครั้งนี้เราเลือกไปดอยแม่สลอง จองที่พักผ่านทางไลน์กับทางหอมหมื่นลี่ รีสอร์ต พอถึงวันไปก็แพ็คกระเป๋าและออกไปขึ้นเครื่อง ครั้งนี้ใช้บริการของบางกอก แอร์เวย์ส จองได้โปรช่วงหน้าฝนไป-กลับ แค่ 1,350 บาท เท่านั้นถูกมากๆ ไปถึงก็เช็คอินและออกไปที่ระเบียงพร้อมกับหนังสือที่พกมาด้วย การได้นอนอ่านหนังสือในที่เงียบๆ ไร้สิ่งรบกวน อากาศเย็นสบายและค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ จนต้องเย็บมือถือมาเช็คอากาศ "กันยาอะไรอุณหภูมิถึงได้เหลือแค่ 17 องศา" และพอมองออกไปดูวิวมันก็ทำให้ต้องเดินเข้าห้องไปหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปเก็บความสวยงามของช่วงกำลังจะพระอาทิตย์ตกเอาไว้
หมอกมาในตอนเย็นเรามองกลุ่มหมอกตั้งแต่พระธาตุบนดอย(พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี)ยังว่างเปล่าจนกลุ่มหมอกลอยมาคลุม เป็นภาพที่สวยงามมาก อิ่มเอมกับวิวแล้วก็ออกไปหาข้าวกินตอนเกือบ 6 โมงเย็น เดินข้ามฝั่งถนนไปมาหาร้านขายข้าว ทุกร้านปิดหมดจ๊ะ คือ 6 โมง ไม่มีข้าวกินแล้วจ๊ะ อุ๊ยแก่เลยแนะนำว่าให้ไปซื้อเซเว่นแล้วกัน คือมาเที่ยวไกลแค่ไหนยังต้องเพิ่งเซเว่นอยู่ดีค่ะคุณ เดินขึ้นตามความลาดของเขาเพื่อไปเซเว่น ถึงเราแล้วขนซื้อทุกอย่างมาตุนไว้เพราะไม่มีรถส่วนตัวมาไปไกลกว่านั้นไม่ได้แล้ว เหนื่อยมากบอกเลย
ในเช้าวันถัดมาก็ออกมาสูดอากาศชื้นๆ ของไอหมอกเข้าไปเต็มปอดก่อนออกไปกินข้าวเช้าของทางรีสอร์ต อาหารอร่อยเลยล่ะถึงแม้จะมีให้เลือกไม่เยอะ ขอบอกว่าชาและกาแฟของที่นี่อร่อย กินข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้องและออกไปอ่านหนังสือที่ระเบียง มันเป็นการอ่านหนังสือที่มีความสุขมาก อ่านไปซักพักก็เงยหน้ามองวิวสลับกันไป และการเงยหน้าขึ้นมามองวิวแต่ละครั้งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ราวกับว่าเรากำลังเดินดูวิวไปเรื่อยๆ อย่างนั้นแหละ ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะหมอกมาอีกแล้วและมันก็ทำให้วิวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรามองภาพหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านค่อยๆ เลือนหายไปในสายหมอก บางช่วงหมอกกลุ่มหนาก็ทำให้ไม่เห็นหมู่บ้านเลยเห็นเพียงยอดไม้สูงที่โผล่พ้นเป็นเงาดำออกมาเท่านั้น บางช่วงที่หมอกบางก็จะเห็นหมู่บ้านเพียงลางๆ ก่อนจะหายไปอีก
พอถ่ายรูปสักพักเราก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อจนจบและรู้สึกแปลกใจตัวเองว่าอ่านหนังสือเล่มเบ่อเร่อจบภายในวันเดียวได้ยังไม่เคยเป็นแบบนี้นานแล้วนับตั้งแต่เริ่มทำงาน น่าจะเป็นเพราะบรรยากาศที่สงบและความสวยงามของธรรมชาติมันเลยทำให้เราได้พักจริงๆ และได้บำบัดตัวเองให้มีสมาธิกลับมา พอวางหนังสือลงฟ้าก็เริ่มมืดแต่หมอกก็ยังคงอยู่และดูเหมือนจะหนาขึ้นเรื่อยๆ เราจึงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปต่อ การเที่ยวแบบกิจกรรมไม่เยอะและไม่มีแพลนนี่ก็ดีเหมือนกันทำให้เราชาร์ทแบตให้กับตัวเองได้เต็มที่
เช้าวันถัดมาได้นัดหมายให้รถมารับเพื่อลงไปเที่ยวพื้นล่างบ้าง ก่อนเข้ารีสอร์ตเราได้แวะเที่ยวไร่ชาฉุยฟงก่อน คราวนี้เติมความเขียวให้กับหัวใจเต็มๆ มองไปทางไหนก็เขียวไปหมด นั่งชิวชิมชาดูวิวงามๆ รอบตัวได้ซักพักก็ต้องหยิบกล้องออกเดินตากแดดไปถ่ายรูป คือถ้าจะสวยขนาดนี้ก็จะให้ถ่ายแค่จากก้าวอี้ในร่มคงไม่ไหว
จากนั้นก็ไปนอนผ่อนคลายริมสระน้ำที่อยู่บนเนินเขาภายในที่พัก เราพักที่ A-Star Phulare Valley Resort ที่แห่งนี้ก็เป็นที่สุดของความผ่อนคลายเหมือนกัน บ้านพักแยกออกเป็นหลังๆ เพื่อให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พนักงานสุภาพมากและบริการดีมากประทับใจสุดๆ บริเวณรีสอร์ตกว้างมากถึงขั้นที่มีรถกอล์ฟไปส่งหลังจากกินข้าวเสร็จ ภายในรีสอร์ตยังมีการปลูกองุ่นเอย เสาวรสเอย และเลี้ยงน้องแกะด้วยนา
การมาเชียงรายในครั้งนี้เป็นการชาร์ตพลังได้เต็มสุดๆ ถึงเวลาที่เราจะเอาพลังดีๆ เหล่านี้กลับไปเจอกับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าไหมว่าสิ่งที่ทำให้เหนื่อยอย่างแสนสาหัสก่อนหน้านี้มันกลับเป็นเรื่องนิดเดียวที่แค่ใจเราไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไป เมื่อได้พลังดีทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
Titi goaround
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.58 น.