ต่อจากรีวิวเดิม https://th.readme.me/p/2840

เราย้ายเข้าโตเกียวค่ะ มีเวลาท่องเที่ยว 6-7 วัน เลยมีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงด้วย

รีวิวที่แล้วกินเนื้อปลาวาฬดิบไป รีวิวนี้มีอีกแล้วค่ะ แต่เนื้ออะไรติดตามชมค่ะ

ความเดิมตอนที่แล้ว เรานั่งรถไฟจากโอซาก้าเข้าโตเกียว มาถึงดึกพอสมควรค่ะ ข้าวเย็นกินแล้วที่สถานี ตัดฉึบเข้าวันใหม่

กินที่ 1

มื้อแรกในโตเกียว เราโดนไกด์ทิ้งค่ะเนื่องจากไกด์ของเราติดภารกิจ ย่านแรกที่เราตะลุยไปคือ ฮาราจูกุ เหมาะกับวัยมาก เรื่องช้อปเราจะไม่พูด เข้าเรื่องกิน ตื่นสายค่ะ ดังนั้นอันนี้เรียกมื้อบ่าย เดินไปเดินมา มาลงตัวที่ร้านนี้ค่ะ Kyushu Jangara Ramen Harajuku

มีเมนูภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เมนูเป็นแนวเลือกน้ำ เลือกเครื่องที่จะใส่ ใส่เยอะก็ตังค์เยอะ ใส่น้อยก็ถูกลงนิด


ที่นั่งมีทั้งแบบเดี่ยว และหมู่คณะ แบบเดี่ยวๆ ก็จะมีเครื่องปรุงส่วนตัว ก็ว่าจะปรุงแต่เกรงจะเป็นการไม่ให้เกียรติพ่อครัว


เราสั่งแบบใส่น้อยไว้ก่อน กินไม่หมด จะเป็นภาระแก่ลูกหลาน เล่าเรื่องด้วยภาพเหมือนเดิม บรรยายไม่ถูก อร่อยทั้ง 2 ชาม


กินที่ 2

มื้อเย็นรวมตัวครบทีม นัดเจอกันที่สถานีชิบูย่า หน้ารูปปั้นฮาจิโกะ ใครๆ ก็ไปถูก ยกเว้นเรา เดินอ้อมไปสามแยก ชีวิตดี๊ดี เรื่องหลงทางขอให้บอก ไกด์เลยปลอบใจโทษฐานหลงทางอยู่เจ้าเดียว พาเดินเข้าตึกนู้น ออกตึกนี้ย่อยมื้อบ่ายเพื่อไปกินขาปูยักษ์ จำไม่ได้แล้วว่าร้านนี้อยู่ตึกไหน

เมนูมา จานชามพร้อม


ระบบสั่งอาหารของร้านนี้เป็นแบบจอสัมผัส มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย


เมนูแรก ชีสฟองดู กับขนมปังบ้าง ผักบ้าง


จานที่สอง สลัด ผัดสด รสอร่อย


จานที่สาม ไก่ย่าง (ทริปเรานี่กินไก่ไปหลายตัว)


จานที่สี่ ปลาย่าง อันนี้ปลาอะไรไม่รู้ (นอกจากหมดไก่ไปเป็นเล้า ก็หมดปลาไปเป็นกระชัง)


จานที่ห้า อันนี้เรียกอะไรไม่รู้ แกงส้มต้มยำ


จานที่หก ปิดท้ายด้วยขาปูยักษ์ ที่ไกด์บอกว่า รสชาติเหมือนปูอัดบ้านเรา...เฮ่ยยย มันใช่เหรอ


มื้อนี้แพงที่ปูอัด เอ้ย ขาปูนี่หละ


กินที่ 3

เป้าหมายวันนี้ คือ ฟูจิซัง เพื่อหลีกช่วงเวลานักท่องเที่ยวเยอะเลยต้องออกเดินทางกันแต่เช้าตรู อาหารเช้าเลยเป็นแบบง่ายๆ กินไป เดินทางไป รสดี ใส้น้อยไปนิด

เดินทางรอบทะเลสาบเก็บภาพหลักร้อย ใช้ได้หลักสิบ (เศร้า) เข้าเรื่องกินดีกว่า มื้อหลักเราแวะกันที่ Saiko Iyashi no Sato Nemb เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีร้านอาหารได้วิวภูเขา กินไป ชมไป แต่เนื่องจากร้านวิวดีคนเยอะ บวกกับเราตามเก็บวิวมาเรื่อยทางแล้ว (หรือจริงๆ เราหิวมากนั่นเอง) เลยตัดสินใจร้านไหนก็ได้ (จะกินแล้ววววว)

ลงเอยที่ร้านนี้ค่ะ

ด้านในตกแต่งเรียบง่าย ออกแนวธรรมชาติๆ (เริ่มตะหงิดๆ ว่าร้านนี้อาหารแนวไหน)


เมื่อเมนูมา ผ่างงงงงง ร้านนี้ มังสวิรัติ ค่ะ


คนไม่กินผักอย่างเรา จะกินอะไรได้ แต่เอาวะ มาแล้วลองดู กินเส้นกับน้ำซุปก็ยังดี (ฟังดูรันทดนะ)

เมนูแรก “โซบะแครอท" ซุปเริ่ด ไม่มีกลิ่นหึ่งๆ ของผัก ฟองเต้าหู้ก็ดี เห็ดอะไรไม่รู้ก็นิ่มไม่มีกลิ่นด้วย ผิดคาด ทานได้นะฮะ

เมนูที่สอง “บะหมี่ฟักทอง" เส้นแบนๆ เพิ่มฟักทองเป็นส่วนประกอบ


เมนูที่สาม “เซ็ตบะหมี่แกงกะหรี่" ยังคงอุดมด้วยผักนานาชนิดเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือความเผ็ด แต่ไม่มาก พอรับได้ หนักไปทางร้อนมากกว่า ระวังปากพอง


ก่อนกลับแวะทักทายคุณลุงร้านปลาย่าง หน้าร้านมีภาษาไทยแปะอยู่ด้วย คนไทยน่าจะไปแวะกันเยอะ ทักทายแต่ไม่ได้ซื้อมากินเพราะกำลังงงว่าจะกินยังไง เค้าว่าก็แทะเลย ถือไม้แล้วแทะๆ ไป เราก็เฮ้ยยยยย จริงรื้อ...(ไกด์เราขี้หลอกค่ะ)


กินที่ 4

มื้อที่แล้วไกด์ไม่ได้หลอกค่ะ เค้าแทะปลากันแบบนั้นจริงๆ แต่มื้อนี้ซิคะ โดนหลอกเต็มๆ

กลับเข้าเมือง มื้อเย็นฝากท้องไว้กับร้านหน้าตาประมาณนี้ 1 ชั้น แบ่งเป็น 2 ร้าน

เราสรุปเข้าร้านนี้


ไปดูเมนูกัน เป็นอาหารแนวจานจุ๋มจิ๋ม (พาเข้าร้านเหล้าอีกแระ)


ระหว่างรออาหารก็ได้ของทานเล่นมาอีก 1 แบบร้านโน้นเลยที่เคยบอกไว้ ไม่สั่งแต่อยากให้ จ่ายตังค์ด้วย ถ้วยนี้ออกแนวหมูผัดเปรี้ยวหวาน กินเพลินๆ แปปๆ หมด


สายแดร...ก อย่างเรา สั่งอาหารแบบ มิกซ์แอนด์แมทซ์ จัดมาทุกชาติ

เมนูแรก “ไก่ย่าง" มาหมดทั้งเนื้อและเครื่องใน

เมนูที่สอง “ซีซาร์สลัด" แนะนำมาญี่ปุ่นอย่าสั่ง สลัดฝรั่ง


เมนูที่สาม “สามชั้นกรอบ" ไม่เลี่ยน ไม่มัน กินเรียบ


เมนูที่สี่ “เสี่ยวหลงเปา" ใส้ดี แต่คีบไม่ดีใส้ไหลนะจ๊ะ


เมนูที่ห้า “ผัดชุบแป้งทอด" จำไมได้ว่าผักอะไร กินคู่กับเกลือ ก็แปลกดี


เมนูที่หก “กุ้งชุบแป้งทอด" เสิร์ฟพร้อมเกลือ 1 ถ้วยเล็ก แปลกอีกแระ


เมนูที่เจ็ด “หมูกะทะร้อน" มาแบบร้อนๆ เดือดปุดๆ มาเลย


เมนูที่แปด “ปลาดิบ" ไม่รู้ปลาอะไร แต่เนื้อแน่น สไลด์บางกว่านี้อีกนิดนะ เริ่ดเลย อันนี้ค่อนข้างหนาเวลากินจะรู้สึกว่าดิ๊บ ดิบ


เมนูที่เก้า เข้าใจว่าเป็น “ปลาดิบ" คนละชนิดกับจานที่แล้ว แต่อย่างที่บอกค่ะ ไกด์เราขี้หลอก ก็ปล่อยให้ลูกทัวร์ตาเล็กๆ ตัวดำๆ กินกันไปเอร็ดอร่อย แล้วเฉลยตอนจบว่ามันคือ “ไก่ดิบ"

(ก็...ก็...ดีนะ ไก่ดิบ ไม่เหม็น ไม่คาว เรากินได้ คุณก็กินด๊ายย)

กินที่ 5

ถัดจาก 9 เมนูด้านบน พักท้องกันยาวๆ เปลี่ยนมากินเมนูชามเดียวกันบ้างกับราเมนค่ะ แถวๆ ย่านชินจูกุ

ระบบสั่งเป็นแบบตู้กด เราแผนกรอกิน


ระหว่างรอ เสิร์ฟด้วยเครื่องปรุง และวิวด้านนอก


ถนนที่เห็นนั้น เราเดินไป Tokyo Metropolitan Government Building ได้ค่ะ ไปชมวิวเมืองมุมสูงแบบไม่เสียเงิน


เมนูแรก “เซ็ตราเมนแห้งหมู + ข้าวไข่ออนเซน"


เมนูที่สอง “ราเมนต้มยำน้ำข้น" มโนว่าดำๆ นั่นคือพริกเผา


เมนูที่สาม “ราเมนต้มยำน้ำใส" คล้ายเมนูด้านบน


เมนูที่สาม “ราเมนต้มยำน้ำข้น no พริกเผา" มโนอีกว่าแดงๆ นั่นคือซอสพริก


ตบท้ายด้วยของหวานเป็นไอติมฟักทอง เผือก ถ่าน กะทิ (รสที่พูดมาจริงอยู่รสเดียวค่ะ ฟักทอง ที่เหลือ มั่ว)


กินที่ 6.1

วันนี้เราเดินทางไกลกันอีกแล้ว เป้าหมาย คือ ออนเซน เดินทางข้าม 3 จังหวัด จากโตเกียวไปฟุกุชิมะ ออกเช้าตรู่ อาหารเช้าเริ่มต้นในรถค่ะ จำรสชาติไม่ได้ ขอให้ผ่านไป

ระหว่างทางแวะเก็บขนมท้องถิ่น เหมาะกับการกินตอนช่วงอากาศหนาวๆ ดี เคยรีวิวไว้แล้วเมื่อกระทู้ออนเซน (ขอเอามาเล่าใหม่)

ขนม 3 จาน

จานบน “โอะชิรุโขะ (ถั่วแดงอะซึกิ+โมจิ)" อารมณ์เหมือนถั่วแดงร้อนบ้านเรา

จานล่างซ้าย “มิโสะคอนยักขุ (Konnyaku ราดมิโสะ)" หนึบๆ เหมือนกินเส้นบุก แต่อันนี้มาในรูปแบบก้อนๆ แทน จืดๆ แต่ได้รสซ๊อสที่ราด

จานล่างขวา “คอนยักขุดังโงะ (ลูกชิ้น Konnyaku กินกับมัสตาร์ด)" อันนี้เหมือนเมื่อกี้เลย แต่ทำเป็นลูกชิ้นแทนจิ้มกับมัสตาร์ด จิ้มน้อยจะจืด แต่ถ้าจิ้มเยอะจะขึ้นตา

เรื่องกินระหว่างทางยังไม่จบไปจกขนมจากร้านของฝากมาได้ 1 กล่อง รสชาติดี ราคา 500 เยน


จบจากขนมกล่อง ก็ไปกินลูกชิ้นปิ้ง จริงๆ คือ คอนยักขุแบบเดียวกับขนม 3 จานด้านบน แต่เป็นแบบปิ้ง รสชาติเหมือนเดิมแต่แบบปิ้งหนึบกว่า

ข้างๆ กันเป็นปลาย่างแบบที่เราเจอที่หมู่บ้านราเมนมังสวิรัติเลย คราวนี้ได้ลองค่ะ แทะกันไปมา

กินที่ 6.2

เข้าเรื่องกินจริงจังเป็นช่วงอาหารเย็นที่โรงแรม รวมไปกับค่าห้องพักเรียบร้อย เคยรีวิวไว้แล้วเช่นกันจากกระทู้ https://th.readme.me/p/2195

แต่เราตัดตอนมาเล่าใหม่

อาหารทั้งหมดมี 12 รายการ ไล่ไปทีละเมนู

1. appetizer

2. ฟองเต้าหู้ โดยมาหลายมื้อ ไม่เหม็นหึ่งๆ อย่างเต้าหู้ไทย กินเย็นๆ แบบนี้อร่อยดี ใบไม้เขียวๆ เรียกโอบะ (Oba)


3. อันนี้ทำมาจากเต้าหู้อีกเช่นกัน แต่ทรงคล้ายๆ โยเกิร์ต จืดๆ


4. ผักนึ่งซีอิ๊ว


5. เห็นทีแรกนึกว่าเซ็ตของหวาน “ถั่วเขียวต้มน้ำตาล" จริงๆ ยังเป็นส่วนของคาวอยู่ เป็นเมล็ดข้าวสาลีต้ม ลักษณะเหมือนกินข้าวต้มที่ยังต้มไม่สุกมาก มีความหนึบๆ อยู่ในตัว


6. มาถึงอาหารประเภทเนื้อสัตว์กันบ้าง สำหรับใครไม่กินเนื้อวัว ก็จะได้เมนูไก่ ให้กินดิบๆ แบบนั้นแหล่ะ (เคยกินแล้วนี่เนอะ) ไม่ใช่...เค้ามีเตาน้อยๆ ให้ปิ้งย่าง

แต่สำหรับใครทานเนื้อ ก็เสิร์ฟเป็นเนื้อวัวแทน

7. ถัดจากเนื้อไก่ เนื้อวัว มาต่อกันที่ปลาย่างซีอิ๊ว (เนื้อเหมือนปลาหิมะ)


8, 9 และ 10 เป็นข้าว และซุป 2 แบบ


11. สุดท้ายกับของคาวปิดด้วยผักหัวๆ (ไม่นึ่งก็ต้ม)


12. ตบด้วยของหวาน อันนี้พีคสุด ในถ้วยนั่นเป็นมูสมะเขือเทศ อร่อยมาก ยิ่งเย็นยิ่งอร่อย


ค่าที่พักรวมอาหารเช้าและเย็น เลยขอเอาหน้าตาอาหารเช้ามาให้ชม


กินที่ 7

กลับจากออนเซน ยิงยาวเข้าเมือง มีมื้อเบาๆ ระหว่างทาง

ก่อนกลับเข้าที่พัก เราแวะกินอาหารเย็นกันที่เมือง Utsunomiya ก่อนเข้าโตเกียว เค้าว่ากันว่าอาหารเด่นดัง คือ เกี๊ยวซ่า ลองแวะดูซักร้าน


สั่งทุกเกี๊ยว


ทั้งเกี๊ยวซ่าต้ม


เกี๊ยวซ่าทอด


เกี๊ยวซ่าย่าง


เกี๊ยวซ่ามายองเนส


ถามว่าอื่มมั๊ย ตอบเลยไม่อิ่มค่ะ สั่งเพิ่ม

งานไก่ย่างต้องมา

ตามมาด้วยไก่ทอด


ปิดด้วยหมูผัดกิมจิ


สรุปว่า เกี๊ยวซ่า ทำอะไรก็อร่อยกินที่ 8

เราโดนไกด์ทิ้งอีกแล้วค่ะ เนื่องจากติดภารกิจ วันนี้เลยออกเที่ยวกันเองในย่านตลาด Ameyoko มื้อแรกกินเบาๆ

เดินเข้าร้านแบบไม่ได้มองซ้ายขวา ถึงได้รู้ว่า ร้านนี้สั่งแบบกดตู้ๆ ทำเป็นมั๊ยหละ เรียกพนักงานในร้านมาช่วยเลยค่ะ


ได้มา 1 ชาม กับข้าวหน้าหมู +ไข่ 1 ฟอง


เวลากินก็ตอกไข่ดิบลงไป คลุกๆๆ แล้วกินเลยค่ะ กินไปครึ่งชาม แอบเห็นคนญี่ปุ่นข้างๆ เค้าแยกไข่ขาวออก เอาแต่ไข่แดงลงไปคลุกกับข้าว เลยงงๆ ว่า วิธีกินจริงๆ คือ ไม่เอาไข่ขาว...ใช่มะ


จบเรื่องนั่งกิน เราก็ช้อปปิ้งไป กินไป


“Croissant Taiyaki"


ปิดด้วยผลไม้


กินที่ 9

เราเดินทางไปโอไดบะ เพื่อชมวิวและกินอาหารเย็นกันในห้างใกล้ๆ

ส่องตัวอย่างหน้าตาอาหารแล้ว น่าสนใจ


เข้าไปดูเมนูต่อ


เมนูแรก “เซ็ตข้าว+หมูผัดกิมจิ"


เมนูที่สอง “เซ็ตข้าว+ซาบะย่าง" เนื้อแห้งไปนิด


เมนูที่สาม “เซ็ตข้าว+แซลมอนย่างซีอี๊ว" อันนี้เนื้อดี น้ำอร่อย


เมนูที่สี่ “เซ็ตข้าว+ไก่ผัดเปรี้ยวหวาน"


เมนูที่ห้า “ปลาต้มเค็ม" รสชาติดี๊ดี


กินที่ 10

มื้อนี้มีเป้าหมายที่ปลาดิบค่ะ ตื่นเช้าตรู่เป้าหมายคือ ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ไปถึงตั้งแต่แปดโมงเช้าเพื่อพบว่า ตลาดปลาปิด !!! แต่...ร้านไม่ปิด ข้อดีของตลาดปลาปิด คือ คนน้อยลงนิดนึง ข้อเสีย ก็อาจจะพลาดบรรยากาศของตลาดไป

ขนาดไปเช้าแล้วนะ โต๊ะเต็มจ๊ะ ต้องยืนรอซักครู่ ระหว่างรอดูป้ายหน้าร้านไปเพลินๆ


เมนูก็มา เล็งไว้ล่วงหน้า


ร้านมี 3 ชั้น (ถ้าจำไม่ผิด) ชั้นหนึ่งกับชั้นสอง จัดโต๊ะแบบเคาน์เตอร์ นั่งเดี่ยวสั่งเอง เดี๋ยวเราคงได้กินอร่อยหรอก ขอโต๊ะแบบหมู่คณะมีอะไรได้หาคนช่วยเหลือ หมู่คณะเชิญชั้นบนค่ะ


เมนูที่โต๊ะพับเล็กๆ แต่เหมือนกับหน้าร้านค่ะ


สั่งอะไร จำนวนเท่าไหร่ ก็ขีดๆ ลงบนใบนี้

ของเราก็สั่งกับยับเลย ข้อสังเกตนิดหน่อย จำนวนที่สั่ง 1234 เค้าไม่ใส่เป็นเลขนะคะ แต่ใช้แบบขีดๆ (มองเห็นชัดมั๊ยอ่ะ ในรูป) ซึ่งเค้าว่าเวลาเพิ่มออเดอร์จะง่ายกว่าแบบเขียนเป็นตัวเลข

ระหว่างรอได้ขิงดองมาเชยชม


ที่วางใบสั่งอาหารแต่ละโต๊ะก็ง่ายๆ ค่ะ แขวนไว้กับพนักเก้าอี้ซักตัวของโต๊ะนั่น


เซ็ตแรก ปลาไหลย่างซีอี๊ว นุ่ม นิ่ม ละลายในปาก อันนี้จำได้ 500 เยน อร่อยมากกกกกกก


เซ็ตที่สองมาเป็นถาด ปลาอะไรบ้างไม่รู้ค่ะ เพราะชี้ๆ มา เอร็ดอร่อย


เซ็ตที่สามยังมาเป็นถาดๆ อยู่


เซ็ตสุดท้าย เป็นไข่ปลา... เพิ่งเคยกินเลยไม่รู้ว่ารสชาติจริงๆ ควรเป็นยังไง แต่ไกด์ว่าอันนี้เค็มกว่าที่ฟุกุโอกะ (เค้าว่าอีกนั่นแหล่ะว่า ที่นู้นเป็นแหล่งไข่ปลา...นี้มากกว่า จะอร่อยกว่า)


จบมื้อ จ่ายไป 15000+ เยน สมค่าราคาที่จ่าย กินเถอะค่ะ เรานี่อยากจะกินให้ครีบออกเลย


ออกจากร้านเราเดินชมตลาดกันอีกเล็กน้อย อาหารทะเลที่นี่ถูกมากๆ ค่ะ น่าซื้อกลับโดยเฉพาะปลาแซลมอน บ้านเรานี่แพ๊ง แพงนะ หอยก็น่ากินแต่ไม่มีที่ว่างในกระเพาะแล้วซินะ


กินที่ 11

จากตลาดปลา เราขึ้นรถไฟใต้ดิน บนดินไรกันวุ่นวาย ขอไม่พูดถึงเส้นทาง มาโผล่อีกทีย่านอาซากุสะ ตั้งใจไปไหว้พระ แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวมหาศาล เรื่องทำบุญเลยตกไป แวะกินดีกว่า เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ก่อนเข้ามื้อเย็น

มื้อเย็น มื้อสุดท้ายแบบจริงจังก่อนอำลาดินแดนอาทิตย์อุทัย ปิดด้วยอาหารเส้นค่ะ


เป็นอันปิดจบเรื่องกินในถิ่นญี่ปุ่นทั้ง 2 ภาคค่ะ

ไปกินไปเที่ยว - หญิงเฮเทกระจาด

 วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.20 น.

ความคิดเห็น