ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในทุกฤดู แต่สำหรับเราแล้ว เราชอบฤดูหนาวที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่หิมะตกใหม่ ๆ จะเป็นสีขาว ฟู ๆ นุ่ม ๆ เราเลือกที่จะไปเดือนกุมภาพันธ์ เพราะคิดว่าโอกาสเจอหิมะคงมีเยอะสุด ทริปนี้เราไปเมื่อปี 2018 เราเดินทางกับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ จากภูเก็ต ไปลงที่เมือง นาโกย่า และ กลับจากเมืองโอซาก้า ระยะเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง เราไปถึงเมืองนาโกย่า ประมาณแปดโมงเช้า และออกจากโอซาก้า ห้าทุ่มครึ่ง เหมือนกับทุกทริปของเรา เราวางแผนโดยการกำหนดวัตถุประสงค์หลักของทริป ว่าเราต้องการประสบการณ์แบบไหน ทริปนี้ หลัก ๆ คือ เราอยากไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ในตอนที่หิมะปกคลุม ส่วนเมืองอื่น ๆ ก็เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น เราเลือกที่จะไปลงนาโกย่าและกลับจากโอซาก้า เพราะว่าเราจะใช้พาส ที่ครอบคลุมการเดินทางเส้นนี้ ไม่ต้องย้อนไปย้อนกลับ และจะมีหนึ่งวันที่เราเช่ารถยนต์ เพราะว่าสะดวกกว่าเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัส
โปรแกรม ของเรา คือ
วันที่ 1 ชมปราสาท นาโกย่า และช้อปปิ้ง
วันที่ 2 ไปเมือง ชิซึโอกะ - เก็บสตอร์เบอรี่ ที่สวนผลไม้ ฮามามัทซึ (Hamamatsu Fruit Park) และ ชมฟูจิซังที่ ทะเลสาบทานุกิ (Lake Tanuki )
วันที่ 3 ไปเมือง ทากายามะ พักที่ใกล้ ๆ กับ Shinhotaka Ropeway
วันที่ 4 เดินเล่นชมเมืองเก่า ในเมืองทากายามะ และ นั่งรถไฟไปพักที่เมือง คานาซาวะ
วันที่ 5 นั่งรถบัสจาก คานาซาวะไป ชิราคาวาโกะ (ไฮไลท์ของทริปนี้ สำหรับเรา)
วันที่ 6 จากชิราคาวาโกะ นั่งรถบัสไปคานาซาวะ เพื่อต่อรถไฟไปโอซาก้า
วันที่ 7 เดินเล่นในเกียวโต ก่อนที่จะไปสนามบินตอนเย็น
เราซื้อ Takayama Hokuriku Tourist Pass จากเอเย่นต์ในเมืองไทย และไปแลกพาสที่สถานีรถไฟใน นาโกย่า พาสนี้จะใช้ได้ทั้งหมด 5 วัน โดยเราจะเริ่มใช้ จากนาโกย่า - ทากายาม่า - คานาซาว่า - ชิราคาวาโกะ - คานาซาว่า - โอซาก้า - เกียวโต - สนามบินคันไซ
พาสนี้จะใช้จองรถไฟ แบบระบุที่นั่งได้ 4 ครั้ง เราเลือกจองที่นั่งบนรถไฟ Hida Wide View จากนาโกย่า ไปทากายาม่า และ จากทากายาม่า ไป โทยาม่า และนั่งชินคันเซน แบบไม่ระบุที่นั่งจาก โทยาม่า ไป คานาซาว่า จากคานาซาว่า จองระบุที่นั่ง บนรถด่วน Thunderbird ไปโอซาก้า และ Thunderbird จาก โอซาก้าไปเกียวโต จากสถานีเกียวโตเรานั่งรถด่วน Haruka ไปสนามบิน แบบไม่ระบุที่นั่ง ซึ่งเราขึ้นต้นสายทำให้ไม่ลำบากที่จะหาที่นั่ง รถไฟในญี่ปุ่นจะขึ้นง่ายกว่าในยุโรป เพราะจะมีจุดบอกชัดเจนว่าขบวนไหน ตู้ไหนจอดตรงไหน เราก็ต้องไปยืนรอที่จุดนั้น ๆ โดยดูจากสัญลักษณ์ บนป้ายไฟที่ชานชลา และป้ายบนพื้นชานชลา
รถบัส เราสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้หนึ่งเดือนทางโทรศัพท์ โดยเราจองจาก คานาซาว่าไปชิราคาวาโกะ และกลับจาก ชิราคาวาโกะ มา คานาซาว่า การใช้พาสโดยสารรถไฟในโอซาก้าและเกียวโต ก็ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แค่แสดงบัตรตรงทางเข้าออกสถานี แบบเดียวกับที่ใช้ เจอาร์ พาส ชนิดอื่น ๆ
ของแถมทริปนี้คือ ฟูจิซัง ให้เห็นเต็ม ๆ ที่ชิซึโอกะ โดยเราไปเยี่ยมฟูจิซังที่ทะเลสาบทานุกิ
วันแรกที่ไปถึงนาโกย่า เราก็ได้สัมผัสกับอากาศหนาว และหิมะในทันที
จากประสบการณ์ของเราพบว่า การเข้าเมืองที่นาโกย่า ค่อนข้างเร็วกว่าสนามบินอื่น ๆ หรืออาจเป็นเพราะเวลานั้นไม่มีเครื่องบินลำอื่นลง เราผ่านเข้าเมืองมาได้อย่างไม่มีอุปสรรค จากสนามบิน เราต้องเดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟโดย Nagoya Railroad (Meitetsu) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นั่งชมวิวสองข้างทางที่รถไฟผ่านอย่างตื่นเต้น ทั้งบ้านและต้นไม้ถูกหิมะปกคลุมเต็มไปหมด ดูสวยแปลกไปอีกแบบ เมื่อมาถึงสถานีนาโกย่า เราก็ไปตามหาล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ซึ่งหาทั้งสถานีก็ไม่มีตู้ว่าง จนไปจบที่เคาเตอร์ ฝากกระเป๋าของแมวดำ ซึ่งฝากได้ถึงสองทุ่ม เราฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปแลกบัตร Takayama Hokuriku Tourist Pass ที่ JR Information Centre ก่อนจะไปจองที่นั่งที่ JR Central Ticket Office และไปซื้อบัตร Okuhida Marugoto Value Ticket (2 days) ซึ่งจะขายอยู่ที่ Meitetsu Nagoya Station Service Centre ซึ่งพาสนี้จะใช้สำหรับโดยสารรถบัสจาก Takayama ไป Shinhotaka Ropeway ได้ 2 วันพร้อมค่าขึ้นกระเช้าไปกลับ 1 เที่ยว
เมื่อเราจัดการกับพาสต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทาง ชมเมืองนาโกย่ากันแล้ว วันนี้เรามีโปรแกรม แค่ไปเที่ยวชมปราสาทนาโกย่า และทดสอบว่าพร้อพกันหนาวที่เราเตรียมมาพร้อมรับมืออากาศที่หนาวขนาดนี้ไหม เพราะเมืองต่อไปจะหนาวกว่านาโกย่าแน่ ๆ
จากสถานีนาโกย่า เรานั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปปราสาท นาโกย่า ซึ่งเราได้ซื้อตั๋ว Donichi Eco Kippu สำหรับวันอาทิตย์และวันหยุด ใช้ได้สำหรับรถไฟใต้ดินทุกสาย ตลอดทั้งวัน โดยจะต้องนั่งรถไฟสองสายคือ Higashiyama Subway Line ไปที่ Sakae Station และเปลี่ยนเป็น Meijo Subway Line to Shiyakusho Station รวมเวลาประมาณ 10 นาที และ เดินออกจากสถานีไปประมาณ 5 นาที เมื่อเราเดินออกมาจากสถานี ก็สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นและเห็นหิมะปกคลุมไปทั่ว เป็นอีกความประทับใจในเมืองนาโกย่า เราไปถึงก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาท ซึ่งหากมีตั๋ว Donichi Eco Kippu ก็นำมาเป็นส่วนลดได้อีก
หลังจากเที่ยวชม ปราสาทนาโกย่าแล้ว เราตัดสินใจกันว่า เราน่าจะต้องไปหาซื้ออุปกรณ์กันหนาวเพิ่มเติม โดยเป้าหมายของเราคือ Uniqlo แถว ๆ สถานีรถไฟนาโกย่า ก่อนที่จะไปรับกระเป๋าคืนและไปที่พัก
วันที่ 2 เราออกจากที่พักเร็วหน่อย คือประมาณ 7 โมง เพื่อไปรับรถเช่า ที่โตโยต้า ใกล้สถานีรถไฟ นาโกย่า เราเช่ารถตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง สองทุ่ม รถที่ได้เป็นแบบ 4 ที่นั่ง คันเล็ก ประหยัดน้ำมัน จุดหมายแรกของเราคือ สวนผลไม้ ในเมือง Hamamatsu Fruit Park โดยจะมีค่าเข้าสวน และค่าเก็บสตอร์เบอรี่ โดยจะเก็บได้ 40 นาที ทางสวนจะมีนมข้นหวานใส่จานมาให้ และสามารถเติมได้เรื่อย ๆ เราก็เก็บกินไปเรื่อย ๆ และถ่ายรูปเล่น เมื่อเก็บสตอร์เบอรี่เสร็จ เราก็ออกมาถ่ายรูปเล่นในสวนต่อ สวนผลไม้นี้ใหญ่มากแบ่งเป็นหลายโซน จะมีทั้งสวนส้ม แอปเปิล และผลไม้อื่น ๆ อีกหลากหลาย
ออกจากสวนผลไม้ เราก็เดินทางไปจุดหมายต่อไป คือ ไปชมฟูจิซังที่ Lake Tanuki ขับรถไปเรื่อย ๆ บนทางด่วน ฟูจิซังก็ออกมาทักทายเป็นระยะ ๆ เราขับไปจนใกล้ถึงจุดหมายปลายทางก็เริ่มหิว แต่เราต้องทำเวลา จึงได้แค่แวะรับประทานอาหารที่ แฟมิลี่มาร์ท ซึ่งขอบอกเลยว่าวิวสวยมาก ๆ เห็นฟูจิซังเต็ม ๆ จากลานจอดรถหน้าร้าน และนั่งดูฟูจิซังไปด้วย รับประทานอาหารไปด้วย จากจุดที่ทางร้านจัดไว้ให้นั่งทานอาหารภายในร้าน
รับประทานอาหารกันแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบ โดยทะเลสาบทานุกิ เป็นทะเลสาบเล็ก ๆ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมาก ๆ เราสามารถเดินรอบทะเลสาบได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่เราเลือกที่จะขับรถเพราะเวลามีไม่มาก มีจุดที่สามารถจอดรถได้หลาย ๆ จุดรอบทะเลสาบ บางจุดเห็นวิวฟูจิสวย แต่ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเพราะมืดไปนิด เราจึงขยับไปจุดต่อไปซึ่งมีแสงแดดส่องเต็ม ๆ
ถือว่าเราโชคดีมากที่อากาศดี และเห็นฟูจิได้เต็ม ๆ ในหลาย ๆ มุม เราใช้เวลากับฟูจิ ไปอย่างเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลากลับ โดยเราออกจากที่ทะเลสาบประมาณ สี่โมงเย็น เพื่อขับรถกลับนาโกย่า เพื่อคืนรถที่โตโยต้า ก่อนที่จะกลับที่พัก
วันที่สาม
เราออกเดินทางจากนาโกย่า โดยขึ้นรถไฟ (Hida Wide View) เพื่อไปเมืองทากายามะ เราออกเดินทางแต่เช้า เพราะต้องต่อรถบัสไป Shinhotaka Ropeway เมื่อไปถึง ทากายามะ เราก็ทำการฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่ตู้ล้อคเกอร์ ซึ่งจะอยู่ใน ทัวริส เซ็นเตอร์ ด้านนอกสถานีรถไฟ และนำวอร์เชอร์ Okuhida Marugoto Value Ticket ที่เราจองมาไปแลกเป็น ตั๋วรถบัส ที่สถานีรถบัส Nohi ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ บนตั๋วจะระบุวันที่หมดอายุ คือ วันรุ่งขึ้น (ตั๋วใช้ได้ 2 วัน) เมื่อแลกตั๋วรถบัสมาแล้ว เราก็ไปรอรถบัส ที่ชานชลาหมายเลข 5 ตั๋วจะมี 4 ส่วน คือ 1 เป็นตั๋วรถบัส ซึ่งเวลาขึ้น / ลง รถ เราก็โชว์ให้คนขับรถดู (แทนที่จะหยิบตั๋วจากบนรถเหมือนผู้โดยสารทั่วไป และจ่ายค่าโดยสารก่อนลงจากรถ) บนรถบัสมีระเบียบว่าเวลารถวิ่งห้ามผู้โดยสารลุกจากที่นั่ง และให้คาดเข็มขัดนิรภัย วิวสองข้างทางที่เรานั่งรถบัสผ่าน สวยไม่แพ้วิวจากหน้าต่างรถไฟที่เราโดยสารมาจากเมืองนาโกย่าเลย เนื่องจากมีหิมะอยู่บนถนนค่อนข้างมาก ทำให้รถบัสช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 30-40 นาที
เราได้จองที่พักไว้ ที่ Kazeya โรงแรมสไตล์เรียวกัง ซึ่งอยู่ห่างจาก ชินโฮตะกะ ประมาณ 10-15 นาที เราลงรถบัสที่สถานี Shin-Hotaka Onsenguchi แล้วเดินจากสถานีรถบัสมาตามถนนประมาณ 5 นาที ที่นี่มีออนเซน ทั้งส่วนตัวและห้องรวม และมีทั้งออนเซนด้านในและด้านนอก บริเวณรอบ ๆ เรียวกังไม่มีร้านอาหาร หรือร้านค้าอยู่เลย ทางโรงแรมแนะนำให้เรานำอาหารกล่องมาเอง หรือ สั่งอาหารเย็น ล่วงหน้าได้ ซึ่งเราได้สั่งอาหารเย็นที่มีเนื้อฮิดะ เป็นอาหารจานหลัก เราเอากระเป๋ามาฝากที่โรงแรมก่อน เพราะเวลาเช็คอินคือบ่ายสามโมง นั่งเล่นและทานอาหารกล่องที่เตรียมมา ในบริเวณห้องโถงของเรียวกัง ก่อนที่จะนั่งรถบัสเที่ยวต่อไปเพื่อไปขึ้น กระเช้าที่ชินโฮดะกะ เมื่อไปถึงชินโฮดะกะ เราก็ต้องเอาบัตรที่เราได้มาจากสถานีรถบัสโนฮุ ไปแลก บัตรขึ้นกระเช้า ซึ่งจะใช้ได้ทั้งสองขา (ขึ้นและลง) โดยเราต้องขึ้นกระเช้า สองครั้ง ต่อเที่ยว ระหว่างทางเดินระหว่างกระเช้าที่ 1 และสอง เราก็ได้หยุดถ่ายรูปเป็นระยะ แต่ก็ไม่สามารถหยุดได้นาน เพราะมีพนักงานเดินตามเรา เพื่อจะได้มั่นใจว่าทุก ๆ คน ไม่หลงทางไปไหน และขึ้นกระเช้าต่อไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเราขึ้นมาถึงจุดมุ่งหมาย ซึ่งจะเป็นจุดชมวิว ที่จะมองออกไปเห็นวิวรอบ ๆ ได้ จากความสูงประมาณ 2000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แต่ในวันที่เราไปหิมะตกหนักและทัศนะวิสัย ไม่ดี เราจึงไม่สามารถเห็นวิวโดยรอบได้ เราก็ได้แค่ออกไปเดินเล่น และถ่ายรูปกับตุ๊กตาหิมะ วันนั้นอุณหภูมิ -13 องศาเซลเซียส และมีหิมะตกลงตลอดเวลา บนนั้นจะมีพนักงานถ่ายรูปเรากับตุ๊กตาหิมะ และขายเป็นของที่ละลึก ราคา 1200 เยน ต่อรูป หลังจากเราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกลางหิมะแล้ว เราก็ลงมาชั้นล่าง ที่จะมีร้านอาหาร เพื่อทานโซบะร้อน ๆ เราต้องไปหยอดตู้ โดยเลือกอาหารที่เราต้องการ และหยอดเงินลงไป หลังจากนั้นให้นำคูปองให้กับพนักงาน วิวจากหน้าต่างห้องอาหารนั้นสุดยอดมาก นั่งกินไปชมวิวไป เพลินมาก ๆ เมื่อเรากินอิ่มแล้วก็ได้เวลากลับ
จุดรอรถบัสหน้า Shin-Hotaka Ropeway
บริเวณหน้าที่พักของเราค่ะ
วันที่ 4 เดินเล่นชมเมืองเก่า ในเมืองทากายามะ
ก่อนจะนั่งรถไฟไปพักที่เมือง คานาซาวะ เพราะจากคานาซาวะ เราจะไปต่อกันที่โอซาก้า และเกียวโต
พักที่โรงแรม มายสเตย์ คานาซาวะ คาสเซิล ซึ่งเดินจากสถานีรถไฟไปไม่ไกลเลย
ไปถึงคานาซาวะ เราไปรับตั๋วรถบัส ที่ได้โทรมาจองล่วงหน้าจากเมืองไทย ตอนที่จองแจ้งว่าเราจะใช้ Takayama Hokuriku Tourist Pass และเขาจะให้รหัสรับตั๋วมา เราแจ้งรหัสพร้อมโชว์ พาส ของทุกคนให้พนักงาน ก็จะได้รับตั๋วรถบัสมา คนละหนึ่งใบ ต่อเที่ยว เราจองไปกลับ จากคานาซาวะ ไปชิราคาวาโกะ และกลับวันรุ่งขึ้น
วันที่ 5 ชิราคาวาโกะ
เราเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ฝากไว้ในล็อคเกอร์ที่สถานี คานาซาว่า และจัดกระเป๋าใบเล็กไปชิราคาวาโกะ เพราะทางเดินในหมู่บ้านไม่เหมาะแน่ถ้าจะลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไป เรานั่งรถบัสจากคานาซาว่าไป หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ที่พักของเราเดินจากสถานีรถบัสไปไม่ไกล เราเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่บ้านพักก่อน ซึ่งเราจองไว้ที่ Hisamatsu โดยจองผ่าน Japanese Guest Houses เวลาเช็คอินคือระหว่าง 15 – 17.00 น ถ้าเราไปถึงก่อนก็เอากระเป๋าไปวางไว้ในโถงทางเข้าบ้านได้เลยค่ะ
เราเดินเล่นในหมู่บ้านแล้วก็ไปขึ้นรถบัสเพื่อไปจุดชมวิว รถบัสจะออกทุก ๆ 20 นาที คือ 00 / .20 และ .40 โดยคันสุดท้ายจะออก 15.40 น. ถ้าเต็มเราก็เข้าแถวเพื่อรถคันต่อไป
ขึ้นไปจุดชมวิว เขาปิดกั้นทางลงไว้ ให้ชมได้จากเขตที่กั้นไว้เท่านั้น บนนั้นมีคนถ่ายรูปและใส่กรอบกระดาษขายในราคา 1500 เยน ซึ่งเราคำนวณแล้วว่ามันแพงไปนิด เลยไม่ได้ซื้อ
ขากลับจากจุดชมวิว เราก็เดินลงมาค่ะ โดยทางเดินปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทาง ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่าเดินได้ไหม เพราะว่าหิมะเต็มไปหมด แต่เห็นมีคนเดินไปก็เลยเดินตายไปเรื่อย ๆ ค่ะ มีคนเดินสวนขึ้นมาเป็นระยะ เลยคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา เราก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงที่พัก ซึ่งใช้เวลาเดินเล่น ถ่ายรูปไปตลอดทางน่าจะประมาณ 30-40 นาที
ถึงที่พัก เจ้าของบ้านก็มาอธิบายให้ฟังว่า อะไรอยู่ไหน เวลาทานอาหารเย็น อาหารเช้า เวลาเช็คเอ้าท์
วันที่ 6 จากชิราคาวาโกะ นั่งรถบัสไปคานาซาวะ เพื่อต่อรถไฟไปโอซาก้า
ตอนเช้าเรายังมีเวลาเดินเล่นในหมู่บ้าน ก่อนจะขึ้นรถบัสกลับไปคานาซาวะ ข้อดีของการพักในหมู่บ้านคือ ช่วงเย็นและเช้าจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาก เหมือนกลางวัน ๆ ทำให้เราสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้เต็มที่
วันที่ 7 นั่งรถไฟจากโอซาก้าไปเกียวโต ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถไฟ ก่อนจะซื้อตั๋วรถบัสแบบ 1 วัน โดยช่วงเช้า เราไปเดินเล่นกันที่ อาราชิยามะ และช่วงบ่ายไปที่วัดทอง ก่อนจะกลับมาสถานีเกียวโต และนั่งรถไฟ จากเกียวโตไปสนามบินคันไซ
จบทริปนี้แล้วค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เราหวังว่าจะช่วยให้หายคิดถึงญี่ปุ่นไปได้บ้าง
Yuva Kanta
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.33 น.