ค รั้ ง แ ร ก กั บ ก า ร เ ดิ น ท า ง ข อ ง พ ว ก เ ร า แ ก๊ ง ลิ ง พ า เ ที่ ย ว MTT RIDER

ที่ จ ะ บุ ก ตะ ลุ ย อ ยุ ท ธ ย า - ส า ม ชุ ก ( ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย )

ห นึ่ ง วั น กั บ อี ก 6 ส ถ า น ที่



สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิว การเดินทางของผมกันด้วยนะครับ ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ ผม Adventurers. Rider ครับ

เนื่องจากพี่เชน พี่ที่ทำงานที่ผมทำอยู่เห็นว่าพวกเราไปถอย รถมอไซค์มาใหม่กัน หลายคัน จึงได้จัดทริปเล็ก เพื่อที่จะได้ไปไหว้พระ เพื่อเป็นศิริมงคล และได้ท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆที่อยู่ใกล้ๆ จังหวัดลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงครับ

#ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ#


พวกเรานัดรวมตัวกันที่บ้านพี่เชน 7.00 น. แต่ผมบ้านอยู่ไกลสุดมาช้าไปเกือบ 20 นาที 555 ขอโทษทีครับ จากนั้นเราก็เดินทางไปยังสถานที่แรกนั่นก็คือ อุทยานมหาราช หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เพื่อมาเจอกับผู้ร่วมเดินทางอีกหนึ่งท่านที่จะมาเดินทางมากับพวกเราในทริปนี้ครับ นั่นก็คือ พี่หนุ่ม หรือลุงหนุ่ม นั่นเองครับ



ถ้าเข้ามาด้านใน สิ่งที่ทุกคนต้องเห็น นั่นก็คือ รูปปั้นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่เห็นเด่นเป็นสง่า และที่ขาดไม่ได้ที่ทุกคนจะต้องมาเซลฟี่ ณ จุดๆนี้ นั่นก็คือ เป็ดเหลื่องสามตัวนี้ครับ



อีกตัวเหมือนจะเหงานะครับ5555 ปกติตรงนี้จะมีฝูงเป็ดมาว่ายน้ำเล่นกันเต็มไปหมด แต่วันนี้ไม่รู้ไปไหน หรือว่าผมมาเช้าเกินไปนะ55555


ว่าแล้วก็เก็บภาพหมู่ไว้เป็นที่ละลึกครับ ก่อนที่จะเข้าไปชมกันด้านใน และนี่ก็คือ สมาชิกผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้


ส่วนนี่เพี่เชนกับพี่นอมครับ...อินเลิฟกันน่าดู คู่นี้...แดดจะออกหรือฝนจะตกก็อินเลิฟ..(ขอแซวหน่อยนะ)


เมื่อเดินเข้ามาด้านในเราก็จะพบร้านขายอาหารและของฝากให้เราเลือกซื้อกันตามใจชอบครับ ส่วนบริเวณ ใน รูปที่เห็นก็จะเป็นสะพานที่จะข้ามไปสักการะหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ครับ..



ขนามาเช้าแล้วนะครับคนก็เยอะเหมือนกันครับ



ด้านในจะมีองหลวงปู่ทวดองค์เล็กสามองค์ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ปิดทองและสักการะบูชากันครับ ส่วนค่าดอกไม้ธูปเทียนบูชา ก็ขึ้นอยู่กับที่เราจะบริจาคครับ แล้วแต่ตามกำลังศรัทธา

พวกได้เข้ามาดูไกล้ๆ จึงทำให้รู้ว่าองค์ใหญ่มากๆครับ


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกครับ เก็บไว้ในความทรงจำว่าครั้งนึงเราเคยได้มาที่นี่ครับ...พี่เชนบอก ขอ หล่อๆเลยจัดให้ครับ



มาอีกหนึ่งมุมที่นี่...จะเรียกได้ว่าเป็นมุยอดฮิตก็ว่าได้ครับ..นั่นก็คือมุมสำหรับเสียงทายโยนเหรียญลงบาตร

บอกได้คำเดียวผมโยนไม่ลงสักเหรียญฝีมือยังไม่ถึงขั้น เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายนะครับ...เพราบาตรไม่ได้หยุดอยู่กับที่ครับ


ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเพราะยังมีสถานที่ต่อไปในทริปนี้รอเราอยู่ครับ..ไปล่ะน๊าาา


และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึงสถานที่ๆ 2 ในทริปนี้ครับนั่นก็คือ วิหารหารหลวงพ่อสดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดจันทรังษี ครับ ที่นี่เงียบสงบมากครับ.. จอดรถแล้วก็เข้าไปด้านในกันครับ




ก่อนเข้าวิหารก็จะมีดอกไว้ไว้ให้เราไว้สำหรับสักการะบูชา ครับ อยู่ที่กำลังสรัทธาครับ

ภายด้านในวิหารก็จะมีรูปปั้นหลวงพ่อสดองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่..สีทองเหลืองอร่ามไม่แน่ใจว่าเป็นทองคำรึป่าว ครับ

ส่วนด่านล่างก็จะเป็นลุฏแก้วหินอ่อนสีขาว กับลุกแก้วใสๆไว้ให้ขอพร กันครับ


ลูกใหญ่พอๆกับลูกนิมิตร หรือว่านี่คือลูกแก้วสารพัตนึก...

พี่เล็กกำลังขอพรลูกแก้วอยู่ครับ....ผมได้ยินพี่แป๊ะแอบกระซิบมาว่ามีขายที่ไหน จะซื้อไปไว้ที่บ้านเอาไว้ให้พี่เล็กขอพร 5555+



เก็บรูปไว้ในความทรงจำครับ..แล้วออกเดินทางกันต่อครับ..


พวกเราก็เดินทางมาถึงสถานที่ๆ 3 ซึ่งที่นี่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ของ Unseen thailand ครับที่นี่ก็คือ โบสถ์ร้างที่โอบด้วยต้นโพธิ์ วัดสังกระต่าย นั่นเอง

ครับ



ด้านในจะมีพระพุทธรูปให้เราเจ้าไปสักการะบูชากันครับ ...ตรงมุมนี้ดูมีมนต์ขลังมากๆครับ




โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์สามห้องครับ..เป็นโบสถ์โบราณ ซึ่งเรียกว่าดบสถ์มหาอุต ครับ...


บริเวณรอบนอกครับ ที่นี่จะมีชาวบ้านมาช่วยกันดูแลครับ...เช้าชมได้ฟรีครับไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ


ว่ากันว่าเดิมที ณ จุดนี้เคยเป็นป่ากระต่ายเก่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของกระต่ายป่าจำนวนมาก แต่ ณ ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ เหลือแต่รูปปั้น


ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป...จึงขอถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึกครับ

จากนั้นก็ออกเดินทางกันสักพักครับเพื่อไปยังสถานที่ๆสี 4 แต่ก่อนอื่นขอพักแปป..แวะเติมน้ำมัน..พักคนพักรถครับ

ตรงนี้ผมเติมน้ำมันไป 160 บาทเต็มถังพอดีครับ รวมกับเมื่อเช้า 100 บาท เป็น 260 บาทครับ

เติมน้ำมันเสร็จก็นั่งพักกันตามสบายครับ...อากาศเริ่มร้อนแต่โชคดีที่แดดไม่ออกครับ


หลังจากนั่งพักกันสักครู่ใหญ่ๆ...คนพร้อมรถพร้อม..ออกเดินทางกันต่อ...ครับ

ในที่สุดก็เดินทางมายังสถานที่ๆ 4 ที่นี่ก็คือ วัดม่วง ครับ สังเกตุง่ายๆจะมองเห็นหลวงพ่อใหญ่ เด่น เป็นสง่าแต่ไกลครับ องค์ใหญ่มากครับ..ก่อนถึงวัดจะสังเกตุเห็นได้ชัดมาก



ตรงนี้คือมุมที่นักท่องเที่ยวจะมากราบสักการะบูชาที่นิ้วมือของหวงพ่อใหญ่กันครับ

ไปเดินชมด้านในกันครับ...ที่นี่ยังมีดินแดนนรกและสวรรค์ให้เราได้เขาไปสัมพัสกันด้วยครับ..

แดนสวรรค์..


แต่ถ้าขึ้นชื่อสำหรับที่นี่นั่นก็คือ...แดนนรกครับ

ผมว่านะกลางคืนคงไม่มีใครกล้าเดินผ่านแถวนนี้แน่เลยคับ


กะทะทองแดง

น่ากลัวมากๆครับ..

ไปกันต่อที่..วิหารแก้วครับ

ด้านในของวิหารแก้วครับ

ได้เวลาที่เราจะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปกัแล้วครับ..ก่อนออกจากวัดม่วงเก็บภาพหมู่สักภาพครับ..


การเดินทางของผมยังไม่จบ...พวกเรามุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัด สุพรรณบุรี ครับ กับสถาที่ๆ 5 ในทริปนี้ นั่นก็คือ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานแดนมังกร

ซึ่งบริเวณด้านนอกจะมีร้านค้าและร้านอาหาร ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมที่นี่ครับ ตกแต่งบรรยากาศแบบเมืองจีน

แต่จุดเด่นของที่นี่คงน่าจะเป็นมังกรยักตัวนี้ล่ะครับ



ส่วนมุมนี้จะเป็นรูปปั้นของพระวัดเส้าหลิน กับกระบวนท่าทั้ง 18 กระกระบวนท่า ไอ่ที่ถือไม้เซลฟี่ไม่ใช่นะครับ นั่นผมเอง555+

ส่วนถ้าเดินเข้าไปด้านในก็จะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าครับ

เที่ยวชมที่นี่จนจุใจแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยังสถานที่สุดท้าย เพื่อหามื้อเช้ารับประทานกัน เพราะหลายๆคนเริ่มจะหิวกันแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังตลาดสามชุกครับ แต่ก่อนไปขอเซลฟี่กับพี่มังกรยักษ์ก่อนนะครับ สามนักเซลฟี่ในตำนาน



ขับรถกินลมกันไปสักพัก พวกเราก็มาถึง ตลาดสามชุก ตลาดร้อยปี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คที่ใครๆก็พูดถึง ถ้าหากได้มาที่สุพรรณบุรีครับ...

ว่าแล้วก็เมือนมีอะไรดลใจพวกเราเลยครับ จอดรถปุ๊บเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวกันเลย ต่างคนไม่รอช้าจัดกันแบบพิเศษไปเลยครับ

พี่เชนคงจะหิวมากก่วาคนอื่น จัดบิ๊กชิ้นร้อยซะเลย บอกได้คำเดียวครับ มันใหญ่มาก



ถ้าให้ผมคงจุกตายแน่ๆลูกเกือบเท่าแตงโม เลยครับ


ชาจแบตเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว สบายตัวไปคนละ 50 บาทกับขนาดพิเศษ ชามเดียวเอาอยู่ พวกเราก็แยกย้ายออกไปเดินช๊อปปิ้งหาซื้อของฝากกันครับ ส่วนผมซึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งนึงแล้ว จึงอาสาพาพี่เชนเดินชมตลาดครับ

โชคดีที่รอบนี้ผมมาแล้วฝนไม่ตกครับ เลยได้เห็นบรรยากาศของตลาดสามชุกฉบับบเต็ม มีทั้งของเล่น ของฝาก ขนมเยอะแยะมากมายให้เราได้เลือกซื้อกันด้วยครับ

เดินย่อยก๋วยเตี๋ยวกันไปเลื่อยๆ ก็มาถึง สะพานพรประชา เพื่อที่จะขึ้นไปยืนรับลมและชมบรรยากาศสองฝั่งของแม่น้ำท่าจีนครับ

ด้านบนนี้ลมพัดเย็นดีครับ มองไปด้านล่างมองเห็นตลาดสามชุกกับ บรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน แต่ผมว่ามุมนี้เหมือนที่เชียงคานมาก

รับลมกันเต็มอิ่มแล้ว ก็เดินมาเซลฟี่ที่ว่าการ อำเภอสามชุกเก่า ซึ่งปัจจุบันที่ว่าการอำเภอสามชุกได้ย้าย ไปอยู่ด้านหน้าของตลาดแล้วครับ



ว่าแล้าก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับกันวันนี้แล้วนะครับ สรุปค่าใช้จ่ายในวันนี้

-ค่าน้ำมัน 260 บาท

-ค่าก๋วยเตี๋ยว1ชาม+น้ำเปล่า 50 บาท

-น้ำดื่ม 1 ขวด 10 บาท

ทั้งหมด 320 บาท สำหรับผมวันนี้ครับ

สำหรับรีวิวในทริปนี้ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ รูปบางรูปอาจไม่ชัดเจนเพราะผมดึงมาจาเฟชบุ๊คของผมเนื่องจากไฟล์ต้นฉบับบในคอมหาย ยังไงก็ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวของผมกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ และพบกันในรีวิวต่อไปครับ

ฝากคลิปบันทึกการเดินทางของผมด้วยนะครับ สวัสดีครับ

#เพจของพวกเราครับ

MTT RIDER (ลิงพาเที่ยว)

#บันทึกการเดินทาง อยุทธยา- สามชุก

https://www.youtube.com/watch?v=aYM0grVp9m4&spfreload=10



Adventurers Rider

 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.44 น.

ความคิดเห็น