บทความนี้ ตั้งใจจะแบ่งเขียนเป็น 2 ตอนค่ะ แต่ละตอนคือเส้นทางการปั่นของแต่ละวัน ทริปนี้เราเดินทางกัน 3 วัน วันแรก เราไปพุระกำ วันที่สอง เราไปแก่งส้มแมว ทางเหมืองแร่สายเก่า และวันที่สาม เรามีกิจกรรมล่องเรือห่วงยาง ค่ะ ติดตามชมได้เลยค่ะ

ตอนที่ 1

ทริปนี้เหมาะสำหรับจักรยานเสือภูเขา ผู้ปั่นควรรู้จักทักษะในการปรับเปลี่ยนเกียร์ เนื่องจากเส้นทางมีเนิน ขึ้นลงให้เล่นพอสมควรค่ะ

สงกานต์ปี 2558 นี้ พาเด็ก ๆ กลับไปเยี่ยม ยาย ที่บ้านจังหวัดนครปฐม ทำให้ ไม่ได้ไปออกทริปจักรยานเหมือนเช่น ที่เคยทำเป็นประจำในช่วงที่มีวันหยุดยาว ทำให้หวนคิดถึง ทริปสงกานต์ปีที่ผ่านมา ทริป พุระกำ สวนผึ้ง ราชบุรี ชายแดนเขตเทือกเขาตะนาวศรี ชุมชนสุดท้ายของภาคตะวันตก ณ. ที่แห่งนี้ช่างมีมนขลังและความทรงจำมากมายของบ้านปานมณีที่มีร่วมกัน แม่ปุ้ม พ่อหนุ่ม น้องป่าน และพี่ปิ่น กับเพื่อนร่วมทริปที่น่ารักอีก2 คน ลุงวุฒิ และป้าตุ๊ก

เช้ามืดวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2557 กิจกรรมอันคุ้นเคยในวันหยุดยาวเช่นนี้ คือออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยทริปจักรยาน สำหรับทริป หลังจากที่พาลูก ๆ ซุ่มซ้อมมาสักระยะนึง วันนี้ คิดว่า เด็ก ๆ พร้อมและแกร่งพอจะออกทริปนี้ได้ ซึ่ง แม่ปุ้มตั้งใจจะพาลูก ๆ ไปเที่ยวบ้านพุระกำ ดินแดน ที่อยากจะเรียกว่า ปายภาคกลาง (ฮ๊ะ ปายอยู่ภาคเหนือนี่นา) บ้านพุระกำแห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง ไม่ไกลจากกรุงเทพ ด้วยระยะทางเพียง 209 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ บรรการศเหนือคำบรรยาย ดูภาพดีกว่าค่ะ

เราออกจากบ้านที่ กรุงเทพ มุ่งสู่ บ้านห้วยม่วง ชุมชนเล็ก ๆ มีร้านขายของชำ และร้านอาหาร 2-3 ร้าน คนที่นี่ยิ้มแย้มและใจดี เราขอจอดรถ ที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง เพื่อประกอบรถจักรยาน คู่ใจ เราวางแผน เริ่มปั่นจากร้านขายของชำนี้โดยไม่ลืมที่จะอุดหนุน ซื้อน้ำ ซื้อขนม ตามอุดมการณ์ กระจายรายได้สู่ชนบท ในเวลาขณะนี้ 10 นาฬิกา ตรง พร้อมแล้ว เริ่มปั่นได้


เส้นทางจากแยกห้วยม่วงไปยังบ้านพุระกำระยะทาง ประมาณ 10 กิโล

บางแก้วไบค์ตัวน้อย พี่ปิ่น กับน้องป่าน ปั่นตามถนนไปเรื่อย ๆ ลักษณะเส้นทางเป็นทางถนนปูน ดันขึ้นเนินเป็นส่วนใหญ่ ความชันของเนิน พอประมาณ ขึ้นลงสลับกันไป ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร น้องป่าน แก้มแดง เหนื่อยถึงกับเลียปาก แต่ยังใจสู้


ณ.จุดนี้ ทางปูนสิ้นสุดลงดื้อ ๆ คาดว่างบประมาณหลวงคงจะหมด ตรงจุดนี้พอดี ถนนเปลี่ยนสภาพ กลายเป็นถนนลูกรัง แต่วิวสองข้างทาง ยังคงความสวยงาม เช่นเคย


ถนนลูกรังกินระยะทาง เกือบ 2 กิโลเมตรเช่นเคย จากนั้น ก็จะเจอถนนลาดยางมะตอยอย่างดีจนถึง ประมาณเกือบกิโลเมตร ที่ 5 ก็จะเห็นร้านขายของชำ เราแวะซื้อน้ำดื่มเติมพลัง นั่งพัก ให้พอหายเหนื่อยก่อนออกปั่นต่อ ตรงนี้แผนที่ใน GPS บอกว่า เรามากันได้ เกือบครึ่งทางแล้วค่ะ


ระหว่างการเดินทาง มีเด็ก ๆ เล่นสาดน้ำสงกานต์ กันทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศสงกานต์ครบเครื่อง แถมยังมีสายฝนโปรยปรายให้ได้ชุ่มช่ำชื่นใจ เปียงทั้ง โดนสาดน้ำ จากวันสงกานต์ เปียกทั้งน้ำฝนจากฟากฟ้า ทำให้ น้องป่านกระดี้กระด้าเกินหน้าเกินตาคนอื่น ตามสำนน ปลากระดี่ได้น้ำ จริง ๆ


ปั่นตรงมาเรื่อย ๆ เห็นด่านตรวจพวกเราสวัสดี ทักทาย ตามประสาคนไทย ไปลามาไหว้ ค่ะ พอผ่านด่านตรวจ ไปได้สักพัก เราก็เริ่มเข้าป่าจริง ๆ ตอนนี้ จับไมล์ GPS เหลืออีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึง พุระกำ แล้ว ปั่นเข้าป่ามาได้สักพัก ก็เจอเนินชัน เลย


เนิน เหล่านี้ ต้องใช้เกียร์ทดช่วยในการปั่น และ พื้นผิวถนนยังเป็นหินลอย ทำให้ต้องใช้ทักษะในการไต่เนิน บวกการทรงตัวบนจักรยาน แล้วหล่ะถึงตอนนี้ แม่บอกว่า ทักษะ ที่เคยปั่นที่คลองมะเดื่อ มีอะไร งัดมาให้หมดไม่งั้นต้องเข็นยาว นะลูก แม่พยายามให้กำลังใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว กำลังขาเด็กน้อย ไม่สามารถต้านแรงโน้มถ่วงโลกได้ หมดแรง ต้องเข็น ป๊ะป๋า มาช่วยเข็น สองพ่อลูกคุยกันกระหนุงกระหนิงนับ เป็นภาพความประทับใจ ภาพหนึ่งในความรู้สึกและความทรงจำของแม่ จนถึงวินาทีนี้ในขณะที่เล่าเรื่องอยู่


ป๊า ถาม :“น้องป่าน เหนื่อยไหม เดินไหวไหมลูก"


น้องป่าน:" ป๋าหล่ะ เข็นรถป๋า แล้วยังต้องเข็นรถให้หนูเหนื่อยไหม" (วินาทีนี้ ป๋ายิ้มไม่หุบเลย ขนาดเหนื่อยยังมีใจคิดถึงป๋า)

ป๋าถาม : แล้วจะมาอีกไหม

น้องป่าน: มาดิ แต่ถ้าหนูเหนื่อย ป๊าเข็น ให้ด้วยนะ 555

ภาพนี้อยากให้สังเกตุ ดูหน้าน้องป่าน ตอนเตรียม จะปั่นลงเนิน …โอ้โห ฮู้ฮู…. จะลงยังไงหล่ะเนี่ยป๊ะ ป๋าก็ลงไปแล้ว ด้วย หันไปสบตาลุงวุฒิ ผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่อยู่บนเนินด้วยกัน ลุงวุฒิ ให้กำลังใจ พร้อมสอนเทคนิค ให้ ป่านลงได้ ฟังลุงนะลูก หนูต้องยืนบนกระไดห้ามนั่งบนเบาะน๊ะ แล้วหย่อนก้นไปด้านหลังนิดนึง กำเบรคหลังด้วยมือขวา อย่ากำเบรคหน้า ด้านซ้าย น๊ะ โอเคปะ ป่านพยัคหน้า พร้อมกับตอบว่า OK ก่อนที่จะปั่นลง น้องป่าน ยังไม่ลืม พูดกับลุงวุฒิว่า “หนูจะปั่นลงแล้วนะ ไปแล้วนะ" ลุงวุฒิตอบจ๊ะลงดีดี หล่ะ


น้องป่านปั่นลงได้สำเร็จ ไปตามภาพ สวยงาม หน้าตาเหว๋อ ๆ พอประมาณสำหรับเนินชันแรกที่ต้องปั่นลงด้วยตัวเอง จากนั้น เนินต่อ ๆ ไป เข็น ขึ้นบ้าง แต่ตอนลง ไม่มีสีหน้ากังวลให้เห็นอีกเลบ ลงฉิวสนุกสนาน หลังจากเรียนรู้เทคนิคจากลุงวุฒิ


แต่ก่อนจะลงเนิน ขาขึ้นก็หนักเอาการเหมือนกันสำหรับพี่น้องสองสาว พี่ปิ่น กับน้องป่าน ก็ช่วยกัน เข็น ช่วยกันดัน ฮุ้ยเร่ฮุ้ย


เสียงแม่เชียร์ อยู่ด้านบน ป้าตุ๊ก สู้ ๆ พี่ปิ่น กับน้องป่าน สู้ ๆ เร็วลูก ข้างบนสวยมาก


มุม นี้สวย จริง ๆ เห็นวิว 360 องศา ต้องมาดูเอง ถึงจะเชื่อ ณ.แยกตัว Y นี้ แยกซ้ายเป็นเนินชันมาก มีเส้นทางตัดเข้าบ้านพุระกำตรง ๆ แต่ลักษณะเส้นทานเป็นเนินชัน มาก ๆๆๆ แถมยังยาวอีก เด็ก ๆ คงเข็นไม่ไหว “เส้นทางนี้ มองด้วยสายตาต้องบอกว่าความ ชันขนาด กิ้งกือหงายท้อง คิดดูเองว่าชันขนาดไหน " เราเลยตัดสินใจเบี่ยงไปทางขวา ไปตามทาง พอ ลงเนินไป ก็จะถึงหมู่บ้านพุระกำแล้ว แต่ต้องผ่านฝายน้ำ 1 ฝาย และผ่าน ธารน้ำ อีก 2 ลำธาร ก็จะถึงโรงเรียนบ้านพุระกำ จุดหมายปลายทางของเรา


แม่ ๆๆ ข้างหน้านั่นใช่ปะที่แม่เรียก “ฝายน้ำ" เสียงพี่ปิ่นถาม พูดจบ ก็เริ่งฝีเท้าปั่นไปข้างหน้า แซงทุก ๆ คนไป เพื่อจะไปที่ฝายน้ำก่อนใคร สำหรับน้องป่าน จอมขี้กังวลมองก่อนว่า จะไปยังไง มองอยู่สักพัก สายป่านพอดูแล้วเห็นว่า อ้อ ก็แค่ถนนที่มีน้ำผ่าน ป่าน ก็สามารถปั่นข้ามฝายไปอย่างสบายๆ


จากตรงนี้ยังคงเหลือระยะทางอีก ประมาณสองกิโล ก็จะถึงโรงเรียนบ้านพุระกำแล้ว แต่… หนทาง มันก็ไม่ง่าย เพราะเส้นทางเต็มไปด้วยหินลอย แถมยังเป็นทางเนินชันพอสมควร เด็ก ๆ ปั่นไม่ไหว ก็เข็นกันไป แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ไม่บ่นแล้ว เพราะรู้ว่าใกล้มากแล้ว และก็เริ่มสนุกกับการปั่นผ่านฝายน้ำ ตอนนี้เด็ก ๆ มีแรงกลับมาเต็มที่


ลำธารแรก ผู้ใหญ่ปั่นผ่านไปได้แบบสบาย ๆ แต่ เด็ก ๆ ปั่นมาได้นิดเดียวก็ลงเข็นตามระเบียบ ป๋า กำลังเดินลงไปช่วยเข็น เด็ก ๆ เล่นน้ำกันสนุกไปเลย หนทางยังไม่สิ้นสุด ไปต่อเร็วลูก ไปเล่นที่ลำธารต้นน้ำดีกว่า ไปเร็วค่ะ จับรถตัวเองเร็ว


ลำธารที่สอง ลำธารสุดท้าย สายป่าน ยังคงเข็นเหมือนเดิม แต่คราวนี้ หนูเข็นเอง ป๋า ไม่ต้องช่วย พี่ปิ่นปั่นไปกลับพยายาม อยู่หลายรอบ ก็ยังคงไม่ผ่านต้องเข็นทุกรอบ อยู่ดี


เด็ก ๆ เข็น รถขึ้นไปจอดบนถนนได้แล้ว ก็วิ่งย้อนลงมาเล่นน้ำ พร้อมกับ เสียงร้องเรียก ของสายป่น ลุงวุฒิ มาเร็วๆ ลุงวุฒิ เสียงลุงวุฒิตอบกลับ จ้า น้องป่านหลบไป ลุงจะปั่น ไปแล้วนะ ผลปรากฏว่า ลุงวุฒิ ปั่นมาแต่ไม่รอด ต้องจอดกลางทาง เพราะติดก้อนหิน ป่านหัวเราะใหญ่ 555 ลุงวุฒิ มาไม่ได้ เหมือนหนูเลย

ในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียน บ้านพุระกำ (โปรด ติดตามพุระกำตอนต่อไป)เล่าเรื่องต่อ


ในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียน บ้านพุระกำ ที่ที่มีสายน้ำไหลผ่านอย่างไม่เคยเหือดแห้ง มลขลังที่สะกดจิตพวกเราทุกคนไว้ สวยงามเหลือเกิน ผู้อ่าน เห็นด้วยไหมคะ ถ้าขอขอเรียกที่นี่ว่า ปายภาคกลาง ที่สายธารน้ำแห่งนี้ เด็ก ๆ อดใจไม่ไหว ที่จะขอลงเล่นน้ำ พวกผู้ใหญ่ ก็นั่งเฝ้ามอง พร้อมกับ นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม เวลาผ่าน 1 ชั่วโมงช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ่ายสองโมงครึ่ง พวกเราก็เรียกเด็ก ๆ ขึ้นจากน้ำเพื่อเตรียมตัวปั่นกลับ

แย่ละ เด็ก ๆ เริ่มงองแง ไม่อยากปั่นกลับแล้ว น้องป่านเริ่มอ้อน ป๊ะป๋า ให้เอารถมารับ ป๊ะป๋า ตอบว่า เดี๊ยว ป๊าปั่นกลับไปเอา รถกระบมารับ ก็ได้ แต่พวกหนูต้องปั่นกลับไปรอที่ฝายน้ำ เอง เพราะรถผ่าน ธารน้ำไม่ได้ OK ทุกคนตกลง ป๊ะป๋า ที่ใจดี ของพวกหนู รีบปั่นรถ กลับไปที่จอดรถ เพื่อเอารถกระบะมารรับพวกหนู ส่วนพวกหนู ได้เล่นน้ำต่อเพราะพอเหลือเวลา พอบ่ายสาม เราก็ปั่นไปรอป๊าที่ฝายน้ำตามที่ตกลงกันเอาไว้



ปั่นมาถึงฝายน้ำ เด็ก ๆ ยังคงเล่นน้ำรอป๊ะป๋า ต่อไปจนเหนื่อย ขึ้นมานอนพักขอรับพลังหยินหยางที่บนสันฝาย สักพัก ป๊ะป๋าก็บีบแตร แป๊น แป๊น เป็นอันให้สัญญาน ว่า ป๊า มาแล้ว เราแพ็ครถกันแล้วก็มุ่งหน้าสู่ บ้านไร่ไทรงาม โฮมเสตย์ ซึ่งเป็นที่นอนของเราในวันนี้ จบทริปของวันแรก อย่างแฮ๊ปปี้เอ็นดิ้งกันทุกคน ความสนุกยังไม่จบเท่านี้ เพราะว่า ทริปนี้เรายังมีเรื่องมันส์ ๆ ให้ติดตามกันต่อ รอติดตามชมทริปวันที่ 2 ต่อไปนะคะ

สนใจ ปั่นจักรยานท่องเที่ยว เที่ยวชมธรรมชาติ ติดต่อเราได้นะคะ เรารับจัดทำทริปปั่นจักรยานเที่ยวค่ะ

ทีมงาน สุขใจ..ไป ปั่น ป่า พา ปั่นเที่ยวป่า

https://www.facebook.com/bikeforestcamp/

หรือ ติดต่อ Line ID :Panjaiv

หรือ www.bikeforestcamp.com

Panjaiv Panmanee

 วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.56 น.

ความคิดเห็น