หน้าหนาวปี 2015 เป็นปีที่บ้านปานมณีท่องเที่ยวยาวกว่าทุกปีที่เคยเป็น เราวางแผนไป ท่องเที่ยวที่จังหวัดน่าน โดยมุ่งหน้าไปหมู่บ้านมณีพฤกษ ดินแดนของกระเหรี่ยงภาคเหนือของไทย ซึ่งชนเผ่านี้ยังคงอนุรักษ์ ความเป็นกะเหรี่ยงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วงเวลาที่เราไปช่างพอเหมาะพอเจาะ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่ ของกะเหรี่ยง 3 หมู่บ้าน ในระแวกนั้น โดยปกติแล้ว งานประเพณีปีใหม่ ของกระเหรี่ยง จะจัดก่อนปีใหม่ ซึ่งแตกต่างกับงานปีใหม่ ของชาวเมืองอย่างเรา ๆ 1 อาทิตย์ เราก็เลยได้มี โอกาสร่วมงานปีใหม่กะเหรี่ยง อย่างนสนุก สนาน พอจบทริป กระเหรี่ยง เราก็มุ่งหน้าสู่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เขาค้อโดยทันที เพราะว่า เรามีนัดกับเพื่อนอีก 1 กลุ่ม เพื่อไป ร่วมปั่นจักรยานท่องเที่ยวกันที่ทุ่งแสลงหลวง


บ้านปานมณี อำลา หมู่บ้านมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน ในช่วงเช้า แวะเที่ยวเพลิดเพลิน ก่อนมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอหนองแม่นา เราถึงหนองแม่นา ช่วงค่ำ ๆ และแว๊ะเข้าพัก หนองแม่นาโฮมเสตย์ ในวันที่เราไปถึง เรายังไม่เห็นอะไรมากนัก เพราะว่า มืดแล้ว มองอะไร ไม่เห็น นอกจากบ้านพักที่เราได้เข้าพัก เป็นบ้านชาว บ้านธรรมดา แต่ ป้าดูแลดีมาก พอไปถึง อากาศ เย็น จน ถึงหนาว ป้าไล่พวกเราไปอาบน้ำอาบท่าเพราะแกบอกว่ายิ่งดึกยิ่งหนาว พวกเราก็ไม่รอช้า เด็ก ๆ ก็น่ารัก ช่วยงานขนของ แบบมดงาน อะไร ขนได้แบกได้ ก็ติดไม้ติดมือหยิบเข้าบ้านพักกันไป แล้ว เราก็ได้อาบน้ำ อุ่น ๆ จากเครื่องอาบน้ำอุ่น แต่ด้วยอากาศ หนาวมาก อาบเสร็จก็ยังคงหนาวอยู่ดี ทำให้ เด็ก ๆ ไม่ค่อยมีความสุขกับการ อาบน้ำกัน มากเท่าไหร่นัก เด็ก ๆ อาบน้ำเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่ต่อคิวอาบน้ำ แล้วก่อนที่เราจะอาบน้ำเสร็จกันทุกคน พวกเราก็ได้กลิ่นกับข้าว หอม ๆ โชยมาเตะจมูก ป้าทำกับข้าว รอให้เราไปทานกัน แค่กลิ่นก็เรียกน้ำย่อยได้ มากโข เลยค่ะ เรา กินกันเรียบอิ่นแปร่ก่อนเข้า นอน อากาศคืนนี้ หนาวถึงหนาวมาก พวกเรา ห่มผ้าห่ม กันคนละหลาย ผืนทีเดียวเลยหล่ะค่ะ



เช้าตรู่ เพื่อน วัยเดียวกับสายป่านตามมาสมทบ เนื่องจากเมื่อคืน น้องเอิรน์ กับครอบครัว มากกางเต้นพักแรมที่ทุ่งแสลงหลวง คอยน้องป่านอยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะพวกเรามาถึงหนองแม่นาดึกเกินไปทำให้ไม่ได้เจอกัน เช้านี้ไม่พลาด ลมคิดถึงกันและกัน ของคู่ซี้ปึก วัยเด็ก ทำให้เอิรน์รบเร้าพ่อ ให้พามาหาป่านที่หมู่บ้านหนองแม่นาให้ได้ พอได้เจอกัน ก็ทักทายกันเสียงดังลั่น สักพัก ก็นั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง แชร์ เรื่องเล่า ของการไปเที่ยววันก่อน ๆ ให้กันและกันฟัง ช่างเป็นภาพที่งดงามน่ารักตามประสาเด็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศหมอกปกคลุมหนาทึบ บรรยากาศหน้านาว ของอำเภอหนองแม่นา เป็นอย่างนี้ทุกปีในฤดูหนาว ด้วย พื้นที่ของหมู่บ้านนี้ ตั้งอยู่ในหุบเขา ทำให้มีหมอกค่อนข้างหนา ป้าบอกว่า เวลาใคร ๆ ขึ้นเขาไปดูทะเลหมอก เขา ก็มองมาทางเรานี่แหละ ไม่ต้องปืนไปไหนเลย เพราะเราพักอยู่ในหมอก น่าอิจฉาใช่ไหมคน คนอื่นต้องตื่นตีสี่สีห้า เพื่อไปดูทะเลหมอก แต่เรา นอนอยู่ในหมอก ช่างมีความสุขเสียจริง สำหรับทริปนี้ของเรา



หลังจากอิ่มอาหารเช้าแล้ว พระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้ามากขึ้น สว่างมากขึ้น หมอก ก็เริ่มจางหาย ทำให้พวกเรา เริ่ม ขยับตัว set รถจักรยานเพื่อออกปั่นไปยังทุ่งนางพญา ตามที่ได้วางแผนกันไว้ แล้วก่อนออกเดินทาง พวกเรายังไม่ลืมที่จะไปสั่งซื้อสะเบียงไปกินในป่าสนทุ่งนางพญาเลยค่ะ ได้ไก่ย่าง ไม้ใหญ่ ๆ มาหลายไม้ พร้อมกับข้าวเหนียวตุนกันเต็มพิกัดเลยค่ะ


เริ่มต้นปั่นอากาศเย็น ๆ ปะทะกับลมที่เกิดขึ้นจากการปั่นหนาวทีเดียวเลยค่ะ ขนาดว่า ใส่เสื้อมาหลายชั้นนะคะ หนาวสะท้านไปหมด แต่ ก็ สนุกค่ะ ปั่นสบาย ไม่เหนียวตัวเลย ตอนเริ่มแรก ปั่นไม่ยากค่ะ ถนน กว้าง ๆ ปั่นสบาย ๆ ถือว่าเป็นการวอมร์มรอบขาค่ะ เริ่มเข้าเขตอุทยาน ก็ไหลลงเนินยาว ๆ ก่อนเลย แล้ว เราก็จะเริ่มเห็น ลานทุ่งหญ้า กว้าง ๆ สุดลุกหูลูกตา บรรยากาศ อาจดูร้อน ๆ ไปนิด เนื่องจากไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่



เด็ก ๆ ปั่นกันเรื่อย ๆ จากหมู่บ้านหนองแม่นา มาสัก 5 กิโล เราก็มาพบป้ายแนะนำทาง ว่าจากตรงไปไปยังทุ่งนางพญา ระยะทาง 10 กิโล สบาย อีกไม่ไกล เดียวก็ถึง ระยะทางคำณวน ของวันนี้ ไปกลับ 30 กิโล สบาย ๆ ค่ะ



หนทางเริ่มไม่ง่ายอย่างทิ่คิดแล้วสิคะเพราะว่า มันเจอเนินแสนโหด เข้าไป แต่ พอปั่นพ้นเนินไปก็เริ่มสบายค่ะ ช่วยไต่เนิน เข็นกันเป็นแถว แต่ก็สนุกสนานค่ะ ปั่นไป ชมนกชมไม้ไป เข็นไป คุยกันไป สนุกไปอีกแบบ



พอผ่านเนิน ก็เริ่มเข้าเชตป่าโปร่ง ถนนกว้าง เป็นเนินซึม ปั่นสบาย มาก ๆเลยค่ะ ต้นไม้ใหญ่ แต่ละต้นต้องบอกว่าใหญ่จริงๆ สมแล้วที่ที่นี่ติดอันดับอุทยานใหญ่ระดับต้น ๆ ของเมืองไทย ต้นไม้ใหญ่ ลำต้นแตก ๆ ดูมีศิลปะน่าพิศวงดีค่ะ ตลอดทาง เป็นต้นไม้ใหญ่ สูงโปร่ง ร่มรื่น บรรยาศ ดี ปั่นแล้ว ไม่เหนื่อยเลยค่ะ สูดโอดโซน กัน คนละหลายเฮือกใหญ่ สุขใจ จริง ๆ



เริ่มต้นป่าโปร่ง ตรงนี้เรียกป่าสนสองใบ มีต้น สองใบ ขึ้นเต็มไปหมด แต่ละต้น ต้นใหญ่ ๆ ทั้งนั้น คาดว่า ต้นไม้เหล่านี้ คงหยัดยืนให้ความร่มเย็นกับประเทศ ไทย มาเป็น 100 ปี มาแล้ว อากาศในนี้เย็นกว่าด้านนอก สัก 2-3 องศา เลยทีเดียว ต้นไม้ใหญ่ ช่วยให้อากาศ ไม่ร้อน ช่วยกันนะช่วยกันอนุรักษ์ ป่าเมืองไทย ให้เราได้มีพื้นที่สีเขียวไว้สำหรับเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ไปได้นาน ๆ



พันป่า สนสองใบ เรา จะเจอทุ่งหญ้า สะวันน่าของเมืองไทย



ป่า สะวันน่า เป็นป่าหญ้า ใหญ่ โล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นวิว พาโนราม่า ระยะทาง ยาว สัก 2 กิโลเห็นจะได้ พอพ้นทุ่งหญ้านี้ เราก็จะถึงทุ่งนางพญา



จริง ๆ เราควรจะจบทริปวันนี้ได้แล้ว แต่เนื่องจากเด็ก ๆ บอกว่าอยากเข้าห้องน้ำ เอ ถึงทุ่งนางพญาแล้วทำไมไม่เห็นมีห้องน้ำทั้งที่เป็นที่ ที่บางครั้งมีกลุ่มท่องเที่ยวเข้ามากางเต้นพักแรมที่นี่ เอ หรือว่า ต้องเลยเข้าไปอีก ถึงจะถึงจุดกางเต้นท์ที่แท้จริง พวกเราจึงมุ่งหน้ากันต่อไปเพื่อหาจุด ที่มีห้องน้ำ



ยิ่งเข้าไป ยิ่งรก เหมือนไม่ใช่เส้นทางหลัก เออ หรือว่าเรามาผิดทาง เราเข้าไปได้สัก 3 โล ก็ยังไม่เห็นห้องน้ำ เอา หล่ะ ยกมือไหว้ต้นไม้ใหญ่ 1 ครั้ง แล้ว ก็วิ่งมุมใคร มุมมันแล้วแต่สะดวก


ทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยก็ถือโอกาส ทานอาหารกลางวันกันที่นี่ เด็ก ๆ หิวกันมาก หมดแรง กันหมดแล้ว พักกินข้าวกันเรียบร้อย เราก็ปั่น กลับมายังโฮมเสตย์ ถือว่าเป็นเส้นทางปั่นที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม สม กับที่มีคนบอกว่า คนรักเสือภูเขา ต้องมาปั่นที่นี่ให้ได้ สัก 1 ครั้ง เพื่อให้รู้ว่า เมืองไทยยังมีสถานที่ รอให้เสือภูเขามาปั่น ชื่นชมธรรมชาติ อย่างสนุก มันส์ ไม่รู้ลืมค่ะ

สนใจเส้นทางปั่นเที่ยวป่าแบบนี้อย่าลืมกด like FB ปั่นเที่ยวป่านะคะ

https://www.facebook.com/bikeforestcamp/

www.bikeforestcamp.com

Panjaiv Panmanee

 วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.22 น.

ความคิดเห็น