เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยว Hitachi seaside park สวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นมาครับ ผมก็เลยลองเขียนรีวิวมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ เผื่อมีคนสนใจจะไปจะได้ประโยชน์อะไรจากมันบ้างครับ


สำหรับอุปกรณ์ในการถ่ายภาพก็จะมีกล้อง 2 ตัวนะครับ ก็คือ Fuji X-T10 ของผม แล้วก็ Fuji X-A1 ของภรรยาผมครับ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปอ่านกันได้เลยครับ


Hitachi seaside park เป็นสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นครับ อยู่จังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากครับ นั่งรถไฟประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็ถึงครับ



สำหรับการเดินทางก็ง่ายๆ ครับ เพียงแค่นั่งรถไฟไปลงสถานี Katsuta โดยจากโตเกียวสามารถหารถไฟด่วน (limited express) ต่อเดียวไปถึงได้เลยครับ และสำหรับคนที่ซื้อ Japan rail pass หรือ Tokyo wide pass ไว้ ก็สามารถจองและนั่งรถไฟด่วนชนิดต่างๆ ไปลงได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินอะไรเพิ่มเลยครับ


ตัวผมเองเลือกนั่งรถขบวน Hitachi ออกจากสถานี Ueno ไป โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 84 นาทีครับ


เมื่อไปถึงสถานี Katsuta ผมก็เดินเลี้ยวขวาออกจาก East exit และลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 1 ครับ ที่หน้าสถานีนี้จะมีป้ายรถเมล์อยู่ครับ โดยเราจะต้องขึ้นรถบัสสายหมายเลข 2 เพื่อไปยัง Hitachi seaside park ครับ ซึ่งตรงนี้เราจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทางดังนี้



ทางเลือกที่ 1 : เดินขึ้นรถบัสสายหมายเลข 2 ไปเลย และไปทำการจ่ายเงินค่าโดยสารบนรถ เที่ยวละ 400 เยน/คน


ทางเลือกที่ 2 : เดินไปต่อแถวเพื่อซื้อคูปอง 1 day pass แบบในรูปครับ โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาตั้งโต๊ะเล็กๆ ขายอยู่ในราคา 1,200 เยนต่อใบ pass นี้จะสามารถใช้นั่งรถบัสไปกลับสวน Hitachi กับ สถานี Katsuta ได้ (มูลค่า 800 เยน) และยังเป็นตั๋วผ่านประตูเข้าสวน Hitachi ได้อีกด้วยครับ (มูลค่า 400 เยน)


จริงๆ เมื่อลองรวมมูลค่าเงินแล้ว ไม่ว่าเราจะเลือกทางเลือกที่ 1 หรือ 2 ก็ต้องจ่ายเท่ากันคือคนละ 1,200 เยนครับ แต่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนเลือกทางเลือกที่ 2 มากกว่า ด้วยเหตุผลอย่างแรกก็คือ สะดวกในการขึ้นลงรถบัสมาก ไม่ต้องควักเงินเพื่อทำการจ่ายเงินบนรถบัสครับ โดยรถบัสนั้นจะใช้เวลาในการเดินทางราวๆ 20 นาทีนะครับ วิ่งตรงๆ ยาวๆ และมาสุดที่หน้าสวนเลยครับ



และก็ประโยชน์อย่างที่สองเมื่อคุณซื้อ 1 day pass ก็คือ เมื่อคุณมาถึงหน้าสวน Hitachi แล้ว คุณจะสามารถเดินเข้าสวนได้เลยโดยที่ไม่ต้องต่อแถวคิวซื้อตั๋วบริเวณหน้าสวนครับ อยากจะบอกว่าคิวรอซื้อตั๋วที่หน้าสวนนี่มันยาวมากกกกกกกกกกกครับ



เมื่อเราเข้ามาข้างในสวนแล้ว สิ่งที่เราจะเห็นก็คือป้ายแบบในรูปครับ ป้ายนี้จะแสดงพื้นที่ัทั้งหมดของสวน Hitachi ครับ ซึ่งกว้างถึง 1.9 ล้าน ตร.ม. เลยทีเดียวครับ เรียกว่ากว้างมากกกกกก


และด้วยความกว้างแบบนี้แหละครับ ทำให้สวนแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยแต่ละช่วงก็จะมีสีสันของดอกไม้และความงามที่แตกต่างกันออกไป


แผนที่นี้จะแสดงว่าช่วงนี้มีดอกไม้ตรงไหนบ้างที่ยังสวยๆ และน่าไปชมครับ โดยตอนที่ผมไปนั้นจะมีทั้งหมด 6 โซนครับ และด้วยความที่กลุ่มของผมมีเวลาไม่มากก็เลยขอโฟกัสที่ 2 โซนหลักๆ ได้แก่โซน 1 ดอก Nemophila และโซนที่ 2 ดอกทิวลิปครับ


โซนที่ 1 ดอก Nemophila นั้นจะอยู่ลึกสุดของสวนเลยครับ เดินไปตามทางซ้ายมือเรื่อยๆ ก็จะเจอครับ ส่วนโซนที่ 2 ดอกทิวลิปนั้นอยู่ทางขวามือครับ ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าออกสวนเลย



โดยกลุ่มของผมเลือกจะเดินไปโซนที่ 1 ดอก Nemophila ก่อนครับ


ในภาพนี้คือ 1 day pass หลังจากที่เข้าสวนมาแล้วนะครับ ทางเจ้าหน้าที่จะดึงบัตรส่วนด้านขวาออกไปและเราจะต้องเก็บส่วนั้เหลือนี้ไว้ให้ดีอย่าให้หายเพราะเราต้องใช้แสดงตอนนั่งรถกลับสถานีครับ


เมื่อเราเดินผ่านประตูสวนเข้ามาในตอนแรก นอกจากจะมีโบรชัวร์แนะนำสวนคร่าวๆ แล้ว ตอนที่ผมไปเค้ายังมีกิมมิคเล็กๆ ให้คนที่มาเข้าสวนได้ร่วมสนุกกันด้วยนะครับ โดยจะมีแผ่นพับหน้าตาแบบในรูปนี้ให้เราหยิบครับ


เมื่อเรากางออกและพลิกไปดูด้านหลัง จะพบภาพและข้อมูลของทั้ง 6 โซนที่มีดอกไม้อยู่ในตอนนี้ครับ และจะมีวงกลมสีขาวๆ อยู่บริเวณขวาล่างของแต่ละโซน โดยเราจะต้องไปตามล่า Stamp ของโซนนั้นมาประทับลงให้ครบครับ


กิจกรรมแบบนี้นี่ภรรยาผมเธอชอบนักเชียวครับ เพราะเธอชอบสะสมตราประทับเวลาไปเที่ยวที่นั่นนู่นนี่ตลอดครับ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นนี่แต่ละที่มีตราสวยๆ แปลกๆ เยอะเลยครับ



ระหว่างทางที่เราเดินไปเราก็พบว่าที่พื้นทางเดินจะมีการติดป้ายบอกทางกำกับไว้ด้วยครับ ว่าทางนี้จะพาเราไปไหนได้บ้างครับ เรียกว่าดีงามมากๆ ครับ ไม่มีหลงแน่นอน


เดินมาเรื่อยๆ ยังไม่ทันถึงแปลงดอกไม้แปลงแรกเลย สายตาผมก็ไปสะดุดกับตู้นี้ครับ ภาพไอติมชาเขียวบนโคนสีดำมันเตะตาผมมากกกกก ก็เลยจัดมา 1 โคนครับ


สนนราคาโคนนี้ คือ 450 เยน ต้องบอกว่าค่อนข้างแพงครับ แต่โดยรวมผมประทับใจในรสชาติมากโดยเฉพาะโคนสีดำที่อร่อย แตกต่างจากร้าน soft ice cream อื่นๆ ที่ผมเคยทานมาครับ ส่วนไอศรีมรสชาเขียวก็อร่อย ลงตัวดีครับ ใครที่อยากจะทานต้องเดินมาที่ซุ้มนี้เท่านั้นนะครับ ซุ้มอื่นไม่มีขายแบบนี้นะครับ



หลังจาก Check in ที่ร้านไอศรีมเสร็จ เราก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนเจอแปลงดอกไม้แปลงแรกครับ รุ้สึกว่าจะชื่อ "ดอกแดฟโฟดิล" สวยดีนะครับ มีทั้งสีขาวและสีเหลืองครับ


บริเวณใกล้ๆ กับแปลงนี้ก็จะมีศาลาบ้านนกเล็กๆ แบบนี้ตั้งอยู่ครับ ข้างในก็จะมีตราประทับของโซนนี้วางไว้ครับ เห็นเลยว่าคนญี่ปุ่นนี่ร่วมสนุกกันเยอะมากครับ บางโซนยืนต่อแถวกันยาวเลยครับ


และแน่นอนว่าภรรยาผมก็ไม่พลาดครับ นอกจากเธอจะประทับในแผ่นพับของสวน Hitachi แล้ว เธอยังประทับลงในสมุดสะสมของเธอด้วยครับ



หลังจากนั้นเราก็เดินต่อมาเรื่อยๆ เจอวิวสวยๆ ตลอดทางครับ วันนี้อากาศไม่ร้อนด้วยก็เลยเดินสบาย ระหว่างทางเดินมีร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ให้ไปนั่งพักได้ด้วยครับ



และก็ยังมีซุ้มขายของกินอีกด้วยครับ โดยซุ้มนี้จะอยู่หน้าทางเข้าของดอก Nemophila แล้วครับ สำหรับซุ้มนี้ผมสามารถเดินผ่านไปได้โดยที่ไม่เสียเงินนะครับ ฮา



และในที่สุด เราก็เริ่มเห็นดอกไม้สีฟ้าที่ตามหาแล้ววววว เย้ๆ



หลังจากการเดินมาราวๆ 15 นาทีจากประตูทางเข้า (ถ้าไม่แวะพัก) เราก็ถึงโซนที่ 1 ทุ่งดอก Nemophila สีฟ้าอันตระการตาแล้วครับ ขนาดผมมาเช้ามาก เรียกได้ว่าประตูสวนพึ่งเปิด คนยังมากันเยอะแล้วเลยครับ


แต่ด้วยขนาดของสถานที่ที่มันกว้างมาก ถึงคนจะเยอะแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลยครับ


ถ้าผมอ่านมาไม่ผิดรู้สึกตรงนี้ทางสวนเค้าจะตั้งชื่อว่า Nemophila Hill นะครับ ลักษณะพื้นที่ก็เป็นไปตามชื่อเลยครับว่าเป็นเนินเขาเล็กๆ ที่เราต้องค่อยๆ เดินขึ้นไปเรื่อยเพื่อชมวิวบนยอดเนินเขาแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของสวนแห่งนี้ครับ


การเดินขึ้นก็ไม่ยากครับ เพราะเนินไม่สูงมากและทางสวนได้ทำทางเดินแบบค่อยๆ slope ขึ้นไปทีละนิดๆ ครับ


ลองมาดูดอก Nemophila แบบ closed up กันบ้างดีกว่าเนอะ ตามปกติแล้วดอก Nemophila จะเริ่มบานช่วงกลางเดือน เม.ย. และจะ full bloom หรือพีคสุดช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งเป็น Golden week หรือวันหยุดยาวของประเทศญี่ปุ่นพอดีครับ แต่ปีนี้เนื่องจากอากาศประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างร้อน หิมะน้อย ละลายไว ทำให้ดอก Nemophila บานเร็วกว่าปกติราวๆ 10 วันได้เลยครับ ช่วงที่ผมไปก็เลยถือว่าโชคดีเลยเพราะบานไปราวๆ 80% ได้แล้ว ถ้าไปปีอื่นๆ ในช่วงนี้ รับรองว่าไม่เห็นภาพแบบนี้แน่นอนครับ



ให้ดูหลายๆ มุมครับ ค่อนข้างชอบมาก แต่เสียดาย ฟ้าวันนั้นแอบเน่าไปหน่อย มีช่วงฟ้าเปิดแค่แว้บเดียวเท่านั้นครับ T____T



คนญี่ปุ่นชอบพาน้องหมามาเดินเล่นที่สวนแห่งนี้มากๆ เลยนะครับ ถ้าใครชอบหมาน่าจะชอบมากแน่ๆ ครับ เพราะมีหลากหลายสายพันธ์สุดๆ ตั้งแต่ตัวเล็กมากไปจนตัวใหญ่มากกกกกกกกก นอกจากนี้เค้ายังชอบจัด action น่ารักๆ เพื่อถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ ด้วยครับ



หลังจากเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ เราก็เริ่มจะเห็นวิวเป็นแบบนี้แล้วครับ



จุดนี้น่าจะเป็นจุดสูงสุดแล้วครับ มองเห็นชิงช้าสวรรค์ด้วย ซึ่งตรงนั้นจะมีเครื่องเล่นไว้ให้เด็กๆ เล่นอยู่หลายเครื่องเลยครับ


อ้อ ด้านบนสุดของเนินจะมีระฆังให้สั่นด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าสั่นทำไมแต่คนต่อแถวกันยาวมากกกก และผมก็ไปต่อกับเค้าครับ ฮาๆๆๆ ไหนๆ ก็มาแล้วเนอะ เดี๋ยวพลาดๆ



ระหว่างที่เดินลงก็เห็นว่าที่นี่มีรถรางรับส่งตามจุดด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะขายเป็นตั๋วเหมา ราคา 500 เยนต่อวันมั้งครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ


รถรางนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจเดินหรือเดินไกลๆ ไม่ไหวครับ แล้วก็นอกจากรถรางนี้แล้วทางสวนยังมีบริการให้เช่าจักรยานด้วยนะครับ สามารถเช่าได้ทั้งเป็นรายชั่วโมงหรือรายวันครับ



เดินลงมาเรื่อยๆ ก็เห็นภาพสวยๆ หลายมุมดีครับ เอาจริงๆ สำหรับคนชอบดอกไม้นี่สามารถอยู่ได้เป็นวันเลยครับ



เมื่อเดินมาถึงข้างล่างสุด ก็เจอเวิ้งขายของที่ใหญ่มากเวิ้งนึงครับ มีขายหลายอย่างเลยครับ และมีเมล็ดพันธ์ดอกไม้ขายด้วยครับ



ตัวผมเองโดนไอ้นี่ไปครับ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องไปกินให้ได้ เพราะเห็นจากรีวิวคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ สีสันมันสวยดีครับ


ในโซนนี้จะมีร้านขายไอศรีมอยู่หลายร้านครับ แต่จะมีร้านนึงที่มีไอศรีมสีฟ้าๆ แบบนี้ครับ โดยจากการแกะภาษาญี่ปุ่นและลองชิมดู ผมเดาว่ามันคือรสมะนาวโซดาครับ ทีเด็ดของโคนนี้ก็คือ "มัน เปรี้ยว มาก" โดยเฉพาะเม็ดๆ ที่อยู่ในเนื้อไอศครีม กัดไปโดนทีไรนี่ผมตื่นเลย ตาสว่างแบบทันที บอกเลยโคนนี้อยากให้ลอง ส่วนราคาก็ 350 เยน/โคนครับ


ส่วนขนมนี่ก็น่ารักครับ เป็นขนมรูปหมีข้างในมีไส้ครับ รู้สึกจะมี 2 ไส้ครับ เวลาที่เราซื้อเค้าจะใส่ถุงกระดาษมาให้นะครับ ไม่ได้ใส่ตะกร้ามาแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเค้ามีขายแบบทั้งตะกร้าแบบนี้ด้วยหรือเปล่าครับ พอดีดูผ่านๆ ครับ


รสชาติโดยรวมๆ ผมว่ายังไม่ค่อยอร่อยครับ ได้ความน่ารักเฉยๆ แต่ด้วยความน่ารักของมันนี่แหละทำให้มีน้องผมในกลุ่มคนนึงต้องเสียเงินซื้อและทำให้ผมได้ชิมฟรี 555555


เอาล่ะครับ หลังจากที่เราทานอาหารรองท้องกันเสร็จแล้ว เราก็เดินต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของเรากับทุ่งทิวลิปครับ


จริงๆ ถ้าเดินตามทางที่มันควรจะเป็น ผมว่ามันน่าจะใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีครับ แต่นี่ผมดันพาทุกคนเดินอ้อม เลยซัดไป 20 นาทีได้มั้งครับ ประเด็นสำคัญคือเดินอ้อมน่ะไม่ว่า ถ้ามีอะไรให้ดู นี่ผมเดินอ้อมตั้งไกลแต่ไม่มีอะไรดูด้วย 555555555


ทุกดอกทิวลิปของที่นี่สวยมากๆ ครับ มีดอกหลายสีสันสุดๆ หลายๆ สีไม่คิดมาก่อนว่าจะมีด้วยครับ น้ำเงิน เหลือง ส้ม แดง บานเย็น ชมพู ขาว มีหมดครับ เยอะมากๆ โดยส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจในโซนนี้มากๆ เลยครับ



ลองดูภาพกันไปเรื่อยๆ นะครับ คัดมาให้เห็นหลายๆ สีครับ แต่บางสีผมถ่ายมาแล้วไม่ค่อยสวยก็เลยไม่ได้เอามาให้ดูนะครับ ^^



บริเวณใกล้ๆ กับดอกทิวลิปนี้ จะมีที่ให้เด็กๆ เล่นด้วยครับ ลักษณะจะเป็นลูกบอลครึ่งวงกลมขนาดใหญ่หลายๆ ลูก และมันสามารถเด้งได้ด้วย เด็กๆ ก็เลยไปกระโดดเล่นกันสนุกสนานมากเลยครับ ดึ๋งๆๆๆๆๆๆ



เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็ถึงภาพสุดท้ายและบทสรุปแล้วครับ ผมก็ขอสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ดังนี้แล้วกันนะครับ


Hitashi seaside park เป็นสวนดอกไม้และที่เที่ยวแห่งนึงที่น่าไปสัมผัสมาก โดยเฉพาะคนที่เบื่อการเที่ยวในเมืองแต่ไม่อยากนั่งรถไฟไปไกลๆ เพราะสวนแห่งนี้ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวแค่ประมาณ 90 นาทีเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่ซื้อ Tokyo wide pass ไว้ น่าจะมามากเพราะสามารถนั่งรถไฟด่วนๆ มาได้แบบไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเลยครับ


สวนแห่งนี้สามารถเที่ยวได้เกือบทั้งปีและมีความสวยงามในแต่ละช่วงแตกต่างกันไป ใครจะไปช่วงไหนก็เข้าไปเช็คข้อมูลก่อนว่าช่วงนี้มีดอกไม้อะไรบาน รู้สึกว่าใน website ของ Hitachi seaside park จะมีการอัพเดทแจ้งเป็นระยะๆ ครับ


สำหรับช่วง เม.ย.-พ.ค. จุดที่ไม่น่าพลาด ผมก็ว่าเป็นโซนดอก Nemophila และดอกทิวลิปนี่แหละครับ สวยงามประทับใจมาก ส่วนเวลาที่ใช้เดินในสวนก็แล้วแต่คนเลยครับว่าจะเดินครบทุกโซนมั้ยหรือชอบดอกไม้แค่ไหน แต่คร่าวๆ ผมว่าเตรียมไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมงน่าจะโอเคครับ


ปล. ย้ำนะครับ ใครที่รักหมา ชอบหมา ไม่ควรพลาดครับ เพราะจะมีอะไรที่ Cute ที่คาวาอิ๊ ให้คุณดูเยอะมาก แต่ก่อนที่จะถ่ายรูปหมาเค้าหรือจับตัวน้องหมา รบกวนช่วยบอกเจ้าของเค้าก่อนด้วยนะครับ ^^


สำหรับคนที่ชอบการรีวิวของผม หรืออยากจะพูดคุยแนะนำอะไรเพิ่มเติม สามารถแวะเวียนไปที่เพจของผมได้เลยตามลิงก์นี้นะครับ https://www.facebook.com/amazingcouples/


แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ



ภรรยาหา สามีใช้

 วันพฤหัสที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.20 น.

ความคิดเห็น